พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อยากทราบคำที่ใช้กับพระมหากษัตริย์

    มสนใจภาษาจีน และ อยากทราบคำศัพท์ ประโยค วลี ที่ใช้กับพระมหากษัตริย์ ข้าราชบริพาร ในราชสำนักจีนเค้าต้องมีอะไร ยังไง บ้าง ครับ

    ผู้ตั้งกระทู้ shen jing bing



    ความเห็นที่ 1 (3119239)
    เท่าที่ข้าน้อยทราบมา (ไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์) ก็พอมีบ้างนิดหน่อย อย่างเช่น 皇上 จะแทนตัวเองด้วยคำว่า 朕

    ถ้าสังเกตจะเห็นว่าทุกศัพท์ที่เป็น ...ของพระองค์ จะมีคำว่า 御 นำหน้า เช่น
    御驾 ราชรถ
    御宝 ตราพระราชลัญจกรหยก
    御印 ตราประทับ
    御容 พระบรมสาทิสลักษณ์
    御膳 อาหารของฮ่องเต้

    ส่วนที่เป็นหมวดร่างกายก็ต้องมีคำว่า 龙 นำหน้า เช่น
    龙体 พระวรกาย
    龙脉 ชีพจร
    龙气 ปราณ หรือ ลมหายใจ

    ศัพท์อื่น ๆ
    圣旨 พระราชโองการ
    下旨 มีราชโองการให้(ฮ่องเต้เป็นผู้กระทำ)
    有旨 มีราชโองการถึง(太监 หรือ 大官 นำพระราชโองการมาประกาศ)
    奉旨 พระราชทาน
    平身 ลุกขึ้นได้ (เป็นศัพท์ที่ฮ่องเต้ใช้พูดกับขุนนางหลังจากที่เหล่าขุนนางถวายบังคมเสร็จแล้ว)
    stand up (said by an emperor to a kowtowing subject)
    kowtow คือ การคำนับแบบจีนโดยคุกเข่าลงเอาหน้าผากแตะพื้น
    下命令 ทรงมีพระบัญชา (ถ้าจำไม่ผิดนะ)
    驾到 เสด็จมาถึง
    叩见 / 参见 ถวายบังคม
    禀告 กราบทูล
    上朝 ทรงว่าราชกิจ (ขุนนางต่างไปรวมกันในท้องพระโรง)
    众爱卿 คำที่ฮ่องเต้ใช้เรียก 大臣
    驸马 ราชบุตรเขย

    ขอเพิ่มเติมนิดนึง
    哀家 เป็นสรรพนามที่ 太后 ใช้แทนตัวเอง
    臣妾 เป็นสรรพนามที่ 皇后 ใช้แทนตัวเอง
    陛下 มันคือ your majesty ใช้กับระดับ 皇上 เท่านั้น
    殿下 มันคือ your majesty ใช้กับระดับ 皇后 ไล่ลงมา (ไว้จะไปเช็คให้อีกครั้งนะขอรับ)

    นอกจากคำว่า 皇上 แล้ว ยังมีคำอื่น ๆ ที่ใช้ได้เหมือนกัน 吾皇,九五之尊,皇帝

    ปล.ถ้าจะให้ลงลึกไปกว่านี้ คงต้องให้ท่านครูคนอื่น ๆ มาช่วยชี้แนะนะขอรับ

    锦毛鼠 <:3)~

    ผู้แสดงความคิดเห็น [J]inmaosh


     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตราประทับจีนโบราณ

    [​IMG]

    คนชอบดูหนังจีนจะเห็นจดหมาย ภาพวาด หรือหนังสือที่ลงตราประทับสวยงาม วันนี้มาดูกันว่าตราประทับนั้นมีความเป็นมาอย่างไร

    ตราประทับ(seal)ที่เราใช้กันทุกวันนี้ จีนโบราณใช้เป็นเครื่องแสดงถึงอำนาจทางการทหารสำหรับลงนามแทนลายมือเพื่อ แต่งตั้งหรือถอดถอนขุนนาง ต่อมากวีและนายทหารต่างก็ใช้เพื่อแสดงถึงตัวตนของตนเองในสังคมเหมือนลาย เซ็นต์ในปัจจุบัน

    ในประวัติศาสตร์จีน ตราประทับมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป เช่นหลังจากที่อิ๋นเจิ้งรวบรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่นขึ้นครองราชย์เป็นจิ๋นซี ฮ่องเต้(221 B.C.)แล้ว ได้กำหนดให้เรียกลัญจกรว่า “ซี” (玺) ในขณะที่ตราประทับของประชาชนทั่วไปเรียกว่า “อิ้น” (印) มาถึงสมัยฮั่น( 206 B.C. – 220 A.D.)เพื่อแยกคำเรียกตราประทับของขุนนางกับประชาชนให้ชัดเจน จึงเรียกตราประทับของแม่ทัพว่า “จาง”(章) ต่อมาจึงได้เรียกว่า อิ้นจาง(印章)

    สมัยราชวงศ์ซ่ง(960 – 1279 A.D.)ผู้คนต่างใช้ตราประทับกันแพร่หลายขึ้นโดยประทับลงบนรูปภาพและหนังสือ ตราประทับประเภทนี้เรียกว่า “ถูจาง” (图章 ) ซึ่งนิยมใช้กันมาถึงปัจจุบัน

    การประทับตราในยุคแรกเริ่มก็คล้ายกับการลงครั่งผนึกพัสดุในปัจจุบัน สมัยโบราณก่อนค้นพบการประดิษฐ์กระดาษนั้น จะบันทึกลงบนไม้ไผ่ สำหรับเอกสารลับที่ไม่ต้องการให้คนเปิดดูจะใช้เชือกมัดไม้ไผ่ไว้ เจาะเป็นรูสี่
    เหลี่ยมแล้วหยอดลูกกลมดินเหนียวลงไปปล่อยให้แห้งแล้วค่อยประทับตราผนึก ไว้ วิธีการนี้เรียกว่า “เฟิงหนี” (封泥)ซึ่งปรากฎอยู่ในสื่อจี้(史记บันทึกประวัติศาสตร์) ต่อมาหลังจากค้นพบการทำผ้าไหมและประดิษฐ์กระดาษ จึงเปลี่ยนมาบันทึกบนวัสดุเหล่านี้แทนไม้ไผ่

    การทำตราประทับมี 3 วิธีคือ 1. การแกะสลัก(雕琢) 2. การหลอม (浇铸) และ การปั้น (陶士浇制)สิ่งที่นิยมนำมาทำเป็นตราประทับคือ ทอง เงิน ทองแดง เหล็ก หยก หิน กระดูก ไม้ กระเบื้อง กระจก แก้วผลึก ตราประทับพัฒนาไปพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงและก้าวหน้าของตัวอักษรซึ่งจะแตก ต่างกันไปในแต่ละยุคสมัย

    ในสมัยราชวงศ์หยวน(1271 – 1368 A.D.)จิตกรชื่อดังอย่าง หวังเหมี่ยน (王冕) นิยมประทับตราประจำตัวลงไปบนผลงานของตนซึ่งวิธีนี้ได้รับความนิยมอย่างมากใน เวลาต่อมา

    ขนาดของตราประทับจะแตกต่างกันไป เช่นตราประทับในสมัยรัฐสงคราม(475 -221 B.C.) มีขนาดเล็กกว่าเม็ดถั่วเหลือง ในสมัยตงจิ้น(317 – 420 A.D. )มีขนาดใหญ่จนสามารถสลักบทสวดมนต์ของลัทธิเต๋าได้ถึง 120 ตัวอักษร สมัยหนันเป่ยเฉา(ราชวงศ์เหนือ-ใต้ = 420-581 A.D.) มีตราประทับที่ทำด้วยไม้ขนาดกว้างกว่า 7 เซ็นติเมตรและยาวถึง 42 เซ็นติเมตร เนื่องจากทำด้วยวัสดุที่แตกต่างกัน ทำให้ตราประทับมีน้ำหนักแตกต่างกันไปด้วยเช่นในรัฐสงครามตราประทับมีน้ำหนัก ไม่กี่กรัม ในขณะที่ตราประทับทองคำในราชวงศ์ชิง (1636- 1911A.D.)ชิ้นหนึ่งหนักกว่า 40 กิโลกรัม


    อ้างอิงจากเว็บ www.bloggang.com/viewdiary.php

    .

    ตราประทับจีนโบราณ

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    'มะเร็งไต'โรคใหม่ภัยคร่าชีวิต!



    โรคภัยต่าง ๆ ในปัจจุบันมีความร้ายแรงเพิ่มมากขึ้น และทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กระแสการดูแลรักษาสุขภาพแพร่กระจายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากโรค “มะเร็ง” โรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนมาแล้วมากมาย ซึ่งล่าสุด มีการตรวจพบมากขึ้นในอวัยวะที่ไม่เคยเป็น หรือน้อยนักที่จะเป็น นั่นคือ ไต!

    “มะเร็งไต” เป็นโรคที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่และเริ่มพบแพร่หลายในประเทศไทย จากที่แพร่หลายในประเทศยุโรปมาพักใหญ่ โดย ผศ.นพ.วิเชียร ศรีมุนินทร์นิมิต หัวหน้าสาขาเคมีบำบัด ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เล่าว่า โรคมะเร็งไตเป็นโรคชนิดใหม่ที่เกิดขึ้น และไม่พบกันได้บ่อย ๆ ล่าสุดในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 53 พบผู้ป่วยด้วยโรคนี้กว่าห้าหมื่นราย และเสียชีวิตไปกว่าหมื่นสามพันราย!

    การทำงานของไต จากหลอดเลือดที่นำเลือดมายังไตเป็นหลอดเลือดที่ออกจากหัวใจ ลำเลียงทั้งสารที่มีประโยชน์และของเสียที่ต้องการกำจัดออก สารต่าง ๆ ที่เลือดลำเลียงมาจะถูกส่งเข้าสู่หน่วยไตโดยผ่านไปตามหลอดเลือดฝอย เพื่อให้หน่วยไตทำหน้าที่กรองสารที่อยู่ในเลือดก่อน ซึ่งพบว่าเซลล์เม็ดเลือดแดงและสารจำพวกโปรตีนบางชนิด เช่น ฮีโมโกลบิน ไม่สามารถผ่านเข้าสู่หน่วยไตได้ สำหรับสารบางจำพวก เช่น น้ำตาลกลูโคส กรดอะมิโน และของเสียอื่น ๆ จะผ่านเข้าสู่หน่วยไตได้และจะไหลเข้าไปตามท่อของหน่วยไต

    แร่ธาตุและสารบางชนิดที่ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่ เมื่อผ่านไปตามท่อของหน่วยไตจะถูกผนังของหน่วยไตดูดซึมกลับคืนเข้าสู่หลอด เลือดฝอยใหม่ ส่วนของเสียอื่น ๆ ที่รวมเรียกว่า น้ำปัสสาวะ จะถูกส่งผ่านไปตามหลอดไตและเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะต่อไป จากนั้นจึงถูกขับออกจากร่างกายในรูปของเหลว คือ น้ำปัสสาวะ

    โดยปกติน้ำตาลกลูโคสเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจะถูกผนังของหน่วยไตดูด ซึมกลับเข้าสู่หลอดเลือดฝอยหมด ถ้ากรณีมีน้ำตาลกลูโคสในเลือดมากเกินไปหน่วยไตจะไม่ดูดซึมทั้งหมด และจะปล่อยออกมาพร้อมกับปัสสาวะ กรณีที่ตรวจพบว่าในน้ำปัสสาวะมีอนุภาคของน้ำตาลกลูโคสมากผิดปกติ แสดงว่าบุคคลผู้นั้นกำลังมีอาการของโรคเบาหวาน นั่นเอง

    ส่วนใหญ่ผู้ที่พบเป็นโรคมะเร็งไตนั้น อัตราส่วนจะอยู่ที่เป็นผู้ชาย 4.7 รายต่อประชากรแสนคน ส่วนผู้หญิงจะเป็นโรคนี้เฉลี่ย 2.5 รายต่อประชากรแสนคน จะเห็นได้ว่าผู้ชายมีโอกาสเสี่ยงกว่าผู้หญิงประมาณสองต่อหนึ่ง ซึ่งโรคนี้มีความร้ายแรงตามระยะการเกิด ส่วนใหญ่จะเกิดในผู้มีอายุ 50-70 ปี ไม่ค่อยเจอผู้ป่วยที่อายุต่ำกว่า 45 ปี

    สาเหตุของมะเร็งไตยังไม่มีการยืนยันที่ชัดเจน แต่สามารถบอกถึงปัจจัยเสี่ยงได้ เช่น การสูบบุหรี่ โรคอ้วน ได้รับโลหะหนักเช่น ตะกั่ว แคดเมี่ยม หรือการได้รับรังสี และอาจจะมีสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงที่ยีน

    อาการที่แสดงว่าจะเป็นโรคมะเร็งไตนั้นคือ ปัสสาวะเป็นเลือด ปวดหลัง คลำที่เอวมีก้อนเนื้อ น้ำหนักลด และอ่อนเพลีย ส่วนใหญ่ที่พบว่าเป็นโรคนี้ได้เนื่องจากความบังเอิญเพราะไปอัลตราซาวด์ตรวจ โรคอื่นแล้วไปเจอโรคนี้

    มะเร็งไตมีอยู่ด้วยกัน 4 ระยะ ระยะแรกคือ 1.ระยะต้น ก้อนมะเร็งจะใหญ่น้อยกว่า 7 เซนติเมตร มีสิทธิอยู่ได้นาน 5 ปี 90 เปอร์เซ็นต์ ระดับ 2.มีก้อนเนื้อมากกว่า 7 เซนติเมตร มีโอกาสอยู่ได้เกิน 5 ปี 85 เปอร์เซ็นต์ ระดับ 3. ลุกลามไปถึงเส้นเลือดดำ และแพร่กระจายไปในไตหนึ่งไต มีโอกาสอยู่ได้นานเกิน 5 ปี 60 เปอร์เซ็นต์ ระยะที่ 4.มีอาการลุกลามออกไปยังอวัยวะข้างเคียง และเป็นที่ต่อมน้ำเหลืองมากกว่าหนึ่งต่อม มีโอกาสอยู่ได้นาน 5 ปี 10 เปอร์เซ็นต์

    การรักษามีด้วยกัน 5 วิธีคือ 1. การผ่าตัด สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่คนไข้ต้องมีอาการอยู่ในระหว่างระยะ 1–3 วิธีที่ 2. ใช้การฉายรังสี เป็นการบรรเทาอาการ ไม่สามารถทำให้หายขาดได้ วิธีที่ 3. ใช้เคมีบำบัด ใช้ยับยั้งการแพร่กระจายของมะเร็ง ซึ่งวิธีการนี้มีบทบาทลดลงจนเป็นวิธีที่ไม่นิยมใช้ วิธีที่ 4. ให้ยาไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย มีโอกาสรักษาให้หายได้ต่ำ และอาจมีผลข้างเคียงมาสู่ผู้ป่วยได้ วิธีที่ 5. รักษาแบบพุ่งเป้า ตอนนี้ได้รับความนิยมเป็นหลัก ยับยั้งการกระจายตัว โดยสามารถยับยั้งไม่ให้เลือดไปหล่อเลี้ยงเซลล์มะเร็ง และยับยั้งการส่งเสริมเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย

    ไตมีสองข้างส่วนใหญ่จะเป็นแค่ข้างเดียว ไม่สามารถลุกลามไปอีกไตได้ การรักษาสามารถตัดไตข้างนึงออกได้โดยไม่มีผลกระทบต่อชีวิตคนไข้ วิธีการดูแลตัวเองที่ดีที่สุด คือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญโรคนี้ไม่สามารถเป็นได้ง่าย

    โรคมะเร็งไต แม้จะเป็นโรคที่เกิดขึ้นใหม่ แต่ไม่ต้องตื่นตกใจ เพราะสามารถควบคุมและรักษาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากตรวจพบเร็วย่อมมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้.

    ..........................

    เคล็ดลับสุขภาพดี

    ปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์ช่วยป้องกันโรค



    โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นโรคที่พบบ่อยมากในเพศหญิง เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นและอยู่ใกล้ทวารหนักซึ่งเป็นแหล่งที่มี เชื้อโรคมากจึงเข้าทางท่อปัสสาวะของผู้หญิงได้ง่ายกว่าผู้ชาย ดังนั้นผู้หญิงแทบทุกคนมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยสูงอายุ โดยเฉพาะวัยรุ่นและวัยเจริญพันธุ์ หากคุณสาว ๆ ไม่อยากทนทุกข์กับอาการเจ็บปวดทรมานมาฟังคำแนะนำต่อไปนี้กันค่ะ

    นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวให้ความรู้ถึงโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า โรคนี้จะเกิดจากการกลั้นปัสสาวะมากเกินไปและรับประทานน้ำไม่เพียงพอ การกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานานเป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ที่สำคัญที่สุด ในผู้ป่วยบางรายอาจพบว่าเป็นบ่อย ๆ เนื่องจากมีความผิดปกติทางกายวิภาคของกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะหรืออาจพบว่าเป็นโรคนิ่วร่วมด้วย

    นอกจากนี้สาเหตุอีกประการหนึ่งที่คุณผู้หญิงส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยทราบคือ ในสตรีวัยเจริญพันธุ์พบว่ามีอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้บ่อยภายหลัง จากการมีเพศสัมพันธ์ด้วย โดยเฉพาะในช่วงระยะหลังการแต่งงานใหม่ ๆ อาจเกิดการฟกช้ำจากการร่วมเพศแล้วทำให้มีอาการอักเสบของท่อปัสสาวะ เชื้อแบคทีเรียหลุดเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะได้ง่าย เกิดการอักเสบติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะขึ้น เรียกภาวะดังกล่าวว่า อาการปัสสาวะบ่อย แสบ ขัด ครั้งละไม่มาก รู้สึกถ่ายไม่สุด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เจ็บมากตอนปลาย ของปัสสาวะ บางรายมีเลือดออกมาด้วย หรืออาจมีอาการปวดที่ท้องน้อยร่วมด้วย ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น สีมักจะใส แต่บางคนอาจขุ่นหรือมีเลือดปน ซึ่งเป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นหลังกลั้นปัสสาวะนาน ๆ หรือหลังมีเพศสัมพันธ์

    วิธีป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบที่ดีที่สุด นั่นคือ พยายามดื่มน้ำมาก ๆ อย่ากลั้นปัสสาวะ ควรฝึกการถ่ายปัสสาวะนอกบ้าน หรือระหว่างเดินทางได้ทุกที่ เพราะการกลั้นปัสสาวะทำให้เชื้อโรคอยู่ในกระเพาะปัสสาวะได้นานจนสามารถเจริญ เติบโตทำให้เกิดการอักเสบได้ หลังถ่ายอุจจาระควรใช้กระดาษชำระเช็ดทำความสะอาดจากข้างหน้าไปข้างหลังเพื่อ ป้องกันไม่ให้นำเชื้อโรคเข้าสู่ท่อปัสสาวะ สำหรับอาการขัดเบาหลังร่วมเพศอาจป้องกันได้โดยดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนร่วมเพศควรใส่ครีมหล่อลื่นช่องคลอดก่อนถ้าจำเป็น และถ่ายปัสสาวะทันทีหลังร่วมเพศ บางครั้งอาจต้องรับประทานยาถ้ามีการติดเชื้อ และระหว่างที่มีตกขาว ควรทำความสะอาดบ่อยขึ้น อย่าให้หมักหมมและหลีกเลี่ยงอาการท้องผูกนาน ๆ

    สาว ๆ ที่ทราบแบบนี้แล้วอย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอนะคะ เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีและยังสามารถช่วยหลีกเลี่ยงอาการเจ็บปวดที่อาจเกิด ขึ้นได้หลังมีเพศสัมพันธ์ด้วยค่ะ.

    ...........................

    สรรหามาบอก

    - โรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล นวมินทร์ ขอเชิญประชาชนผู้สนใจร่วมบริจาคโลหิต ใน วันอังคารที่ 25 มกราคม 2554 ตั้งแต่เวลา 10.00 –14.00 น. ณ ห้องประชุม 16A โดยโลหิตที่ได้รับบริจาคจะถูกรวบรวมนำไปใช้เป็นสาธารณประโยชน์แก่ผู้อื่นต่อ ไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.0- 2944-7111 ต่อ 4157

    - โรงพยาบาลนครธน เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคโลหิตเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในกิจกรรม “ให้เลือด…ให้ชีวิต” ตามโครงการ “ปวงประชาชนชาวไทย ทำความดี บริจาคโลหิตถวายพ่อของแผ่นดิน” เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา ใน วันพุธที่ 26 มกราคม 2554 ระหว่างเวลา 09.00-15.00 น. ณ ห้องประชุมทองสิมา ชั้น 4 โรงพยาบาลนครธน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2450-9999, 0-2416-5454 ต่อ 7408-7410

    - ภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมเผยแพร่ความรู้ด้านสุขภาพอนามัยสู่ประชาชน เรื่อง “กรดไหลย้อนซ่อนปัญหา” ใน วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม 2554 ตั้งแต่เวลา 08.30-12.00 น. ณ ห้องประชุมอรรถสิทธิ์ ชั้น 5 ตึกศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี สอบถามข้อมูลหรือสมัครเข้ารับฟังการบรรยายได้ที่โทร. 0-2201-1091-3 หรือ 0-2201-2521 (ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น)

    - ศูนย์การแพทย์คิว เมดิคอล เซ็นเตอร์ ขอเชิญทุกท่านที่สนใจร่วมงานสัมมนาสุขภาพเรื่อง “เรื่องของตับกับการแพทย์ทางเลือก” ใน วันเสาร์ที่ 29 มกราคม 2554 เวลา 13.00–16.30 น. ณ ศูนย์การแพทย์บูรณาการแบบครบวงจร คิว เมดิคอล เซ็นเตอร์ ชั้น 22 อาคาร 253 อโศก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งฟรีได้ที่ โทร. 0-2260-6911, 0-2664-3027.


    ทีมวาไรตี้

    Daily News Online > หน้าวาไรตี้ > 'มะเร็งไต'โรคใหม่ภัยคร่าชีวิต!

    .



    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอเพิ่มคำเดียว “ภิกษุณีสงฆ์”

    ทำไมต้องเพิ่ม “ภิกษุณีสงฆ์” หลายๆ คนอาจจะมีคำถามว่าจะเป็นได้อย่างไร
    เมื่อปลายเดือน ตุลาคมที่ผ่าน ได้มีการจัดโครงการเสวนาเวทีภาคประชาชน เรื่อง “ภิกษุณี” กับการเติมเต็มพุทธบริษัทสี่ จัดโดย คณะกรรมการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมภิบาล วุฒิสภา ร่วมกับมูลนิธิปริญญาโทบริหารรัฐกิจ ธรรมศาสตร์ ซึ่งอาจจะเป็นโจทย์สำคัญที่คนไทยน่าจะร่วมกันคิดและมีส่วนร่วมในการเติมเต็ม พุทธบริษัทสี่ให้กับสังคม
    ท่าน สว. ไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นหนึ่งในวิทยากรในเวทีในครั้งนั้น และถือเป็นครั้งแรกที่ สว. ได้รับทราบอุปสรรคของภิกษุณีในแง่กฎหมาย ท่านรับปากในที่ประชุมว่าจะต้องหาทางทำสิ่งที่ดีงามและถูกต้องให้ปรากฏ มีความคิดเห็นว่าในรัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้ผู้หญิง ผู้ชาย หรือใครๆ ปฏิบัติความเชื่อในศาสนาของตนได้ๆ ไม่ผิดกฎหมาย แต่เพราะประเทศไทยยังไม่มีภิกษุณี ในเมื่อภิกษุณีไม่ผิดกฏหมายก็ต้องช่วยให้ผู้หญิงที่บวชเป็นภิกษุณีมีสถานภาพ ได้ตามกฏหมายเช่นกัน หากกฏหมายเป็นอุปสรรค ก็ต้องแก้ที่กฏหมาย เพราะ กฏหมายมีไว้เพื่อสนับสนุนให้คนดีทำดี และห้ามคนชั่ว มิให้ทำชั่ว
    ท่านพิจารณาในบริบทของพุทธศาสนา ได้รับการยืนยันว่า เจตนารมณ์ของพระพุทธเจ้าเป็นเช่นนั้น คือให้ผู้หญิงบวชเป็นภิกษุณีได้ ได้บวชมาแล้ว มีประวัติศาสตร์ทั้งยืนยัน และสนับสนุน
    โสำหรับบางคนที่ยังไปติดใจประเด็นว่า พระพุทธองค์ทรงลังเล ไม่ได้ให้บวชในตอนแรก ท่านสรุปให้เราเข้าใจชัดเจนว่า ท้ายที่สุด พระพุทธองค์ตัดสินพระทัยว่า อย่างไร เราจะยึดเอาตามนั้น พระพุทธองค์ตัดสินพระทัยแล้วให้ผู้หญิงบวชได้ เป็นอันยุติข้อถกเถียง
    มหาเถรสมาคมเอง ไม่รับภิกษุณีสงฆ์ เพราะมีคำสั่งของสมเด็จพระสังฆราช ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๑ ห้ามมิให้พระภิกษุบวชผู้หญิงเป็นภิกษุณี สิกขมานา สามเณรี นั้น ก็เป็นสิทธิของมหาเถรสมาคมที่เราพึงเคารพ
    แต่ก็เป็นสิทธิของผู้หญิงที่จะออกบวชตามพุทธานุญาตเช่นกัน และเป็นสิทธิที่รัฐธรรมนูญให้ไว้
    เมื่อคิดตามนักกฏหมาย เราจะตัดประเด็นปลีกย่อยออกไปมาก และประเด็นของเราจะชัดคมมากขึ้น
    ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่าน ในฐานะนักกฏหมายจึงเสนอช่องทางที่ เรียกว่า บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น เข้าไปเปิดดู พรบ.คณะสงฆ์ บันทัดแรก ที่นิยามว่า “คณะสงฆ์หมายถึงภิกษุสงฆ์ และคณะสงฆ์อื่น”
    ในคำว่า “คณะสงฆ์อื่น”นั้น อธิบายขยายความไว้ใน มาตรา ๕ ทวิ ว่าหมายถึง จีนนิกาย และอนัมนิกาย
    ท่านเสนอให้มีการเพิ่มเติมในมาตรา ๕ ทวิ นี้ เพียงคำว่า ภิกษุณีสงฆ์
    เท่านี้เอง ภิกษุณีสงฆ์ก็จะได้รับความคุ้มครองโดยกฏหมาย
    เป็นการเคารพเจตนารมณ์ของกฏหมาย ตามรัฐธรรมนูญที่ว่า ชาย หญิงมีเสรีภาพสามารถปฏิบัติตามความเชื่อในศาสนาของตนได้
    เป็นการเคารพพระพุทธานุญาต ที่ทรงอนุญาตให้ผู้หญิงบวชได้
    ไม่ก้าวล่วงสิทธิและหน้าที่ของมหาเถรสมาคม เพราะภิกษุณีสงฆ์ ที่จะเกิดขึ้นนี้จะอยู่ในฐานะเช่นเดียวกับคณะสงฆ์จีนนิกาย และอนัมนิกาย ที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับมหาเถรสมาคม แต่จะอยู่ภายใต้กฏกระทรวง และขึ้นตรงกับสมเด็จพระสังฆราชพระองค์เดียว
    ในการที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม เพียงต้องการลายเซ็นของผู้สนับสนุนความคิดเห็นนี้ ๑๐,๐๐๐ ชื่อ เพื่อเสนอเปลี่ยนแปลง พรบ. ดังกล่าวข้างต้น
    เป็นการเคารพพระพุทธานุญาต ที่ทรงอนุญาตให้ผู้หญิงบวชได้
    ท่านที่ต้องการลงชื่อสนับสนุนการขอแก้ไข พรบ.สงฆ์ ในครั้งนี้สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ ที่นี่ เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนแล้วกรุณาส่ง แบบ ฟอร์มพร้อมสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านที่เซ็นรับรองแล้วมาที่ มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง 12/22 ถ.เทศบาลสงเคราะห์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
    เราอยากรวบรวมรายชื่อให้ได้มากที่สุดภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ศกนี้ มาร่วมสนับสนุนพระพุทธศาสนาให้มีพุทธบริษัทสี่ครบถ้วนด้วยกันนะคะ

    http://www.whaf.or.th/content/397


    .

    http://www.whaf.or.th/sites/default/files/partitionform(2).pdf

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แนะแม่บ้านถูบ้านฟิตหุ่น ไม่ต้องเปลืองเงินเข้าฟิตเนส <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">23 มกราคม 2554 07:07 น.</td></tr></tbody></table>

    สำหรับคุณแม่บ้านที่ชอบฟิตหุ่นโดยเลือกใช้บริการจากฟิตเนสเซ็นเตอร์เป็น ประจำ อ่านข่าวนี้แล้วอาจประหยัดสตางค์ให้ครอบครัวได้มากขึ้น เพราะมีการวิจัยระบุว่า การจับไม้ม็อบทำงานบ้านก็ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้เช่นกัน แถมยังไม่ต้องเสียเงินสักบาท เหมาะกับยุคประหยัดที่สุด

    การถูบ้าน 1 ชั่วโมง ซึ่งรวมถึงการนั่งซักผ้าถูบ้าน และบีบน้ำออกจากผ้านั้นรวมแล้วจะทำให้คุณใช้พลังงานไป 238 แคลอรี่ ซึ่งไม่ต่างจากการปั่นจักรยาน หรือเดินบนลู่วิ่งในฟิตเนสสักเท่าไร

    อย่างไรก็ดี สิ่งที่ไม้ม็อบอาจสู้ฟิตเนสเซ็นเตอร์ไม่ได้ก็คือ ความตื่นเต้นเร้าใจชวนให้ออกกำลังกาย เพราะที่บ้านคงไม่มีเพื่อนสาวคนสนิทอยู่บนลู่ข้าง ๆ คอยวิ่งเป็นเพื่อน ไม่มีใครชวนคุย แต่คุณก็สามารถทำให้การออกกำลังกายที่บ้านสนุกมากขึ้นได้ โดยอาจจะเปิดเพลงที่ชอบ ชวนลูก ๆ และสามีมาถูบ้าน ทำงานบ้านด้วยกัน

    อย่างไรก็ดี งานวิจัยชิ้นนี้ (ซึ่งได้รับการว่าจ้างวิจัยจากบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้าน) กำลังนำไปสู่การพัฒนาอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านชนิดใหม่ ที่อาจมีการติดตั้งเครื่องนับจำนวนแคลอรี่ที่ใช้ไประหว่างทำงานบ้านเพื่อ ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคุณแม่บ้าน พ่อบ้านทั้งหลายด้วยนั่นเอง

    ถ้ามองเป็นข้อดี ข้อดีข้อนี้ก็คงช่วยให้พ่อบ้านหลายท่านยิ้มออกด้วยค่ะ



    Life & Family - Manager Online -



    http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000009423

    .


    .
     
  8. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    ครับรบกวนคุณหนุ่มด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. นายเฉลิมพล

    นายเฉลิมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +460
    ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ
    ช่วยส่งให้ผมด้วยครับ
    ขอบคุณครับ
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ส่งให้แล้วครับ

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เมื่อวานนี้ ผมได้อัญเชิญพระบูชา 9 นิ้ว พระศรีอาริยเมตตรัย 1 องค์ และ พระบูชา รัตนะ ปางอุ้มบาตร 1 องค์ ไปมอบให้พี่เปี๊ยก เพื่อถวายวัดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    รายนามผู้ร่วมทำบุญ
    1.sithiphong และ ภรรยา และ 2 ครอบครัว
    2.พี่เปี๊ยก
    3.น้องฝน
    4.น้องปฐม

    มาร่วมโมทนาบุญกันครับ
    http://palungjit.org/threads/พம.2445.2187/

    PaLungJit.com - งานบุญที่หลายๆท่านได้ฝากเงินให้ผมทำบุญแทน
    .
     
  14. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    ขอบคุณครับได้รับแล้วครับ
     
  15. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    วันนี้กระผมได้ถวายพระและวัตถุมงคลต่างๆให้กับพระอาจารย์ของกระผมเรียบร้อยแล้วครับ บุญกุศลใดๆที่ได้กระทำมาในวันนี้ ขอผลบุญนั้นส่งผลถึงพี่ๆทุกๆท่าน เช่นเดียวกับที่กระผมได้รับมาทุกประการ โมทนาสาธุครับผม
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนาบุญทุกประการครับ

    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รู้ไหมว่า … 2010 คือปีที่น้ำแข็งขั้วโลกละลายมากที่สุด <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">24 มกราคม 2554 16:40 น</td></tr></tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">แผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ที่ชายฝั่งเริ่มละลายร่นเข้าไปเรื่อยๆ </td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">แผ่นน้ำแข็งที่กำลังจะแยกจากกัน มีธารน้ำแข็งแทรกเข้ามาระหว่างกลาง</td> </tr> </tbody></table>


    ปี 2010 ที่ผ่านมา หลายคนคงคุ้นหูกับคำว่า “ร้อนที่สุด” “หนาวที่สุด” และอะไรที่สุดๆ อีกมากมายในด้านสภาพภูมิอากาศโลก และหนึ่งในนั้นคือ “แผ่นน้ำแข็งขั้วโลกละลายมากที่สุด” เท่าที่มีการบันทึกมา

    หลังจากที่สหประชาชาติออกมาสรุปว่าปี 2010 เป็นปีที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไปแล้วนั้น ก็มีผลวิจัยตามมาติดๆ ว่า แผ่นน้ำแข็งขั้วโลกที่กรีนแลนด์ละลายมากเป็น 2 เท่าของค่าเฉลี่ยประจำปี โดยแซงหน้าสถิติที่สูงสุดในรอบ 30 ปี ที่บันทึกไว้เมื่อปี 2007 ไปแล้ว

    การละลายของแผ่นน้ำแข็งขั้วโลก นอกจากจะหมายถึงเกราะกำบังแสงอาทิตย์ที่หดน้อยลงแล้ว ยังหมายถึงปริมาณน้ำในผืนโลกที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

    แผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ถ้าละลายไปทั้งหมด จะเพิ่มระดับน้ำทะเลให้สูงขึ้นถึง 7 เมตรจากชายฝั่ง นั่นส่งผลให้เมืองชายฝั่งจมหายไปกับน้ำทะเลได้เลย

    ที่สำคัญ นักวิทยาศาสาตร์คาดการณ์ไว้แล้วว่า ถ้าแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ละลายประมาณ103-250 กิกะตันต่อปี เมื่อสิ้นศตวรรษ คือเมื่อก้าวเข้าสู่ช่วง ค.ศ.3000 แผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์จะเพิ่มปริมาณน้ำให้โลก โดยจะทำให้ทะเลสูงขึ้นอีกประมาณ 50 เซ็นติเมตร

    ทว่า การละลายของน้ำแข็งขั้วโลกในปัจจุบันกลับมีอัตราเร่งมากกว่านั้น และระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นทุกๆ 1 เมตร จะทำให้เกาะแก่ง และปากแม่น้ำต่างๆ ค่อยๆ ร่นจมหายไป.

    Science - Manager Online -
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นักวิทยาศาสตร์ เผยโลกอาจเห็น ดวงอาทิตย์ 2 ดวง เร็ว ๆ นี้



    [​IMG]
    ดาวบีเทลจุส (Betelgeuse)

    [​IMG]
    ภาพที่คนบนโลกจะได้เห็น หากดาวบีเทลจุสระเบิด



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก softpedia-static.com


    เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมล์ ของอังกฤษ รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์เผยโลกอาจจะเกิดปรากฎการณ์พระอาทิตย์สองดวงขึ้นในเร็ว ๆ นี้ หลังจากมีการตรวจสอบพบว่า ดาวบีเทลจุสกำลังจะระเบิด ซึ่งทำให้ชาวโลกได้เห็นแสงของมันสว่างเท่ากับดวงอาทิตย์ กินเวลานานประมาณ 1-2 สัปดาห์

    โดย แบรด คาร์เตอร์ อาจารย์ฟิสิกส์แห่งมหาวิทยาลัยเซาเธิร์น ควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมาว่า ดาวบีเทลจุส (Betelgeuse) ดาวซูเปอร์ยักษ์แดงนอกระบบสุริยะที่มีขนาดเทียบเท่ากับดวงอาทิตย์ 1.6 พันล้านดวง อยู่ห่างจากโลกไปกว่า 640 ปีแสง กำลังจะหมดอายุขัยและเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ หรือ "ซูเปอร์โนวา" ขึ้นในเร็ว ๆ นี้ โดย การระเบิดของบีเทลจุสนี้ จะทำให้ชาวโลกได้เห็นแสงสว่างของมันใหญ่เท่ากับดวงอาทิตย์อยู่บนฟ้า และเปล่งแสงสว่างจ้าทั้งยามกลางวันและกลางคืน เป็นเวลายาวนานกว่า 1-2 สัปดาห์ ก่อนจะค่อย ๆ หรี่แสงและดับลงในที่สุด โดยกินเวลาอยู่อีกหลายเดือนกว่าจะดับลง แต่ไม่ส่งผลกระทบใด ๆ กับโลก นอกจากการมองเห็นแสงสว่าง เป็นดวงอาทิตย์ดวงที่ 2 เท่านั้น


    แบรด คาร์เตอร์ เปิดเผยอีกว่า การ ระเบิดครั้งใหญ่ของมันครั้งนี้ ถือว่าเป็นซูเปอร์โนวาครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่กำเนิดโลกมาเลยทีเดียว เพราะมันเป็นดาวยักษ์ใหญ่แดงที่มีขนาดใหญ่มาก และเปล่งแสงมากกว่าดวงอาทิตย์กว่าแสนเท่า ดังนั้น เมื่อมีการระเบิดอย่างรวดเร็ว ก็จะทำให้แสงสว่างจากการระเบิดของมันเปล่งไปถึงระบบสุริยะอื่นที่อยู่ห่างออกไปเป็นพันปีแสงได้




    [​IMG]

    ภาพแสดงขนาดดาวบีเทลจุส (Betelgeuse) กับดวงอาทิตย์ (ลูกศรชี้)



    อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ได้มีการคาดคะเนจากนักวิทยาศาสตร์หลายท่าน เกี่ยวกับการเกิดซูเปอร์โนวาของดาวบีเทลจุสนี้ แต่ไม่สามารถระบุได้แน่นอนว่าซูเปอร์โนวาครั้งใหญ่ที่สุดนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด อาจในเร็ว ๆ นี้ หรือคลาดเคลื่อนไปจากการคาดคะเนกว่าพันปี ล้านปี ไม่มีใครรู้ แต่ จากการสังเกตจากนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ พบว่า จากภาพที่เห็นบนโลกในขณะนี้ ดาวบีเทลจุสใกล้จะสิ้นอายุขัยเต็มที และอาจเป็นไปได้ว่า ดาวบีเทลจุสอาจจะระเบิดไปหลายร้อยปีแล้วแต่แสงที่เกิดจากการระเบิดนั้นยังไม่เดินทางมายังโลกเท่านั้น และหากมันระเบิดขึ้นและแสงของมันเดินทางมาถึงโลกเมื่อไร ก็จะกลายเป็นปรากฎการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนอย่างแน่นอน

    ทั้ง นี้ ดาวบีเทลจุส เป็นดาวซูเปอร์ยักษ์แดงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในทุกค่ำคืน มีแสงสว่างเป็นลำดับที่ 9 บนฟ้า และเป็นดาวที่สว่างเป็นอันดับที่ 2 ในกลุ่มดาวนายพราน เปล่งแสงสว่างไม่คงที่ในแต่ละปี โดยจะค่อย ๆ สว่างมากที่สุดและจางลงเรื่อย ๆ ก่อนกลับมาสว่างจ้าอีกครั้งทุก ๆ 5.8 ปี

    ส่วน อายุของดาวบีเทลจุสนั้น นักวิทยาศาสตร์คำนวณว่ามันน่าจะมีอายุประมาณ 10 ล้านปีเท่านั้น แต่ก็ถือว่าเป็นช่วงอายุที่ใกล้จะถึงจุดจบของมันเต็มที เพราะโดยปกติแล้วดาวดวงใหญ่ ๆ นี้จะมีอายุขัยสั้นกว่าดาวดวงเล็ก ๆ มาก เนื่องจากเป็นดาวขนาดมหึมาที่มีมวลมาก สว่างมาก และมีอุณหภูมิสูงมาก จึง มีการใช้พลังงานมากกว่าและไฮโดรเจนภายในก็จะหมดไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อมันเกิดการระเบิด แรงระเบิดของมันจะขับไล่ดวงดาวและวัตถุต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้ให้กระเด็นออกไปด้วยความเร็วแสง เกิดคลื่นกระแทกระหว่างดาวอย่างรุนแรง ซึ่งการแพร่กระจายของคลื่นกระแทกจากการระเบิดนี้ สามารถทำให้เกิดดวงดาวน้อยใหญ่ดวงใหม่ ๆ ได้อีกมากมายเลยทีเดียว





    คลิป วีดีโอแสดงขนาดของดวงดาวต่าง ๆ









    .

    http://hilight.kapook.com/view/55533
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2011
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ลือ! ส่งฟอร์เวิร์ดเมล์ 5 จันทร์ 5 เสาร์ 5 อาทิตย์ โชคดี

    [​IMG]



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    ฮือฮา! 5จันทร์ 5เสาร์ 5อาทิตย์ ในเดือนมกราคม ปี 54 ลือถ้าฟอร์เวิร์ดเมลจะโชคดี เพราะเกิดในรอบ 823 ปี

    กำลัง กลายเป็นประเด็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ไปทั่วอินเทอร์เน็ตทั้งในเฟซบุ๊ก และฟอร์เวิร์ดเมล์ เกี่ยวกับข่าวเดือนมกราคม 2554 เป็นเดือนพิเศษ เพราะมี 5 จันทร์ 5 เสาร์ 5 อาทิตย์ ซึ่งจะเกิดทุก 823 ปี เรียกว่าปรากฏการณ์ถุงเงิน ซึ่งตามความเชื่อ หากส่งข้อความให้ผู้ประพฤติดี 8 คนจะทำให้เกิดโชคดีรับแต่เงิน และในวันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2554 หรือ วันจันทร์กลางเดือน ถือเป็นวันกลางขุมทรัพย์ ฤกษ์ที่เหมาะสมในการทำมงคลทั้งปวง จะส่งผลให้เกิดความเจริญ อุดมสมบูรณ์ คือ เวลา 14.30-16.30 น. พร้อมทั้งเชิญชวนผู้อ่านอีเมล์ร่วมพิธีเททองกดพิมพ์วัตถุมงคลในวันดังกล่าว

    อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ น.ส.ประพีร์ วิราพร เลขาธิการสมาคมดาราศาสตร์ไทย กล่าวว่า ปรากฎการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องของโลกที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ ไม่ใช่การบอกว่าทุก ๆ กี่ปีจะต้องมีอะไรพิเศษเกิดขึ้น และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิด 5 จันทร์ 5 เสาร์ 5 อาทิตย์ โดยครั้งล่าสุดเกิดเมื่อเดือนมกราคม ปี พ.ศ.2548 หรือ ค.ศ.2005 ซึ่งการเกิด 5 จันทร์ 5 เสาร์ 5 อาทิตย์ นั้น จะเกิดในเดือนที่มี 31 วัน และวันที่ 1 ของเดือน ตรงกับวันเสาร์พอดี ทั้งนี้ ยังพบว่า ในเดือนตุลาคม 2554 ก็มี 5 จันทร์ 5 เสาร์ 5 อาทิตย์ รวมทั้งในเดือนธันวาคม ปี 2555 หรือ ค.ศ. 2012 ก็มีเหมือนกัน ส่วนวันที่ 24 มกราคม ที่มีคนบอกว่าเป็นวันดีในการประกอบพิธีมงคลนั้น เป็นเรื่องของความเชื่อ จึงขึ้นกับวิจารณญาณของแต่ละคน

    ด้านนายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความเชื่อของคน ที่เชื่อว่าดวงดาวมีอิทธิพลบันดาลความสุขและความร่ำรวยให้ ซึ่งปรากฎการณ์ 5 จันทร์ 5 เสาร์ 5 อาทิตย์ อาจมีหลาย ๆ คนที่อยากทำพิธีบูชาเสริมดวง เช่น การบูชาพระจันทร์ นิยมบูชาวันจันทร์เพ็ญเต็มดวงช่วงเที่ยงคืน โดยนั่งกลางหาว สวดมนต์อภยปริตรตั้งจิตอธิษฐานทำสมาธิขอพรจะแคล้วคลาดภัยทั้งปวงและนิยมทำ น้ำมนต์จะศักดิ์สิทธิ์มาก หรือนิยมบูชาวันจันทร์ดับช่วงสิ้นเดือนเพื่อขอทรัพย์สินเงินทอง ส่วนการบูชาพระอาทิตย์ นิยมทำวันที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลกโคจรอยู่แนวเดียวกัน สวดบูชาโมรปริตรตอนกลางวันและอิติปิโสสิบทิศ ใช้ดอกไม้แดง 6 ดอก ธูปเทียนแดง ตั้งจิตอธิษฐานขอพร

    ส่วนการบูชาพระเสาร์ดาวบาปเคราะห์นั้น นายภิญโญ กล่าวว่า ถ้า จะบูชาเพื่อให้คุณจะทำให้มีหลักทรัพย์มั่นคง นิยมบูชาในวันพระเสาร์เพ็ญ คือ วันที่อาทิตย์ตรงข้ามกับเสาร์ หรือเล็งกัน 180 องศา หรือเสาร์ได้มหาอุจจ์ บูชา ด้วยของดำ โดยสวดโพชฌังคปริตร อังคุลิ มาลปริตร จะทำให้พ้นทุกข์ทรมาน ประสบ ความสุขความเจริญ หรือทำให้บุญให้คนพ้นทุกข์ ร่วมกันสร้างสุขา โลงศพ สะพาน หรือ ซื้อที่ดินถวายวัด บริจาคโรงเรียน โรงพยาบาล จะช่วยแก้เรื่องหนัก ๆ ในชีวิต อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ทำดีทำสิ่งถูกต้องนั้นชีวิตย่อมต้องดีอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอิทธิพลดวงดาวแต่เพียงอย่างเดียว

    เอ้า! เรื่องฟอร์เวิร์ดเมล หรือการส่งต่อ 5 จันทร์ 5 เสาร์ 5 อาทิตย์จะช่วยให้คนส่งโชคดีหรือไม่ ก็เป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณกันเองนะคะ

    ลือส่งฟอร์เวิร์ดเมล์ 5 จันทร์ 5 เสาร์ 5 อาทิตย์ โชคดี

    .



    .



    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...