พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table id="post4324433" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);">วันนี้, 01:12 AM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> #43887 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> Pinkcivil
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2010
    สถานที่: นภาศิขริณ
    ข้อความ: 239
    พลังการให้คะแนน: 95 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_4324433" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <center>ร่วมทำบุญงานพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง

    </center>
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> หลาย วันนี้ผมรู้สึกว่าควรจะนำของรักของหวงที่ตัวเองมี มามอบให้ผู้ที่ร่วมทำบุญในงานบุญปิดพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งที่ใกล้จะมาถึงใน วันที่ 12 ก.พ. 2554 เป็นต้นไป จนถึงวันมาฆบูชา(18 ก.พ. 2554)

    ผมจึงขอนำธาตุกายสิทธิ์(เหล็กไหล) จำนวน 1 องค์ ตามรูป มอบให้กับเพื่อนๆผู้สนใจ ที่ตั้งใจร่วมทำบุญปิดพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งเป็นจำนวนเงิน 190,000 บาท ทั้งนี้ โดยมีข้อแม้ดังนี้

    1. ห้ามนำไปซื้อขาย (เป็นการปรามาส)
    2. คุณสมบัติอย่างหนึ่งของเหล็กไหลชนิดนี้คือจะชี้ทิศตะวันออก-ตะวันตก ซึ่งต่างจากแม่เหล็กทั่วไป อันนี้เป็นการทดสอบแบบง่ายๆทางกายภาพที่เห็นได้ชัด หากจะทดสอบด้วยการยิง จะต้องตั้งพิธีบวงสรวงขอขมา ซึ่งผมไม่ขอเกี่ยวข้องด้วย
    3. การจะทดสอบพลัง จะต้องขอขมาโทษทุกครั้งเพราะเสมือนเป็นการปรามาส

    โดยโอนเงินตามใต้ลายเซ็นต์ของคุณพี่หนุ่ม(ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธ.กรุง ไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ)

    ปล.1 ผมขอกำหนดถึงวันศุกร์ที่ 11 ก.พ. 2554 นี้ครับ และหากขัดกับหลักการของกระทู๊นี้ (เนื่องจากไม่ใช่พระวังหน้า) รบกวนพี่หนุ่มแจ้งด้วยครับ

    ปล.2 ของกายสิทธิ์นี้ผมลนมากับมือครับ ผมต้องการร่วมทำบุญ ไม่มีเจตนาซื้อขาย มอบให้ผู้ที่ทำได้ตามเกรณท์ที่ผมตั้งครับ
    <fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend> [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    </fieldset>
    </td></tr></tbody></table>

    http://palungjit.org/threads/%E0%...2445.2195/

    .

    http://palungjit.org/threads/%E0%...2445.2195/

    .



    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [FONT=Tahoma,]สำนักพุทธฯตรวจสอบพระธุดงค์เก๊ แนะชาวบ้านช่วยจับตาขบวนการมิจฉาชีพ

    ข่าวสด

    นาย เอนก สนามชัย ผอ.ส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ชาวบ้านร้องเรียนสำนักงานพุทธฯ เกี่ยวกับพระธุดงค์ปลอมระบาด ออกเรี่ยไร บิณฑบาตในหลายพื้นที่นั้น ส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา ได้ลงไปตรวจสอบเกี่ยวกับพระธุดงค์ในหลายพื้นที่ ซึ่งทางส่วนคุ้มครองจะไม่พบตัวจริงของกลุ่มคนที่อ้างตัวเป็นพระธุดงค์เหล่า นั้น เพราะส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่ทำกันเป็นมืออาชีพ จากการตรวจสอบที่ผ่านมาพบว่า พระธุดงค์ที่ออกมาเรี่ยไร ส่วนมากจะเป็นพระปลอม ดังนั้น ทางส่วนคุ้มครองจะต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน ล่าสุดในพื้นที่บางใหญ่และพื้นที่บางกรวยได้แจ้งร้องเรียนเข้ามายังส่วนคุ้ม ครองแล้ว ตนจะเร่งดำเนินการส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกรอบ ในพื้นที่บางกรวย โดยเฉพาะหมู่บ้านสมชาย จ.นนทบุรี พระปลอมส่วนใหญ่จะทำกันเป็นมืออาชีพ เราก็พยายามตรวจจับแต่ก็ไม่เคยหมด ไม่ทันเจอตัว เหมือนโปลิศจับขโมย ดังนั้น พุทธศาสนิกชนควรสังเกต และดูจากพฤติกรรม หากมีเบาะแสก็สามารถแจ้งมาได้ที่เบอร์ 0-2441-4547

    ชาวบ้านรายหนึ่ง ในพื้นที่หมู่บ้านสมชาย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี กล่าวว่า ตนเป็นผู้ที่ได้เห็นพระธุดงค์กลุ่มนี้มาบิณฑบาตแถวหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง ได้ประมาณ 3 สัปดาห์แล้ว และได้สอบถามพระเหล่านี้ว่ามาจากที่ใดก็ได้รับคำตอบที่แตกต่างทุกวัน และได้จำวัดอยู่ที่วัดโพธิ์ ย่านพุทธมณฑลสาย 1 จึงเกรงว่าจะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพออกมาหลอกลวงประชาชน ตนจึงได้ขับรถจักรยานยนต์ เพื่อใช้โทรศัพท์มือถือดักรอถ่ายรูปพระกลุ่มนี้ ในการแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการ พอมาถึงบริเวณกลางหมู่บ้านก็ได้เจอพระธุดงค์ทั้ง 2 รูป ตนจึงรีบถ่ายรูปพระรูปดังกล่าวไว้ ปรากฏว่า พระกลุ่มนี้พยายามหลบเลี่ยงด้วยการเดินหนี และรีบเดินจนจีวรปลิวไปเรียกแท็กซี่ออกจากซอยหมู่บ้านสมชายไปทันที โดยไม่ยอมบิณฑบาตต่อ "ได้โทร.ไปสอบถามวัดโพธิ์ ย่านพุทธมณฑลสาย 1 ว่ามีพระธุดงค์มาจำวัดอยู่หรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีพระธุดงค์กลุ่มดังกล่าวที่มีการอ้างถึง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้ลงมาช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะเป็นห่วงว่าจะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่อาศัยความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อ พระพุทธศาสนามาหากิน"
    [/FONT]

    http://www.khaosod.co.th/view_news....nid=TURNd053PT0=&day=TWpBeE1TMHdNaTB3TVE9PQ==

     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ธปท.เตรียมออกพันธบัตรรุ่นใหม่อายุ2และ4ปี ดอกเบี้ยคงที่และลอยตัว

    นาง ผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เพื่อให้มีเครื่องมือดูซับสภาพคล่องที่หลากหลายมากขึ้น ธปท. เตรียมออกพันธบัตรประเภทดอกเบี้ยคงที่ อายุ 4 ปี ซึ่งจะประมูลไตรมาสละครั้งในวงเงิน 1-2 หมื่นล้านบาท เริ่มออกครั้งแรกวันที่ 22 ก.พ. 2554
    และพันธบัตรประเภทดอกเบี้ยลอยตัว อายุ 2 ปี ซึ่งจะเริ่มออกครั้งแรกในเดือน มี.ค. ประมูลไตรมาสละครั้ง และวงเงินประมูลต่อครั้ง 1-2 หมื่นล้านบาทเช่นเดียวกัน โดยพันธบัตรแต่ละรุ่นอาจมีการประมูลซ้ำ (reopen) พันธบัตรรุ่นเดิม เพื่อให้มีสภาพคล่องเพียงพอในตลาดรอง การออกพันธบัตรจะไม่กระทบต่อสภาพคล่องในระบบ เพราะการดูซับ ธปท. จะดูถึงความเหมาะสม และมีการหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อให้การออกพันธบัตรของทั้ง ธปท. และภาครัฐอื่นๆ มีปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการ และตลาดสามารถปรับตัวล่วงหน้าได้
    “ธปท. ต้องดูซับสภาพคล่องจำนวนมาก เห็นได้จากทุนสำรองระหว่างประเทศที่สูงขึ้น การที่เงินในระบบเพิ่มขึ้นเร็วอาจทำให้ดอกเบี้ยลดลง ภายใต้เป้าหมายเงินเฟ้อทำให้เราต้องดูแลเงินในระบบ ซึ่งต้องอาศัยเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลายด้วย”
    <table style="margin-top: 20px; margin-bottom: 10px;" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="650"> <tbody><tr> </tr></tbody></table>
    ธปท.เตรียมออกพันธบัตรรุ่นใหม่อายุ2และ4ปี ดอกเบี้ยคงที่และลอยตัว : มติชนออนไลน์


    .

    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1296552857&grpid=&catid=05&subcatid=0501

    .



    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>
    อรุณสวัสดิ์ยามเช้ามืด วันพุธ สุขใจ ครับ
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table style="width: 406px; height: 27px;" border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">
    </td><td class="date" align="left" valign="middle">
    </td></tr></tbody></table>
    กรมศิลป์ขยายเวลาสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ 9 องค์ ถึง 6 กุมภาฯ นี้
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 กุมภาพันธ์ 2554 17:25 น.

    กรมศิลป์ขยายเวลา เข้าสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ 9 องค์ถึง 6 ก.พ.นี้ พร้อมจัดพิมพ์หนังสือและแผ่นภาพชุด 9 พระพุทธรูป ณ วังหน้าพระปฏิมาแห่งแผ่นดินขึ้น จำนวนอย่างละ 1 หมื่นชุด

    กระทรวงวัฒนธรรม วันนี้ (1 ก.พ.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวในการแถลงข่าวการจัดพิมพ์หนังสือและแผ่นภาพชุด 9 พระพุทธรูป ณ วังหน้าพระปฏิมาแห่งแผ่นดินว่า จาก การที่กรมศิลปากรจัดกิจกรรมฤกษ์ดีปีใหม่ “ไหว้พระพุทธรูปวังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน” โดยอัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สำคัญ 9 องค์ของประเทศ ได้แก่ 1.พระพุทธสิหิงค์ 2.พระหายโศก 3.พระไภษัชยคุรุ 4.พระชัยลงอักขระขอม 5.พระพุทธ รูปทรงเครื่อง พระมหาจักรพรรดิ 6.พระพุทธรูปหลวงพ่อนาก 7.พระพุทธรัตนมหามุนี พระแก้วน้อย องค์ที่ 8 และ 9 เป็นพระพุทธรูปคู่ไม้แก่นจันทน์แดง มาให้ประชาชนสักการะ ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งแต่วันที่2-30ม.ค.ที่ผ่านมามีประชาชนเข้าร่วมสักการะจำนวนมากถึง 2.6 แสนคน จึงขยายเวลาให้ประชาชนเข้าสักการะได้จนถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้

    พร้อมกันนี้ กรมศิลปากรยังได้จัดพิมพ์หนังสือและแผ่นภาพชุด 9 พระพุทธรูป ณ วังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดินขึ้น จำนวนอย่างละ 1 หมื่นชุด โดยมีเนื้อหา แสดงความสำคัญ คติ ความเชื่อ และประวัติความเป็นมาของพระพุทธรูปมงคลโบราณทั้ง 9 องค์ เพื่อเผยแพร่ความรู้ และสร้างความศรัทธาสู่ประชาชนที่เข้ามาสักการะ โดยหนังสือจัดจำหน่ายในราคา 40 บาท และแผ่นภาพโปสการ์ด ราคาชุดละ 30 บาท ผู้สนใจสอบถามได้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สอบถาม โทร. 0-2224-1370 และที่กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร โทร. 0-2222-3569, 0-2222-0934

    Quality of Life - Manager Online -


    .

    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000013944
    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผีสอนบอลวิลล่า 3-1 รูนีย์ฟื้นยิง2ตุง

    ปืน-เชลซีซิวชัย

    <style>p { margin: 0px; }</style> ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษประจำวันอังคารที่ 1 ก.พ. โดยในคืนนี้มีทั้งหมด 4 คู่ด้วยกัน "สิงห์โตน้ำเงินคราม" เชลซี บุกถิ่น "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ ด้าน "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เปิดรังรับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน อีกสองคู่ แมนฯยูพบแอสตันวิลล่า และสุดท้าย เวสต์บรอมเจอวีแกน ผลเป็นดังนี้

    แมนฯยู 3-1 แอสตันวิลล่า
    <table class="livescores" border="1" cellpadding="1" cellspacing="0"> <tbody> <tr valign="top"> <td class="c1"> รูนีย์ นาที 1, 45+1
    วิดิช นาที 63
    </td> <td class="c2"> </td> <td class="c3"> เบนต์ นาที 58

    </td></tr></tbody></table>

    อาร์เซนอล 2-1 เอฟเวอร์ตัน
    <table class="livescores" border="1" cellpadding="1" cellspacing="0"> <tbody> <tr valign="top"> <td class="c1"> อาร์ชาวิน นาที 70
    ฟาน เพอร์ซี นาที 76
    </td> <td class="c2"> </td> <td class="c3"> ซาฮา นาที 24

    </td></tr></tbody></table>

    ซันเดอร์แลนด์ 2-4 เชลซี
    <table class="livescores" border="1" cellpadding="1" cellspacing="0"> <tbody> <tr valign="top"> <td class="c1"> บาร์ดรีย์ นาที 4
    ริชาร์ดสัน นาที 26
    </td> <td class="c2"> </td> <td class="c3"> แลมพาร์ด(จุดโทษ) นาที 15
    คาลู นาที 23
    เทอร์รี่ นาที 60
    อเนลก้า นาที 90+3
    </td></tr></tbody></table>


    เวสต์บรอม 2-2 วีแกน
    <table class="livescores" border="1" cellpadding="1" cellspacing="0"> <tbody> <tr valign="top"> <td class="c1"> โอเดมวิงกี้ นาที 5
    ฟอร์จูน นาที 79
    </td> <td class="c2"> </td> <td class="c3"> เอ็นซอกเบีย นาที 20
    วัตสัน นาที 43
    </td></tr></tbody></table>
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผีบดวิลลา 3-1 ปืนบี้ทอฟฟี่ 2-1 <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">2 กุมภาพันธ์ 2554 04:53 น.</td></tr></tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="baseline">"ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดรังบดชนะ แอสตัน วิลลา 3-1 ยึดจ่าฝูงศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้อย่างเหนียวแน่น ด้าน "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล มีฮึดพลิกกลับมาบี้ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน 2-1 ในเกมการแข่งขันเมื่อคืนวันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554

    ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1 แอสตัน วิลลา

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="350"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="350"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">"เบอร์บาตอฟ" เจอ "คอลลินส์" ตามประกบติด</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ขนผู้เล่นชุดใหญ่ "ผีแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมเปิดโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับมือ "สิงห์ผงาด" แอสตัน วิลลา โดย ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมันยา วิดิช, ปาทริซ เอฟรา คืนเกมรับ แผงกลาง ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ประสานงาน ไมเคิล คาร์ริค มีทาง หลุยส์ นานี กับ ไรอัน กิกส์ ขึ้นเกมให้ เวย์น รูนีย์ และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ลุ้นสกอร์ ด้าน เชราร์ด อุลลิเยร์ กุนซือทีมเยือนวางหมากรัดกุมมาเยือน ฌอง มากูน ตัดเกมร่วมกับ สติลิยัน เปตรอฟ เกมรุกปล่อยให้ มาร์ค อัลไบรตัน, แอชลีย์ ยัง และ สจวร์ต ดาวนิง คอยปั้น ดาร์เรน เบนท์ หอกตัวเป้า

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="200"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="200"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">"รูน" ยิงสองจ่ายหนึ่งในนัดนี้</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> เริ่มเกมการแข่งขันได้เพียง 49 วินาที แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ออกนำ 1-0 ตั้งแต่ไก่โห่ เมื่อ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เปิดเกมจากหน้าประตูตัวเองให้ เวย์น รูนีย์ จับบอลลงหนึ่งจังหวะก่อนเบียด ริชาร์ด ดันน์ เข้าไปกระหน่ำบอลผ่านมือ แบรด ฟรีเดล เสียบตาข่ายอย่างเด็ดขาด จากนั้นเจ้าถิ่นเล่นอย่างมั่นใจ หลุยส์ นานี พลิกเข้ามายิงด้วยซ้ายบอลโด่งข้ามคาน นาทีที่ 17 แอสตัน วิลลา สวนขึ้นมาเหมือนกัน ดาร์เรน เบนท์ พยายามลักไก่ยิงเร็วหมายให้เสียบเสาแรก ทว่า เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ พุ่งไปตะปบบอลได้ทัน

    ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก "ผีแดง" เกือบหนีห่างได้เมื่อ นานี เล่นชิ่งกับ รูนีย์ บอลแฉลบ เจมส์ คอลลินส์ มาเข้าทาง นานี ปีกโปรตุกีสได้กระหน่ำเน้นๆ ร้อนถึง ฟรีเดล ต้องปัดพ้นอันตรายไปอย่างหวุดหวิด ครึ่งชั่วโมงพอดี ไรอัน กิกส์ ได้จังหวะง้างยิงด้วยขวาในกรอบโทษ แต่บอลพุ่งไปตรงตัวนายทวารจอมเก๋า "สิงห์ผงาด" เข้าสู่ช่วงท้ายครึ่งแรก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจถอดเอา ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ที่บาดเจ็บออกมาพัก จากนั้น ปาทริซ เอฟรา เติมขึ้นมาซัดด้วยซ้ายติดเซฟ ฟรีเดล แต่ช่วงทดเจ็บ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ทิ้งไป 2-0 จากจังหวะ นานี เปิดให้ รูนีย์ สอดเข้ามายิงเน้นๆ ไม่เหลือ

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="200"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="200"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">"นานี" ตามสะกิด "มากูน"</td></tr> </tbody></table></td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ลุยต่อครึ่งหลังไม่ถึง 20 วินาที เจ้าถิ่นทักทายผู้มาเยือนจากมิดแลนด์หนักๆ อีกครั้ง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ แทงทะลุให้ นานี หลุดเข้าไปจิ้มทว่าคราวนี้ ดันน์ ตามบล็อกออกหลังได้ทัน ถัดมาแฟนๆ วิลลา พยายามร้องเอาจุดโทษเมื่อเห็น เบนท์ เบียดไปกับ เอฟรา แล้วล้มลง แต่ไม่มีเสียงนกหวีดยาวจาก คริส ฟอยด์ เชิ้ตดำในนัดนี้ แต่ถึงนาที 58 "สิงห์ผงาด" ตีไข่แตกไล่มา 1-2 เมื่อ สจวร์ต ดาวนิง กระชากขึ้นไปก่อนไหลใส่พานให้ เบนท์ แปสวนตัว ฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าไป แต่ถัดมา 5 นาที แมนน ยูไนเต็ด ก็หนีเป็น 3-1 เมื่อ เนมันยา วิดิช เติมขึ้นมาซัดด้วยขวาเน้นๆ บอลเสียบตาข่ายอย่างงดงาม

    ช่วง 20 นาทีสุดท้าย "เฮียโปน" อุลลิเยร์ เสี่ยงมากขึ้นส่ง เอมิล เฮสกี ไปช่วยล่าตาข่ายและถอดเอา มาร์ค อัลไบรตัน ออกมา ถัดมาทีมเยือนเกือบไล่เข้ามาอีก ถ้าลูกปั่นโค้งของ แอชลีย์ ยัง ไม่กระแทกคานออกหลังไป ถัดมา แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบได้ลุ้นอีกหนึ่งประตู รูนีย์ หลุดกับดักล้ำหน้ากำลังจะตะบันแต่โดน ดันน์ ตามมาสไลด์บอลได้ถูกจังหวะพอดี ก่อนหมดเวลา 6 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะได้ประตูฝังชัยเมื่อ นานี ยิงติดเซฟ ฟรีเดล มาเข้าทาง เบิร์บ ซ้ำข้ามคาน อย่างไรก็ตาม "ผีแดง" ยังประคองตัวเก็บชัยมีเพิ่มเป็น 54 คะแนนจาก 24 นัด รั้งฝูงขึ้นหน้า อาร์เซนอล อันดับ 2 อยู่ 5 แต้ม ขณะที่ วิลลา มี 28 คะแนนจาก 25 นัด ยังอยู่ที่ 13 ของตาราง

    รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
    แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , จอห์น โอเชีย , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , เนมันยา วิดิช , ปาทริซ เอฟรา , หลุยส์ นานี , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , ไมเคิล คาร์ริค , ไรอัน กิกส์ , เวย์น รูนีย์ , ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ

    วิลลา : แบรด ฟรีเดล , ไคล วอล์คเกอร์ , ริชาร์ด ดันน์ , เจมส์ คอลลินส์ , เคียแรน คลาร์ก , มาร์ค อัลไบรตัน , สติลิยัน เปตรอฟ , ฌอง มากูน , สจวร์ต ดาวนิง , แอชลีย์ ยัง , ดาร์เรน เบนท์

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="350"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="350"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">"ซาฮา" ยิงให้ทอฟฟี่นำก่อนพ่ายปืน</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ประจำคืนวันอังคาร

    อาร์เซนอล 2-1 เอฟเวอร์ตัน
    [0-1 : หลุยส์ ซาฮา (น.24) , 1-1 : อังเดร อาร์ชาวิน (น.70) , 2-1 : โลร็องต์ คอสเซลนี (น.76)]

    ซันเดอร์แลนด์ 2-4 เชลซี
    [1-0 : ฟิลลิป บาร์ดลีย์ (น.4) , 1-1 : แฟรงค์ แลมพาร์ด (จุดโทษ น.15) , 1-2 : ซาโลมอน กาลู (น.23) , 2-2 : คีแรน ริชาร์ดสัน (น.26) , 2-3 : จอห์น เทอร์รี (น.60) , 2-4 : นิโกลาส์ อเนลกา (น.90)]

    เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 2-2 วีแกน แอธเลติก
    [1-0 : ปีเตอร์ โอเดมวินกี (น.5) , 1-1 : ชาร์ลส เอ็นซ็อคเบีย (น.20) , 1-2 : เบน วัตสัน (น.43) , 2-2 : มาร์ค อองตวน ฟอร์ตูเน (น.79)]

    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1 แอสตัน วิลลา
    [1-0 : เวย์น รูนีย์ (น.1) , 2-0 : เวย์น รูนีย์ (น.45) , 2-1 : ดาร์เรน เบนท์ (น.58) , 3-1 : เนมันยา วิดิช (น.63)]</td></tr></tbody></table>

    Sport - Manager Online -
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ธุรกิจค้าความเชื่อ! สะเดาะเคราะห์แก้ชง


    [​IMG]


    ธุรกิจค้าความเชื่อ'! สะเดาะเคราะห์แก้ชง (ไทยโพสต์)

    วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ปีนี้ ตามปฏิทินจีนตรงกับวันขึ้นปีใหม่ หรือ "วันตรุษจีน" ธรรมเนียมประเพณีจีน นอกจากการกราบไหว้บูชาเทพเจ้า ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเซ่นไหว้บรรพบุรุษแล้ว ยังมีสิ่งที่ทั้งชาวจีนและคนไทยทั่วไปให้ความสนใจกันมากในช่วงนี้ คือ การกราบไหว้เทพเจ้าเพื่อ "สะเดาะเคราะห์" แก้ปีชง ให้ตนเองปราศจากเคราะห์ร้ายหรือภัยอันตรายต่างๆ

    ด้วยความเชื่อที่ว่า ปีนักษัตรหรือโชคชะตาราศีประจำวันเดือนปีเกิดของตนเอง จะมีผลต่อความเป็นอยู่ของชีวิต ถ้าปีใดเป็นปีนักษัตรที่เกื้อหนุนหรือสมพงศ์ กับปีเกิดของตน ตลอดทั้งปีนั้นก็จะพบแต่ความราบรื่น ไร้อุปสรรคกีดขวาง แต่ถ้าปีใดเป็นปีนักษัตรที่เป็นคู่อริหรือไม่สมพงศ์กับปีเกิดตัวเอง ในปี นั้นชีวิตก็จะมีแต่เคราะห์ร้าย เต็มไปด้วยอุปสรรคขัดขวางมากมาย หรือเรียกว่าเป็นปีชง ซึ่งคนจีนอาศัยวิธีสะเดาะเคราะห์ด้วยการกราบไหว้ เทพเจ้าประจำปีนั้นๆ เพื่อแก้เคล็ดหรือแก้ปีชงให้ตนเองพ้นเคราะห์

    วัดมังกรกมลาวาส หรือ "วัดเล่งเน่ยยี่" วัดพุทธนิกายมหายานย่านเยาวราช จึงเป็นสถานที่ในลำดับต้นๆ ที่เหล่าคนจีนและคนไทยเลือกจะไปทำบุญและไหว้เทพเจ้า เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตในช่วงเทศกาลตรุษจีน

    ภาพ ผู้คนภายในวัดเล่งเน่ยยี่ช่วงนี้ จึงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่แต่งกายด้วยเสื้อ ผ้าสีแดง ซึ่งเป็นสีมงคลของชาวจีน เดินทางมาสะเดาะเคราะห์แก้ปีชงเป็นจำนวนมาก มีทุก เพศทุกวัย ทั้งชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวต่างชาติ

    โดยทางวัดจัดจุดให้บริการทำบุญสะเดาะเคราะห์สำหรับผู้เกิดปีเถาะ ระกา ชวด และมะเมีย ด้วยชุดทำบุญสะเดาะเคราะห์แก้ปีชง สนนราคาชุดละ 100 บาท ประกอบด้วย กระดาษแดงพิมพ์ภาษาจีนซึ่งมีช่องว่างเว้นไว้สำหรับเขียนชื่อ-นามสกุล, วัน -เดือน-ปีเกิด และเวลาตกฟากของตนเอง เพื่อขอพรให้เทพเจ้าช่วยคุ้มครองดวงชะตา ให้แคล้วคลาดปลาสนาการจากเคราะห์ร้ายและปลอดภัยตลอดทั้งปี และยังมีกระดาษ เงินกระดาษทองเพื่อเป็นเครื่องสักการะแด่เทพเจ้าไท่ส่วยเอี๊ย ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งดวงชะตาชีวิต

    พระครูปลัด วิศิษฏ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส บอกว่า คนจีนมีความเชื่อว่าเทพเจ้าที่คุ้มครองชีวิตคนเรามีทั้งหมด 60 องค์ เทพเจ้า ที่มีคนกราบไหว้มากที่สุดคือ เทพเจ้าไท่ส่วยเอี๊ย ซึ่งจะคุ้มครองดวงชะตา และเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ โดยปกติแล้วทางวัดจะมีผู้มาทำบุญสะเดาะเคราะห์ตลอดทั้งปี แต่ในช่วงเทศกาล ตรุษจีนจะมีคนมาเยอะที่สุด โดยเฉลี่ยประมาณวันละ 2,000 คน มีทั้งคนในวัยหนุ่มสาวและผู้สูงอายุ ชาวต่างชาติก็มีอาทิ มาเลเซีย, ฮ่องกง, สิงคโปร์ และชาวตะวันตก แม้แต่ผู้นับถือศาสนาฮินดูก็ยังมาสะเดาะเคราะห์

    "วัด เล่งเน่ยยี่ถือเป็นวัดจีนที่มีความเก่าแก่และมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง ของกรุงเทพฯ จึงทำให้มีชาวพุทธแห่กันมากราบไหว้เทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็น สิริมงคลแก่ชีวิตตัวเอง เชื่อว่ากระแสทำบุญสะเดาะเคราะห์เพื่อแก้ปีชงนั้น น่าจะเกิดจากผู้คนสมัยนี้ ต้องการหาที่พึ่งทางจิตใจกันมากขึ้น ในภาวะสังคมและบ้านเมืองที่ไม่ปกติ ประกอบกับยังมีกระแสส่งเสริมไหว้พระ 9 วัด อีกทั้งยังมีหมอดูหรือซินแสแนะนำให้ผู้ที่เกิดปีชงไปไหว้พระที่วัดเล่งเน่ย ยี่ เชื่อว่าจะช่วยให้พ้นเคราะห์ได้" พระครูปลัดวิศิษฏ์บอกถึงสาเหตุ ที่ทำให้ช่วงเทศกาลตรุษจีนมีผู้คนมาไหว้พระกันแน่นขนัด

    ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเล่งเน่ยยี่อธิบายว่า การสะเดาะเคราะห์แก้ชงเป็นเรื่อง ของคนทั่วไปทางวัดไม่ได้เป็นฝ่ายทำพิธีแต่อย่างใด โดยผู้สะเดาะเคราะห์เป็นผู้ไหว้และนำกระดาษแดง กระดาษเงินกระดาษทองไปฝากไว้กับเทพเจ้าให้คุ้มครองตลอดปี ส่วนทางวัดช่วยจัด สถานที่เก็บ เมื่อถึงปลายปีจะนำไปเผาเป็นเครื่องบรรณาการให้เทพเจ้า รายได้จากค่าทำบุญ สะเดาะเคราะห์ก็นำไปเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาและจังหันสำหรับภิกษุ สามเณร วัดไม่มีรายได้มากจนทำให้วัดร่ำรวยแต่อย่างใด

    "การ สะเดาะเคราะห์เป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่ทำแล้วรู้สึกสบายใจ มีความมั่นใจที่ จะดำเนินชีวิตให้มีความสุข แต่อาตมาก็ยังไม่เคยสะเดาะเคราะห์ เพราะเชื่อว่าคนเราต้องตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท เพราะความประมาทเป็นหนทาง ไปสู่ภัยอันตราย แม้ว่าจะสะเดาะเคราะห์แล้วยังเป็นคนประมาท ก็ถือว่าเรามีเคราะห์อยู่ เทพเจ้าจะคุ้มครองเฉพาะผู้ที่มีสติและไม่ประมาท" พระครูปลัดวิศิษฏ์ให้ข้อคิด

    ด้านจีนศึกษา กล่าวถึง วัฒนธรรมความเชื่อเรื่องปีชงของชาวจีนว่า เทพเจ้าประจำปีที่เรียกว่า "ไท่ ส่วย" มีทั้งหมด 60 องค์ ทำหน้าที่หมุนเวียนสับเปลี่ยนดูแลดวงชะตาในแต่ละปี ปัจจุบันกระแสนิยมกราบ ไหว้เทพเจ้าไท่ส่วยเป็นประจำทุกปีเพื่อสะเดาะเคราะห์กำลังมาแรง เนื่องจากมี ความเชื่อว่า ผู้ที่เกิดในปีที่เป็นคู่อริของปีนักษัตรนั้นๆจะต้องไปสะเดาะเคราะห์ ซึ่ง ตามตำราจีนแล้วปีเถาะชงกับปีระกา ซึ่งเป็นคู่ตรงข้ามกัน ผู้เกิดปีระกาจะมีเคราะห์ ส่วนปีชวดและปีมะเมียก็เป็นปีที่ชงกับปีเถาะเช่นกัน

    "ใน สมัยก่อนผู้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์จะเป็นซินแส หรือหมอดูผู้มีความรู้ด้านดวงชะตา แต่ทุกวันนี้ทางวัดเริ่มหันมาส่งเสริมการ สะเดาะเคราะห์มากขึ้น น่าเป็นห่วงว่าวัดบางแห่งที่ไม่เคยจัดพิธีสะเดาะ เคราะห์ก็อยากมีรายได้เข้าวัด จึงเชิญชวนคนเข้าวัดทำบุญสะเดาะเคราะห์เพื่อหวังลาภสักการะจากความเชื่อของ ผู้คน"

    อย่างไรก็ตาม นักวิชาการอิสระด้านจีนศึกษาผู้นี้ฝากไปถึงผู้ที่มีความเชื่อ เรื่องนี้ว่า ให้ตระหนักถึงความเป็นคนที่มีคุณธรรม ความกตัญญูต้องมีอยู่ในจิตใจ การ ฝากดวงให้เทพเจ้าคุ้มครองก็ต้องทำความดีตอบแทนเหมือนกัน ดังเช่นพระโพธิสัตว์ที่มีความเมตตากรุณาแก่มนุษย์




    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไทยโพสต์

    [​IMG]




    .

    http://horoscope.kapook.com/view21067.html

    .

    http://thaipost.net/news/310111/33641

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ใครขี้ลืม…มาทางนี้มีทางแก้/ดร.แพง ชินพงศ์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>2 กุมภาพันธ์ 2554 06:52 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    คุณเคยประสบปัญหาเช่นนี้บ้างไหม...

    - ลืมสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำ คือมักลืมในสิ่งที่ไม่น่าจะลืม เช่น ลืมปิดน้ำ ลืมปิดไฟ ผิดนัดสำคัญ ลืมว่าต้องไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ซึ่งกว่าจะจำได้ก็เลยกำหนดเวลาชำระเงินไปแล้ว

    - ลืมบุคคล คือ การจำชื่อคนไม่ได้ การจำหน้าคนที่รู้จักไม่ได้ ซึ่งอาการลืมบุคคลนี้ บางคนอาจจะจำได้แต่ชื่อ บางคนอาจจะจำได้แต่หน้าตา บางคนอาจจะอาการหนักถึงขั้นที่จำไม่ได้ทั้งชื่อและหน้าตาของคนที่รู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดีหรือแม้กระทั่งจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยรู้จักคนๆนี้มาก่อน

    - ลืมสถานที่ คือ การลืมทิศทาง ไม่สามารถจดจำสถานที่ต่างๆที่ตนเองเคยไปได้ หรือจำไม่ได้ว่ากำลังจะไปที่ไหน

    - ลืมบทเรียน ข้อนี้เป็นผลเสียต่อผู้ที่ยังอยู่ในวัยเรียนเป็นอย่างมาก คือ การที่ไม่สามารถจดจำบทเรียนต่างๆที่ตนเองเคยเรียน เคยอ่านหรือเคยพยายามท่องจำ เช่น สูตรคณิตศาสตร์ สูตรวิทยาศาสตร์ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ บางคนเป็นมากถึงขนาดที่พอคุณครูพูดยังไม่ทันจบประโยคก็ลืมเสียแล้ว

    - ลืมเหตุการณ์ที่สำคัญ คือ การลืมเหตุการณ์หรือวันสำคัญต่าง ๆ ในชีวิตที่ควรจดจำ เช่น ลืมวันเกิดของตัวเองหรือของคนในครอบครัว ลืมวันครบรอบงานแต่งงาน

    สาเหตุการหลงลืมมีได้หลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอายุ เรื่องสุขภาพร่างกาย ความเครียดและความวิตกกังวลต่างๆ ปัญหาที่มีมากมายในชีวิตหรือการมีงานหลายอย่างที่ต้องจัดการ ปัญหาการหลงลืมเกิดขึ้นได้กับทุกคน ส่วนจะมากน้อยแค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นเหตุให้รำคาญใจทั้งกับตนเองและผู้คนรอบข้าง

    ผู้เขียนจึงขอนำเสนอวิธีช่วยคนขี้ลืมให้หายลืมแบบง่าย ๆ มาฝาก ดังนี้

    1.เขียนโน้ตติดไว้ในที่ ๆ เห็นชัดเจน เช่นที่โต๊ะทำงาน กระจกที่โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เย็น ทางเดินที่ต้องผ่านบ่อยๆ ในรถ โดยใช้กระดาษโน้ตหรือจะเป็นบอร์ดเล็กๆก็ได้ เลือกขนาดและสีสันที่มองเห็นได้ง่าย วิธีนี้เป็นวิธีเตือนความจำอย่างง่าย ๆ ที่ได้ผลดีมากวิธีหนึ่งและเป็นวิธีแรกๆที่คุณหมอมักแนะนำให้ใช้ปฏิบัติ

    2.ฝึกสมองอยู่เสมอ โดยการกระตุ้นให้สมองได้ทำงานและได้ออกกำลังผ่านทางกิจกรรมต่างๆ เช่น เล่นเกมส์ เล่นดนตรี เล่นกีฬา ทำอาหาร ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ เพราะกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยทำให้สมองได้พัฒนากระบวนการคิดและช่วยฝึกในด้านความจำเป็นอย่างดี

    3.เล่นโยคะ ปัจจุบันมีผู้หันมาเล่นโยคะเพิ่มขึ้น เพราะนอกจากกิจกรรมโยคะจะช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายดีขึ้นแล้ว การควบคุมจังหวะการหายใจเข้าออก ยังช่วยทำให้เกิดสมาธิ ซึ่งมีผลในการช่วยเรื่องของความจำที่ดีด้วย

    4.ฝึกภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น การเรียนภาษาเป็นวิธีการพัฒนาความจำได้ดีมากอีกวิธีหนึ่ง เพราะในการเรียนภาษาต่าง ๆ นั้น การใช้ความจำก็มีความสำคัญมาก ทั้งการจำตัวอักษร การจำโครงสร้างไวยากรณ์ฯ ดังนั้นเมื่อเราได้ฝึกเรียนภาษาอื่นจึงทำให้เราได้ฝึกใช้ความจำ ซึ่งการฝึกภาษาต่างประเทศอาจทำโดยการฝึกด้วยตนเอง เช่น ซื้อหนังสือมาอ่าน หา DVDภาพยนตร์หรือเพลงต่างประเทศมาดูและฟัง หรือการฝึกโดยอาศัยผู้อื่น เช่น สมัครเรียนที่โรงเรียนสอนภาษา

    5. อย่าทำกิจกรรมหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ถ้ารู้ว่าตนเองเป็นคนที่ขี้หลงขี้ลืมและไม่ค่อยมีสมาธิสักเท่าไรก็ไม่ควรทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน เช่น ท่องหนังสือและดูทีวีไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งจะทำให้การท่องจำบทเรียนไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร พูดโทรศัพท์ในขณะขับรถ นอกจากอาจจะทำให้หลงทางเสียเวลาแล้ว อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุเพราะขาดสมาธิและไม่สามารถใช้ความระมัดระวังได้อย่างเต็มที่

    6.มีสมุดบันทึก คนขี้ลืมทุกคนควรมีสมุดจดบันทึกพกติดตัวไว้เสมอ โดยสามารถจดสิ่งต่าง ๆ ที่มีความสำคัญและมีความจำเป็นไว้ในสมุดนี้ เช่นงานที่ต้องทำ การนัดหมายในแต่ละวัน ข้อมูลต่าง ๆ ของคนในครอบครัว เพื่อน ลูกค้า เช่น วันเกิด เบอร์โทรศัพท์ หากจำอะไรไม่ได้ก็จะสามารถเปิดดูข้อมูลต่าง ๆ ได้จากในสมุดบันทึกนี้

    7.ท่องเที่ยวเพิ่มความจำ การเดินทางท่องเที่ยวเป็นการช่วยกระตุ้นความจำได้ดี เพราะการไปยังสถานที่แปลก ๆ ใหม่ ๆ การได้พบเจอหรือสัมผัสกับผู้คน อากาศ สถานที่ ๆ เราไม่คุ้นเคยจะทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น สนุกสนาน ช่วยให้สมองเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ซึ่งเป็นวิธีเสริมความจำดีอีกวิธีหนึ่ง เพราะเป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่ความจำและกระตุ้นให้สมองของเราจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

    วิธีแก้ลืมทั้ง 7 ข้อนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโน้ตติดไว้ในที่ ๆ เห็นชัดเจน การฝึกสมองผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เล่นเกมส์ เล่นดนตรี เล่นกีฬา ทำอาหาร ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ การเล่นโยคะ การฝึกภาษาต่างประเทศ การระวังที่จะไม่ทำกิจกรรมหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การมีสมุดบันทึกและการใช้เวลาว่างในการท่องเที่ยวเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ ๆ และเพิ่มความจำให้กับสมอง เป็นวิธีการง่าย ๆ ที่คุณทุกคนสามารถนำไปใช้ได้อย่างเป็นประโยชน์และเชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาการขี้ลืมให้แก่ทุกท่านได้อย่างเป็นผลดีไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน

    Life & Family - Manager Online -

    http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000013304


    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตำนานเทพเจ้าจีน

    ในช่วงศตวรรษที่ 3-6 คนจีนเชื่อว่าจักรวาลในปัจจุบันเป็นเพียงวัตถุก้อนเดียวหน้าตาคล้ายๆไข่ไก่ หมุนวนไปมาจนดูครึ้มเหมือนเมฆหมอก กาลเวลาผ่านไปก็มีสัตว์ประหลาดเกิดขึ้นจากกลุ่มเมฆหมอก นี่แหละ เขาเรียกกันว่า ผางอู๋(Pangu) บางตำราก็เรียกกันว่า ผานกู่ (Panku) แต่ก็เป็นเจ้าตัวเดียวกันนี่แหละ เรื่องเล่าของ ผางอู๋ก็มีหลายตำราอีกเหมือนกัน บางตำราบอกว่าสัตว์นี้รูปร่างใหญ่โตกำยำ มีเขางอกที่หัว มีเขี้ยวงอกที่ปาก มีขนรุงรังเต็มตัว มือซ้ายถือสิ่ว มือขวาถือขวานใหญ่ บางตำราบอกว่ามี 7 แขน 8 เท้าบางตำราบอกตรงข้ามกันไปเลยว่า เป็นเหมือนคนแคระนุ่งห่มหนังหมีหรือใบไม้ บางตำราบอกว่าอยู่ในไข่ แต่สิ่งที่ตรงกัน เจ้าผางอู๋นี้ ตัวโตเร็วมาก สูงขึ้นได้ถึงวันละ 10 ฟุต พอโตมากจักรวาลรูปไข่ที่อยู่ก็แตกออกเป็นสองส่วน ส่วนที่ใสสะอาด(สงสัยเป็นไข่ขาว)กลายมาเป็นสรวงสวรรค์ ส่วนที่ขุ่นข้นกว่า(สงสัยเป็นไข่แดง) ตกลงมาเป็นตะกอน กลายเป็นแผ่นดิน แล้วมีเจ้าผางอู๋นี่แหละอยู่ตรงกลางเป็นตัวแยก พอเจ้าผางอู๋โตขึ้น ฟ้ากับดินก็แยกกันมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป กว่าผางอู๋จะตายประมาณว่าฟ้าดินห่างกันราว 30,000 ไมล์
    ฟ้ากับดินที่เจ้าผางอู๋ไปขั้นไว้นั้น ฟ้าเปรียบได้กับเพศชาย เรียกว่า หยาง(Yang) ซึ่งแสดงถึงความอบอุ่น แสงสว่างตรงข้ามกับหยิน(Yin)ซึ่งเปรียบได้เหมือนเพศหญิง ซึ่งแสดงถึงความมืดและความหนาวเย็นนั่นแหละ
    ส่วนดินที่เจ้าผางอู๋ใช้เท้ายันไว้นั้น เล่ากันว่ามีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีมหาสมุทรอยู่ล้อมทั้งสี่ด้าน เรียกไดว่าเป็นด้านล่างของเปลือกไข่ ส่วนท้องฟ้าที่แน่นอนว่าเป็นด้านบนของไข่นั้น มีรูปเหมือนชามคว่ำ มีพระอาทิตย์ตั้ง 10 ดวง มีพระจันทร์ 12 ดวง ลอยไปลอยมาใต้รูปชามคว่ำฝา
    เนื่องจากพระอาทิตย์มีตั้ง 10 ดวง เลยต้องมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปปรากฏตัวบนท้องฟ้าดดยพระอาทิตย์จะนั่งรถทรง มีหมู่มังกรลาก รุ่งอรุณที่พระอาทิตย์ต้องทำหน้าที่ก็จะค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากหุบเขาแสงสว่าง แล้วไปสรงน้ำที่ทะเลสาบสุดขอบของจักรวาลด้านตะวันออก พอสรงสนานเสร็จ ก็จะปีนต้นไม้ที่อยู่ข้างทะเลสาบ อีก 9 ดวงที่ไม่มีหน้าที่ก็ปีนอยู่แถวกิ่งล่างๆ ดวงที่เข้าเวรก็ปีนอยู่แถวบนๆ เพื่อรอขึ้นไปทำหน้าที่ต่อ พอรถมารับพระอาทิตย์ก็นั่งรถไปเรื่อยๆจนถึงขอบตะวันตก ส่วนพระจันทร์ก็ใช่ย่อยไม่น้อยหน้ามีรถทรงเหมือนกัน แต่วิ่งสลับทางกัน พระจันทร์นั่งรถจากทางทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก พระจันทร์กับพระอาทิตย์ที่มีอยู่มาดวงจึงทำงานดังนี้
    กลับมาเรื่องเจ้าผางอู๋กันต่อ เจ้าผางอู๋ก็ค้ำยันระหว่างฟ้ากับดินมาเรื่อยๆจนตาย พอตายไปเจ้าผางอู๋ก็สลายธาตุไปเป็นสิ่งต่างๆนานา บนโลกมนุษย์นี่แหละ ลมหายใจกลายเป็นลมและกลุ่มเมฆ เสียงกลายเป็นฟ้าแลบ ฟ้าผ่า ตาซ้ายกลายเป็นเทือกเขาและภูเขา คอยค้ำยันฟ้าดินให้อยู่ห่างกันต่อไป ส่วนเลือดกลายมาเป็นแม่น้ำ เส้นเลือดกลายเป็นถนนหนทาง เนื้อกลายเป็นต้นไม้และดิน เส้นขนบนหัวกลายเป็นดวงดาว ผิวหน้ากับขนตามลำตัวกลายเป็นต้นหญ้า ดอกไม้ ส่วนฟันและกระดูกกลายเป็นหินและแร่ธาตุ ส่วนเหงื่อกลายมาเป็นน้ำค้าง
    ส่วนคนเรามาจากตัวพยาธิ เห็บ หมัด ที่แทรกอยู่ในตัวเจ้าผางอู๋ ส่วนแขนขาลำตัวที่กลายมาเป็นภูเขาเทือกเขาเปรียบเสมือนเสาที่คอยค้ำยันฟ้ากับดินไว้ ภูเขาที่สำคัญที่สุดคือด้านตะวันออกและตะวันตก ภูเขาด้านตะวันออกมีชื่อว่า ไทซาน (Tai shan) ซึ่งเป็นภูเขาที่มีอยู่จริงตามภูมิศาสตร์ของจีน ผู้ที่ดูแลรักษาภูเขาแห่งนี้มีชื่อว่า มูคุง (Mu-Kung) ผู้เป็นใหญ่แห่งหยาง และเทพเจ้าแห่งความเป้นอมตะ ส่วนภูเขาด้านตะวันตกมีชื่อว่า คุนลุน (Kun-lun) หรือเรียกว่า คุนลุ้น ภูเขาสูงเสียดฟ้าและหยั่งรากลึกลงไปในดิน เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำเหลืองและเป็นที่สถิตอยู่ของเทพเจ้าหลายองค์
    บางตำรากล่าวว่า
    มนุษย์มาจากการเสกสรรปั้นแต่งของเทพเจ้าชื่อนูกัว เทพเจ้าตนนี้มีส่วนเป็นมนุษย์ส่วนล่างเป็นมังกร สร้างสรรค์ปั้นแต่งสิ่งต่างๆได้มากมาย อยู่มาวันหนึ่ง เทพเจ้านูกัวรู้สึกว่าโลกช่างเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว เลยอยากสร้างอะไรซักอย่างมาเป็นเพื่อน ว่าแล้วไม่รอช้า ตรงที่แม่น้ำเอาโคลนมา ปั้นส่วนบนให้เหมือนนาง แต่ส่วนล่างปั้นให้มีขาแทน จะได้ตั้งได้ ปั้นเสร็จก็ให้ชีวิตด้วย เจ้ามนุษย์ที่ปั้นมาเลยมีความสามารถร้องรำทำเพลง ทำให้นางมีความสุข เทพเจ้านูกัวเลยได้ความคิดว่าถ้าโลกมีสิ่งมีชีวิตนี้มากๆคงจะดี ว่าแล้วนางเลยนั่งปั้นโคลน วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า จำนวนที่ปั้นได้ยังไม่มากพอซักทีเลยคิดวิธีใหม่ ว่าแล้วก็ไปเอาเถาวัลย์ยาวๆจุ่มลงไปในโคลนแล้วบิดเกลียว โคลนที่ติดเถาวัลย์หยดลงมาเป็นตัวตน เป็นรูปร่างมนุษย์ขึ้น เขาเชื่อว่ามนุษย์ใดที่เทพเจ้านูกัวปั้นจะร่ำรวย แต่มนุษย์ใดเกิดจากเถาวัลย์ปั้นจะโชคร้าย มีชีวิตยากลำบาก ต่อมาเทพเจ้านูกัวก็คิดอีกว่า ถ้านางไม่อยู่แล้วใครมามานั่งปั้นส่วนมนุษย์ที่ตายไปละเนี่ย นางเลยแบ่งมนุษย์ออกเป็นสองเพศ คือชาย-หญิง จะได้สามารถผลิตมนุษย์เองได้ มนุษย์เลยมีจำนวนมากมาย

    ต้นตระกูลของเทพเจ้า

    [​IMG]

    ในช่วงแรกของจักรวาลไม่ได้มีสรวงสวรรค์ให้เทพเจ้าอยู่แต่อย่างใด จนกระทั่งเกิดผางอู๋ขึ้นมา ถือได้เลยว่าผางอู๋เป็นต้นกำเนิดของเทพเจ้า เพราะได้ทำการแบ่งแยกสวรรค์และโลกมนุษย์ออกจากกัน โดยผางอู๋ ได้อาศัยอยู่ที่เทือกเขาสูงเสียดฟ้าเหนือพื้นดิน ซึ่งเรียกว่าเทือกเขาหยก(Jade capital Mount) โดยได้อาศัยอากาศจากสวรรค์ และดื่มน้ำจากโลกมนุษย์
    หลังจากนั้นมาเนิ่นนาน ได้มีเทพเจ้าจากสวรรค์ที่ชื่อว่า เทพเจ้าหยก หรือ หยูจิงซิ่น ได้มาประสบพบพักตร์กับสาวเจ้านางหนึ่งของโลกมนุษย์ซึ่งเป็นต้นตระกูลของเทพเจ้าบนโลกมนุษย์เช่นกัน ทำให้เกิดการรวมตัวกันของสวรรค์และโลกมนุษย์ขึ้น ซึ่งได้ก่อกำเนิด กษัตริย์ 3 องค์ และจักรพรรดิ 5 องค์ ปกครองโลกมนุษย์สืบต่อกันมา

    กษัตริย์ผู้วิเศษ 3 องค์ มีนามว่า

    เทียนหวง (Tien Huang) หรือเจ้าฟ้า

    ตี้หวง(Ti Huang) หรือเจ้าดิน

    เหยินหวง (Jen Huang) หรือเจ้าคน
    เทียนหวงหรือเจ้าฟ้ามีน้องชาย 12 คน ครองโลกอยู่ 18,000 ปี จึงสิ้นอายุขัย มรดกที่ทั้งไว้แก่ชาวโลกคือ ได้ตั้งชื่อปีทั้ง 12 ปีของจักรราศีตามชื่อน้องชาย 12 คน
    ตี้หวง หรือเจ้าดิน มีน้องชาย 10 คน ครองโลกอยู่ 18,000 ปี เหมือนกัน กษัตริย์องค์นี้ได้ตั้งชื่อแซ่ของมนุษย์ แบ่งเวลาเป้นกลางวัน และกลางคืน จัดเป็นข้างขึ้นข้างแรม แบ่งปีเป็น 365 วัน แบ่งเดือนเป็น 30 วัน และจัดแบ่งฤดูกาลเป็น 4 ฤดู
    ส่วนเหยินหวง หรือเจ้าคน มาปกครองโลกต่อจากตี้หวง เหยินหวงมีน้องชาย 8 คน ได้จัดระเบียบของสังคมและสร้างความเจริญทางด้านวัฒนธรรม เช่น แยกมนุษย์กับสัตว์ให้อยู่คนละส่วน ให้มีการแบ่งชั้นวรรณะ ให้รู้จักกินอยู่อย่างมีระเบียบ ให้รู้จักพิธีแต่งงานเป็นต้น เหยินหวงครองโลกอยู่ 45,600 ปีจึงสิ้นอายุ
    พอหมดยุคของเทียนหวง ตี้หวง และเหยินหวง แล้วก็ถึงยุคของจักรพรรดิทั้ง 5 ได้แก่
    ฮวงตี (Huang Ti) ชวนเสียน(Chuan Hsiun) คุน (Khun) เหยา(Yao) และชุน(Shun)ตามลำดับ ในยุคต้นของจักรพรรดิทั้งห้านั้น มวลมนุษย์ต่างอยู่กันอย่างมีความสุข จนผ่านไปถึงแผ่นดินของจักรพรรดิเหยา แม้จะทรงเป็นจักรพรรดิที่ดี มีเมตตาธรรม แต่ช่วงนั้นเกิดการปั่นป่วน จากการอาละวาดของภูตผีปีศาจ กว่าจะปราบศึกเสร็จเล่นเอาเหนื่อยไปตามๆกันทั้งเทพเจ้าและจักรพรรดิ
    ขอกลับมาต้นตระกูลของเทพเจ้าที่เทพเจ้าหยูจิงซิ่น อีกครั้ง เทพเจ้าองค์นี้อาศัยอยู่ในเทือกเขาเจด หรือหุบเขาสวรรค์ หุบเขาสวรรค์แห่งนี้มีเนื้อที่ประมาณ 90,000 ลี้ ราว 45,000 ตร.กม. ทั้งพื้นที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ล้ำค่ามีผลเป็นสีแดง และรายล้อมด้วยสระบัว ภายในหุบเขาสวรรค์มีพระราชวัง 7 แห่ง ราชวังแต่ละแห่งมีวังย่อยอีก 3 วัง แบ่งเป็นวังกลาง วังบน วังล่าง มีพื้นที่กว้างขวาง โอ่อ่า ประดับประดาด้วยทองคำล้ำค่า เทพเจ้าหยูจิงซิ่นได้อาศัยอยู่ในหุบเขาสวรรค์แห่งนี้จนสิ้นอายุขัย
    ในปัจจุบันยังคงมีชาวจีนนับถือเทพเจ้าองค์นี้อยู่มากมาย เรียกได้ว่าเป็นต้นตระกูลของเทพเจ้าเลย
    ข้อมูลจาก http://www.geocities.com/thinkingworld/myth/chinamyth.html






    .


    http://www.numchoke.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538713143&Ntype=7
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • resize.jpe
      resize.jpe
      ขนาดไฟล์:
      73.9 KB
      เปิดดู:
      385
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Pinkcivil [​IMG]
    [​IMG]

    “จงขุย”
    (钟馗) คือเทพผู้เป็นสัญลักษณ์ของการปราบภูตผีปีศาจ มีอำนาจวิเศษและอิทธิฤทธิ์ในการกำราบปีศาจและมารร้ายทั้งปวง บ้างยกย่องให้จงขุยเป็น “เทพแห่งปีศาจ” หรือ “เทพนักรบผู้กำจัดความชั่วร้าย” ภาพลักษณ์ของจงขุย จะเป็นเทพเจ้าหน้าดำ ตาโปนโต หนวดเคราลุกชี้ชัน และจะสวมชุดขุนนางสีแดง ในมือมักจะจับกระบี่อยู่เนืองนิตย์<O>:p></O>:p>
    ใน “วันเทศกาลตวนอู่” (端午节) ซึ่งตรงกับวันที่ 5 เดือน 5 ตามปฏิทินจันทรคติจีน จะเป็นวันปล่อยผีให้มาพบญาติบนโลกมนุษย์ ชาวจีนจึงมักแขวนรูปเทพจงขุยไว้หน้าบ้าน เพื่อให้ท่านช่วยกำจัดปัดเป่าเคราะห์ร้ายและช่วยปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัย<O>:p></O>:p>
    ตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับประวัติที่มาของเทพเจ้าจงขุยนั้น กล่าวกันว่าในสมัยราชวงศ์ถัง จักรพรรดิถังเสวียนจงฮ่องเต้ (บ้างว่าเป็นจักรพรรดิถังหมินหวัง) ทรงประชวรอย่างหนัก ในคืนหนึ่งได้ทรงพระสุบิน (ฝัน) ว่า มีผีน้อยตนหนึ่งมาขโมยขลุ่ยหยกของพระองค์ ทันใดนั้นก็ปรากฏผีใหญ่อีกตนหนึ่ง หน้าตาดุดัน หนวดเคราชี้ชัน สวมชุดขุนนางฝ่ายบุ๋น ออกมาจับตัวผีน้อยไว้ แล้วหักแขนหักขา ควักลูกตามันมากิน ถังเสวียนจงฮ่องเต้ทรงตกพระทัยจึงตรัสถามถึงได้รู้ว่า ที่แท้ผีใหญ่ตนนี้ มีชื่อว่า “จงขุย” เคยสอบจองหงวนบู๊ได้ในสมัยถังเกาจงฮ่องเต้ แต่ไม่ผ่านการทดสอบ เพราะจงขุยมีหน้าตาอัปลักษณ์ จึงได้ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ฮ่องเต้ทรงเมตตาสงสารจึงพระราชทานชุดขุนนางฝ่ายบุ๋นให้เป็นกรณีพิเศษและจัดพิธีศพให้ ทำให้จงขุยซาบซึ้งในน้ำพระทัย และตั้งใจว่าจะคอยพิทักษ์อารักขาฮ่องเต้และแผ่นดินต้าถังตลอดไป เมื่อพระองค์ทรงตื่นขึ้นมาจึงตรัสมอบหมายให้จิตรกรเอกนาม “อู๋เต้าจื่อ” วาดภาพของจงขุยตามที่เห็นในพระสุบิน และทรงแจกจ่ายรูปของจงขุยให้แก่ประชาราษฏร์ติดที่หน้าประตูบ้าน เพื่อป้องกันสิ่งอัปมงคลและสิ่งชั่วร้ายนานาประการ<O>:p></O>:p>
    ในตำนานยังกล่าวด้วยว่า จงขุยได้รับมอบหมายจากสวรรค์ให้มีทหารในสังกัดถึง 3 พันนาย เพื่อช่วยในการปราบปีศาจ ดังนั้น สำหรับชาวจีนแล้ว จงขุยคือเทพผู้สำคัญที่สุดในยามที่ชาวบ้านเกรงกลัวภูตผี และกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้าผู้พิทักษ์มนุษย์ให้พ้นจากภัยรังควานของภูตผีปีศาจสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน <O>:p></O>:p>
    อ้างอิงจาก : หนังสือ 108 ลัญลักษณ์จีน – ปิยะแสง จันทรวงศไพศาล<O>:p></O>:p>​

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Pinkcivil [​IMG]
    จงขุ่ย เทพปราบมาร
    [​IMG]
    จงขุ่ย ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพในลัทธิเต๋า มีชื่อเสียงที่สุดจากความสามารถในการสยบไสยศาสตร์ต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นที่ยกย่องกันว่าเทพจงขุ่ยเป็นหมอผีที่มีความสามารถสูง เพราะว่ากันว่าท่านปราบวิญญาณร้ายได้กว่า 84,000 ตนและทำให้วิญญาณเหล่านั้นอยู่ใต้อาณัติได้

    ภาพวาดของท่านมักมีลักษณะอย่างไร?
    ภาพเทพจงขุ่ยที่เห็นส่วนใหญ่มักเป็นภาพที่มีหน้าตาอัปลักษณ์ มีนัยน์ตาเบิกโพลงและเคราดกหนา ยืนอยู่ในท่าที่พกดาบไว้ที่ขาข้างหนึ่ง อาวุธที่ท่านใช้ประจำก็คือ ดาบ สำหรับใช้ในการต่อสู้ และ พัด เพื่อโบกพัดให้วิญญาณชั่วร้ายออกไป ตัวพัดมีอักษรจารึกไว้ว่า “นำความสันติสุขมา ปรับเปลี่ยนโถงให้มีสภาพดังเดิม” ใบหน้าของท่านเองก็เป็นอาวุธด้วยเช่นกัน น่าทึ่งมากที่ความถ+++ทึงบนใบหน้าของท่านเพียงอย่างเดียวก็สามารถขับไล่วิญญาณชั่วร้ายที่อาจหาญมากล้ำกราย ลูกท้อที่ห้อยจากหมวกของท่านเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นอมตะ ค้างคาวสีแดงที่อยู่รอบหมวกของท่านเป็นสัญลักษณ์ของ ความสุข ความโชคดีอย่างมหาศาล ในบางครั้งจะแขวนภาพท่านไว้กับสัญลักษณ์แห่งการคุ้มครองและความโชคดีอย่างอื่น เช่น เสือ กวาง หรือพิณ

    การเตรียมการคุ้มครองอันทรงพลานุภาพ
    หากคุณมีภาพเทพจงขุ่ยไว้ในบ้านจะทำให้บ้านคุณได้รับความคุ้มครองให้พ้นจากศัตรูอันทรงพลังที่ทำให้คุณลำบาก สำหรับท่านที่มีอาชีพที่ต้องจับโน่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา เทพจงขุ่ยจะช่วยให้พ้นจากการถูกหักหลังและความอิจฉาตาร้อนและความมุ่งร้ายต่างๆ ทั้งในที่ทำงานและความสัมพันธ์ด้านธุรกิจ

    เครื่องแก้เคล็ดดาวร้ายห้าเหลืองได้อย่างดี ?
    ผู้ประกอบวิชาชีพฮวงจุ้ยโดยอิงจากหลักดาวบินผู้คร่ำหวอดในวงการมานานแนะนำว่าให้ตั้งภาพจงขุ่ยขนาดใหญ่ เพราะเทพจงขุ่ยเป็นวิธีสยบอิทธิพลด้านลบที่เกิดจากดาวร้ายห้าเหลืองที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง แต่ต่างจากเครื่องมือแก้เคล็ดฮวงจุ้ยอย่างอื่นๆ คือการตั้งรูปเทพจงขุ่ยไว้ในบ้านจะช่วยปัดเป่าโชคร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากดาวร้ายห้าเหลือง ไม่ว่าปีนั้นจะเป็นปีใดหรือดาวร้ายห้าเหลืองจะโคจรไปสถิตอยู่ในทิศใดก็ตาม

    ควรจะเชิญเทพจงขุ่ยเข้ามาเมื่อใด?
    เวลาที่เหมาะจะเชิญเทพจงขุ่ยเข้ามาในบ้าน (เช่นการแขวนภาพของท่าน) มากที่สุดก็คือวันที่ 5 ของเดือนที่ 5 เดือนที่ 5 ถือว่าเป็นเดือนที่อันตรายมากที่สุด เนื่องจากเป็นเดือนที่อยู่ในช่วงกลางฤดูร้อน ซึ่งพลังงานธาตุหยางจะทรงพลังที่สุด

    อาจจะฟังดูแปลกสักหน่อยที่ฤดูร้อน ถือว่าเป็นฤดูแห่งความโชคร้าย แต่ทว่าฤดูนี้เป็นช่วงที่ควรทำอะไรด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ นอกจากนั้น เทพแห่งขุนเขาและเทพแห่งสายน้ำ บรรพบุรุษ และมังกรแห่งทะเลจะมาปรากฏขึ้นในฤดูกาลนี้ ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับฤดูอื่น พลังความร้ายกาจของฮวงจุ้ยที่ไม่ดีจึงมีฤทธิ์ในการทำลายล้างมากขึ้นในช่วงนี้ของปี สีหลักของฤดูนี้ก็คือสีแดง และปิศาจสีแดงก็เป็นที่รู้จักในนาม “ซวี” ซึ่งแปลว่า “ความว่างเปล่าและความพินาศ
    ควรตั้งท่านไว้ที่ไหน
    ที่ที่เหมาะจะตั้งเทพจงขุ่ยไว้มากที่สุดก็คือ ประตูบ้าน (หรือที่ทำงาน) เพื่อให้ท่านคอยจับตาดู ทุกคนที่เข้ามาในบ้านหรือที่ทำงาน วิธีนี้จะช่วยคุ้มครองผู้ที่อาศัยอยู่ด้านในได้ดีมาก หรืออีกทางเลือกหนึ่งก็คือ คุณอาจจะแขวนภาพท่านไว้บนผนังที่ ตีนบันได เมื่อแขวนภาพท่านไว้ในบริเวณนี้ ท่านจะช่วยคุ้มครองให้ที่ชั้นบนปลอดภัยจากดาวร้ายห้าเหลืองและวิญญาณชั่วร้ายอื่นๆ
    [​IMG]

    ที่มาครับ phantom

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG][​IMG]


    <DD>ค้างคาว <DD>สัญลักษณ์ของความสุขและความมีอายุยืน ต้นกำเนิดของความเชื่อในเรื่องนี้ มาจากการออกเสียงคำว่า ค้างคาว ในภาษาจีน ซึ่งจะออกเสียงว่า ฟู คล้ายกับคำว่า ความสุข เมื่อนำมาประกอบกับเรื่องของความโชคดีแล้ว ค้างคาวมักถูกวาดเป็นสีแดงซึ่งเป็นสีแห่งความรื่นเริง

    </DD>สัตว์มงคล
    สัตว์มงคล


    thaipaipan.com
    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไฉ่ซิงเอี๊ย หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ

    [​IMG]


    [​IMG]

    ไฉ่ซิงเอี๊ย หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ มีคำเรียก หรือสำเนียงแตกต่างกันอยู่บ้าง เช่น “ ไช้ซิ้งเอี๊ย ” “ ไฉ่เซ่งเอี๊ย ” หรือ “ ไฉเสิ่งเอี๊ย ” เป็นต้น ชาวจีนเรียก เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ว่า “ ไฉ่ซิงเอี๊ย ” ( ไฉเสินเย๋) ดังนั้นเมื่อถึงวันขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย (ตามปฏิทินจีน) และวันที่ 22 เดือน 7 ( ตามปฏิทินจีน) ของทุกปี นักธุรกิจชาวจีนจะขมีขมันนำเครื่องเซ่นไหว้ มาบูชาเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย และสาเหตุที่ต้องไหว้ 2 ครั้ง ก็เพราะว่า เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย มี 2 องค์ คือ ไฉ่ซิงเอี๊ยบู๊ และ ไฉ่ซิงเอี๊ยบุ๋น
    ไฉ่ซิงเอี๊ยบู๊(จ้าวกงหมิง) หน้าจะดุ บางครั้งประทับบนหลังเสือ บางครั้งก็ทรงเหยียบหลังเสือ ที่หัตถ์ถือกระบอง
    ส่วนไฉ่ซิงเอี๊ยบุ๋น เป็นเทพเจ้าหน้าตาดี ทรงคุณธรรม เชื่อกันว่าองค์บู๊ให้คุณในเรื่องของหนี้สิน เจ้าหนี้คนไหนบูชามักจะตามหนี้ง่าย ลูกหนี้จะไม่กล้าโกงหรือหนีหนี้ ตามคำบอกเล่าเก่าแก่ฟังว่า ไฉ่ซิงเอี๊ย องค์ที่ประดิษฐานอยู่ที่ศาลเจ้าพ่อเสือนั้น มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ใครดวงไม่ดีหรือกำลังมีปัญหาเรื่องเงินทอง ไปไหว้ท่านที่ศาลเจ้า และขอพรท่าน ท่านจะช่วยเสมอ คนจึงนิยมไปกราบไหว้กันมาก แต่มี เคล็ด อยู่อย่างหนึ่ง ก็คือ อย่าลืมเอาหมูไปเซ่นไหว้เสือด้วย แล้วทุกอย่างจะราบรื่น
    ไฉ่ซิงเอี๊ย ทั้ง 2 องค์นี้เป็นใคร ?
    เกี่ยวกับเรื่องนี้มีตำนานเล่าขานมามากมายหลายกระแส แต่ส่วนใหญ่จะเล่ากันว่า ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋นคือ ปี่กาน และองค์บู๊คือ จ้าวกงหมิง ซึ่งมีตำนานเล่ามาดังนี้

    นานมาแล้ว เจียงไท้กง เทพชั้นผู้ใหญ่ผู้มีหน้าที่แต่งตั้งเทพเจ้า วันหนึ่งท่านกำลังนั่งบำเพ็ญตบะอยู่ จู่ๆ หัวใจก็สั่นหวิว ท่านจึงทราบด้วยจิตญาณว่า เทพปี่กาน กำลังจะมีเรื่องเดือดร้อนหนัก จึงพยายามหาทางช่วย
    ปี่กานนั้น เป็นอัครหมาเสนาบดีของจักรพรรดิอินโจ้ว ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์อิน ทรงลุ่มหลงสุรานารีไม่ใส่ใจราชกิจ ทรงมีสนมเอกนางหนึ่งนาม โซวถังกี้ (ซูต๋าจี่) ที่เป็นหญิงงามที่ลือชื่อในประวัติศาสตร์ ปี่กาน เป็นขุนนางผู้ซื่อตรง พยายามจะเตือนองค์จักรพรรดิให้หันมาสนใจราชกิจ แต่พระองค์ไม่สนพระทัยต่อคำเตือน ปี่กานจึงวางแผนให้ทหารไปจับสุนัขจิ้งจอกมาทำเสื้อคลุมถวายแด่องค์จักรพรรดิ เพราะเชื่อว่า ถังกี้ (ต๋าจี่) เป็นปีศาจจิ้งจอก เมื่อพบเห็นเสื้อคลุมก็จะตกใจและหนีไป แต่เหตุการณ์กับตรงกันข้าม เพราะถังกี้ไม่ตกใจ และยังวางแผนเล่นงานปี่กานกลับอีกด้วย
    เย็นวันหนึ่ง ปี่กานได้ยินเสียงคนร้องขายของอยู่หน้าบ้าน ว่า “ ขายหัวใจๆ ” ก็แปลกใจ จึงออกไปดู พบเห็นคนแก่ยืนอยู่หน้าบ้านของตน จึงถามว่า “ ท่านผู้อาวุโส จะขายหัวใจจริงหรือนี่ ” ชายชราก็ตอบว่า “ ขายจริงๆ นายท่านสนใจซื้อหาหรือไม่ ”
    ปี่กาน จึงแย้งไปว่า “ หัวใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของร่างกาย ถ้านำมันออกมาแล้ว ทุกคนต้องตาย ท่านยังคิดที่จะขายหัวใจอยู่อีกหรือหาไม่ ” ชายชรากล่าวว่า “ หัวใจเป็นต้นเหตุของความรู้สึกผิดชอบชั่วดี หากหัวใจไม่เที่ยงธรรม มือเท้าย่อมทำแต่สิ่งไม่ดี ถ้าเอาหัวใจออกมาขายเสีย ต่อไปข้าพเจ้าก็จะไม่เลือกที่รักมักที่ชัง มีแต่ความยุติธรรม จัดการปัญหาต่างๆ อย่างยุติธรรม เป็นเช่นนี้มิใช่ประเสริฐกว่าหรือ ”
    ปี่กาน ยืนยันว่า “ แต่หัวใจเป็นอวัยวะสำคัญมาก มีเพียงหนึ่งเดียว เมื่อขายแล้วท่านจะมีชีวิตสืบต่อไปได้อย่างไร ”
    “ ได้แน่นอน เนื่องจากข้าพเจ้ามียาวิเศษอยู่เม็ดหนึ่ง เมื่อกินเข้าไปแล้วถึงแม้ไม่มีหัวใจ แต่อวัยวะอื่นๆ ของร่างกายจะยังสามารถทำงานสืบไปได้เช่นเดิม ”
    “ งั้นขอให้ข้าพเจ้าได้ชมยาวิเศษสักนิดได้หรือไม่ ”
    ชายแก่จึงส่งมอบยาวิเศษเม็ดนั้นให้แก่ปี่กาน เมื่อเขานำมาดมดูก็รู้สึกหอมอย่างประหลาด รู้สึกมีพลังวิ่งไปทั่วร่างกาย แต่พอเงยหน้าขึ้นมากลับไม่พบชายชราผู้นั้นเสียแล้ว (ความจริงแล้ว ชายชราผู้นั้นคือเจียงไท้กงแปลงกายลงมานั้นเอง)

    เช้าวันรุ่งขึ้น องครักษ์หลายนายได้มาเชิญตัวปี่กานไปเข้าเฝ้าแต่เช้า ปี่กานรู้สึกแปลกใจ เพราะจักรพรรดิอินโจ้วไม่เคยสนพระทัยว่าราชการ แต่กลับส่งคนมาเชิญตนแต่เช้า จึงไถ่ถามเหล่าองครักษ์ จึงทราบว่า พระสนมถังกี้ เป็นโรคประหลาด หมอหลวงอับจนปัญญาที่จะรักษาได้ มีแต่หัวใจของปี่กานเท่านั้นที่จะสามารถใช้รักษาโรคนี้ได้

    จักรพรรดิอินโจ้วกำลังหลงพระสนมถังกี้มาก ทรงตรัสว่า “ เจ้าเป็นพระสนมเอกแห่งเรา ส่วนปี่กาน เป็นแค่ขุนนางอันต่ำต้อย ชีวิตใครจักมีค่ามากกว่ากัน เรารู้ดี ดังนั้นขอเพียงรักษาอาการป่วยของเจ้าได้เท่านั้น อย่าว่าแต่ชีวิตของขุนนางผู้เดียวเลย ต่อให้ต้องฆ่าขุนนางสัก 100 คน เราก็เต็มใจ ”
    ดังนั้นพระองค์จึงมีรับสั่งให้เบิกตัวปี่กานมาเข้าเฝ้าแต่ เช้า หลังจากปี่กานทราบเรื่องก็ตกใจเป็นอันมาก เรียกหาคนในครอบครัวมาสั่งเสีย ทันใดนั้นเขานึกถึงยาวิเศษที่ได้รับมาจากชายชรา จึงรีบไปหยิบยาวิเศษเม็ดนั้นออกมากลืนกินลง แล้วตามเหล่าองครักษ์เพื่อเข้าเฝ้า พอมาถึงท้องพระโรง จักรพรรดิอินโจ้วก็ตรัสขอหัวใจของปี่กาน เพื่อนำไปใช้รักษาอาการป่วยของพระสนมถังกี้
    ปี่กานจึงทูลว่า “ พระองค์รับสั่งให้ขุนนางตาย ขันนางผู้นั้นก็มิอาจมีชีวิตสืบไป แต่ก่อนที่กระหม่อมขอกราบทูลเตือนพระองค์เป็นครั้งสุดท้ายว่า พระองค์กำลังลุ่มหลงนางปีศาจ แลกำลังตกอยู่ภายใต้อำนาจของมัน หลังจากที่พระองค์ทรงประหารกระหม่อมแล้ว ราชวงศ์ของพระองค์ที่ดำรงคงอยู่มาถึง 28 รัชกาล ก็จะถึงกาลอวสานแล้ว ”

    อนิจจา องค์จักรพรรดิหาได้ใส่พระทัยต่อคำเตือนของปี่กานไม่ กลับรับสั่งให้ทหารควักหัวใจของปี่กานออกมา แต่ ปี่กานห้ามเหล่าทหารเอาไว้ และกล่าวว่า “ พวกเจ้านั้นหาจำเป็นไม่ ขอเพียงมีมีดสั้นให้กับข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะกระทำการสืบไปเอง ” กล่าวจบ ปี่กานก็ใช้มีดแหวะอก และควักหัวใจออกมา โยนหัวใจนั้นทิ้งไว้กับพื้น แล้วเดินออกจากพระราชวังโดยไม่พูดอะไร


    แต่ที่มหัศจรรย์คือ ตลอดการกระทำของปี่กานนี้ หามีเลือดออกมาไม่ ตั้งแต่นั้นมา ปี่กานก็ออกท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ เขาโปรยเงินทองแจกจ่ายแก่ผู้คนไปทั่ว กลายเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ตามตำนานกล่าวกันว่า ปี่กานกินยาวิเศษของเจียงไท้กงเข้าไป ทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้ แม่ว่าจะไม่มีหัวใจ และกล่าวกันว่า เพราะปี่กานไม่มีหัวใจนี่เอง เขาจึงโปรยเงินโปรยทองแก่ผู้คนทั่วไป โดยไม่เลือกว่าคนนั้นดีหรือคนนี้ไม่ดี เลือกที่รักมักที่ชัง เป็นที่มีของเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋น นั้นเอง

    ขณะเดียวกัน จ้าวกงหมิง(หวู่ฉายเสิน) ได้บำเพ็ญเพียรอยู่บนเขาบ้อไบ้ ได้สำเร็จมรรคผลเป็นเซียนมีฤทธิ์มาก กลับเกิดอาการเพี้ยนกลายเป็นนักพรตกังฉินที่ทั้งเก่งและอำมหิต จ้าวกงหมิง ถวายตัวรับใช้จักรพรรดิอินโจ้ว ได้ก่อกรรมทำเข็ญไว้มากมาย จ้าวกงหมิงมีบริวารที่ร้ายกาจอยู่ตัวหนึ่ง คือ เสือดำ และยังมีของวิเศษหลายอย่าง อาทิ แส้เหล็ก ไข่มุกวิเศษ เชือกล่ามังกร ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ เจียงไท้กงซึ่งเป็นเทพชั้นผู้ใหญ่จึงสู้ จ้าวกงหมิงมิได้ มีคราวหนึ่ง เจียงไท้กงถูกจ้าวกงหมิงกักขังไว้ในค่ายกลสิบทิศ เจียงไท้กง พยายามหาทางออกเท่าไหร่ก็ไม่พบ ขณะเดียวกันก็ถูก จ้าวกงหมิง ทำร้ายแทบปางตาย ซ้ำยังขู่เข็ญให้เจียงไท้กงแต่งตั้งตนให้เป็น เทพเจ้าแห่งโชคลาภ โดยยื่นเงื่อนไขว่า “ ตาเฒ่า เจ้าจงยอมแต่งตั้งให้ข้านี้ เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภเสียแต่โดยดีเถิด แล้วข้าจะปล่อยแกออกไป ข้าต้องการควบคุมทรัพย์สินเงินทองทั้งหมด แต่ถ้าหากแกโยกโย้ ข้านี่จะทรมานให้แกสิ้นชีพในบัดดล ”

    เจียงไท้กงไม่มีทางเลือก จึงยื่นขอเสนอให้แก่จ้าวกงหมิงว่า “ เราจักแต่งตั้งเจ้าเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภได้อย่างไร เพราะเวลานี้ ปี่กานเป็นผู้ครองตำแหน่งนี้อยู่ หากแม้นเจ้ามีความสามารถนำเอาหัวใจของปี่กานออกมา ทำให้เขาสิ้นชีพวายชนม์เสีย ตำแหน่งเทพเจ้าแห่งโชคลาภนี้ ก็จะเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว ”

    เมื่อตกลงกันได้เช่นนี้ จ้าวกงหมิง ได้ยินดังนั้นจึงย้ำกับเจียงไท้กงว่า “ ตกลงเช่นท่านว่านี้แหละ ข้าจักฆ่าปี่กานเอก แต่เจ้าต้องรักษาคำพูดให้มั่นเล่า ” เมื่อตกลงกันได้เช่นนั้น จ้าวกงหมิงจึงยอมปล่อยตัวเจียงไท้กงออกมาจากค่ายกล หลังจากนั้น จ้าวกงหมิงจึงสั่งให้เสือดำออกตามล่าหาปี่กาน และได้กำชับเสือดำว่า ต้องนำหัวใจของปี่กานกลับมาให้ได้ อย่าได้ผิดพลาดเป็นอันขาด

    เวลานั้น ปี่กาน กำลังโปรยเงินโปรยทองแจกจ่ายแก่ผู้คนตามที่ต่างๆ ที่เขาเดินทางผ่าน บ่ายวันหนึ่ง ปี่กานเดินทางมาถึงเชิงเขาแห่งหนึ่ง เขารู้สึกเหนื่อย เมื่อยล้าจากงานสงเคราะห์ผู้คน จึงเอนตัวลงนอนพักบนโขดหิน พลันเกิดลมพายุกรรโชกอย่างรุนแรง ปี่กานตกใจอย่างมาก เห็นเสือดำตัวหนึ่งกระโจนใส่ตัวเขาอย่างรวดเร็ว ปี่กาน หลบมิทันถูกเสือตะปบล้มลง จากนั้น มันก็เริ่มตะกุยหน้าอกของปี่กานเพื่อควานหาหัวใจ แต่หาอย่างไรก็หาไม่พบ เพราะปี่กานไม่มีหัวใจแล้ว
    เสือดำจึงคำรามด้วยความโกธร และผละจากไปอย่างไม่พอใจ ทั้งนี้เพราะเจียงไท้กงออกอุบายหลอกจ้าวกงหมิงนั่นเอง อย่างไรก็ดี แม้เสือดำจะมิได้หัวใจของปี่กานไป แต่กงเล็บของมันที่ตะกุยอยู่ในทรวงอกของปี่กานนั้น ทำให้อวัยวะภายในของปี่กานสับสน ส่งผลให้ปี่กานกลายเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่ไม่เที่ยงธรรมนัก เขามักโปรยปรายเงินทองอย่างลำเอียง เจอใครก่อนก็ให้คนนั้นก่อน และมักจะให้เยอะๆ ทำให้คนที่ร่ำรวยอยู่แล้ว ก็ยิ่งร่ำรวยยิ่งขึ้น ส่วนคนยากจนอยู่เดิม ก็ยังคงยากจนต่อไป เพราะเป็นเรื่องลำบากไม่น้อย ที่จะหาเครื่องเซ่นไหว้ดีๆ มาบูชาตอนที่เขาออกมาเยือนผู้คนในแดนมนุษย์
    ทางฝ่ายจ้าวกงหมิง แม้มิได้เป็น เทพเจ้าแห่งความโชคลาภตามที่ปรารถนา แต่เนื่องจากเจียงไท้กงเคยตกปากรับคำรับคำไว้ เจียงไท้กงจึงประทานของวิเศษให้ 4 ชิ้น คือ เจียป้อ, หนับเตียว, เจียไช้ และ หลี่ฉี้ ซึ่งเป็นของวิเศษที่ใช้เรียกเงินเรียกทองให้ไหลมาเทมา การค้าราบรื่น มีกำไรดี ดังนั้น ชาวจีนจึงพากันกราบไหว้ จ้าวกงหมิง เป็น เทพเจ้าแห่งโชลาภอีกองค์หนึ่ง

    ด้วยเหตุที่ว่า จ้าวกงหมิง เป็นผู้ที่มีฤทธิ์มาก เคยเอาชนะเจียงไท้กงมาแล้ว ชาวจีนจึงยกย่องให้เป็น “ บู๊ไฉ่ซิงเอี๊ย ” ( เทพเจ้าแห่งโชคลาภองค์บู๊) และยกย่องปี่กานให้เป็น “ บุ๋นไฉ่ซิงเอี๊ย ” ( เทพเจ้าโชคลาภองค์บุ๋น) เพราะเคยเป็นอัครมหาเสนาบดีขององค์จักรพรรดิมาก่อน
    รูปลักษณ์และพลานุภาพของไฉ่ซิงเอี๊ย
    ไฉ่ซิงเอี๊ย เป็นเทพชั้นสูงที่ชาวจีนให้ความสำคัญมาก เป็นเทพองค์แรกที่จะต้องเซ่นไหว้ก่อนเทพองค์อื่นๆ ทุกปี โดยเฉพาะผู้ที่ทำมาค้าขาย ดังนั้นจึงมีการสร้างรูปเคารพของไฉ่ซิงเอี๊ยขึ้นมาสักการบูชากัน


    [​IMG]

    ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บู๊

    ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บู๊ มักจะเป็นรูปชายวัย กลางคน ใส่ชุดนักรบจีนโบราญ ประกอบด้วยชุดเกราะ หมวกขุนพล มือซ้ายถือกระบอง มือขวาถือเงินหยวน(หยวนเป่า) ใบหน้าดุ มีพาหนะเป็นเสือโคร่งลายพาดกลอนตัวใหญ่ ไฉ่ซิ งเอี๊ยองค์บู๊ นี้ ชาวจีนที่บูชาเชื่อกันว่า มีพลานุภาพให้คุณแก่ผู้บูชาในเรื่องของหนี้สิน ช่วยให้ผู้บูชาเก็บหนี้ได้ง่ายขึ้น ลูกหนี้ไม่คิดเบี้ยวให้เจ้าหนี้ต้องลำบากใจ นอกจากนี้ยังมีอนุภาพช่วย ดูแล และควบคุมบริวาร ตลอดจนลูกจ้างให้อยู่ในระเบียบวินัย มีความขยันในการทำงาน ดังนั้น ตามโรงงาน หรือบริษัทใหญ่ๆ จึงนิยมบูชา ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บู๊ ด้วยความเชื่อที่ว่า จะช่วยดูแลคนทำงาน ตลอดจนเป็นหูเป็นตาให้กับจ้าของกิจการ นอกจากนี้ บรรดาข้าราชการ ทหาร หรือตำรวจ (ของจีน) ล้วนนิยมบูชาเซ่นไหว้ ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บู๊ เพราะช่วยดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีจำนวนมากนั่นเอง



    [​IMG]

    ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋น

    ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋น มักจะเป็นรูปของชายในชุดขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของจีนโบราญ สวมหมวกมีปีกออกไป 2 ข้างคล้ายๆ กับหมวกของเทพ ลก (หมายถึง ฮก ลก ซิ่ว) ชุดขุนนางจีนชั้นผู้ใหญ่ครบเครื่อง ทั้งเสื้อนอกใน มือทั้งสองข้างจะถือแผ่นผ้าจารึกอักษร ที่คลี่ออกเป็นอักษรมงคล หรือคำอวยพรที่เป็นสิริมงคลแก่ผู้บูชา ชาวจีนเชื่อว่า ไฉ่ซิงเอี๊ยสามารถดลบันดาล หรือช่วยเหลือให้ผู้ที่บูชามีโชคมีลาภ ตลอดจนมีความมั่งคั่งร่ำรวย โชคลาภที่ได้มาจากรายได้พิเศษ ไม่ใช่รายได้ประจำ (เงินเดือนหรือเงินค้าขายตามปกติ) ไฉ่ซิงเอี๊ยองค์บุ๋น นี้มีอานุภาพหรือให้คุณทางด้านเงินทอง หรือทรัพย์สิน ตลอดจนโชคลาภต่างๆ ทำให้ผู้บูชาประสบความสำเร็จ ลูกค้าเชื่อถือ


    พ. สุวรรณ
    (หนังสือไฉ่ซิงเอี๊ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ)


    <!-- google_ad_section_end -->
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ฮก
    ฮก (ในภาษาแต้จิ๋ว) หรือ ฝู (ภาษาจีนกลาง) (จีน: 福) หมายถึง บุญวาสนา อำนาจ เกียรติยศ ลักษณะของฮก เป็นรูปขุนนางจีนสวมหมวก มีใบพูกางออกไปสองข้าง มือถือคธายู่อี่ ซึ่งเป็นคธาแห่งความสมปรารถนา มีพาหนะ คือ ค้างคาวเหตุที่เป็น ค้างคาว เนื่องจากเป็นสัตว์สี่เท้าแต่มีปีก เป็นสัตว์ที่ไม่รู้จักลงยังแผ่นดินเหมือนนกทั้งปวงจึงเป็นที่หมายแห่งวาสนา
    มีเรื่องเล่าว่า ท่าน "ก๋วยจื่องี้" เป็นข้าราชการระดับอัครเสนาบดี (ข้าราชการระดับสูง) ที่จงรักภักดี ซื่อสัตย์ ยุติธรรม รับใช้ราชการนานหลายแผ่นดิน ความซื่อสัตย์ และ จงรักภักดีต่อแผ่นดินนั้น เป็นที่ประจักษ์ต่อ ฮ่องเต้หลายพระองค์ จึงมีราชการโองการ ให้อยู่ในตำแหน่งตลอดทั้ง 4 แผ่นดิน และได้รับมอบ ดาบหยก และ เข็มขัดหยก ให้สามารถทำการใดๆ แทนฮ่องเต้ก่อน แล้ว ค่อยทูลถวายภายหลังได้ ท่าน ก๋วยจื่องี้ เป็นข้าราชการที่อยู่ในตำแหน่ง นานที่สุดในประวัติศาสตร์จีน

    ฮก ลก ซิ่ว - วิกิพีเดีย


    .



    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค)

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


    เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2373 ในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นบุตรสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ) กับหม่อมพึ่ง ธิดาเจ้าพระยาพลเทพ (บุญนาก บ้านแม่ลา) เข้ารับราชการในรัชกาลที่ 4 เป็นนายไชยขรรค์ หุ้มแพรมหาดเล็ก แล้วเป็นจมื่นทิพรักษา และจมื่นราชามาตย์ ปลัดกรมพระตำรวจในซ้าย ตามลำดับ จนในปี พ.ศ. 2400 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้คณะทูตไปเจริญสัมพันธไมตรี ณ ประเทศอังกฤษ ซึ่งครั้งนั้นมีพระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชุ่ม บุนนาค) เป็นราชทูตนั้น จมื่นราชามาตย์ (ท้วม บุนนาค) ได้ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับเครื่องราชบรรณาการ ที่จะนำไปถวายสมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย เมื่อกลับมา โปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็นพระเพชรพิไสยศรีสวัสดิ์ ปลัดเมืองเพชรบุรี ท่านเป็นแม่กองคุมการก่อสร้างพระนครคีรี ที่เขาวัง จังหวัดเพชรบุรี สร้างสะพานช้างข้ามแม่น้ำเพชรบุรี สร้างถนนจากเขาวังไปเขาหลวง และถนนราชวิถี เป็นต้น
    เมื่อพระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชุ่ม บุนนาค) ที่สมุหพระกลาโหมฝ่ายเหนือถึงอนิจกรรมลง รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนบรรดาศักดิ์พระเพชรพิไสยฯ เป็นพระยาเทพประชุน ตำแหน่งปลัดทูลฉลองกรมกลาโหม แล้วโปรดเกล้าฯ ให้ออกไปราชการเรื่องสายโทรเลข ที่เมืองสิงคโปร์และเมืองภูเก็ต เมื่อกลับเข้ามาพระนคร ในปี พ.ศ. 2411 โปรดเกล้าฯ ให้เป็นแม่กองการทำพลับพลาค่ายหลวงที่ว่าการแขวงเมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเสด็จประทับทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวง
    เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์ ท่านทำหน้าที่กราบทูลพระกรุณามอบถวายสรรพสิ่งซึ่งเป็นเครื่องประดับพระบรมราชอิสริยยศ และราชสมบัติทั้งปวงตามพระราชประเพณีแทน เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ต่อมาได้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี ตำแหน่งเสนาบดีกรมพระคลัง และกรมท่า ทั้งว่าการต่างประเทศด้วย และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปฐมจุลจอมเกล้า ในปี พ.ศ. 2416 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างชุดนี้ขึ้นและพระราชทานให้แก่เสนาบดีชั้นเจ้าพระยาเป็นครั้งแรก
    เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี เป็นเสนาบดีคนแรกของกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2418 หลังจากมีประกาศพระราชบัญญัติตั้งกระทรวงพระคลังมหาสมบัติขึ้น แยกราชการฝ่ายการคลังออกจากกระทรวงการต่างประเทศ ต่อมากราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่งเสนาบดีว่า การต่างประเทศ เนื่องจากมีโรคภัยเบียดเบียน ท่านถึงอสัญกรรม เมื่อ พ.ศ. 2456 อายุ 83 ปี
    [แก้] บุตร ธิดา

    เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดีมีบุตรธิดารวม 25 คน เป็นชาย 17 คน หญิง 8 คน โดย สมรสกับคุณหญิงสุ่น มีบุตร 2 คน ได้แก่ พระยาราชานุประพันธ์ (สุดใจ) และพระยาราชานุประพันธ์ (ทุ้ย) และมีบุตรธิดากับภรรยาอื่น ที่สำคัญ ได้แก่ พระยาราชานุประพันธ์ (เปีย) ,พระยาไกรสีห์ (เทียม) , พระยาจำนงดิฐการ (เทพ) ,พระยาธรรมสารเนติ (ถึก) ,หลวงเทพประกาศ (ทิว) , พระศรีธรรมสาส์น (แทน)
    [แก้] อ้างอิง


    บทความเกี่ยวกับชีวประวัตินี้ยังไม่สมบูรณ์ คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้ด้วยการเพิ่มเติมข้อมูล


    http://th.wikipedia.org/wiki/เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี_(ท้วม_บุนนาค)

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ท้าวเวสสุวรรณ เทพแห่งความมั่งคั่ง


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


    เราอาจเคยเห็นได้ยินความเชื่อเรื่อง "ท้าวเวสสุวรรณ" ว่ามีอิทธิฤทธิ์ในการขับไล่ภูตผีปีศาจทั้งหลาย หรืออาจเคยเห็นคุณย่าคุณยายนำรูป "ท้าวเวสสุวรรณ" มาแขวนไว้เหนือเปลเด็กอ่อน แถมบ้างก็ว่า ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพแห่งความร่ำรวย จนอดสงสัยไม่ได้ว่า จริง ๆ แล้ว "ท้าวเวสสุวรรณ" คือใคร วันนี้กระปุกจะพาเพื่อน ๆ ไปหาคำตอบกัน

    ท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัน) หรือในภาษาพราหมณ์เรียกว่า "ท้าวกุเวร" ถ้าในพระพุทธศาสนาจะเรียก "ท้าวไพสพ" เป็นอธิบดีแห่งอสูร หรือเจ้าแห่งภูตผีปีศาจทั้งหลาย โดย ท้าวเวสสุวรรณ เป็นหนึ่งในท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครองดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ประทับทางทิศเหนือมีอสูร รากษส และภูตผีปีศาจเป็นบริวาร

    ว่ากันว่าอาณาเขตที่ ท้าวเวสสุวรรณ ปกครองนั้นใหญ่มหาศาลมาก และ ท้าวเวสสุวรรณ ยังเป็นหัวหน้าของท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 อันประกอบไปด้วย "พระอินทร์" (ท้าวธตรฐ) ปกครองโลกด้านทิศตะวันออก , "พระยม" (ท้าววิรุฬหก) ปกครองโลกด้านทิศใต้ และ "พระวรุณ" (ท้าววิรูปักษ์) ปกครองโลกด้านทิศตะวันตก

    และ เพราะ ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเจ้าแห่งอสูร คนโบราณจึงมักทำรูป ท้าวเวสสุวรรณ แขวนไว้เหนือเปลเด็กอ่อน เพราะเชื่อว่าจะช่วยป้องกันภูตผีปีศาจไม่ให้มารบกวนเด็กเล็กได้ และนิยมทำผ้ายันต์รูป ท้าวเวสสุวรรณ รวมทั้งจำหลักรูป ท้าวเวสสุวรรณ ไว้ที่มีดหมอของสัปเหร่อ เพื่อกำราบวิญญาณ และยังมีผู้พกพารูป ท้าวเวสสุวรรณ หรือทำเป็นเครื่องรางของขลัง ป้องกันภัยจากวิญญาณอีกด้วย

    ทั้งนี้ ส่วนใหญ่แล้วเรามักเห็นภาพ ท้าวเวสสุวรรณ ในรูปลักษณ์ของยักษ์ ยืนถือกระบองยาว หรือไม้เท้าขนาดใหญ่อยู่ระหว่างขา เหมือนมีขาสามขา เนื่องจากท้าวกุเวรมีรูปร่างพิการ จึงเป็นเหตุให้พระพรหมตั้งชื่อให้ว่า "ท้าวกุเวร" แต่ในวรรณคดีหลายฉบับ

    รวมทั้งตำราโบราณ ได้กล่าวตรงกันว่า อันที่จริงแล้ว ท้าวเวสสุวรรณ เป็นยักษ์ที่มีผิวกายและพัสตราภรณ์สีเหลืองทอง จิตใจดีงาม และอุทิศตนถวายพิทักษ์รักษาพุทธสถาน และพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้น หากใครที่เดินทางไปยังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ที่จังหวัดพิษณุโลก ก็อาจจะได้พบรูปหล่อปิดทองด้านซ้ายของฐานองค์พระพุทธชินราช ทำเป็นรูป ท้าวเวสสุวรรณ เพื่อปกปักคุ้มครองพระพุทธศาสนา ไม่ให้หมู่มารมารังควาน รวมทั้งปกป้องคุ้มครองแก่ผู้นั่งสมาธิปฏิบัติพระกรรมฐาน

    ดังนั้น เราอาจจะเคยเห็นว่า วัดวาอารามต่าง ๆ หรือด้านหน้าถ้ำ จะมีรูปปั้้นยักษ์ 1 หรือ 2 ตน ยืนถือกระบองค้ำพื้นเฝ้าหน้าประตูโบสถ์ หรือวิหารที่เก็บของมีค่า โบราณวัตถุของทางวัดอยู่ ซึ่งหากยักษ์ที่ยืนปกปักรักษาอยู่มีตนเดียว นั่นก็คือ ท้าวเวสสุวรรณ นั่นเอง แต่ถ้าหากมี 2 ตน ก็คือบริวารของ ท้าวเวสสุวรรณ ที่จะมาคอยปกปักรักษาบริเวณวัด

    และนอกจาก ท้าวเวสสุวรรณ จะมีหน้าที่ปกปักรักษาพระพุทธศาสนาแล้ว ท้าวเวสสุวรรณ ยังมีหน้าที่จดความดีของคนทางทิศเหนือไปจารึก และประกาศให้เทพยดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้รับรู้อีกด้วย


    ตำนานความเชื่อของ ท้าวเวสสุวรรณ

    ตามตำนานทางพระพุทธศาสนา เชื่อกันว่า ในอดีตชาติ ท้าวเวสสุวรรณ เคยเป็นพราหมณ์ เปิดโรงงานค้าขายหีบอ้อยจนร่ำรวย ด้วยความใจบุญจึงได้นำเงินทองไปบริจาคให้ผู้ยากไร้ และด้วยกุศลผลบุญที่ ท้าวเวสสุวรรณ บำเพ็ญมานับหลายพันปี พระพรหม และ พระอิศวร จึงให้พรแก่ ท้าวเวสสุวรรณ ให้เป็นอมตะ และเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติทั่วปฐพี เป็นเทพแห่งความร่ำรวย ดังนั้นผู้คนจึงนิยมจำหลักรูป ท้าวเวสสุวรรณ ไว้เคารพบูชาเพื่อความมั่งคั่งอีกหนึ่งประการ ตรงตามความหมายของชื่อ "ท้าวเวสสุวรรณ" คือ คำว่า "เวส" แปลว่า พ่อค้า จึงหมายถึงพ่อค้าอันมีทรัพย์ ได้แก่ ทองคำ

    นอกจากนี้อีกหนึ่งตำนานในพระพุทธศาสนา เชื่อกันว่า ในชาติหนึ่ง ท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งเดิมชื่อ กุเวรพราหมณ์ ได้ทำบุญกุศลมาก จนชาติต่อมา ได้เป็นกษัตริย์ครองกรุงราชคฤห์ พระนามว่า พระเจ้าพิมพิสาร และทรงเป็นพระสหายกับเจ้าชายสิทธัตถะ ต่อมาเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จมาโปรดพระเจ้าพิมพิสาร จนบรรลุเป็นโสดาบัน และได้ถวายพระเวฬุวันมหาวิหาร ให้พระพุทธเจ้าได้เข้าประทับ จึงเป็นอานิสงส์ให้ได้วิมานอันสวยงาม และการที่พระเจ้าพิมพิสารถวายทานบ่อย ๆ จึงเป็นปัจจัยให้มีทิพยสมบัติมากมาย เมื่อได้เป็นเทวดาก็ทรงมีอำนาจมาก

    ขณะที่ตามตำนานของพรามหณ์ เชื่อกันว่า ท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร หรือ กุเปรัน เป็นพี่ชายต่างมารดาของทศกัณฐ์ แต่ไปนับถือท้าวมหาพรหมผู้เป็นเทวดา เพราะปรารถนาจะบำเพ็ญบารมี ทำให้ผิดใจกับพ่อซึ่งอยู่ในตระกูลยักษ์ โดยท้าวมหาพรหมทรงโปรดปรานท้าวกุเวร จึงประทานบุษบกให้ เพื่อให้ล่องลอยไปไหนมาได้ตามใจปรารถนา ก่อนที่ทศกัณฐ์จะไปแย่งบุษบกของท้าวกุเวรที่พระมหาพรหมประทานให้ไป และยึดกรุงลงกาที่ท้าวกุเวรปกครองอยู่มาได้สำเร็จ ท้าวมหาพรหมจึงสร้างนคร "อลกา" ให้ท้าวกุเวรใหม่



    คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ

    ใน คัมภีร์โบราณ กล่าวไว้ว่าผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา ให้บูชารูปท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร ตามคาถาบูชาต่อไปนี้



    [​IMG] คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร (บูชาประจำวัน)


    ตั้ง นะโม 3 จบ

    อิติปิโสภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณ

    มรณังสุขัง อะหังสุคะโต นะโมพุทธายะ

    ท้าวเวสสุวรรณโณ จตุมหาราชิกา ยักขะพันตา ภัทภูริโต

    เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโมพุทธายะ



    ท้าวเวสสุวรรณ เทพแห่งความมั่งคั่ง ประวัติ ท้าวเวสสุวรรณ

    .



    .

     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แจ้งข่าวด่วน

    ปัจจุบัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้วิธีระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ(โทร.เข้ามาหาเรา) ที่ให้เรากดเลขที่บัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด และข้อมูลส่วนตัวของเรา

    โปรดระวัง อย่าไปกดข้อมูลส่วนตัวโดยเด็ดขาด

    ให้ฟังไปเรื่อยๆ ดูว่า มันจะให้เราทำอะไร

    โปรดอ่านอีกครั้ง

    แจ้งข่าวด่วน

    ปัจจุบัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้วิธีระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ(โทร.เข้ามาหาเรา) ที่ให้เรากดเลขที่บัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด และข้อมูลส่วนตัวของเรา

    โปรดระวัง อย่าไปกดข้อมูลส่วนตัวโดยเด็ดขาด

    ให้ฟังไปเรื่อยๆ ดูว่า มันจะให้เราทำอะไร






    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

แชร์หน้านี้

Loading...