มาดูสมเด็จกัน

สวัสดีครับ.....ภาพเก่าๆสมัยเซียนพระยังหนุ่มๆ.เเต่ตอนนี้เเก่กันหมดเเล้ว.
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=dBMSiNgg6BY]YouTube - เปิดกรุพระเครื่อง2[/ame]
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=78rkfzHdfpw&feature=related]YouTube - เปิดกรุพระเครื่อง1[/ame]

 

ขอบคุณครับท่านวาซาบิ..อย่างน้อยเพื่อนๆสมาชิกก็ต้องระวังในการเลือกหาเนื้อพระลักษณะแบบนี้ พระฝีมือจะมีกลิ่นเหมือนถูกทอดในน้ำมันมา อย่างไงเพื่อนๆสมช.ก็อย่าลืมสัมผัสกลิ่นด้วยน่ะครับ..มีกลิ่นเมื่อไร "แล้วก็จงปล่อยวาง"..เมื่อนั้น อย่างสำนวนท่านxlmanใด้กล่าวใว้!

 

ฟ้องด้วยภาพ

รูปแรก รูปพระสมเด็จนะคะ องค์เขียวๆ แบบว่ายาห้อยนานๆก็จะเกิดคราบแบบที่เห็นนะคะ แต่ไม่รู้ คนอื่นจะขึ้นแบบนี้ไหมนะคะ เหอเหอ ตอนได้มาใหม่ๆไม่มีคะ ยาห้อยสองปีเห็นจะได้ ก็เป็นแบบนี้นะคะ แล้วก็ไม่ได้เอาไขอะไรมาทาด้วยเป็นจากธรรมชาติล้วนๆคะ






ขนาดพระสมเด็จยังมีเก๊ มีแท้ แล้วจานับประสาอะไรกับใหม่ จะไม่มีเก๊ จริงไหมคะ

 

ระวังเเฟนคุณ จะมาเจอภาำพนี้นะครับ...55555555555+

 

กลัวเรื่องอะไรคะ เพราะ ภาพไม่ใช่ตัวจริงนี่คะ อิอิอิอิ ก็แฟนยืนดูข้างๆแล้วหัวเราะไปด้วย 55555555 แฟนยาใจดีคะ เราเข้าใจกัน ไม่ค่อยคิดอะไรมากมายคะ หุหุหุหุ มีอะไรก็บอกตามตรงได้ ทุกเรื่อง
ใหม่แท้คะ ข้างบนใหม่เก๊คะ อิอิอิอิ พระสมเด็จยังมีแท้ มีเก๊เลยนะคะ ท่าน cocomoto ยารีทัชรูป คะ

 

5555555555+ ปลอมเกือบเหมือน..หน้าขาวไป..เเต่ตัวคล้ำไปนิดเลยไม่ใช้พิมพ์นิยม............อิอิอิ5555555+ ถ้าหน้ากับตัวขาวเท่ากัน..เปะเลย

 

เอาฮาคลายเครียดกันหน่อย 5555

 

ขอหัวเราะนะครับ พี่ยาครับ อิอิ ขอขอบคุณที่ตอบำถามให้นะครับ

แล้วอย่างทราบปีของสมเด็จที่ว่า สมเด็จยุคต้น ยุคกลาง ยุคหลัง แล้วยุคไหนเก่าสุดครับ

 

555555 คะ ยาก็คิดเช่นกันคะ ปลอมได้ก็ไม่เหมือน ของแท้ ทฤษฎีนี้ใช้ได้นะคะ หากมีต้นแบบของแท้ แบบพระสมเด็จแท้ในมือ พอไปดูของปลอม ก็ต้องรู้หรือเอะใจ ในความแตกต่าง อิอิอิอิ ต่อให้เนียนได้ แต่สีก็ต้องเพี้ยนอยู่ดี ยาว่า ยังไงเสีย ของเก๊ จะต้องโผล่ตำหนิมาให้จับผิดบ้างหละ อิอิอิอิอิ

 

หวัดดีครับคุณยา จุดขาวที่เห็น เกิดจากเนื้อพระที่โดนเหงื่อมาอย่างมาก แล้วนำไปเก็บรักษาไว้ จนเกิดจุดขาวๆ ขึ้นมากมาย น่าจะเป็นเชื้อราใช่ บ่
ส่วนเนื้อพระ และพิมพ์ทรงที่มีเส้นอาสนะ ชัดเจน แต่ไร้คราบกรุ เป็นพระวังหน้าใช่ไหมครับ มีใครบอกบ้างยัง

 

คือว่าเมื่อเช้าผมได้ย้อนดูกระทู้นี้ "มาดูสมเด็จ" เนี้ยแหละครับแล้วผมก็ได้เห็นพี่วาซาบิว่าการยุบตัวเป็นแอ่งถือว่าเป็นการยุบตัวแบบผิดธรรมชาติ

แล้วพระของผมนี่ยุบตัวเป็นแอ่งไหมครับ แล้วผิดธรรมชาติไหมครับ ขอความรู้พี่ๆด้วยครับผม

 

[/QUOTE]




ถ้าดูจากศิลปะการแกะพิมพ์แล้วผมมองว่าเป็นพิมพ์ของหลวงวิจารนะครับ.....
พูดถึงเนื้อพระก็เป็นปูนเปลือกหอย + ผสมน้ำอ้อยเคี่ยว + ผงข้าวสุก มวลสารมีพอประมาณ

จุดที่สากลนิยมเขาจะตีว่าพระองค์นี้ยังไม่เข้าตาเขาก็จะมี....ซุ้มผ่าหวายที่แหว่ง และด้านหลังที่ไม่มีรอยปริแยก (ปูไต่ตามตำราเซียนบางเล่ม)

บางตำราก็เหมารวมไปหมดว่าขอบพระสมเด็จจะต้องซุย เนื้อปริหลุด...
โดยลืมไปว่าพระสมเด็จนั้นมีมากพิมพ์มากวิธีการสร้างแล้วจู่ๆ จะไปเหมารวมว่าพระทุกองค์เหมือนกันหมดได้อย่างไรครับ...

และยิ่งถ้าไปเจอเนื้อพิเศษที่ผสมทั้งน้ำอ้อยเคี่ยว + ผงข้าวสุก + น้ำมันตั่งอิ๋วเข้ากรรมการเซอร์ไม่ งง เซ่อไปเลยหรือครับ 555+

สรุป ถ้าองค์นี้เซอร์ไม่ผ่านยกให้ผมเลยนะครับ อิอิ (กระแสเซอร์พระกำลังมาแรง หุหุ)

 

วันนี้ผมมีสมเด็จพิมพ์คะแนน มาให้ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ลองวิเคราะห์ ช่วงนี้เงียบๆ นะครับ พี่ๆ เพื่อนๆ น้อง ๆ ว่างๆ ลองวิเคราะห์ดูครับ/ขอบคุณมากครับผม

 

ไม่ได้เข้ามานาน ยินดีด้วยครับ แต่อยากเตือนสติในฐานะวิศวกรไฟฟ้ากำลังแก่ๆที่เริ่มจะยักแย่ยักยันแล้ว
" นักศึกษาวิศวฯตอนเรียนเท่ห์ แต่เรียนหนักอิ๊บอ๋าย จบออกมา 2-3 ปีแรกยังเท่ห์ แต่ก็ทำงานหนักอิ๊ยอ๋ายเหมือนเดิม ปีที่4-5 ไม่ได้เรียนต่อโทฯ เริ่มมีเจ้านายที่มันเรียนห่วยกว่า ปีที่6-10 เอะ...ทำไมตูยังทำงานหนักอิ๊บอ๋ายเหมือนเดิมฟะแล้วไอ้พวกที่เรียนห่วยกว่าทำไมมันไม่เห็นหัวเราแล้วล่ะ"


อย่าหลงตัวเองว่า"เทพ"ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนวิศวะ ตั้งใจเรียนเพื่อให้จบออกมาเป็น"หัวหน้าวิศวกร" จะเป็นหัวหน้าวิศวกรต้องเรียนให้รู้ "Know Why" เพราะถ้าเรียนตามน้ำจะรู้แค่ "Know How" คิดใหม่ตั้งใจใหม่นะครับ
ยิ่งหลักสูตร ค.อ.บ. อาจจะต้องออกมาเป็นครูบาอาจารย์สอนสั่งวิศวะฯรุ่นต่อๆไปต้องคิดให้หนัก หลักสูตรเมืองไทย R&D อ่อนมากๆ

 

คราบขาวๆ ที่คุณยาถามมาก็คือ คราบของปูนที่ทำปฎิกริยากับน้ำแล้วผุดขึ้นบนผิวพระ...
บางทีก็เรียกว่าผิวปูนเดือดก็ได้ครับ....

คราบชนิดนี้ไม่ถือว่าเป็นผงพุทธคุณผุดบนผิวพระนะครับ....
กรณีคราบปูดเดือดนี้ยังพอเห็นได้ทั่วไปครับ...อย่างพระของลป.ดู่ก็มีผงปูดเดือดเช่นกันครับ...

 

ขอบคุณสำหรับอาจารย์ทุกท่านที่นำความรู้ที่หาจากเวปอื่นไม่ได้ นอกจากที่นี่ที่เดียวมาเล่าสู่กันฟัง...ขอบคุณครับ

 

อ้าวนึกว่าเชื้อราซะอีก ลองผิดลองถูก หงายเก๋งไป อิอิอิ

 

หวัดดีครับท่าน ตาพอน....

หากมองย้อนกลับไปในวัย freashy ...เป็นความภาคภูมิใจ เป็นความฝันของเด็กที่ได้เข้าเรียนมหาลัยดีดี คณะดีดี ครับ....ยินดีกับน้องๆนู๋ๆด้วยครับ...

แต่สิ่งที่ Senior ...ที่เพิ่งจบทั้งหลายต้องเจอในยุคนี้...คือทุกคณะฯ ต้องแข่งกันหางานตูดบิดเลย...(ไม่นับรวมกลุ่มเรียนดี /ได้ทุนเรียนต่อ/ พ่อรวย...พวกนี้ "เทพ" จริงๆโดยวาสนาครับ)....

ทำงานไปสัก 10 ปี...งานสบาย เจ้านายดี...พอใจแล้วครับ...ฮ่าๆๆๆๆ

 

สวัสดีคะ นำภาพมาใหม่คะ ลงทุน อีกนิด ภาพชัดๆ

[QUOTคราบขาวๆ ที่คุณยาถามมาก็คือ คราบของปูนที่ทำปฎิกริยากับน้ำแล้วผุดขึ้นบนผิวพระ...[/COLOR][/SIZE][/B]
บางทีก็เรียกว่าผิวปูนเดือดก็ได้ครับ....

คราบชนิดนี้ไม่ถือว่าเป็นผงพุทธคุณผุดบนผิวพระนะครับ....
กรณีคราบปูดเดือดนี้ยังพอเห็นได้ทั่วไปครับ...อย่างพระของลป.ดู่ก็มีผงปูดเดือดเช่นกันครับ...[/QUOTE]

อืม ว่าจะไม่ถ่ายรูปองค์นี้แล้วคะ ว่าจะถ่ายทีไรเกิดเหตุทุกทีทำให้ไม่ได้ถ่าย แต่วันนี้ไม่ยอมแพ้ นั่งรอช่างเป็นชม.ก็จะรอ หุหุหุหุหุ เพื่อความรู้เพิ่มเติม หึหึหึหึ องค์นี้เคยถามไปแล้วคะพี่อังคาร แต่คำตอบไม่แน่ชัดคะ องค์นี้ยาชอบห้อยมากกว่าองค์อื่นๆคะ จนกระทั่ง มีเม็ดทองขึ้นมา ที่ ฐาน2 เล้กๆ คล้ายๆผดแต่เป็นสีทองอร่ามตา ยาเลยเลกห้อยคะ กลัวทำสร้อยขาดเก็บเข้ากรุ เลย เหอเหอเหอ แต่เรื่องคราบอะไรนั้น ก็เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติคะ ยาบ่ได้แต่งเติมอะไร แต่ที่แปลกใจ สงสัยยาจะมีน้ำลายเยอะมั้งคะ ( เข้าใจเปรียบเทียบ จริงๆ )จึงไปเกิดปฎิกิริยา ทำให้น้ำปูนเดือด อย่างท่านพี่เอ๊ก ว่า หุหุหุ เพราะว่า มาเป็นพืดเลยคะ ชมภาพเลยดีกว่านะคะ ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอขยายภาพเต็มจอเลยนะคะ

 

คุณ boby เด็กเทพ ช่างขี้สงสัยจังครับ...ความจริงคำถามนี้ถามเฉพาะเจาะจงมาที่คุณวาซาบิ....
ไอ้ผมจะตอบเดี๋ยวจะหาว่าเจือก อิอิ

เอาเป็นว่าในระหว่างรอคำตอบจากคุณวาซาบิ....ก้อฟังผมเจือกซักนิดละกันครับ หุหุ

รอยที่วงกลมมานั้นไม่ใช่รอยยุบตัวของมวลสารครับ....แต่เป็นรอยที่เกิดจากการที่เนื้อมวลสารเกาะติดแม่พิมพ์แล้วจับตัวแข็ง...พอจะกดพระองค์ต่อไปจึงทำให้เกิดรอยดังกล่าวขึ้นครับ...

เหมือนอย่างแม่พิมพ์บล๊อคเหรียญนั่นแหละครับ...
ถ้าไม่ใช้น้ำมันทาแม่พิมพ์เหล็กให้ดีปล่อยทิ้งไว้สนิมก็จะขึ้นทำให้เวลานำมากดเหรียญทำให้เกิดรอย "ขี้กลาก"

ดังนั้นพระสมเด็จก็เช่นเดียวกันครับ....
ผู้กดพิมพ์อาจจะกดพระมานานชักจาเมื่อย ก็เลยไปกินข้าวก่อนเดี๋ยวกลับมากดพระต่อ...(บล๊อคก็ไม่ล้าง) พอกลับมากดพิมพ์อีกทีมวลสารที่จับแม่พิมพ์ก็ต้องแข็งทำให้เกิดเป็นคราบจับติดแม่พิมพ์เป็นธรรมดาครับ...

ไม่รู้ว่าบอกขนาดนี้แล้วคุณ boby เด็กเทพจะพอเข้าใจไหมนะครับ...
ถ้าไม่เข้าใจอีกเดี๋ยวรอคุณวาซาบิมาต่อครับ หุหุ