เพื่อการกุศล วัตถุมงคลสายพญานาค ปรอทสายวิชาเก่า เครื่องรางหายาก น.สุดท้าย

อนุโมทนาสาธุ คุณศิลามณีด้วยค่ะ

คุณตันค่ะ ขอร่วมบุญ 1 ชิ้นค่ะ

 

โปร่งข่ามที่ คุณตันฯ เอามาลง... เหมือนมีโพรงอากาศอยู่... มีหยดฟองน้ำที่ยังไม่แข็งตัวอยู่ในนั้น ลองยกขยับดูสิคะ ซ้ายขาว ถ้ากลิ้ง หรือ ขยับได้ก็จะยิ่งสุดยอด ถือว่ามีพลังมากกว่าปรกตินัก... อีกอย่างหายากมากคะ ....

 

อนุโมทนาครับ แหม๋ศาสตราจารย์ด้านพลังหินมาเอง ฮุๆๆๆ

 

ตาดีจริงๆครับ ผมเล็งเท่าไหรก็ไม่เห็น

เห็นแต่ปวกเขียว

 

รับทราบครับ

 

เมื่อวานหนาวสุดขั้วหัวใจ แต่วันนี้ร้อนตับแลบ

 

หลังจากหนาวได้2วันก็ร้อนขึ้นมาทันที เฮ้อ ไม่มีอะไรเที่ยงแท้หรอ

 

ร้อนสุดยอดดดดด เมื่อวานนอนห่มผ้านวม2ผืน วันนี้คงต้องแก้ผ้านอนพื้น(หินอ่อน)

 

โฮ ขนาดนั้นเลยหรอโยม

 

ตะลึง!พบโครงมนุษย์โบราณอายุนับพันปีที่โคราช

ตะลึง!โคราชพบโครงกระดูกมนุษย์สมัยโบราณ ชาวบ้านแห่กราบไหว้ เชื่อเป็นบรรพบุรุษ ด้านนักโบราณคดีสำรวจ ชี้เป็นโครงกระดูกเขมรโบราณอายุราว 1,000 ปีก่อน แต่หวั่นถูกมิจฉาชีพลักลอบขุดหาสิ่งโบราณล้ำค่าไปจำหน่าย...






20 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายนำ ปลอดกระโทก กำนันตำบลละลมใหม่พัฒนา อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ว่า มีประชาชนชาวบ้านในพื้นที่ ต.ละลมใหม่พัฒนา อ.โชคชัย กว่า 200 คน พากันแห่ไปดูนักโบราณคดี สังกัดสำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา ทำการขุดสำรวจโครงกระดูกมนุษย์โบราณอายุราว 800-1,000 ปี ช่วงระหว่างก่อนสมัยสุโขทัยถึงอยุธยาตอนต้น จำนวน 2 โครง พร้อมด้วยข้าวของเครื่องใช้ และเครื่องประดับที่กระจัดกระจายอยู่กลางทุ่งนา บนเนื้อที่ 2 ไร่เศษ ซึ่งอยู่กลางทุ่งนาของนายน้อย แปวกระโทก อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 168 หมู่ 12บ้านโคกพวง ต.ละลมใหม่พัฒนา โดยที่นาจำนวน 28 ไร่เศษ ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านกุดจอกน้อย ต.ละลมใหม่พัฒนา



หลังจากที่ผู้รับเหมาก่อสร้างคลองส่งน้ำชลประทานในพื้นที่ ได้ทำการเปิดหน้าดิน เพื่อก่อสร้างคลองส่งน้ำ และพบเข้าเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ ชาวบ้านทั้งในหมู่บ้านกุดจอกน้อย และหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างพากันนำธูปเทียนและเครื่องเซ่นไหว้มาจุดบูชาโครงกระดูกดังกล่าว เนื่องจากชาวบ้านเชื่อว่า โครงกระดูกเหล่านี้เป็นโครงกระดูกของบรรพบุรุษที่บุกเบิกพื้นที่สร้าง อารยธรรม จนพัฒนามาเป็นชุมชนที่อุดมสมบูรณ์ จนถึงขณะนี้กลุ่มชาวบ้านต่างเห็นพ้องต้องกันว่า เมื่อทางสำนักงานศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา ทำการขุดค้นโครงกระดูกขึ้นมาโดยสมบูรณ์แล้ว ก็จะมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลครั้งใหญ่ ให้กับวิญญาณของโครงกระดูกทั้ง 2 ร่างนี้ ตามประเพณีความเชื่อต่อไป

นอกจากนี้ ทางผู้นำชุมชนยังเตรียมที่จะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการฟื้นฟูพื้นที่แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ทาง ประวัติศาสตร์ เพื่อให้เป็นที่จัดแสดงให้ประชาชนได้รับรู้ และรับทราบประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยโบราณ ที่เกี่ยวข้องระหว่างชุมชนแห่งนี้ กับโครงกระดูกดังกล่าว แต่ในเบื้องต้นขณะนี้ ทางผู้นำชุมชน ทั้งองค์การบริหารส่วนตำบลละลมใหม่พัฒนา, กำนันและผู้ใหญ่บ้าน ได้ทำการจัดเวรยามเฝ้าระวังการแห่ขุดค้นตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มมิจฉาชีพลักลอบขุดหาของมีค่าไปขาย

ด้านนาย มนตรี ธนภัทรพรชัย นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา หัวหน้าชุดขุดค้น เปิดเผยว่า หากมองดูจากหลักฐานและสิ่งแวดล้อมที่พบ ทั้งในส่วนของรูปร่างโครงกระดูก ข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกฝังอยู่บริเวณโดยรอบ สันนิษฐานได้ว่าบริเวณที่แห่งนี้ เดิมทีเป็นหลุมศพสมัยประวัติศาสตร์ เมื่อประมาณ 800-1,000 ปีก่อน โดยเฉพาะหลักฐานซึ่งเป็นถ้วยชามโบราณ ที่ได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมเขมรและเครื่องถ้วยของจีน ซึ่งคาดว่า หากเทียบกับประวัติศาสตร์ของไทยก็น่าจะอยู่ในช่วงสมัยสุโขทัยถึงอยุธยาตอน ต้น โดยหลังจากนี้ทางตนเองและทีม จะเก็บตัวอย่างเครื่องถ้วยชามโบราณที่พบไปตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง


อย่างไรก็ตาม การขุดพบโครงกระดูกและข้าวของเครื่องใช้ดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกเรื่องราวความเป็นมาของพื้นที่แห่งนี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากชื่อของชุมชนกุดจอกน้อยแห่งนี้ มีคำภาษาเขมรอยู่ในชื่อหมู่บ้านด้วย ซึ่งตรงกับชิ้นส่วนต่างๆ ที่พบ มีวัฒนธรรมของเขมรอยู่ด้วยเช่นกัน โดยในเบื้องต้นก็จะทำการแนะนำให้เจ้าของพื้นที่รวมถึงผู้นำชุมชน ช่วยกันอนุรักษ์พื้นที่แห่งนี้ รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียงไว้ให้อยู่คงสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด รวมถึงขอร้องให้มีการปรับการใช้ประโยชน์ของพื้นที่จากการทำนา เป็นการปลูกพืชล้มลุกแทน เพื่อไม่ให้ไปรบกวนสารทับถมหน้าดินหรือชั้นดิน ที่มีหลักฐานโบราณฝังอยู่ มากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้

ทั้งนี้ ส่วนตัวแล้วมองว่า ความสนใจของประชาชนเกี่ยวกับการค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์แต่ละแห่ง จะเป็นความสนใจเพียงชั่วครู่ของประชาชนในแต่ละ พื้นที่เท่านั้น จึงอยากจะประชาชนได้ตระหนัก และสนใจเป็นจุดเริ่มต้นของความเข้าใจในเรื่องประวัติศาสตร์ของชุมชน และอยากให้ทุกคนช่วยกันเป็นหูเป็นตา ดูแลไม่ให้กลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาขุดค้นนำไปขาย เนื่องจากหากกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ทราบข่าว ก็จะเดินทางมาลักลอบขุดหาสิ่งโบราณล้ำค่า เพื่อนำไปขายต่ออีกทอด เพราะฉะนั้นหากชาวบ้านทราบว่า มีพื้นที่บริเวณใดเป็นพื้นที่ของแหล่งโบราณคดี หรือเป็นพื้นที่สำคัญอย่างนี้ ก็ขอให้ช่วยกันดูแลและรักษาไว้ ส่วนกรณีพื้นที่แห่งนี้เมื่อมีการขุดพบแล้ว จะไม่กระทบต่อเอกสารสิทธิ์การครอบครอง เนื่องจากหากเป็นพื้นที่ของประชาชนทั่วไป ทางสำนักศิลปากรก็จะถือว่าพื้นที่ดังกล่าวโบราณสถานที่มีเอกชนครอบครอง เพราะฉะนั้นในการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ ก็ยังสามารถมีสิทธิทำได้ต่อไป เพียงแต่ทางสำนักศิลปากรจะเป็นผู้แนะนำว่า ควรจะใช้ประโยชน์ในพื้นที่อย่างใด

นายมนตรี กล่าวอีกว่า การค้นพบในเบื้องต้นพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณจำนวน 2 โครง กองกระดูกสัตว์และข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับสัมฤทธิ์อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งทางชุดขุดค้นจะนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

"การขุดค้นพบ โบราณวัตถุและโบราณสถานโดยบังเอิญอย่างนี้ มีความน่าเป็นห่วงเกี่ยวกับการที่จะมีกลุ่มผู้ลักลอบขุดโบราณวัตถุไปจำหน่าย สร้างประโยชน์ให้กับตนเอง เนื่องจากกลุ่มนี้จะรับรู้ข่าวสารได้เร็ว และมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย และจะเดินทางมาลักลอบขุดเพื่อหาของมีค่าอยู่เสมอ อีกทั้งกลุ่มเหล่านี้ จะมีการวางแผน และมีเครือข่ายการทำงานร่วมกันเป็นกระบวนการ มีสายข่าวแฝงอยู่ในกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขุดหรือเปิดพื้นที่ บางครั้งเมื่อมีการตรวจพบก็จะโทรศัพท์แจ้งกันให้ทราบข้อมูล และเข้ามาขุดหาของล้ำค่า โดยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ก็จะมีขบวนการนี้ออกตระเวนค้นหาอยู่แล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและบุรีรัมย์" นายมนตรีกล่าว

 

ตำนานการจ้ำจี้

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน อธิบายคำว่า จ้ำจี้ ไว้ว่า การเล่นชนิดหนึ่งของเด็ก และรูปแบบของการเล่นชนิดนี้ ถูกนำไปใช้ว่า จ้ำจี้จ้ำไช หมายความถึงอาการที่พร่ำพูดพร่ำสอน

ศ.พระยาอนุมานราชธน เล่าเรื่องการ "จ้ำจี้" ไว้ในงานนิพนธ์ชุดสมบูรณ์ หมวดเบ็ดเตล็ด-ความรู้ทั่วไป เล่มที่ 6 เรื่องสารานุกรมของเสฐียรโกเศศ ว่า การเล่นจ้ำจี้ เริ่มต้นด้วยการที่เด็กหลายคน นั่งล้อมวงเอามือแบทั้งสองข้างของแต่ละคน แผ่ทาบลงพื้นข้างหน้า

เด็กคนหนึ่งในวง ซึ่งไม่ได้แผ่มือวางเหมือนคนอื่น เป็นผู้ดำเนินการเล่น

เด็กคนนั้นจะเอามือแจะที่หลังมือเด็กอื่นๆในวง จะเริ่มต้นไปทางซ้ายหรือไปทางขวาก่อนก็ได้ ปากก็ท่องร้องบทจ้ำจี้

บท จ้ำจี้เหล่านี้ที่เป็นอย่างสั้นก็มี อย่างยาวก็มี สุดแล้วแต่เด็กผู้จี้ จะเลือกและ จำได้ ข้อความในบทจ้ำจี้ แปลได้ความบ้าง ไม่ได้ความบ้าง ปนกันยุ่ง

ถ้าคำร้องสุดท้ายของบทจ้ำจี้ตกที่มือผู้ถูกจี้ เด็กเจ้าของมือก็ต้องชักมือออก เด็กผู้ดำเนินการก็ขึ้นบทจ้ำจี้นั้นใหม่ เวียนต่อไปหลายรอบ หลายครั้ง จนกว่ามือเหล่านั้นจะถูกชักออกไป

จนเหลือสุดท้ายแต่มือเดียว

เด็กเจ้าของมือ ก็ตกอยู่ในฐานะโหล่ผี ต้องรับเคราะห์ก้มหลังโก้งโค้งอยู่กลางวง ให้ เด็กอื่นรุมกัน "กินโต๊ะ"

การ กินโต๊ะ ก็คือเด็กๆต่างก็เอามือไปขยุ้มที่บนหลัง ปากก็พูดว่า "กินตับกินปอด กินไส้กินพุง" แล้วก็ทำเสียงจุบจับไปตามเรื่อง ดูประหนึ่งว่าเคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย ทำกันอย่างนี้สักครู่ จนรู้สึกว่าอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ต้องเช็ดมือ คือเอามือไปยีหัวเด็กผู้ซึ่งเล่นบท "โหล่ผี" แล้วก็ถือว่า การเล่นจ้ำจี้จบลงระยะหนึ่ง

ศ.พระยาอนุมานราชธนบอกว่า การเล่นจ้ำจี้ทำนองนี้ไม่ใช่มีแต่ไทย ชาวชนอื่นๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และชาวตะวันตก ก็เล่นเหมือนกัน

ว่า ตามแนววิทยาว่าด้วยคติชาวบ้าน การเล่นจ้ำจี้ น่าจะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เล่นกันมาก่อน ความเชื่อถือของมนุษย์สมัยดึกดำบรรพ์ มนุษย์ยังมีสภาพไม่ห่างไกลกับสัตว์สักกี่มาก น้อย เมื่อมนุษย์จับผู้อื่นมาได้ ก็ฆ่าบูชายัญ เป็นเครื่องพลีสังเวยผีสางเทวดาหรือเทพเจ้า ที่เข้าใจกันเองว่าโปรดเนื้อมนุษย์

เมื่อสมมติว่าเทพเจ้าเสวยอิ่ม แล้ว สิ่งที่บูชายัญยังอยู่บริบูรณ์ ไม่มีแหว่งหรือบกพร่อง ก็เข้าใจเอาว่า เทพเจ้าเสวยแต่ส่วนที่เป็นสาระไปแล้ว เหลือสิ่งที่เป็นกาก มนุษย์ก็เอามากินกันต่อ เหมือนคนจีนไหว้เจ้า

เด็กเล่นจ้ำจี้ สันนิษฐานว่าเด็กๆจะเอา อย่างจากผู้ใหญ่ เมื่อต้องการฆ่าศัตรูที่จะจับมาบูชายัญ ไม่ทราบว่าจะเลือกฆ่าคนไหนก่อน จึงจะถูกใจเทพเจ้า ก็ต้องใช้วิธีเสี่ยงทาย

การที่เด็กที่กินโต๊ะ ถูกเรียกว่า "โหล่ผี" คำนี้เป็นคำไม่เฉพาะเล่นจ้ำจี้เท่านั้น แม้การเล่นอย่างอื่น ถ้าโหล่ ก็เรียกว่า "โหล่ผี" เหมือนกัน คำบอกอยู่ในตัวว่าคนอยู่โหล่ จะต้องตายไปเป็นผี ถูกเอาตัวไปบูชายัญ ไม่อย่างนี้จะต้องมีคำว่า "ผี" ต่อท้ายไว้ทำไม

เหตุที่บทจ้ำจี้ เป็นภาษาบ้างไม่เป็นภาษาบ้าง ก็เนื่องจากบทในทีแรก เป็นถ้อยคำที่นึกอะไรได้ก็พูดพุ่งๆไป เพราะต้องการใช้คำพูดเป็นคะแนนนับ จะเป็นภาษาไม่เป็นภาษาไม่สำคัญ เด็กจำมาเอามาถูกบ้างผิดบ้าง ตามเรื่องของเด็ก เหตุนี้จึงมีบทจ้ำจี้อยู่หลายบท ไม่จำเป็นต้องมีถ้อยคำอย่างเดิมเสมอไป

อาจมีการปรับปรุงแก้ไขกันเรื่อยมา และที่แต่งขึ้นใหม่ก็คงมี จะทราบว่าเก่าใหม่ ก็ต้องพิจารณาถ้อยคำที่กล่าวไว้ในบทจ้ำจี้

เท่า ที่สอบถาม พบเหตุที่บทจ้ำจี้แตกต่างกัน ก็เพราะสิ่งทั้งหลายย่อมมีอายุขัยของมัน ถ้าหมดอายุแล้วก็ต้องตาย บางสิ่งที่ยังไม่ หมดอายุ หรืออยู่ได้นานเกินอายุ ก็เพราะมีการเปลี่ยนแปลงเสมอๆ ให้เข้ากันได้กับสิ่งแวดล้อมใหม่ แต่การเปลี่ยนจะต้องอยู่ในขอบเขต ซึ่งเป็นบุคลิกภาพของสิ่งนั้น

ไม่เช่นนั้น ก็จะไม่เป็นสิ่งนั้นอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นสิ่งอื่น

จึง พอสรุปได้ว่า เด็กที่รุมกันกินโต๊ะ กินตับไตไส้พุง และอะไรต่ออะไร คงสืบเนื่องมาจากคนกินเนื้อคนที่บูชายัญ อันเป็นเดนที่เทพเจ้าเสวย

ภาษา สันสกฤตเรียกเครื่องอาหารและขนมนมเนยที่สังเวยบูชาเสร็จ คนกินได้ว่า การาปราสาท ถือกันว่ากินแล้วได้บุญ กินเสร็จแล้วมือเปื้อนเปรอะอยู่ ก็เช็ดที่ผมของคนที่ถูกบูชายัญ

ศ.พระยาอนุมานราชธนปรารภว่า การเล่นจ้ำจี้ของเด็กรุ่นใหม่ จบลงตรงเช็ดมือที่ผม ไม่เคยพบเห็น แม้แต่คำว่าโหล่ผี ก็ไม่มีพูดกันให้ยินอีกแล้ว.

O บาราย O​

 

NASA Home

Super Perigee Moon

The full moon is seen as it rises near the Lincoln Memorial, Saturday, March 19, 2011, in Washington. The full moon tonight is called a super perigee moon since it is at its closest to Earth in 2011. The last full moon so big and close to Earth occurred in March 1993.

 

รายการที่ #234
มณีนาคราชสันฐานหยดน้ำสีแดง บูชา 950 บาท


รายการที่ #235
ลูกแก้วนาคราชสีขาบ บูชา 1,350 บาท



รายการที่ #236 จองแล้ว
เม็ดข้าวสารนาคราชสีขาบ บูชาองค์ละ 250 บาท (เหลือ 2 องค์)

 

ตะกรุดนพเก้า

หินสีที่อยู่ในตะกรุดนั้นใช่เพชรพญานาครึเปล่าค่ะ
แล้วของหมดรึยังค่ะ

 

ใช่ครับ ของยังมีอยู่ครับ

 

มาให้อนุโมทนาบุญค่ะ
วันเสาร์ที่ 19/03/54
1. ถวายพระบรมฯ , อรหันต์ธาตุ , พระมวล และมวลสาร ต่างๆ ไปร่วมบรรจุโบสถ์ จำนวน 32 สันฐาน มอบแก่ หลวงพี่ติงลี่ วัดบางนมโค จ.อยุธยา
2. ถวายพระบรมฯ + พระธาตุข้าวบิณฑ์ ให้ผู้มีจิตศรัทธา จำนวน 200 ชุด มอบแก่ หลวงพี่ติงลี่ วัดบางนมโค จ.อยุธยา
3. ถวายผลไม้มะม่วง + สาลี่ จำนวน 200 บาท (ร่วมกับพี่)
4. ร่วมบุญสร้างโบสถ์ + องค์ปฐมทองคำ (ร่วมกับพี่) จำนวน 700 บาท มอบแก่ หลวงพี่ติงลี่ วัดบางนมโค จ.อยุธยา
5. จัดส่ง พระผง + จีวรหลวงปู่ดู่ มอบให้ผู้ศรัทธา จำนวน 2 ชุด<!-- google_ad_section_end -->

 

อนุโมทนาบุญทั้งหมดทั้งปวงด้วยจ้าน้องไซ

ว่าแต่ในข้อที่ 5 เนี่ยมีของเจ้ายมรวมด้วย 1 ชุดช่ายปะ

 

หลังจากวิเคราะห์และตรวจสอบในเรื่องของหินงิ้วดำมาพอสมควรโดยอาศัยข้อมูล และส่งตัวอย่างไปตรวจสอบ มีข้อมูลดังนี้

เจต (Jate) มีสีดำ เป็นฟอสซิลของไม้ เช่นเดียวกับถ่านหิน แต่มีความแข็ง มากกว่า เชื่อกันว่า เจตเป็นเสมือน ความหวัง ความตาย เพื่อก่อให้เกิด ชีวิตใหม่ มีอำนาจในการ ปกป้องอาถรรพ์ร้าย และพิษงูได้ ช่วยลดอาการปวดบวม ปวดฟัน

 

วันนี้เพชรพญานาครูปหยดน้ำสีดำ ที่ปกติตั้งแต่ได้มาก็เงียบๆไม่มีอะไรปรากฏมากนัก

วันแรกนำมาแช่น้ำมนต์ ก็มีพรายน้ำออกมา 2-3 ฟอง แล้วก็นิ่งๆ
แต่สำหรับองค์นี้จะแช่น้ำมนต์ประจำเพราะเห็นคุณตันว่าประมาณเหล็กไหลน้ำ ควรแช่ เลยมีองค์เดียวที่แช่ประจำองค์อื่นเอามาแช่น้ำมนต์ในวันพระแต่ไม่ทุกครั้ง

สำหรับองค์สีดำรูปหยดน้ำ ก็แช่มาเงียบๆปกติไม่มีอะไร น้ำแห้งมั่ง เปลี่ยนน้ำใหม่เมื่อเห็นว่าน้ำเริ่มขุ่น ทำแบบนี้มาประจำ 4 -5เดือนได้มั๊ง เมือคืนเห็นน้ำขุ่นเลยเปลียนน้ำใหม่ให้ แล้วใช้น้ำมนต์ขวดเดิมเติมลงไป แต่เปลียนที่วางปกติวางใกล้พระ (ต่ำกว่าพระเครื่อง) ก็ย้ายไปที่ใหม่อีกห้องนึง ซึ่งเมื่อก่อนก็เคยไว้มาก่อนแหละ ซึ่งก็เงียบๆไม่มีอะไรเหมือนกัน แต่เมื่อเช้าหลังทำบุญสมทบซื้อฝ้าเพดานหอพระหลวงพ่อพระบางไป แล้วส่งบุญให้ทุกๆองค์ที่ดูแลธาตุกายสิทธิทั้งหลาย+เทวดาทั้งหลาย (งวดนี้พอดีทำเยอะหน่อยแล้วเป็นสะพานบุญให้น้องนอกเว็บด้วย) พออุทิศส่วนกุศลและส่งบุญเสร็จ เดินไปจะดื่มน้ำ เงยหน้าเห็นแก้วที่ใส่เพชรพญานาคสีดำสัณฐานหยดน้ำ ฟองอากาศเต็มแก้วเลย มากที่สุดที่เคยมีมาแล้วรอบๆเพชรก็ฟองเยอะมาก เสียดายกล้องถ่ายรูปไม่อยู่พี่สาวยืมไปเลยไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ เพราะน้ำที่แช่ก็น้ำมนต์เดิมๆ ขวดเดิมนั่นแหละ แก้วก็ใบเดิม แต่งวดนี้พรายน้ำ(ฟองอากาศ) เยอะสุดๆตั้งแต่เห็นมา ก็ประหลาดใจดีเหมือนกัน

 

สงสัยเทวดารักษาจะนอนตื่นสายครับ