ปัญญาของพระโสดาบันต่างจากปุถุชนยังไง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย จิตสิงห์, 12 พฤษภาคม 2011.

  1. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ก็ไอ้แหล่งพิสูจน์ นั่นมันอยู่ ที่คุณไง

    หากแหล่งพิสูจน์ ไม่พุด ไม่เผย แล้ว ใครจะไปตรัสรู้ได้หละว่า ความจริง
    หรือ สิ่งที่อยู่ในใจของคุณอันเป็นแหล่งพิสูจน์ มันมีอะไร ลับลมคมในอย่างไร
     
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อ้าว คุณ จิตสิงห์ กลายเป็ย จิตแมว ไปแล้วเหรอ

    ถึงได้ ว่างเว้นการ ถามตอบ กับผม

    ถ้าจะเป็น จิตแมว ก็ว่ากันไปเนาะ ไม่ว่ากัน
     
  3. Red Leaf

    Red Leaf เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,397
    ค่าพลัง:
    +4,547
    พระโสดาบันท่านเข้าใจและยอมรับได้ว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา และไม่ใช่ของดี เพราะมีแต่นำทุกข์มาให้ ขณะที่ปุถุชนยังรับไม่ได้ เมื่อเข้าใจว่าร่างกายไม่ใช่ของเราและไม่ใช่ของดีดั่งนี้ ความที่จะเข้าไปยึดเกาะใส่ใจมากมายกับร่างกายอย่างปุถุชนกระทำ จึงไม่มี ที่ต้องดูแลร่างกายบ้าง ก็เพื่อให้ที่อาศัยนี้ สามารถยังคงใช้งานได้ตามปกติเมื่อยังดำรงชีวิต หรือหากต้องตกแต่งบ้าง นั่นก็เพราะความจำเป็นที่ยังต้องอยู่ในสังคมเป็นหลัก

    ด้านความคิดเห็น ท่านละวางความคิดที่ว่า ตนเองถูกต้องเสมอลงได้ เพราะมิได้ยึดตนเองเป็นที่ตั้งอีกต่อไปแล้ว

    นอกจากนี้ ท่านยังมีความเห็นว่า ร่างกายนี้จะต้องตายลงอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นท่านจึงรับได้ ขณะที่ปุถุชน ยังคงดำรงชีวิตอย่างมิได้นึกถึงความดับสูญของร่างกาย ยังมีความอยากได้ อยากมี อยากเป็น เพื่อสนองร่างกายนี้อยู่เสมอ

    และเมื่อท่านเข้าถึงจุดที่เห็นความไม่เที่ยงของร่างกาย ก็คือการเข้าถึงธรรมแล้ว รู้แล้ว จึงหมดความสงสัยในความจริง-ไม่จริงของพระธรรม และหมดความสงสัยในพระพุทธเจ้า ผู้ประทานธรรม ตลอดจนพระสงฆ์ ผู้ประพฤติธรรมนั้น

    จิตของพระโสดาบันเมื่อเข้าถึงธรรม ก็เริ่มเข้าถึงความสงบเย็นเป็นผลตามมา โดยเฉพาะสงบจากอารมณ์ด้านมืดทั้งหลาย เมื่อสงบจากอารมณ์ ความคิดที่จะไปทำชั่วร้ายก็ไม่มี ก็เท่ากับมีศีลในตัวเองไปโดยปริยาย เปรียบ "ใจ" ได้กับแม่ทัพ กายและวาจาเป็นลูกทัพ เมื่อแม่ทัพสั่ง "หยุด" ลูกทัพก็ย่อมหยุด กายและวาจาจึงอยู่ในความสงบเรียบร้อย ไม่คิดกระทำความชั่ว ไม่คิดผิดศีลไปโดยธรรมชาติ เว้นไว้แต่เป็นไปโดยมิได้เจตนา
     
  4. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    นี่ๆ อย่ามาทำตัวเป็นเครื่องพิสูจน์ คนโน้นคนนี้ เครื่องพิสูจน์คุณมันมาตรฐานแค่ไหน

    แล้วไอ้ลับลมคมใน ที่กล่าวมา คงจะคิดเอาว่า ว่าผมนี้บรรลุ จึงวางมาดแบบผู้มีธรรมอย่างนั้นหรือ

    ขอบอกว่าผมเองต้องฝึกอีกเยอะ

    หรือว่าไอ้ที่ว่าลับลมคมใน อมพนำ อะไรนั้น แคลงใจอะไร ถามมาจะตอบให้หายคาใจ

    มาเก็บเท้าอีกข้าง
     
  5. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    จิตมีหน้าที่รู้อย่างเดียวครับ รู้ทาง ตา หู ลิ้น จมูก กาย ใจ
    ในส่วนใจ ย่อยไปอีก รู้อดีต รู้ปัจจุบัน รู้อนาคต
    เอาในที่นี้ ยังไม่ต้องย่อยไปถึงวิถีจิตก็ได้ครับ
    เข้าใจแบบบ้านๆ จิตมีสภาพรู้
    ขณะมีเหตุเกิดร่วม จะเป็นสัญญา สังขาร เวทนา เรารู้ได้ เข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดถูกไหมครับ

    เรื่องอุปทาน ถ้าคุณเข้าใจเรื่องจิต เจตสิก รูป
    เมื่อสติระลึกได้ ถามว่าสิ่งที่ถูกรู็ และสิ่งที่รู้นั้น
    ใช่เรารู้ เราโกรธรึเปล่า ถ้าใช่มันก็ลากยาวไปเป็นอุปทาน
    ถ้ารู้ถูกจุด มันหยุดตรง ไม่ใช่ตัวตน แค่เกิดขึ้นแล้วดับไป
     
  6. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ไปทานข้าวมา

    ถามอะไรครับ
     
  7. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    และธาตุคิดใน จิต มโน วิญญาณ ไม่ใช่จิตหรือครับ มันก็มีวิญญาณ
    ธาตุรู้อยู่แล้ว แต่นั่นไม่สำคัญ ผมอยากถามว่าคุณคิดว่าเวลาที่คุณรู้สึก
    ว่าพยายามมีสติมันเกิดอุปาทานขึ้นหรือเปล่าแค่อยากรู้ว่าคุณคิดอย่างไร
     
  8. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    อนุโมทนาครับ

    จิตพระโสดา ท่านมองไม่เห็นอย่างเราๆเห็นครับ
    ไม่ได้เห็นเป็นนี่สวย นี่แมว นี่คนตน หรืออะไรๆที่สมมุตติกันขึ้นมา
    ท่านมองเป็นธาตุ เป็นขันธ์ เป็นจิต ครับ
    ซึ่งเป็นความจริงแท้
    เพราะคน สัตวื มีขันธ์ มีอยาตนะ มีวิบาก มีกรรมเหมือนกัน
    ต่างกันตรงรูปเท่านั้น
     
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เฮ้อ โยนไปนู้น เรื่องตรงๆ ก็รู้อยู่ว่า ประเด็นอะไร เมื่อวานก็เห็นถลำพูด
    ออกมาเต็มๆ พอจี้เข้าไปทำเป็น ไม่รู้เรื่องขึ้นมาซะงั้น เอาเถอะ พี่หม้อ
    ก็เล่นลีลาเดิม คือ ไม่รับซะอย่างว่ากูทำ มันก็เป็นอันจมแหละ แต่อมเอา
    ไว้กะจะดีใจวันหลัง ระวังนะ มันไม่ใช่ของดี กรรมดีอะไรหลอก

    พระพุทธองค์เคยยินดี กับ การจับปลาได้ของหมู่ญาติ ยังต้องเสวยกรรม
    เลย พี่หม้อของผมจะเก็บไว้ยินดีวันนี้ หรือยินดีวันหลัง มันก็กรรมพอๆกัน
    นั่นแหละ เลยพยายามพูดให้ คายทิ้งออกไปซะ มันจะได้ไม่เป็น ขุยไผ่

    * * * * *

    เรื่องผมมีปัญญาพิสูจน์แค่ไหน อ้าว แล้วคุณสารภาพออกมาว่า ยังไปไม่
    ถึงไหน แล้วคุณจะมีฐานะอะไรไปสนใจว่า ใครมีปัญญาพิสูจน์หรือไม่มี

    ตัวเองไม่มี ก็รู้ไปสิ แล้วไม่ต้องมาทะลึ่งมาพิสูจน์ผมด้วย

    ช่วยเอารองเท้าอีกข้างยัดปากตัวเองไปนั่นแหละ ไม่ต้องรอเก็บว่าว เนาะ
     
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    แป่ว..................................

    ท่านจิตมิงห์ จะเล่นมุขนี้จริงหรือ [​IMG]
     
  11. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ใช่ครับ เป็นคำที่ใช้ต่างกรรรม ต่างวาระ เป็นไวพจน์กัน
    อย่างขันธ์เราเรียก วิญญาณ
    ในปรมัตถ์ ท่านเรียกจิต ซึ่งแยกออกมาจาก เจตสิก
    ธาตุรู้ นั้น โลตวิญญาณทางอภิธรรมท่านก็ว่าเป็นธาตุเหมือนกัน

    เรื่องสติเป็นพักๆนะครับ ไม่ได้เกิดตลอดเวลา
    ขณะมีสติ อุปทานไม่เกิดนี่ครับ
    มันรู้แค่ กำลังรู้แล้วดับไป
     
  12. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ขยายอีกหน่อย หมายถึง ตามรู้ภายใน แล้วแต่ว่าอารมณ์ใดเข้ามากระทบ
    แต่ถ้ารู้สึกตัว รู้กาย รู้อ่อนแข็งทำได้ตลอดเวลา
     
  13. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    555...ทำเป็นมาเบี่ยงประเด็น เพื่อเลี่ยงเข้าประเด็นเลยนะทีนี้

    ก็ถ้าหากว่าของสิ่งนั้นเราเชื่อว่าเป็นของที่มีคุณค่า มีประโยชน์สำหรับเรา
    เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แล้วสิ่งนั้นจะให้โทษกับเราหรือ

    หากแต่รองเท้านั้นอาจจะดูขาดหวิ่น แต่ก็ขอมอบฝากไว้ให้เป็นที่ระลึก ซึ่งอาจจะมีคุณค่าสำหรับท่านก็ได้ จึงหวงนักหวงหนา
     
  14. อกนิษฐกา

    อกนิษฐกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +117

    เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ แลกเปลี่ยนกันแบบเพื่อนกัลญาณมิตรครับผม



    อนุโมทนาสาธุ กับความเห็นนี้ครับ ความคิดเห็นส่วนตัวรู้สึกแจ่มแจ้งมากๆ ถึง

    พร้อมด้วยปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ แต่ เนื่องจากว่า จขกท. ท่านมีมรรคมีผลชุด

    หนึ่งอยู่ในใจท่านแล้วหละครับ ท่านมีธงที่ท่านปักไว้แล้วอยู่แล้ว การตั้งคำถาม

    ของท่านก็เพื่อที่จะนำธงนั้นมาโชว์ให้ผู้อื่นได้รู้ ก็เท่านั้น
     
  15. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    คุณ หม้อ คุณ ยังไม่รู้ตัวอีกหรือครับ ว่า เข้ามาแล้ว ไม่ได้กี่ยวอะไรกับ กระทู้

    คุณจะมา แยงๆ แหย่ๆ ให้คนเขา ระแคะ ระคาย ยุแยง ตะแคงเท้า อยู่อย่างนี้
    ไปเรื่อยๆ หรือครับ

    คุณเป็น ครูบาอาจารย์ที่ไหนหรือครับ ท่าน
     
  16. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ต้องไปแล้วนะครับเรื่องที่อย่ากพูดไม่มีโอกาสได้พูดซักที่แค่จะบอกว่าเมื่อมี
    ความรู้สึกว่าพยายามนี้อุปาทานเกิดแล้ว คือเกิดตัวเราที่พยายามทำอะไรซัก
    อย่างเวลาภาวนาหากสังเกตว่าเราพยายามทำอะไรให้ถอนออก และเวลานี่มัน
    เกิดจากตัณหา ถ้าไม่ถึงขั้นตัณหามันจะไม่มีความรู้สึกว่ามีเวลาอยู่เลย เพราะเรา
    อยากได้อะไรมันจะรู้สึกช้า เมื่อได้มาแล้วอยากครอบครองไว้ก็รู้สึกว่าเวลาเดิน
    เร็ว ถ้ามีความคิดถึงเร่องเวลาแสดงว่าตัณหาเกิดขึ้นแล้วคอยสังเกตให้ดี ฝากไว้
    พิจารณา
     
  17. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    มามุขนี้อีกแล้ว นิสัย
     
  18. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ถ้าคิดอย่างนั้น ท่านก็ไม่ได้ประโยชน์อันใดในอรรถนี้เลย

    การที่สนทนาธรรมเผื่อแผ่แลกเปลี่ยนธรรม จุดประสงค์เพื่อปรับภูมิธรรมกัน
    มีแต่จะเกิดประโยชน์แก่ผู้พูดและผู้ฟัง ไม่มีมารยาต่อกัน

    สมัยพุทธกาล ท่านก็อาศัยสนทนาแสดงธรรม ถามธรรมกันเป็นธรรมดา
    ไม่มีท่านใครคิดว่านี่อวดรู้สักจิตเดียว

    สุตะ การฟังมาก ตรึกมาก เป็นการศึกษาธรรมตามกำลัง ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2011
  19. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    พี่ จิตสิงห์ หน่วยก้านไม่เบา มีอภิธรรมด้วย ไม่ใช่ บันลือสีหนาถเปล่าๆแล้ว

    หาก พกอภิธรรมมาด้วย ก็ต้องเพิ่มเป็น ธรรมกถึก

    เอ่อ....ถ้างั้นผมถามสักหน่อยละกัน

    เขาว่ากันว่า

    มีท่านหนึ่งบอกว่า "จิตเป็นตัวทุกข์"

    อีกท่านหนึ่งบอกว่า "ผิด จิตเป็นตัวทุกข์ไม่ได้ จิตเป็นตัวสมุทัยต่างหาก"

    อีกท่านหนึ่งบอกว่า "จิตไม่เกิดไม่ดับ"

    ท่านที่บอกว่า "จิตไม่เกิดไม่ดับ ไม่มีเกิดไม่มีตาย" เป็นอาจารย์ของคนที่
    บอกว่า "จิตเป็นตัวสมุทัย"

    ดังนั้น "จิตย่อมเป็นตัวสมุทัยไปตลอดอนันตกาล" จริงหรือ ?

    หากไม่จริง ส่วนไหนไม่จริง ? ส่วนที่กล่าวว่า "จิตเป็นตัวสมุทัย"
    หรือ "จิตไม่มีเกิดไม่มีตาย"

    แล้ว ผมเห็นว่า พี่สิงห์กล่าวว่า จิตมีเกิดมีดับ จากประโยค "ความอยากไม่ใช่เรา
    เป็นจิตที่ปรากฏขึ้นดับไป"

    การที่พี่สิงห์กล่าวว่า จิตมีเกิดมีดับ ก็เท่ากับ พูดในสิ่งที่ผิดตามท้องเรื่องคือ "จิตเป็นตัวทุกข์" หรือครับ ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2011
  20. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ยินดีครับ

    ความพยายามในที่นี้หมายถึง เจตนา รึเปล่าครับ
    สติเกิดรู้ เจตนาประกอบด้วยกุศล
    หรือไม่รู้ แล้วรู้ว่ากำลังไม่รู้ ขณะนั้นก็เป็นกุศล ครับ
    เรื่องชาติ กุศล อุศล วิบาก กริยา ก็ต้องค่อยๆรู้ไปว่าจิตขณะนั้นเป็นอะไร

    ส่วนเรื่องภาวนา เคยบอกไปแล้วว่า
    ส่วนมากทำด้วย โมหะ โลภะ อยากได้ธรรม อยากได้ปัญญา อยากสงบ
    ยินดีในสงบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...