ภัยพิบัติร้ายแรงจะเกิดขึ้นจริงหรือ ?

ผมได้อ่านทุก ๆ กระทู้ที่บอกว่าจะมีภัยพิบัติที่ร้ายแรง ให้มีการเตรียมการอย่างมากมาย รวมถึงการอพยพไปในที่ต่าง ๆ ซึ่งถ้าเป็นเรื่องจริงก็จะเป็นผลดี ที่ได้ช่วยบอกให้ผู้คนเตรียมการไว้ล่วงหน้า แต่ถ้าไม่เป็นเรื่องจริงขึ้นมา คนที่ตั้งกระทู้ขึ้นจะรับผิดชอบกับการที่คุณได้ทำให้ผู้อื่นวิตกอย่างไรบ้าง ขอคำอธิบายหน่อยครับ ?

 

ตามความคิดของเรานะ เราคิดว่า เค้าไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย
คนที่ตั้งกระทู้แจ้งข่าวเตือนภัยต่างๆ เขาไม่ได้บังคับให้ใคร ต้องมาเชื่อเค้านะคะ เท่าที่อ่านมาส่วนมากเค้าจะให้ใช้ปัญญาในการพิจารณา ส่วนเราจะเชื่อ หรือไม่เชื่อนั้น ขึ้นอยู่กับเราคะ เพราะฉะนั้น คนที่ต้องรับผิดชอบคือ ตัวเราเองคะ
ถ้าเราเชื่อ...เราก็เตรียมตัว เตรียมใจไว้บ้างก็ดีคะ
ถ้า้เราไม่เชื่อ...เราก็ใช้ชีวิตตามปกติไปคะ
ไม่มีอะไรเลย....เนอะ

 

ก็อย่างที่ผมเคยบอกไว้ว่า ผมไม่ได้มาเพื่อป่วนใคร แต่หากคนที่ได้รับรู้รับฟังเกิดมีความเชื่อขึ้นมาแบบฝังใจจริง ๆ แล้วคิดไปว่า อีกไม่นานจะเกิดภัยร้ายแรงแบบนี้ แล้วจะต้องทำงานทำไม สู้อพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัยเพื่อเอาชีวิตรอดไม่ดีกว่าหรือ คุณคิดดูสภาพเศรษกิจของประเทศจะเป็นอย่างไร เอาแค่ตัวอย่างง่าย ๆ ก่อนนะ..

 

ผมเห็นด้วยกับแนวคิดของคุณ ณ...12 ( ขออภัยที่ใช้คำย่อ ) ว่าสิทธิในการเชื่อหรือไม่เชื่ออยู่ที่ผู้ที่ได้รับข้อมูลนะครับโดยมากที่เคยดูมาเกือบทุกกระทู้ผู้เขียนกระทู้จะเน้นมากว่าให้พินิจพิจารณาด้วยปัญญาอย่าตื่นตระหนกจนเกินไปพึงใช้หลักกาลามสูตรขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลักในการรับข้อมูล ดังนั้นในความคิดของผมๆเห็นว่าผู้ที่ตั้งกระทู้นี้ไม่จำเป็นจะต้องรับผิดชอบนะครับมองอีกแง่นึงเราน่าจะขอบคุณบุคคลเหล่านี้ด้วยซ้ำไปที่เขาอุตส่าห์ยอมเอาตัวเข้าแลกกับคำต่อว่าต่างๆเสียด้วยซ้ำไปทั้งๆที่เขาเหล่านั้นอาจจะเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้กับตัวหรือบอกกับผู้ใกล้ชิดกับเขาเท่านั้นก้ได้ จริงไหมครับ นี่คือมุมมองและความเห็นของผมคนเดียวนะครับถ้าไม่ถูกใจใครผมก็ขอโทษล่วงหน้านะครับ

 

กลับกันผมถามคุณว่า เขาได้อะไรจากคุณบ้าง ....ที่เขาเตือนคุณ... !!!

เชื่อไม่เชื่อเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล .. ผมเอง ตามข้อมูลอยู่เรื่อยๆ พยากรณ์น่พะ ผมเฉยๆ ดูข้อมูลที่อ้างอิงได้ดีกว่า ผมเองก็ยังไม่เชื่อ เกิน 30% รอดูข้อมุลบางอย่างเช่นแผ่นดิน ทรุดตัวอย่างรวดเร็ว หรือ การเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่... แต่เท่านที่เห็นอยู่ กำมีเข้าเค้าอยู่บ้างแล้วล่ะ
จริงๆแล้วโลกน่ะไม่แตก..หรอก แต่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลง ที่สุดขั่ว อย่างที่มิเคยเห็น มาก่อนใน 1 ชั่วชีวิตก็เท่านั้นเอง อีกอย่างคุณอย่างลืมว่า เราเพิ่งมีการบันทึกการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศแบบวิทยาศาสตร์ นี่ไม่น่าจะเกิน หลัก 1000 ปี มั๊ง นอกนั้น อาศัยการศึกษาจากประวัติศาสตร์ฺ และการสำรวจทางธรณีวิทยา เพราะฉะนั้น ถ้า scale การเกิดของโลก นับ ล้านล้านปี เราก็เพียงแค่เห็นเศษเสียวหนึ่งของประวัติศาสตร์โลกเท่านั้นเอง

 

อันนี้ต้องมาทำความเข้าใจเรื่องการเตือนภัยก่อนนะครับ

1. เตือนโดยหน่วยงานของรัฐ....เราอาจพบว่าหน่วยงานของรัฐทำงานช้า หรือปกปิดไม่กล้าเตือนภัยที่รุนแรง (ข้อมูลต้องแม่นยำ) เพราะไม่เช่นนั้นผู้คนอาจตื่นตระหนก และเกิดการล้มเหลวของสังคม

เราจึงไม่ค่อยเห็นรัฐออกมาเตือนอะไรที่รุนแรง แต่ในทางตรงกันข้ามเมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ รัฐกลับล้มเหลวในการเตือนภัย รวมถึงการกู้ภัย

ยกตัวอย่าง

1.1 คราวซึนามิ ดร.สมิทธ เป็นอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ท่านเตือนล่วงหน้า แต่ไม่มีใครเชื่อ แถมนักธุรกิจท่องเที่ยวห้ามท่านเข้าจังหวัด เมื่อเกิดซึนามิจริง คนตายหลายหมื่น นักธุรกิจท่องเที่ยว....ก็ไม่ได้รับผิดชอบอะไร (เพราะตัวเองก็เสียหาย)

ดร.สมิทธ ท่านก็ไม่ได้ดีใจอะไร ที่ท่านเตือนได้ถูก....แต่กลับเสียใจที่รักษาชีวิตคนไว้ไม่ได้

เมื่อคราวสัมมนาที่ ม.ศรีปทุม ก็ถามท่านว่า....ทุ่นเตือนภัยอันดามัน ยังทำงานได้ดีหรือไม่... ท่านก็ตอบตรงไปตรงมาว่า หากมีการบำรุงรักษาทุ่นเตือนภัย (และมีการ TEST) ก้ไม่มีปัญหา....แต่สถานะตอนนี้ท่านไม่ทราบเหมือนกัน....ก็เดาเอาว่า...คงไม่มีงบไปบำรุงรักษา....ดังนั้น....จึงสรุปเอาเองในใจว่า....สังสัยไม่ทำงานแน่ๆ

1.2 น้ำท่วมหาดใหญ่.... หาดใหญ่เป็นแอ่งกระทะ ทุกคนทราบดี หากน้ำวิ่งเข้ามาเต็มที่ย่อมท่วมแน่นอน

คราวที่ผ่านมา....กรมอุตุกล้าเตือนภัย (เพราะสถาพของอากาศมันฟ้อง) แต่มีนักการเมืองออกมาแก้ข่าวในตอนเย็นว่า ไม่มีอะไร เราเตรียมพร้อมไว้แล้ว

ชาวบ้านสับสน...แต่ผลที่ออกมาคือ....น้ำมาเร็วแบบ....ไม่เคยมีมาก่อน....เสียหายทั้งเมือง และก็ไม่มีใครรับผิดชอบ....แจกบ้านละ 5000 และก็จบ

2. เมื่อผู้คนที่รู้สึกว่า....เราพึ่งรัฐได้ไม่มาก ก็หาข้อมูลภัยพิบัติต่างๆด้วยตนเอง รวมกลุ่มกันเพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารด้านภัยพิบัติต่างๆ....เช่น

2.1 ภัยพิบัติประเภทต่างๆ จะได้รู้ว่าอันไหนทำความเสียหายได้มากน้อยกว่ากัน อันไหนต้องระวังเป็นอันดับแรก อันดับสอง

เช่น เราลองประเมินว่า....น้ำจะท่วม กทม. เราต้องประเมินว่า น้ำมาจากไหน

2.1.1 น้ำเหนือ + น้ำทะเลหนุน.... ไม่มีปัญหาเพราะเคยเกิดมาแล้ว อย่างเก่งก็ท่วมถนน...มีสัญญาณคือ ฝนตกหนักและท่วมจังหวัดเหนือกรุงเทพก่อนน้ำจะลงมา

2.2.2 น้ำท่วมฉับพลัน....กทม. ไม่มีภูเขา จึงไม่ต้องกลัวน้ำป่า เหมือนโคราช เหมือนหาดใหญ่ แต่น้ำท่วมฉับพลันใน กทม. จะมาจาก

- เขื่อนเมืองกาญจ์แตก (เมืองกาญจ์โดนก่อน และถูกทำลายใน ชม.แรก) อันนี้ กทม. รู้ล่วงหน้า แต่คนมืองกาญจ์ไม่มีสิทธิ์รู้ (คนเมืองกาญจ์พยายามให้รัฐสร้างระบบเตือนภัย...แต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรคืบหน้า)

- สตอร์มเซิร์จ....อันนี้ตัองมีพายุใหญ่ๆ ระดับใต้ฝุ่น ทำให้น้ำทะเลในอ่าวไทยยกตัวเข้่าท่วมกรุงเทพ....อันก็รู้ล่วงหน้าได้ไม่ยาก

2.2 การสังเกตุเหตุการณ์รอบๆตัวก่อนเกิดภัยพิบัติด้านต่างๆ สัญญานที่จะเกิดภัยต่างๆ สัญญาณจากข่าวสารอินเตอร์เน็ต , จากสัตว์ , จากดวงอาทิตย์-ดวงจันทร์

อันนี้ช่วยให้ประเมินระดับการเตือนภัยได้ว่า....ณ เวลานั้นไม่ควรวางใจ

2.3 การพยากรณ์.... โดยโหร , นักจิตศาสตร์ , ครูบาอาจารย์....อันนี้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา....เพื่อดูว่า....เริ่มมีอะไรส่งสัญญาณมา....หรือไม่

2.3.1 ในพุทธพยากรณ์....ท่านให้ระวังเรื่องของสงคราม (กล่าวถึงสงครามหลังกึ่งพุทธกาล) ซึ่งตอนแรกเข้าใจว่า....เป็นสงครามโลกครั้งที่สอง....แต่ท่านว่า....เป็นสงครามใหญ่ (ตายฝ่ายละครึ่ง)

เราก็มาดูว่าเหตุการณ์ของโลกเป็นอย่างไร

- อเมริกาบุกอิรัค....จะเกิดไหม ? (ไม่เกิด....แต่สร้างศัตรูไว้)

- อเมริกาบุกอัฟกานิสถาน....จะเกิดไหม ?

- เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ...ปุดอง....ข้ามเกาะญี่ปุ่น....จะเกิดไหม ?

- สุดท้าย....อเมริกาและ NATO ยกพวกตี....ลิเบีย....แถมอิสราเอลส่ง mini-NUKE เข้าโจมตีด้วย.....เป็นต้น

อันนี้เราก็ต้อง.....ติดตามสถานการณ์

3. เมื่อทราบว่า....ภัยต่างๆมีอะไรบ้าง ก็ต้องเตรียมตัวรับมือ

เราซื้อรถมา 1 คัน เราก็อยากได้รถที่มี...เข็มขัดนิรภัย.... มี ABS การมีอุปกรณ์นิรภัย....ไม่ใช่คนขับรถอยากให้เกิดภัย....แต่เป็นการป้องกันภัยล่วงหน้า

เรานั่งเรือ....เรารู้ว่าต้องมีชูชีพ....เราไม่ได้อยากให้เรือจม...จะได้ใช้ชูชีพ...แต่เรารู้ว่า...หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะไม่จม

เมื่อผู้ใช้บริการทราบว่า....อะไรที่ควรต้องมีเพื่อความปลอดภัย....เขาก็จะถามหา....ผู้ให้บริการเรือ....ผู้ผลิตรถ....ก็จะเตรียมไว้ให้


ในทำนองเดียวกัน.....เวปนี้ให้ข้อมูล....ทุกข้อที่กล่าวมา

- คนที่เคยถูกน้ำท่วมที่หาดใหญ่ ที่โคราช....จะรู้ว่าต้องติดตามสภาพอากาศ

- คนที่ชายฝั่งอันดามัน....ต้องคอยดูข้อมูลของ USGS และการเคลื่อนไหวของสัตว์ต่างๆ...ทุ่นเตือนภัยอาจไม่น่าวางใจ

- คนที่อีสาน....ที่ไม่เคยคิดว่าจะโดนแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่ลาว....ก็เริ่มตามข้อมูล

ผมมองว่า....ผู้ที่เชื่อโดยไม่มีเหตุผลใดๆ....ไม่มีที่มาที่ไป....ลนลาน....ตระหนก....นั้น

ในกระทู้บอกปี 2000 จะเกิดแล้วทำไมไม่เกิด....บอกปี 2012 แล้วทำไมไม่เกิด....โดยไม่ดูเนื้อแท้....ไม่ดูที่มาที่ไป....ไม่ดูเหตุดูผล....เหล่านี้....น่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง.....ครับ

ยังไม่ต้องพูดเลยต่อไปว่า....ไม่เกิดแล้วจะรับผิดชอบอย่างไร ?

เกิด....แล้วจะรับผิดชอบอย่างไร ?



.

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=1rwP3Ud7k_E]YouTube - Takatan Cholada 2:1:10:10 โปรดช่วยกันดูแลคนดี Proad Chuay Gun Doo Lae Kon Dee HQ[/ame]​

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งๆครับ สาธุ

 

เพลงนี้โดนใจไปเลยครับ

 

ปรบมือให้คุณ ZZ นับถือๆ ชักเจนทุกแง่และมุม สรุปที่สำคัญที่สุด .... เราต่างก็รู้ได้ด้วยตัวเองว่า เราควรเตรียมตัวขนาดไหน....

 

คุณหลับตลอด (ZZ) คุณชี้แจงได้ (y) มาก
(แอบแซวชื่อเล่นๆ อย่าว่ากันนะ)

 

คิดเหมือนกัน ว่ามันจะเกิดจริงหรือไม่?์์์

 

ชี้ทุกประเด็นมากค่ะคุณZZ การเชื่อ ยังไงก็ต้องพิจารณา คำตอบทั้งหลายมีให้คุณหาแล้ว..จะหาหรือไม่อยู่ที่คุณ ..พระพุทธเจ้า สอนว่าอย่าประมาท เตรียมการให้พร้อม ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ภัยก็เกิดขึ้นได้เสมอ ทั้งขณะที่ภัยพิบัติมาและยังไม่มา...
**กระทู้ต่างๆ ไม่เคยเห็นว่าบอกให้เราเชื่อ แต่ให้เราพิจารณา มันต่างกัน....

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

คนเราส่วนใหญ่มักจะโทษผู้อื่นเสมอไม่เคยโทษตัวเองเลย
และยังคิดเอาแต่ได้จะให้คนโน้นคนนี้มาเอาอกเอาใจตัวเอง

 

กันไว้ดีกว่าแก้นะ เพราะของกินเราก็เอามากินได้จริงๆ

 

ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา.......โก้วเล้งท่านว่าไว้...อิอิอิอิ

 

ภัยสงครามน่ากลัวกว่าภัยพิบัติธรรมชาติ

 

ก็อย่างที่บอกครับ เจตนาของผม ไม่ต้องการมาเพื่อป่วนนะครับ แต่..คนที่มีวุฒิภาวะส่วนมากเขาแย้งมา ผมแค่ต้องการคำอธิบายเท่านั้นครับ อย่าลืมนะครับว่าในสังคมมีคนที่มีความคิดแตกแยกกันไปมากมาย คนที่ได้รับข้อมูลข่าวสาร เขาก็ต้องการข้อมูลข่าวสารที่เชื่อถือได้ครับ และข้อมูลข่าวสารนั้นย่อมต้องอ้างอิงกับความเป็นไปได้ด้วยครับ
และต้องขออภัยด้วยครับถ้าข้อความของผมทำให้หลายคนไม่พอใจ แต่เจตนาที่แท้จริงของผม ก็แค่ต้องการความจริงเท่านั้นครับ ผมไม่ได้ต้องการทำให้ใครไม่พอใจนะครับ
ถ้าข้อความของผมไม่เป้นที่พอใจใครก้ขออภัยด้วยครับ..

 

หากทำให้ท่านไม่พอใจ....ก็ต้องขออภัยท่านเช่นกัน....ครับ


.