เชิญบูชา "เหรียญพระศรีอารย์-ลป.ทวด" เพื่อร่วมสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ ลป.ญาท่านสวน

ยังมีหน้ามากล้าพูดอีกเหรอเอ็ง... จะไปกราบพระ ตจว แต่จะออกจาก กทม บ่าย 2 โมงก็คงทันได้ไปฝึกอสุภกรรมฐานในป่าช้าอย่างเดียวแหละ :boo:

ปล.เหรียญนี้สวยดี... ยันต์ด้านหลังเหมือนของหลวงปู่เราเลย... สงสัยยันต์นี้เป็นยันต์เด่นในสายสำเร็จลุนแน่เลย (มั้ง)

 

ก่อนหน้านี้ตั้งแต่เริ่มคุยกับพี่โก๋ว่าจะทำโครงการนี้อย่างแน่นอน หนูก็ได้แจ้งให้พี่ชัยวิทย์ทราบและได้เกริ่นเอ่ยปากขอชนวนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆของ "วัดนาอุดม" จากพี่ชัยวิทย์เพื่อจะนำมาใช้เป็นชนวนหลักในการสร้างพระครั้งนี้ พี่ชัยวิทย์ก็ร่วมอนุโมทนาและรับปากจะมอบให้ตามความต้องการ จนกระทั่งมาถึงเมื่อวานซืนนี้ที่พี่โก๋ได้เม้นเกริ่นถึงเรื่องนี้อีกครั้ง หนูจึงได้โทรไปถามพี่ชัยวิทย์เพื่อความมั่นใจอีกทีและคำตอบที่ได้ก็เหมือนเดิมคือพี่ชัยวิทย์ยินดีมอบให้ตามความต้องการของ "หนุมาน นอร์เวย์"

จึงเรียนมาเพื่อทราบอย่างทั่วถึงค่ะ... จบข่าว ^^

 

ขอขอบคุณสำหรับกำลังใจและคำอวยพรค่ะ

 

เมื่อไม่นานมานี้ "น้องทุเรียนทอด" ได้เข้ามาแสดงตัวแจ้งความประสงค์จะร่วมบุญในการสร้างพระครั้งนี้ด้วย (น้องทุเรียนทอดจะเป็นบุคคลสำคัญอีกคนหนึ่งในงานบุญครั้งนี้) เหตุผลใดที่ทำให้น้องทุเรียนทอดอยากมีส่วนร่วมในการสร้างพระเพื่อน้อมถวายแด่ "หลวงปู่ญาท่านสวน" คำตอบก็คือน้องทุเรียนทอดได้ประจักษ์ถึงความเป็น "พระอรหันต์ของหลวงปู่ญาท่านสวน" และนอกจากนั้นยังได้รับความเมตตาจากท่านอีกหลายครั้งในหลายรูปแบบ จนน้องทุเรียนทอดนับถือท่านเป็นดั่งครูบาอาจารย์ที่รักเคารพและเทิดทูนยิ่งอีกองค์ หนูจะทยอยนำเรื่องราวประสบการณ์ที่น้องทุเรียนทอดได้รับความเมตตาจากหลวงปู่มาเล่าสู่กันฟังทีละเรื่องนะคะ

เรื่องที่ 1... เริ่มจากน้องทุเรียนทอดได้เคยเห็นรูปของหลวงปู่ญาท่านสวนลงในหนังสือพระเกจิ... ทันทีที่ได้เห็นและพิจารณารูปของหลวงปู่ก็มีความรู้สึกเกิดขึ้นกับใจว่าหลวงปู่องค์นี้ต้องเป็นพระี่ที่เก่งมากแน่เลยเพราะดูจากลักษณะแล้วเป็นพระที่มีราศรีดีมากๆ รูปร่างผอมๆแต่วรรณะผ่องใส หน้าตาบ่งบอกถึงเป็นผู้ที่มีบุญบารมีสูง... เมื่ออ่านเนื้อหาในหนังสือแล้วจึงทราบว่าท่านอยู่ที่ "วัดนาอุดม อ.ตาลสุม จ.อุบล" ใจตอนนั้นน้องทุเรียนทอดอยากไปกราบท่านมาก แต่ก็ไปไม่ถูก ไม่รู้จะไปยังงัย... ก็ได้แต่เพียงคิดในใจตั้งจิตอธิษฐานว่า "ถ้าหากผมพอจะมีบุญกับหลวงปู่อยู่บ้าง... ก็ขอให้ผมมีโอกาสได้พบกับท่านสักครั้งหนึ่งก็ยังดี"



เวลาผ่านไปหลายเดือนจนเกือบลืมไปแล้ว... น้องทุเรียนทอดได้มีโอกาสเดินทางไปทำบุญที่ "วัดป่าก้าว อ.นาจะหลวย จ.อุบล" และพักค้างแรมอยู่ที่วัด 3 วัน และได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับ "หลวงพ่อนวน" ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าแก้วจนเกิดความคุ้นเคยกับท่าน

ต่อมาวันหนึ่งหลวงพ่อนวนท่านมีกิจนิมนต์ไปในงานพิธีเททองหล่อพระและปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดแห่งหนึ่ง ในช่วงเวลาประมาณ 15.00-16.00 น. ท่านก็เมตตาชวนน้องทุเรียนทอดไปด้วย... น้องทุเรียนทอดก็เลยไปกับท่าน... เมื่อออกเดินทางจากวัดป่าก้าวเพื่อไปงานพิธี น้องทุเรียนทอดก็ไม่รู้ว่าท่านจะไปวัดไหน รู้แต่ว่าอยู่ใน อ.ตาลสุม ซึ่งชื่อวัดนี้น้องทุเรียนทอดฟังแล้วรู้สึกคุ้นหูยังงัยๆอยู่

เมื่อขับไปถึงวัดพอจะผ่านช่องทางไปในวัดจะมีป้ายบอกว่า "วัดนาอุดม" ทันใดนั้นเองน้องทุเรียนทอดถึงกับตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะมาถึงวัดนี้ได้ น้องทุเรียนทอดดีใจมากๆ พอลงจากรถและได้เดินไปส่งหลวงพ่อนวนที่ประรำพิธี (รูปเก่าบริเวณที่จะสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ศรีอุบล... ตอนนี้รุดหน้าไปเยอะกว่านี้แล้ว)



พอน้องทุเรียนทอดเห็นประรำพิธีแล้วก็รู้สึกว่าผู้จัดมณฑลพิธีนี้เก่งจริงๆเลย จัดได้ดีมาก สวยงามแต่ดูเข้มขลัง ในพิธีจะมีพระเกจิอาจารย์ที่ทรงคุณวิเศษนั่งปรกอธิษฐานจิตอยู่โดยรอบและมีด้ายสายสิญจน์ซึ่งเป็นกำแพงรอบนอก-ใน โยงไปมาอย่างสวยงามมาก มีผ้ายันต์และรูปพระมหาอุปคุตแขวนอยู่โดยรอบ ตรงกลางมีวัตถุมงคลและขันน้ำมนต์ขนาดใหญ่ 2 ใบ ใบหนึ่งมีรูปหล่อพระมหาอุปคุตขนาดใหญ่แช่อยู่ในขันประหนึ่งว่าเป็นการจำลองว่าพระมหาอุปคุตท่านอยู่ในห้วงมหาสมุทรและท่านมาร่วมพิธีนี้ด้วย (พิธีเบิกฟ้ามหาพุทธาภิเษกเททองหล่อพระกริ่งโปร่งฟ้า-ไถ้รัสสี (พระกริ่งร่ำรวย) และเททองหล่อรูปบูรพคณาจารย์เท่าองค์จริง



เมื่อน้องทุเรียนทอดไปส่งหลวงพ่อนวนที่ประรำพิธีแล้วก็รีบเดินไปหาหลวงปู่ญาท่านสวนที่กุฏิของท่านทันที พอเห็นองค์หลวงปู่ญาท่านสวนแล้วความศรัทธามันยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะองค์จริงของท่านสง่างามผ่องใสยิ่งนัก พอไปถึงหลวงปู่ก็กวักมือเรียก... น้องทุเรียนทอดก็เข้าไปกราบที่ตักของท่าน ท่านก็เมตตาเจิมแป้งให้ที่หน้าผาก คล้ายกับว่ารับน้องทุเรียนทอดเป็นลูกศิษย์ เหมือนท่านรู้ว่าน้องทุเรียนทอดต้องการที่จะมากราบท่านนานแล้ว จิตใจของน้องทุเรียนทอดรู้สึกได้ถึงความเมตตาของท่านจริงๆ คือรู้สึกอิ่มใจ เกิดความปิติอย่างบอกไม่ถูก



เมื่อกราบท่านเสร็จแล้วจึงเดินไปดูที่ตู้วัตถุมงคลของวัดและได้ร่วมทำบุญบูชาพระเครื่องของหลวงปู่มานิดหน่อย ก็พอดีตาเหลือบไปเห็น "พระกริ่งอุปคุต" ที่ทางวัดยังมีให้บูชาอยู่ก็เลยขอดู เมื่อดูแล้วเกิดชอบใจมาก ต้องการอยากจะได้ไว้บูชา แต่ตอนนั้นเงินยังไม่พอจึงขอเบอร์ิติดต่อกับทางวัดเพื่อจะได้ส่งเงินมาบูชาในภายหลัง

เสร็จแล้วจึงรีบกลับไปที่ประรำพิธีเพื่อรอหลวงปู่ เมื่อหลวงปู่มาถึงในพิธีทุกคนก็พากันไปกราบท่านใหญ่เลยรวมทั้งน้องทุเรียนทอดด้วย จึงตั้งใจที่จะถ่ายรูปหลวงปู่ไว้เป็นที่ระลึกแต่ก็ลำบากเพราะเข้าไปหาหลวงปู่ไม่สะดวกนักก็เลยยืนอยู่ข้างๆห่างจากหลวงปู่พอสมควร น้องทุเรียนทอดก็เลยอธิษฐานในใจว่า "ขอให้หลวงปู่เมตตาหันมาทางกระผมหน่อยขอรับ" แล้วหลวงปู่ก็หันมาจริงๆทำให้ถ่ายรูปได้ชัดและสะดวกขึ้น

พอถึงเวลากลับก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้กราบลาหลวงปู่ พอขับรถออกมานอกวัดแล้วหลวงพ่อนวนก็ถามว่าได้เข้าไปกราบหลวงปู่สวนหรือเปล่า น้องทุเรียนทอดจึงบอกว่าได้กราบครับ หลวงพ่อนวนท่านบอกว่า "โชคดีนะที่ได้เข้าไปกราบท่าน น่าเสียดาย หลวงพ่อไม่ได้เข้าไปกราบท่านเลย หลวงปู่ท่านเป็นพระดีนะ พระอย่างนี้หายาก"<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

มีต่อภาคต่อไปค่ะ... อดใจรอฟังในวันหลังนะคะ ^^

 

ขอบคุณครับ สำหรับลายแทง.....

ผมไม่เคยไปเพชรบูรณ์ครับ ปีนี้ปิดเทอมคิดว่าได้ไปแล้วครับ แต่กลับอยู่บ้านแทน:''(

 

ไปได้ครับ บ่าย 2 ไปแล้วไปนอนค้างกันที่วัด ฮ่าฮ่า....





ปล.เหรียญที่โชว์เสี่ยจะเอามาเป็นชนวนหรือครับ

 

โห.... ก็คนไม่เคยไปนี่หน่า แต่หนูเป็น ญ ตัวน้อยนิดนี่อ่ะน่า น่ากลัวจริง ๆ ไม่เชื่อเสี่ยสองมายืนยัน นอนยันได้เลยครับ ว่าคุณหนูเป็นญ ตัวน้อยนิดบิ๊กเบิ้มจริง ๆ วะหุหุ

 

ดีๆ ผมชอบนอนวัด นอนหลับสบายดี ชอบๆ
ยันต์เป็นอักขระยันต์เกราะเพชร ซึ่งเป็นยันต์ที่ลงด้วยพุทธคุณ อิติปิโส 8 ทิศ แล้วชักตารางจากตัว "อิ" ไปเป็นเส้นม้าหมากรุกครับแม่ยาย
ส่วนเหรียญ อยากให้ครับพี่ แต่จำนวนสร้างน้อยเหลือเกินโดยเฉพาะเนื้อฝาบาตรกะหลั่ยทองแบบเหรียญนี้ไม่น่าเกิน 100-200 เหรียญ ส่วนจำนวนสร้างทั้งหมดไม่น่าเกิน 1000 เหรียญ เพราะไม่รู้จำนวนสร้างที่แน่นอนครับ ถ้าผมเอามาเป็นชนวน ก็กลัวว่าคนรุ่นหลังจะไม่ได้พบเห็นเหรียญแบบนี้อีก เดี่ยวจะลืมว่ามีครูบาอาจารย์ท่านนี้ ท่านเป็นใคร มาจากไหนครับ
แถเรียบร้อย ไปแหละ บ๊ายบายยยยยย
ปล.ในรูปมีจารย์อ็อดๆด้วย เดี่ยวเค้าก็มาหรอก บรื๋ออออ กลัวจัง
พ่อเตี้ย

 

ยินดีต้อนรับและให้บริการครับท่าน

แถวๆ โรงพัก ถ้าไม่ใช่ไปรษณีย์ก็โรงพยาบาลแหละครับ..

 

.

​

วันนี้เป็นวันสงกรานต์ ปีใหม่ไทย
​

ขอให้ญาติธรรมทุกท่านที่มีส่วนร่วมบุญสร้างพระในกระทู้นี้ทุกท่าน
มีความสุขทั้งกายและใจ
มีความเจริญก้าวหน้าในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ

อนุโมทนาสาธุในบุญรวมที่ทุกท่านได้ตั้งใจทำครับ




.

 

gratulerer med dagen นะพี่หนู มีความสุขมากๆทั้งทางโลกและทางธรรมนะจ๊ะ จากลูกเขยที่ชอบทำบุญซะแล้ว

ปล.เวลาไปทำบุญไปซักบ่าย 2 ได้ปะ

 

สาธุ... หนูขอรับพรอันประเสริฐนี้ค่ะ ^^

 

ขอบใจมากลูกเขย... แม่ยายขอรับพรนี้จ้า... รักลูกเขยคนนี้เช่นกัน ^^

ปล.มีความพยายามอุตส่าห์ไปหาภาษานอร์เวย์มาอวยพรเลยทีเดียว... ประทับใจมาก

 

วันนี้เป็นวันดีวันขึ้นดิถีปีใหม่ไทยแต่วันนี้ก็เป็นวันที่พวกเราชาวพุทธศาสนิกชนทั้งหลายต้องสูญเสียพระอริยสงฆ์องค์เนื้อนาบุญไปอีก 1 รูปคือ "หลวงปู่พิศดู" (พระอรหันต์แห่งวัดเทพธารทอง จันทบุรี) หนูจึงขอนำเรื่องราวที่เกี่ยวกับท่านมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นการเผยแพร่เกียรติคุณในวาระนี้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับ "น้องทุเรียนทอด" จากเรื่องที่แล้วด้วย... มาฟังกันนะคะ

น้องน้องทุเรียนทอดเดินทางไปจังหวัดจันทบุรีทุกเดือนก็เลยได้มีโอกาสรู้จักกับ "หลวงปู่พิศดู" (พระปฏิบัติกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และท่านก็เป็นศิษย์เอกท่านพ่อลี วัดอโศการาม) พระอริยสงฆ์ที่ไม่ค่อยชอบให้ใครรู้จักท่านมากนัก ซึ่งก็อาจจะเป็นจริตของท่าน ท่านชอบความสงบสันโดษ ไม่ยึดติดอะไร) น้องทุเรียนทอดเคยไปทำบุญกับท่านหลายครั้งเพราะคนเขาว่ากันว่าท่านเป็นพระอรหันต์๊๋... ตอนที่น้องทุเรียนทอดได้พระกริ่งอุปคุต (พระกริ่งชนะมาร) ของหลวงปู่ญาท่านสวนมาใหม่ๆและอาราธนาแขวนติดตัวไปด้วยโดยแขวนเอาไว้ในเสื้อยืดคอกลม น้องทุเรียนทอดได้คลานเข้าไปกราบท่าน... ท่านก็มองและก็พูดขึ้นว่า "มาทำบุญ... มากับพระอุปคุต" น้องทุเรียนทอดรู้สึกสะดุดใจกับคำพูดของท่าน คิดในใจว่า "รึว่า... หลวงปู่ท่านจะรู้ว่าเราแขวนพระอุปคุตมารึงัย แต่พระก็อยู่ในเสื้อ หลวงปู่ท่านจะรู้ได้ยังงัย"

หลังจากที่น้องทุเรียนทอดทำบุญถวายปัจจัยเพื่อใช้สร้างถาวรวัตถุภายในวัดแล้ว ก็ได้ถอดพระกริ่งอุปคุตมาให้หลวงปู่ท่านพิจารณาดูแล้วก็ถามท่านว่า "อยากทราบว่าพุทธานุภาพของพระองค์นี้เป็นอย่างไรบ้างครับ" หลวงปู่ท่านตอบว่า "พลังแรงมากและพระผู้เสกพระนี้จิตท่านบริสุทธิ์ด้วย" คำตอบที่ได้ยินทำให้น้องทุเรียนทอดซาบซึ้งในบารมีพระมหาอุปคุตและหลวงปู่ทั้ง 2 มากๆ



ทุกวันนี้น้องทุเรียนทอดแขวนแต่พระกริ่งอุปคุตของหลวงปู่ญาท่านสวน อาราธนาสวดมนต์บูชาทุกวันไม่เคยขาดจนไม่อยากเปลี่ยนไปใช้ของใครอีก... นอกจากครูบาอาจารย์ของตัวเองเท่านั้นเพราะแขวนแล้วรู้สึกมั่นใจ นอกจากจะดีทางคุ้มครอง เมตตาต่างๆแล้วน้องทุเรียนทอดยังเชื่อว่าพระของท่านยังดีในทางสงบจิตสงบใจได้เป็นอย่างดี เพราะน้องทุเรียนทอดแขวนพระกริ่งอุปคุตสวดมนต์นั่งสมาธิเป็นประจำ... จนวันหนึ่งได้สังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงว่ามีเม็ดกลมๆเล็กๆ สีขาวนวลผุดขึ้นมาจากเนื้อพระ 2-3 เม็ด คล้ายเม็ดธรรมธาตุ โดยที่เมื่อก่อนไม่เคยมี...

 

ขออนุญาติแจ้งข่าวครับ..


หลวงปู่พิศดู ธัมมะจารี พ่อแม่ครูอาจารย์องค์สำคัญของพระวิปัสนาจารย์สายป่า ได้ละสังขารแล้ว เมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ.2554 เมื่อเวลา 13.00 น.โดยประมาณ รวมสิริอายุได้ 88 ปี 2 เดือน พรรษา 67 โดยองค์หลวงปู่ท่านได้ผ่อนชีพจรลงเองอย่างสงบราบเรียบไร้สิ่งอื่นใดรบกวน แม้แต่ทุกขเวทนาขันธ์อันแสนสาหัส ก็มิอาจมีอำนาจกล้ำกลายเหนือจิตอันเป็นบริสุทธิ์คุณอันสูงส่งขององค์ท่านได้ และในวันนี้ได้มีพิธีการสรงน้ำพระสรีระที่อาคารวิชัยยุทธเหนือ ท่ามกลางลูกศิษย์ใกล้ชิดและศาสนิกชนผู้ศรัทธา และทางคณะศิษย์ขององค์หลวงปู่ได้ลงมติกันว่า จะไม่มีการฉีดฟอร์มาลิน ให้กับพระศพแต่อย่างใด และต่อมาเมื่อเวลา 19.20 น. ได้ทำการเคลื่อนพระสรีระไปยังวัดป่าคลองกุ้ง อ.เมือง จ.จันทบุรี ลุถึงที่วัดป่าคลองกุ้ง เมื่อเวลา 21.30 น. ได้อัญเชิญพระสรีระไปยังพระอุโบสถหลังใหม่ เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ได้เคารพกราบไหว้ และร่วมกันสรงน้ำพระสรีระในคืนเดียวกันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันรุ่งขึ้น และจะทำการบรรจุพระสรีระลงหีบไม้สักทอง ในเวลา 13.20 น.ของวันที่ 14 เมษายน 2554 โดยทางวัดได้จัดตั้งพระสรีระให้ทุกท่านได้มีโอกาสมาสรงน้ำพระสรีระองค์หลวงปู่ได้ เป็นครั้งสุดท้าย จึงขอเรียนเชิญศิษยานุศิษย์ขององค์หลวงปู่ทุกท่าน และท่านที่เคารพศรัทธาในองค์หลวงปู่ร่วมไว้อาลัยและร่วมส่งองค์หลวงปู่กลับสู่แดนพระนิพพานต่อไป และเมื่อทำการบรรจุพระสรีระใส่หีบไม้สักทองแล้วเสร็จ ก็จะตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ ณ พระอุโบสถวัดป่าคลองกุ้งเป็นเวลา 7 วันโดยประมาณ แล้วจากนั้นก็จะทำการเคลื่อนพระสรีระไปยัง วัดเทพธารทอง เพื่อทำการถวายประชุมเพลิงในโอกาสต่อไป จึงขอแจ้งหมายกำหนดการเบื้องต้นให้ทราบเพียงเท่านี้ หากมีกำหนดการใดเพิ่มเติม ทางผมร่วมกับคณะศิษย์จะได้แจ้งให้ทุกท่านทราบอีกต่อไป..







.<!-- google_ad_section_end -->

 

กราบนมัสการลาหลวงปู่ และขอให้หลวงปู่มุ่งสู่นิพพานด้วยเทอญ ด้วยความอาลัยอย่างยิ่งครับ

 

กราบอาลัยหลวงปู่ และขอส่งหลวงปู่สู่นิพพานครับ

 

​

ข้าพเจ้าขอกราบไว้อาลัย "หลวงปู่พิศดู ธัมมะจารี" ด้วยใจเคารพเทิดทูนยิ่งค่ะ​

หากสิ่งใดที่ข้าพเจ้าและครอบครัวได้ประมาทพลั้งเผลอกระทำการไปด้วยกาย วาจา ใจ ที่เป็นการปรามาสล่วงเกินท่านจะด้วยความตั้งใจ ไม่ตั้งใจ ด้วยเจตนา ไม่เจตนา และด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์หลวงปู่พิศดูได้โปรดงดโทษ อดโทษ ยกเว้นโทษ ละเว้นโทษ อโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าและครอบครัวด้วยเถิด ​

ขอน้อมส่งดวงจิตของหลวงปู่พิศดูเข้าสู่แดนนิพพานค่ะ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> ​

 

หนูได้คัดเลือกชนวนมวลสารที่จะนำมาร่วมในการสร้างพระครั้งนี้แล้วบางส่วนค่ะ...
จะนำภาพมาให้ชมกันเป็นระยะนะคะ...

 

ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกท่านครับ

ขออนุญาติชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมด้วยครับ..

ขอชี้แจงบางเรื่องให้ทุกท่านได้ทราบเพิ่มเติมครับ เนื่องจากองค์หลวงปู่พิศดูท่านได้ละสังขารแล้ว คณะศิษย์ได้ลงมติกันว่า จะไม่ทำการฉีดฟอร์มาลิน กับพระสรีระของท่าน เนื่องจากคณะศิษยานุศิษย์ทั้งหลายมีความเชื่อตรงกันว่า สรีระของพระอริยะสงฆ์นั้นท่านจะต่างกับสรีระของคนธรรมดา เพราะด้วยความเป็นผู้มีจิตอันบริสุทธิ์เป็นกำลัง จะสามารถฟอกธาตุ ฟอกขันธ์ ให้บริสุทธิ์เหนือกว่าคนธรรมดาได้ และตั้งแต่หลวงปู่พิศดูท่านละสังขารเข้าสู่นิพพาน ในวันพุธที่ 13 เมษายน 2554 เวลา 13.00 น. และได้เคลื่อนพระสรีระมายังพระอุโบสถวัดป่าคลองกุ้ง เพื่อทำการสรงน้ำพระสรีระในคืนเดียวกันนั้นเลย จนล่วงถึงวันที่ 14 เมษายน 2554 ในเวลา 16.00 น. ได้ทำการบรรจุพระสรีระลงหีบทอง ท่ามกลางศิษยานุศิษย์และผู้คนที่เคารพศรัทธาอย่างเนืองแน่น และทุกท่านที่ได้มีโอกาสสรงน้ำพระสรีระต่างแปลกใจ และบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พระสรีระขององค์หลวงปู่พิศดู ธัมมะจารีนั้นแทบมิได้เปลี่ยนแปลงเลย ยังคงสภาพคล้ายคนนอนหลับอยู่เป็นปกติ จะมีเปลี่ยนบ้างก็คือ องค์ท่านยุบลงไปบ้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งผิดจากธรรมชาติสรีระร่างของบุคคลธรรมดาทั่วไปซึ่งจะต้องพองอืด มีน้ำเหลืองน้ำหนองไหลออกมา และส่งกลิ่นเหม็น แต่สรีระร่างขององค์หลวงปู่กลับหาเป็นเช่นนั้นไม่ อันเป็นที่ประจักรได้ถึงคุณธรรมสมบัติเบื้องสูงขององค์หลวงปู่อย่างยอดยิ่ง ....สาธุ สาธุ สาธุ

ทางวัดป่าคลองกุ้งกำหนดการ อาจตั้งพระสรีระเพื่อบำเพ็ญกุศลตามประเภณี ไปเรื่อยๆก่อน จนกว่าพระจิตกาธาน ที่กำลังสร้างที่วัดเทพธารทองจะแล้วเสร็จ จึงค่อยเคลื่อนพระสรีระมายังวัดเทพธารทองขององค์หลวงปู่ เพื่อทำตามพิธีทางศาสนา และถวายประชุมเพลิงต่อไป





.