พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รายชื่อผู้ร่วมทำบุญ ไว้พี่ส่งให้อีกครั้งนะครับ

    โมทนาบุญทุกประการ


    .
     
  2. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ได้ครับพี่หนุ่ม กระผมต้องขอขอบพระคุณพี่หนุ่มที่เมตตามอบสิ่งที่เป็นมงคลไว้ให้คุ้มกายครับ และขอโมทนาในกุศลจิตกับพี่ที่ได้ถวายพระกับพระอาจารย์ของกระผม โมทนาสาธุทุกประการครับผม
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [FONT=Tahoma,]เตือนกินยาให้ผิวขาวถึงตายได้



    รศ.ภญ.ธิดา นิงสานนท์ นายกสภาเภสัชกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการนำยาที่มีฤทธิ์ห้ามเลือด "ทรานีซามิก" หรือที่รู้จักกันว่า "ทรานซามีน" มารับประทาน โดยเชื่อว่าจะรักษาฝ้าและทำให้ผิวขาวขึ้น แต่อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ เพราะจากการศึกษาในสัตว์ทดลองโดยการทายาบนผิวหนังที่ผ่านการส่องด้วยรังสียู วีบีพบว่า ปริมาณเม็ดสีเมลานินที่ผิวหนังลดลง และเมื่อฉีดเข้าผิวหนังบริเวณที่เป็นฝ้า พบว่าผิวสว่างขึ้น ทำให้เกิดกระแสการนำยามาใช้ในการรักษาฝ้า และทำให้ผิวขาวกันอย่างแพร่หลาย ทั้งที่เป็นการศึกษาในผู้ป่วยจำนวนน้อย และสัตว์ทดลองเท่านั้น ควรรอข้อมูลการศึกษาที่ยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาอย่างชัดเจน ก่อน

    สำหรับยาที่นำมารับประทานยังขาดการศึกษาในคนที่ถูกต้องตามหลักวิชาการว่า ช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้จริงหรือไม่ และยังขาดการคำนึงถึงผลข้างเคียงของยาที่ช่วยเร่งการแข็งตัวของเลือด อาจทำให้หลอดเลือดดำอุดตัน ซึ่งถ้าไปอุดตันที่อวัยวะสำคัญ เช่น ปอด หรือสมอง อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ฝากเภสัชกรทำความเข้าใจกับประชาชนด้วย
    [/FONT]



    .

     
  4. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    กราบเรียนพระอาจารย์ให้รักษาสุขภาพ โดยเฉพาะเกี่ยวกับช่วงท้องนะครับ แต่กำลังใจท่านเยี่ยมมากอยู่แล้วครับ หุ หุ
     
  5. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขอบพระคุณมากครับพี่ท่านที่เมตตาชี้แนะ กระผมจะกราบเรียนท่านให้ครับ พระอาจารย์ท่านไม่ค่อยได้พักผ่อนครับช่วงนี้ท่านเร่งทำความเพียร ขอขอบพระคุณพี่ท่านที่เป็นห่วงนะครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>
    อรุณสวัสดิ์ยามเช้า วันพฤหัส รื่นเริง ครับ

    ขอให้รื่นเริงกันทั้งวันครับ
    .
     
  7. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    วันนี้กระผมได้ไปทำบุญใส่บาตรกับพระสงฆ์และสามเณรรวม 42 รูป ขอพี่ๆทุกท่านร่วมโมทนาบุญด้วยครับผม
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แนะนำวัดจีน สถานที่ทำบุญช่วงตรุษจีน


    [​IMG]

    วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่)

    เรียบเรียบข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก thaiweekender.com, thailandoffroad.com และ วิกีพีเดีย

    "ตรุษจีน" เป็นเทศกาลสิริมงคลของคนไทยเชื้อสายจีนและบุคคลทั่วไป ที่มีความเชื่อในสิ่งศรัทธา ซึ่งชาวจีนสืบทอดเป็นประเพณีมายาวนาน โดยในแต่ละปี แต่ละคน แต่ละครอบครัวอาจประสบอุปสรรคชีวิตไม่เหมือนกัน เมื่อมาถึงปีใหม่ก็ต้องการขจัดปัดเป่าอุปสรรค และให้ชีวิตในปีใหม่มีความสมปรารถนา ด้วยเหตุนี้จึงมีการไหว้เทพเจ้า ไหว้สิ่งสิริมงคล เพื่อเสริมดวงชะตาและโชคลาภให้กับชีวิต . . . ว่าแล้วตรุษจีนปีนี้เราขอแนะนำและขอพาไปรู้จักวัดจีนสถานที่น่าไปทำบุญ น่าไปไหว้เทพเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันค่ะ

    [​IMG]วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่)

    วัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน่ยยี่
    เป็นวัดสังกัดจีนนิกาย ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ระหว่างซอยเจริญกรุง 19 และ 21 ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร เป็นที่คุ้นเคยในหมู่ชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวจีนจากต่างประเทศ หลายคนรู้จักวัดแห่งนี้ในนาม "วัดมังกร" เพราะคำว่า "เล่ง" หรือ "เล้ง" ในภาษาจีนแต้จิ๋ว แปลว่ามังกร ส่วนคำว่า "เน่ย" แปลว่า ดอกบัว และคำว่า "ยี่" แปลว่า วัด แต่ชื่อวัดอย่างเป็นทางการคือ "วัดมังกรกมลาวาส" ได้รับพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

    วัดนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2414 (ประมาณ 130 ปี ล่วงมาแล้ว) ใช้เวลาก่อสร้าง 8 ปีกว่า มีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบทางจีนตอนใต้ของสกุลช่างแต้จิ๋ว โดยวางแปลนตามแบบวังหลวง คือ มีวิหารท้าวจตุโลกบาลเป็นวิหารแรก ตรงกลางเป็นพระอุโบสถ ข้างหลังพระอุโบสถเป็นวิหารเทพเจ้า การสร้างใช้ไม้และอิฐเป็นวัสดุสำคัญ

    จากประตูทางเข้า เข้าไปจะถึงวิหารท้าวจตุโลกบาล จะเห็นเทพเจ้า 4 องค์ (ข้างละ 2 องค์) ในชุดนักรบจีน และถืออาวุธและสิ่งของต่างๆ กัน เช่นเครื่องดนตรี ดาบ พิณ เจดีย์ทรงสูง คนจีนเรียกว่า "ซี้ไต๋เทียงอ้วง" หมายถึง เทพเจ้าที่ปกปักษ์รักษาคุ้มครองทิศต่างๆ ทั้ง 4 ทิศ

    ถัดจากวิหารท้าวจตุโลกบาล คือ อุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานของพระประธานของวัด คือ พระศากยมุนีพุทธเจ้า คนจีนเรียก "ทีหุกโจ้ว" มีทั้งหมด 3 องค์ พร้อมพระอรหันต์อีก 18 องค์ เรียกว่า "ตึ่งนั้ง" หรือคนจีนว่า "จับโป่ยหล่อหั่ง"

    ทางด้านขวามีเทพเจ้าต่างๆ หลายองค์ เช่น เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา คนจีนเรียกว่า "ไท้ส่วยเอี๊ย" เทพเจ้าแห่งยาหรือหมอเทวดา "หั่วท้อเซียงซือกง" และที่นิยมไหว้ขอพรมากคือ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ "ไฉ่ซิ้งเอี๊ยะ" เทพเจ้าเฮ่งเจีย คนจีนเรียกว่า "ไต่เสี่ยหุกโจ้ว" พระสังขจาย หรือ "ปู๊กุ่ยหุกโจ้ว" "กวนอิมเนี้ย" หรือ เจ้าแม่กวนอิม "แป๊ะกง" และ "แป๊ะม่า" รวมเทพเจ้าในวัด จะมีทั้งหมด 58 องค์ กลิ่นธูปและควันเทียนยังไม่เคยจางหายไป ตราบเท่าความศรัทธาของมนุษย์ยังอยู่คู่โลก

    ทั้งนี้ วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) เปิดให้สะเดาะเคราะห์ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00น. - 18.00 น. สถานที่ตั้ง 423 ถนนเจริญกรุง เขตป้อมปราบ กรุงเทพฯ 10100 โทร. 0-2222-3975, 0-2226-6553


    [​IMG]
    [​IMG] วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์

    วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ ตั้งอยู่ที่ตำบลโสนน้อย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี พื้นที่เดิมก่อนเคยเป็นโรงเจขนาดเล็ก มีพื้นที่ประมาณ 2 ไร่เศษ เป็นโรงเจที่ชาวบ้านบางบัวทองให้ความศรัทธามาช้านาน ต่อมาคณะสงฆ์จีนนิกายมีปณิธานจะพัฒนาที่ส่วนนี้ให้เป็นวัดที่สมบูรณ์ เพื่อสร้างเป็นวัดเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องในวโรกาสเถลิงถวัลย์ครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี วัดนี้มีพื้นที่ทั้งหมด 12 ไร่ โดยคณะสงฆ์จีนนิกายมอบให้

    ทั้งนี้ พระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ (พระอาจารย์เย็นเชี้ยว) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างและมีพระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร เป็นประธานที่ปรึกษา พร้อมทั้งพุทธบริษัทไทย - จีน ร่วมกันสร้างเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสอันเป็นมหามงคลสมัยปีกาญจนาภิเษก

    อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชานุญาตให้สร้างวัด และพระราชทานนามว่า "วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์" ท่านแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการสำนักพระราชวัง เป็นผู้ดำเนินการขออนุญาตสร้างวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ฯ จึงนำมาซึ่งความปิติยินดีของชนชาวไทยเชื้อสายจีน และความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อคณะสงฆ์จีนมาโดยตลอด

    วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00 - 18.00 น.

    [​IMG] วัดกัมโล่วยี่

    วัดกัมโล่วยี่ หรือ วัดทิพยวารีวิหาร สร้างในสมัยกรุงธนบุรีในปี พ.ศ. 2319 รัชสมัยของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงพระราชทานที่ดินฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาให้เป็นที่อาศัย ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ องค์เชียงสือนัดดาเจ้าเมืองเว้ ได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารและได้ลักลอบหนีกลับเมือง กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงแคลงพระทัยชาวญวนจึงได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้กลุ่มชนชาวญวนซึ่งมีอยู่มากในบริเวณนั้น ย้ายออกไปอาศัยอยู่ที่อื่น เพื่อให้ห่างจากพระนคร ชุมชนบริเวณนี้ซึ่งเคยเป็นที่อาศัยของคนไทย คนจีน และคนญวน เชื้อสายพุทธจึงอยู่ในความเงียบสงบ วัดทิพยวารีวิหาร (กัมโล่วยี่) ในขณะนั้นจึงมีสภาพคล้ายรกร้าง ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาเลยอีกนานหลายปี

    จน ถึงประมาณปี พ.ศ.2439 พระอาจารย์ไหซัน พระภิกษุจีนชาวมณฑลหูหนาน ได้จาริกมาจำพรรษาที่วัดทิพยวารีวิหารแห่งนี้ ท่านจึงได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ และได้ชักนำคนไทย - คนจีนในเขตนั้น อันมีนายเช็งเต็ก แซ่เจี่ย และนางซิ่วออม แซ่ตัน สองสามีภรรยาคหบดีผู้กว้างขวางในกลุ่มชาวจีน ในย่านตลาดมิ่งเมืองเป็นแกนนำ ต่อมาทายาทของครอบครัวท่านทั้งสองนี้ ได้รับพระราชทานนามสกุลจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่6 ว่า "เศวตมาลย์"

    พระอาจารย์และประชาชนในครั้งนั้น ได้ร่วมกันบูรณปฏิสังขรณ์วัดใหม่ทั้งวัด จนวัดอยู่ในสภาพสมบูรณ์สวยงาม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) จึงได้ทรงพระราชทานสมณศักดิ์ให้อาจารย์ไหซัน เป็นหลวงจีนธรรมรสจีนศาสน์ ปลัดซ้ายจีนนิกายดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส และได้ทรงพระราชทานนามวัดกัมโล่วยี่ให้ใหม่ว่า "วัดทิพยวารีวิหาร" ตรงกับ พ.ศ.2452 เหตุที่ให้ชื่อวัดเป็นเช่นนี้ เพราะที่วัดนี้มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ หรือบ่อน้ำทิพย์อยู่นั่นเอง ตั้งแต่นั้นมาคนทั้งหลายจึงเรียกวัดกัมโล่วยี่ หรือวัดน้ำทิพย์นี้เป็น "วัดทิพยวารีวิหาร" อันเป็นวัดในสังกัดคณะสงฆ์จีนนิกายจนถึงปัจจุบัน

    สำหรับท่านที่สนใจจะไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดทิพยวารีวิหารหรือวัดกัมโล่วยี่ ไปได้ที่ สถานที่ตั้ง 119 ซอยทิพยวารี ถนนตรีเพชร เขตพระนคร (บ้านหม้อ) กรุงเทพฯ 10200 โทร. 0-222-5988



    [​IMG]

    ศาลเจ้าพ่อเสือ

    [​IMG] ศาลเจ้าพ่อเสือ

    ศาลเจ้าพ่อเสือ ตั้งอยู่เลขที่ 468 ถนนตะนาว ใกล้เสาชิงช้า เป็นศาลเจ้าชาวจีนที่เก่าแก่ และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย เป็นศาลเจ้าที่ประดิษฐานเฮี้ยงเทียนเซียงตี่ และรูปเจ้าพ่อเสือ หรือที่คนจีนเรียกว่า "ตั่วเล่าเอี้ย" (บ้างก็เรียกเฮี๊ยงเทียนเสี่ยงตี) เป็นศาลที่ทั้งคนจีนและคนไทยให้ความเคารพ และมากราบไหว้กันนานเป็นร้อยปี ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างโดยชาวจีนแต้จิ๋ว เดิมตั้งอยู่บริเวรถนนบำรุงเมือง เมื่อมีการขยายถนนในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงย้ายมาสร้างใหม่ ที่บริเวณทางสามแพร่ง ถนนตะนาว เขตพระนคร

    ลักษณะอาคารสร้างตามรูปแบบศาลเจ้าที่นิยมทางภาคใต้ของจีน เทพเจ้าประจำศาลคือ "เสียนเทียนซั่งตี้" หรือที่คนไทยเรียกว่า "เจ้าพ่อเสือ" นั่นเอง เรื่องราวตำนานของเจ้าพ่อเสือที่ชาวบ้านย่านนี้เล่าขานนั้น เชื่อมโยงกับหลวงพ่อพระร่วง วัดมหรรณพ์ สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องชาวไทย และชาวจีนในละแวกนี้ที่มีมาช้านาน

    วิธีสักการะ ไหว้ด้วยธูป 18 ดอก ปัก 6 กระถาง เทียนแดง 1 คู่ และพวงมาลัย 1 พวง การสักการะเจ้าพ่อเสือ จะต้องซื้อเครื่องเซ่น ซึ่งประกอบด้วย หมูสามชั้น ไข่ดิบ และข้าวเหนียวหวาน ชุดเล็กราคา 20 บาท และชุดใหญ่ ราคา 50 บาท

    สำหรับเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเดินทางไปสักการะ คือ ช่วงเวลา 06.00 - 17.00 น. ทุกวัน ควรเดินทางด้วยรถประจำทางหรือรถแท็กซี่จะสะดวกกว่า เนื่องจากสถานที่จอดรถมีจำนวนจำกัด

    [​IMG] เจ้าพ่อเห้งเจีย

    เจ้าพ่อเห้งเจีย หรือซุนหงอคง เป็นเทพผู้ประทานความสุขและเป็นผู้กำจัดเหล่าปีศาจร้าย ชนชาวจีนจึงนิยมกราบไหว้และบูชามาก ปัจจุบันศาลเจ้าหลายแห่งจะมีรูปเคารพของเทพวานร หรือเจ้าพ่อเห้งเจีย เพื่อไว้ให้คนที่เลื่อมใสศรัทธามีโอกาสเข้าไปสักการะขอพร

    ตำนานเจ้าพ่อเห้งเจียกล่าวกันว่า กำเนิดจากหินชนิดหนึ่งที่ถูกแสงสุริยันจันทราอาบมานานกว่าพันปี และแล้ววันหนึ่งก็แตกออก และมีลิงตัวหนึ่งกระโดดออกมาจากหินก้อนนั้น เจ้าลิงตัวนั้นได้บุกขึ้นไปเขาฮัวกั่วซาน (เขาผลไม้) ซึ่งมีลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และตั้งตัวเป็นใหญ่มีฉายานามว่า "มุ้ยเกาอ๋อง"

    วันหนึ่งมุ้ยเกาอ๋องเห็นลิงในฝูงตัวหนึ่งตายลงด้วยความแก่ชรา จึงเกิดความวิตกและคิดจะหาทางแก้ไขที่จะทำให้ตนเองไม่ต้องเจ็บหรือตาย จึงออกจากฝูงเดินทางเสาะแสวงหาไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็พบกับเซียน "โผเถโจ๊ซือ" (สุภูติ) และได้ฝึกวิชาคาถาอาคมต่างๆ จนมีอิทธิฤทธิ์สามารถแปลงกายได้ 72 ร่าง กระโดดตีลังกาคราหนึ่งได้ไกลกว่า 300 ลี้ พร้อมกับได้ชื่อใหม่ว่า "ซุนหงอคง" เมื่อฝึกวิชาสำเร็จแล้วก็เกิดลำพองใจ เกิดร้อนวิชาออกอาละวาดไปทั่วไม่เว้นแม้กระทั่งสวรรค์หรือบาดาล ทำให้ 3 โลกปั่นป่วนไปหมด

    ร้อนถึงเง็กเซียนฮ่องเต้ต้องส่งทหารสวรรค์และเทพต่างๆ ไปจับซุนหงอคง นอกจากจะจับไม่ได้แล้ว กลับถูกซุนหงอคงเล่นงานจนแตกกระจายไปหมด ในที่สุดเง็กเซียนฮ่องเต้ต้องยอมแพ้ให้ยกซุนหงอคงขึ้นเป็นใหญ่ พร้อมแต่งตั้งให้เป็น "มหาเทพฉีเทียนต้าเซิ้น"

    แต่ซุนหงอคงก็ยังเหิมเกริมไม่เลิก ในที่สุดองค์ยูไลต้องเสด็จมากำราบด้วยตัวเอง โดยจับซุนหงอคงไว้ให้ภูเขาหินทับขังไว้นานถึง 500 ปี และกำหนดไว้ว่าผู้ที่จะช่วยออกมาได้คือพระถัมซังจั๋ง และซุนหงอคงต้องยอมบวชเป็นลูกศิษย์รับใช้พระถังซัมจั๋งไปชมภูทวีป (อินเดีย) และต้องคุ้มครองพระถังซัมจั๋งไปตลอดทางด้วยจึงจะเป็นอิสระ

    ทั้งนี้ ศาลเจ้าเง็กฮกตึ๊ง (เจ้าพ่อเห้งเจีย) ตั้งอยู่ที่สวนผัก ตลิ่งชัน ซอย 19 กรุงเทพฯ โทร. 02 435-1143, 02 8842522-3


    [​IMG] ศาลเจ้าพ่อกวนอู

    ท่านกวนอู หยุน ฉาง (ภาษาจีนกลางเรียกนามท่านว่า กวนอี่ว์) เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเล่าปี่ และเตียวหุย ตามพงศาวดารเรื่องสามก๊ก หน้าท่านแดงตลอดเวลาเหมือนพุทราสุก มีหนวดเครางดงาม มีง้าวเป็นอาวุธคู่กาย ท่านมีความรอบรู้ด้านการทหารมาก มีพาหนะสุดยอด คือ ม้าเซ็กเทา ท่านร่วมชีวิตในการศึกร่วมกับเล่าปี่ด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดีและกล้าหาญ หลังจากท่านสิ้นชีวิตลง ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งคุณธรรม และมีความซื่อสัตย์สูงส่ง

    ภายในศาลเจ้าพ่อกวนอู ประดิษฐานรูปปั้นของท่าน และด้านข้างมีรูปปั้นเทพเจ้าม้า (เบ๊เอี๊ย) เซ่นไหว้รูปม้าพร้อมกับเขย่าลูกกระพรวน ซื้อผักให้เทพเจ้าม้า และถวายของไหว้ได้ ณ ศาลแห่งนี้ ศาลเจ้าพ่อกวนอู (บางคนเรียกศาลเจ้าพ่อม้า) ผู้หลักผู้ใหญ่เก่าๆ มักแนะนำให้ลูกหลานมาไหว้ท่านทุกปี

    การไหว้เจ้าพ่อกวนอู สำหรับบุคคลเกิดดวงชะตาธาตุต่างๆ

    [​IMG] เจ้าพ่อกวนอูเป็นธาตุไฟ คนที่เกิดธาตุน้ำมาไหว้แล้วจะดี
    [​IMG] เจ้าพ่อกวนอูเป็นธาตุไฟ คนที่เกิดธาตุทองหากเป็นข้าราชการมาไหว้จะดี
    [​IMG] เจ้าพ่อกวนอูเป็นธาตุไฟ คนที่เกิดธาตุดินมาไหว้แล้วจะเกิดอำนาจบารมี
    [​IMG] เจ้าพ่อกวนอูเป็นธาตุไฟ คนที่เกิดธาตุไฟมาไหว้แล้วจะทำให้มีความเชื่อมั่นดีขึ้น
    [​IMG] เจ้าพ่อกวนอูเป็นธาตุไฟ คนที่เกิดธาตุไม้มาไหว้แล้วจะทำให้ใจเย็นขึ้นรอบคอบมากขึ้น

    สถานที่ตั้งศาลเจ้าพ่อกวนอู : ตรอกโรงโดม ซอยอิสรานุภาพ เดินตรงจากศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยมาเล็กน้อย ถนนเยาวราช กรุงเทพฯ


    [​IMG] วัดจีนประชาสโมสร

    วัดจีนประชาสโมสร จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือวัดเล่งฮกยี่ ที่ ขยายมาจากวัดมังกรกมลาวาสในจังหวัดกรุงเทพมหานคร เริ่มสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2449 เป็นวัดจีนเก่าแก่แห่งศาสนาพุทธนิกายมหายาน ภายในวัดจีนมี พระพุทธรูป เทพเจ้า เจ้าแม่กวนอิม และเทพอื่นๆ ภายในวัด ถือเป็นวัดจีนเพียงแห่งเดียวในจังหวัดฉะเชิงเทรา มีระฆังใบใหญ่หล่อจากชาวจีนแต้จิ๋ว มีน้ำหนักกว่า 1 ตัน ที่รอบระฆังมีอักษรมหาปรัชญาปารมิตราสูตร ถ้าผู้ใดตีระฆังก็ฟังเหมือนกับการสวดมนต์ธรรมะ ในวัดมีพระประธาน ซึ่งได้นำมาจากประเทศจีน เมื่อครั้ง 100 กว่าปีมาแล้ว

    ทั้งนี้ วัดจีนประชาสโมสร ตั้งอยู่ที่ ถนนศุภกิจ ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา

    นี่เป็นวัดจีนที่ทีมงานแนะนำมาบางส่วนเท่านั้นค่ะ ความจริงแล้วยังมีสถานที่ และวัดอีกจำนวนมากที่เพื่อนๆ สามารถไปทำบุญ และไหว้เพื่อเสริมสิริมงคลให้กับชีวิตได้ …



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี และ watboromracha.org

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] และ watboromracha.org



    .

    http://travel.kapook.com/view20730.html

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หวั่น กทม.จมบาดาล นักวิชาการแนะย้ายเมืองหลวง


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    เรื่อง "ย้ายเมืองหลวง" เป็น ประเด็นที่คนพูดกันมานานมากแล้ว ย้อนไปตั้งแต่สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่เคยมีแนวคิดย้ายเมืองหลวงไปจังหวัดเพชรบูรณ์ จากนั้นสมัยรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ก็เคยมีแนวคิดจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เขาตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา เรื่อยมาจนถึงยุคหลัง ๆ แนวคิดการย้ายเมืองหลวงไปที่จังหวัดนครปฐม นครนายก ก็ผุดขึ้นมาเป็นประเด็นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็เพียงแค่เป็นประเด็นชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ได้มีการดำเนินการหรืออะไรสืบเนื่องต่อจากนั้น

    ล่าสุด ประเด็นย้ายเมืองหลวงก็ยังถูกพูดถึงกันอยู่ หลังจากช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ประเทศไทยเจออุทกภัยครั้งใหญ่ แถมยังมีนักวิชาการออกมาเตือนภัยอยู่เนือง ๆ ว่า ในอนาคตอีกไม่กี่สิบยี่สิบปีข้างหน้า แผ่นดินจะยิ่งทรุดลง น้ำทะเลจะยิ่งกัดเซาะชายฝั่งมากขึ้น ที่ สำคัญ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ยังออกมาระบุด้วยว่า กรุงเทพฯ คือพื้นที่เสี่ยงที่จะจมอยู่ใต้น้ำในอนาคต จึงควรพิจารณาเรื่องการย้ายเมืองหลวงอีกครั้ง ซึ่งจุดที่เหมาะสมที่สุดน่าจะเป็น "โซนอีสานใต้"

    ด้าน ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ ศูนย์จัดการความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ก็มีความเห็นไม่แตกต่างกัน โดยมองว่า กรุงเทพฯ เป็นที่ราบลุ่มต่ำ และพื้นดินยังทรุดลงปีละ 2-4 เซนติเมตร หากปล่อยไว้โดยไม่ทำอะไร อีก 20 ปี กรุงเทพฯ ต้องเจอน้ำท่วมเหมือนอยู่ใต้ทะเล จึงแนะนำว่า ควรจะย้ายภาคส่วนกิจกรรมที่้เป็นศูนย์กลาง เช่น ศูนย์ราชการ ภาคบริการ อุตสาหกรรม เศรษฐกิจ การศึกษา ฯลฯ ไปยังจังหวัดฝั่งตะวันออกแทน เพราะตอนนี้กรุงเทพฯ เต็มไปด้วยความแออัด

    สอด คล้องกับ ดร.พิจิตต รัตตกุล ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย ที่เห็นควรว่า จำเป็นต้องย้ายความเจริญของกรุงเทพฯ ด้านต่าง ๆ กระจายไปหัวเมืองอื่น เช่น นครราชสีมา สระบุรี สุพรรณบุรี เพราะยิ่งนานวันการแก้ปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ จะยิ่งลำบากขึ้น เพราะระดับน้ำทะเลสูงขึ้น แต่แผ่นดินทรุดลง แม้แต่การระบายน้ำฝนที่ตกในกรุงเทพฯ ออกสู่ทะเลก็ยังยากขึ้นตามไปด้วย

    ขณะที่ น.ส.อัญชลี ปัทมาสวรรค์ ผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กรุงเทพฯ กล่าวว่า ทางสำนักผังเมืองกรุงเทพฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับการแก้ปัญหาน้ำท่วม เพราะขณะนี้สำนักผังเมืองกรุงเทพฯ กำลังรวบรวมจัดทำผังเมืองรวมฉบับใหม่ โดยวางแผนการป้องกัน และรับมือน้ำท่วมไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้ ยังได้พิจารณาเพิ่มพื้นทีรับน้ำก่อนจะเข้าสู่กรุงเทพฯ เพิ่มเติม เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ ที่รุนแรงในอนาคต



    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ประชาชาติธุรกิจ

    [​IMG]


     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ชัยชนะหนุ่มพิการ ฝ่าชีวิตทรหด รับ 2 ปริญญา


    ชัยชนะหนุ่มพิการ ฝ่าชีวิตทรหด รับ 2 ปริญญา (ไทยโพสต์)

    บัณฑิต หนุ่มตาบอดคว้าปริญญาตรีนิติศาสตร์ มสธ. เอาชนะอุปสรรคทางร่างกายได้สำเร็จ ตั้งเป้าเป็นนักกฎหมายเพื่อช่วยเหลือเพื่อนผู้พิการได้เรียนหนังสือและ ประกอบอาชีพ ปัจจุบันเป็นนายกสมาคมคนตาบอด จ.นครสวรรค์ แต่ก็ยังขายลอตเตอรี่เลี้ยงชีพ เผยนับเป็นปริญญาใบที่ 2 ในชีวิต

    เผยเรื่องราวชีวิตที่ไม่ยอมแพ้ความพิการทางสายตาของนายประสูตร แสงสร้อย หนุ่มตาบอด อายุ 30 ปี มีความมุ่งมั่นและอดทนเรียนหนังสือจนประสบความสำเร็จคว้าปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) และได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา ณ มสธ. จังหวัดนนทบุรี

    นายประสูตรเผยว่า พิการทางสายตามาตั้งแต่กำเนิด แต่ไม่ถึงกับตาบอดสนิท ยังคงมองเห็นได้เลือนรางในระยะใกล้ ๆ เท่านั้น ซึ่งเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะเรื่องการเรียน ตนอ่านหนังสือได้ช้า ต้องใช้เครื่องขยายตัวอักษรให้ใหญ่ขึ้นแล้วนำมาจ่อใกล้ดวงตาจึงจะมองเห็น ในสมัยเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนลาดยาววิทยาคม จังหวัดนครสวรรค์ เวลา ทำข้อสอบต้องยกขึ้นมาประชิดดวงตา ซึ่งพอจะมองเห็นเลือนราง ในข้อสอบมี 100 ข้อ แต่สามารถทำได้ประมาณ 60 ข้อ ส่วนที่เหลืออีก 40 ข้อต้องกามั่วไป เพราะอ่านข้อสอบไม่ทัน เวลาหมดก่อน

    บัณฑิตนิติศาสตร์ผู้พิการทางสายตาบอกว่า ไม่คิดว่าตัวเองจะเรียนผ่านชั้นประถมมาได้ ทั้ง ๆ ที่ในตอนนั้นโรงเรียนไม่มีอุปกรณ์ช่วยมองเห็น ไม่มีหนังสืออักษรเบรลล์ ไม่มีสื่อซีดีให้ฟัง และไม่มีแม้แต่ครูคอยช่วยเหลือ แม้ว่าจะทำข้อสอบไม่ทัน แต่ก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุดและสอบผ่านวิชาต่าง ๆ มาได้ หลังจากเรียนจบชั้น ป.6 ก็ย้ายมาเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้มีโอกาสเรียนหนังสืออักษรเบรลล์เป็นครั้งแรก ได้ค้นคว้าหาความรู้เรื่องต่าง ๆ จากอักษรเบรลล์ ได้ฟังเสียงจากเทปและสื่อการเรียนการสอนจนเรียนจบ ม.3 ก็ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนโคราชพิทยาคม จังหวัดนครราชสีมา จบชั้น ม.6

    "หลัง จากนั้นผมเลือกสอบเข้าคณะศึกษาศาสตร์เอกประถมวัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) โดยสำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2547 ในช่วงระหว่างนั้นผมสมัครเป็นนักศึกษาสาขานิติศาสตร์ มสธ. และเรียนควบคู่กันทั้งสองสถาบันไปพร้อม ๆ กัน เพราะเห็นว่าตัวเองยังพอจะมีเวลา อยากใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ อีกทั้ง มสธ.เป็นสถานศึกษาที่มีตารางเรียนและสอบในวันเสาร์-อาทิตย์ เหมาะที่จะแบ่งเวลาเรียนได้อย่างลงตัว" นายประสูตรเล่า

    เขาบอกเหตุผลที่เลือกเรียนสาขานิติศาสตร์ว่า อยาก เป็นนักกฎหมาย เพราะปัจจุบันกฎหมายไทยมีช่องว่างทำให้คนตาดีเลือกปฏิบัติต่อคนพิการ จึงอยากที่จะมีโอกาสไปผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคนพิการ ทั้ง พ.ร.บ.คนพิการและรัฐธรรมนูญ ซึ่งกว่าจะได้ปริญญาทางกฎหมายไม่ใช่เรื่อง ง่ายสำหรับผู้พิการทางสายตา ต้องอาศัยความขยันและความมานะพยายามมากกว่าคนปกติหลายเท่า วิธีเรียนมีทั้งการใช้เครื่องขยายตัวหนังสือ การบันทึกเสียงตัวเองในส่วนของเนื้อหาสาระที่สำคัญเพื่อฟังทบทวนในภายหลัง และค้นคว้าผ่านอินเทอร์เน็ตโดยใช้โปรแกรมตาทิพย์ รวมทั้งฟังจากสื่อซีดี ส่วนข้อสอบของ มสธ.มีเครื่องอ่านข้อสอบให้ฟังแล้วตอบใส่เทป ระยะเวลาทำข้อสอบก็เท่ากับคนปกติ

    "ที่ ผ่านมาได้รับรู้ปัญหาการเลือกปฏิบัติกับคนพิการ ผมจึงเกิดแรงกระตุ้นเรียนกฎหมาย มสธ. จนคว้าปริญญาตรีได้สำเร็จ นอกจากเป็นใบเบิกทางประกอบอาชีพได้แล้ว ยังจะนำความรู้กฎหมายไปช่วยเพื่อนผู้พิการ ขณะนี้ผมทำงานเป็นนายกสมาคมคนตาบอดจังหวัดนครสวรรค์ พยายามทำให้คนตาบอดได้มีโอกาสเรียนหนังสือและประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ เมื่อ มีเวลาว่างจะไปขายลอตเตอรี่ สิ่งที่ต้องการคือ อยากให้คนพิการกล้าที่จะก้าวออกจากบ้านมาผจญโลกภายนอก แต่ถ้าคิดว่าลำบาก ท้อแท้ ตาบอดแล้วไปไหนไม่ได้ ทุกอย่างก็จบ สิ่งดี ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น จะไม่มีวันที่ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นเราต้องต่อสู้" นายประสูตรกล่าวในที่สุด




    ขอขอบข้อมูลจาก ไทยโพสต์

    [​IMG]


    .

     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ชงกาแฟให้อร่อย



    ใครๆ ก็ชงกาแฟได้ แต่กาแฟที่อร่อย ไม่ใช่ใครก็ชงได้ เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ จากเดลินิวส์ ออนไลน์ จะช่วยทำให้กาแฟของคุณกลมกล่อมรสดีขึ้น

    หากเป็นกาแฟสำเร็จรูปให้นำไปต้มด้วยไฟอ่อนๆ 2 นาที แทนการชงด้วยน้ำร้อน ส่วนแก้วที่จะใช้ดื่ม ก่อนเติมกาแฟลงไปให้นำน้ำร้อนใส่แก้วเอาไว้ก่อนเพื่อให้แก้วร้อน ช่วยรักษาอุณหภูมิของกาแฟไม่ให้เปลี่ยนรสชาติ เมื่อจะเติมกาแฟที่ต้มแล้ว ก็ให้เทน้ำร้อนในแก้วทิ้งไป

    เวลารินกาแฟให้รินสูงๆ เพื่อให้อากาศเข้าไปในน้ำกาแฟ จะทำให้รสชาติดีขึ้น ที่สำคัญควรดื่มกาแฟร้อนให้หมดภายใน 20 นาทีหลังชงเสร็จ เพราะถ้าใช้เวลามากกว่านี้กาแฟจะเริ่มไม่อร่อย.

    .

    Daily News Online > โทรโข่ง > หน้าเกร็ดความรู้ > ชงกาแฟให้อร่อย

    .



    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อรุณสวัสดิ์ยามเช้า วันศุกร์แห่งชาติครับ

    ขอแสดงความเสียใจกับทหารที่ปกป้องประเทศชาติ
    ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต
    ท่านที่บาดเจ็บ ขอให้หายเร็วๆครับ


    ----------------------------------------------------

    ยิงถล่มฐานทหารนราฯ จนท.ตาย 6 นาย
    (ไอเอ็นเอ็น)

    คน ร้ายบุกยิงถล่ม ฐานปฏิบัติการชุดเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 38 และโรยตะปูเรือใบ ป้องกันการเสริมกำลังของเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นตาย 6 บาดเจ็บหลายราย


    เกิด เหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ลอบใช้อาวุธสงครามบุกยิงถล่มใส่ฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทหารสังกัด ร.1 ชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 38 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณบ้านมะรือโบตก ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เบื้องต้นเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหาร ได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวน 6 นาย และเสียชีวิต 6 นาย สภาพถูกกระสุนปืนที่ลำตัวหลายนัด โดยคนร้ายได้บุกเข้าโจมตีเข้าทางด้านหลังฐานปฏิบัติการ ซึ่งเป็นป่ารกทึบ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขอกำลังเข้าไปเสริมเพื่อเข้าไปช่วยเหลือแต่ไม่สามารถนำ กำลังเข้าไปช่วยเหลือได้ ซึ่งคนร้ายได้โรยตะปูเรือใบ และได้ตัดตันไม้ขวางถนนเป็นระยะ เจ้าหน้าที่จึงได้นำเฮลิคอปเตอร์เข้าไปช่วยเหลือ เพื่อนำผู้บาดเจ็บออกจากที่เกิดเหตุแทน

    สำหรับทหารที่เสียชีวิต ประกอบด้วย

    1. ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผบ.ร้อย ร.15121 ฉก.นราธิวาส 38 ซึ่งเป็นหัวหน้าฐานปฏิบัติการดังกล่าว ถูกกระสุนยิงเข้าที่หน้าอกเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

    2. สิบโท อับดุลเลาะห์ กาหยี

    ที่เหลืออีก 4 ราย ยังไม่ทราบรายชื่อ

    ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ประกอบด้วย

    1. พลทหารธันวา ยอดแก้ว
    2. พลทหารอาริต บูดิง สารี
    3. สิบเอกณัฐกิจ โพธิ์จันทร์
    4. จ่าสิบเอก จิตนะ นุตะมะ
    5. พลทหารสุคน สามาบุตร
    6. สิบเอกสุพล ชูศรี

    ทีม งานกระปุกดอทคอม ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวทหารที่เสียชีวิต และขอร่วมไว้อาลัยกับทหาร ขอให้ดวงวิญญาณของทุก ๆ ท่าน จงไปสู่สุคติ ๆ ค่ะ

    ที่มา ไอเอ็นเอ็น และ กระปุึก

     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ล็อค 5 ผู้ต้องสงสัยยิงถล่มฐานทหาร



    เลื่อนยศทหารกล้า ญาติรำไห้ร่วมรดน้ำศพ จนท.ล็อค 5 ผู้ต้องสงสัยเค้นสอบ คาด 2 วันออกหมายจับกลุ่มลงมือ

    เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 20 ม.ค. ที่ศาลาอเนกประสงค์ วัดบางนรา อ.เมือง จ.นราธิวาส พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย ประกอบด้วย ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผบ.ร้อย ร 15121 กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 151 ฉก.นราธิวาส 38 ส.อ.เทวรัตน์ เทวา ตำแหน่ง หัวหน้าชุด ร้อย ร 15121 และพลทหารประวิทย์ ชูกลิ่น ตำแหน่ง พลเปล ซึ่งถูกกลุ่มคนร้ายประมาณ 20-30 คน บุกยิงถล่มเสียชีวิตภายในฐานปฏิบัติการณ์พระองค์ดำ ร้อย ร 15121 ฉก.นราธิวาส 38 ตั้งอยู่ ม.1 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ เหตุเกิดช่วงคืนที่ผ่านมา โดยมีทหารได้รับบาดเจ็บรวม 13 นาย

    โดยพิธีรดน้ำศพมีนายธนน เวชกรกานนท์ ผวจ.นราธิวาส พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทหารตำรวจและฝ่ายปกครอง ข้าราชการและกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ ต.มะรือโบตก รวมกว่า 1,000 คนเข้าร่วมไว้อาลัยและสดุดีในวีรกรรมของทหารชุดดังกล่าวนี้ ซึ่ง ร.อ.กฤช รวมทั้งลูกน้องได้เคยสร้างมวลชนกับชาวบ้านไว้เป็นการวางรากฐานที่ดีตลอดมา ตั้งแต่ปี 2548 จนเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านทั้งพุทธและมุสลิมในพื้นที่
    ทั้ง นี้แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เป็นตัวแทนวางพวงหรีดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. รวมทั้งผู้บังคับบัญชาระดับสูง ก่อนที่จะมอบเหรียญบางระจันสัญลักษณ์ของผู้กล้าแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 3 นาย โดย ร.อ.กฤช เป็นบุตรของ พล.ท.สุนทรและนางสุมนมาศ มารดาที่เดินทางมาร่วมรับศพบุตรชายด้วยน้ำตานองหน้า ส่วน ส.อ.เทวรัตน์ มีนางจุฑามาศ ภรรยาและบุตรวัย 5 ขวบและ 2 ขวบมารอรับศพ สำหรับพลทหารประวิทย์ นายประพันธ์และนางจิราวรรณ บิดามารดามารอรับศพด้วยความโศกเศร้าไม่ต่างกัน
    ขณะที่ได้มีการมอบ เงินช่วยเหลือเพื่อเยียวยาสภาพจิตใจของครอบครัวทั้ง 3 รายๆละกว่า 1 ล้านบาท ในส่วนของการปูนบำเหน็จรวม 9 ชั้นยศ โดย ร.อ.กฤชเป็น พล.อ. ส่วน ส.อ.เทวรัตน์ เป็น พ.อ.และพลทหารประวิทย์เป็น ร.อ.ส่วนการเคลื่อนศพทั้ง 3 นายจะมีพิธีในวันพรุ่งนี้ เวลาประมาณ 10.00 น.ที่หมวดบินเฉพาะกิจภาคใต้ กองทัพเรือ จ.นราธิวาส โดย ร.อ.กฤชถูกส่งกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด ต.บางโขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ส่วน ส.อ.เทวรัตน์กลับไป จ.กาญจนบุรีและพลทหารประวิทย์กลับไปที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส
    ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในพื้นที่เขตรอยต่อ ต.มะรือโบตก และ ต.เฉลิม อ.ระแงะไว้ได้จำนวน 5 ราย ขณะที่ชุดคลี่คลายคดีซึ่งลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวพบเบาะแสของกลุ่มคนร้าย ที่คาดว่าจะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานจากการตรวจสอบวัตถุพยานในที่เกิดเหตุและ จะออกหมายจับได้ภายใน 2-3 วันนี้
    สำหรับการลงมือก่อเหตุอย่างอุกอาจ และเหี้ยมโหดในครั้งนี้ เป็นการฉลองวันครบรอบการเปลี่ยนชื่อของกลุ่มขบวนการ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2530 จากขบวนการแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติปัตตานี หรือ BNPP เป็นแนวร่วมอิสลามปลดปล่อยปัตตานี หรือ BIP




    .

    Daily News Online > หน้าภูมิภาค > ล็อค 5 ผู้ต้องสงสัยยิงถล่มฐานทหาร

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หอมอร่อย'อาหารเฉโป'บะหมี่เป็ด เกี๊ยวกุ้ง รสกลมกล่อม


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    เมื่อวันก่อน แวะไปหาคุณพ่อที่คอนโดมิเนียมมาและได้ถูกชวนให้ไปทานอาหารกลาง วันด้วยกัน โดยคุณพ่อบอกว่าจะพาไปกินที่ร้านอาหารชื่อว่า เฉโป อยู่บนถนนพระราม 4 เยื้องสนามมวยลุมพินี ร้านนี้เปิดมาหลายสิบปีแล้ว และคุณพ่อรู้จักดีกับเจ้าของร้าน ซึ่งร้านนี้จะเสิร์ฟอาหารจีน เรียกว่า อาหารเฉโป

    อาหารที่ร้านนี้จะเป็นอาหารจำพวกไก่ย่างแต้จิ๋ว หมูกรอบ หมูแดงและกุนเชียง มีไส้ ตับ ซึ่งอร่อยมากครับ และยังมีเครื่องในหมูด้วย ร้านนี้ เมื่อตอนมีการประท้วงและชุมนุมกันที่ราชดำริ ถูกเผาไปด้วยและได้รับความเสียหายพอสมควร เมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ทางร้านได้ทำการซ่อมแซมและทาสีใหม่ ตอนเปิดร้านนั้นได้ติดต่อขอให้คุณพ่อมาเป็นประธานเปิดร้านใหม่ให้ คุณพ่อผมก็มาโดยดีเพราะชอบทานอาหารที่ร้านนี้อยู่แล้ว

    โดยส่วนตัว คุณพ่อของผมมีความคิดที่ว่าถ้าชอบกินอาหารร้านไหนก็จะกินแต่ร้านนั้นอยู่ ร้านเดียวเกือบทั้งอาทิตย์หรือทั้งเดือน ซึ่งร้านเฉโปก็เป็นหนึ่งในร้านที่คุณพ่อผมชอบมาทานบ่อย ๆ ครั้งนี้ผมเลยถือโอกาสมาทานอาหารที่ร้านนี้ด้วย

    ที่ร้านเฉโป เป็นร้านอาหารคูหาเดียว ไม่ได้หรูหราเลยครับ บรรยากาศโดยรวมค่อนข้างร้อนด้วย แต่ว่าจะทำอย่างไรได้ ผมชอบกินของอร่อยที่ไม่มีพิธีรีตองมากมายนัก และอาหารที่นี่ก็ไม่ได้แพงด้วยครับ

    เมื่อผมไปถึงคุณพ่อก็สั่ง เป็ดเฉโป มาและขอ หมูกรอบ หมูแดง ไส้และ กุนเชียง ให้เขาสับมาให้เป็นจาน ๆ ด้วยครับ เสิร์ฟพร้อมข้าว น้ำซอสกินกับเป็ด และมีน้ำจิ้มมาด้วยครับ อร่อยทุกอย่างเลย

    ผมแอบไปดูเห็นเกี๊ยวกุ้ง เห็นบะหมี่ลวก ก็เลยตะโกนบอกไปว่า ขอบะหมี่น้ำเป็ดชามหนึ่งด้วยครับ ใส่เกี๊ยวมาให้ด้วยนะครับ เขาคงเห็นว่าผมทานเก่งเลยเสิร์ฟเกี๊ยวกุ้งน้ำ มาพร้อมกับ บะหมี่เป็ดแห้งอีกชามหนึ่ง และมีน้ำซุปมาให้ด้วยนะครับ อร่อยทั้งสองชามเลย น้ำซุปกลมกล่อมดีจริง ๆ ครับ ไม่ต้องปรุงอะไรก็ยังได้

    ส่วน ใครที่จะกิน บะหมี่เป็ดน้ำ นั้นคงไม่ต้องบรรยายน้ำซุปที่ร้านนี้แล้วนะครับว่าอร่อยแค่ไหน สำหรับเป็ดเฉโป ไม่ใช่เป็ดย่างสีดำ ๆ หนังกรอบ ๆ นะครับ แต่เป็นเป็ดย่างหนังสีเหลือง ไม่ค่อยมันเท่าไหร่นัก มีกลิ่นหอม นุ่ม ไม่เหนียว ไม่ใช่พะโล้นะครับ แต่เป็นเป็ดอบครับ

    หมูกรอบ ของเขาก็ดีนะครับ อร่อย บนเขียงของร้านนี้จะมีเครื่องต่าง ๆ ซึ่งจะมีทั้ง เป็ด มีทั้ง ไส้ มีทั้ง กุนเชียง ใครสั่งเขาก็จะสไลซ์ทุกอย่างแล้วใส่ลงไปในจานที่รองด้วยแตงกวาครับและบางที ก็ราดน้ำลงไปในนั้นให้เรากินกับข้าว ซึ่งข้าวก็ต้องกินในถ้วยนะครับ แล้วเอาน้ำซอสราด จากนั้นก็จิ้มกับน้ำจิ้มที่เป็นซีอิ๊วหรือไม่ก็น้ำส้มจิ๊กโฉ่วที่มีพริก ซอยอยู่ในนั้น อยากจะบอกว่าได้อารมณ์ของความอร่อยมากเลยครับ

    ใน ส่วนของที่จอดรถจะหายากเล็กน้อย เพราะมีคนเข้ามากินที่ร้านตลอดเวลา ก่อนไปแนะนำว่าให้โทรฯ ไปถามที่ร้านก่อนแล้วกันนะครับ เพราะที่นั่นอาหารน่ากินและอร่อยมาก ราคาก็ไม่แพง รสชาติดีทีเดียวครับ อร่อยแบบไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรเลย

    เมื่อครั้งที่ไปทานกับคุณ พ่อครั้งนั้น ทุกคนหันมามองคุณพ่อแล้วก็ยกมือไหว้คุณพ่อหมดเลยครับ และเมื่อหันมาเห็นหน้าผมแล้วก็ถามว่ามากินที่นี่ด้วยหรือ ผมตอบกลับไปว่า ที่นี่มีแต่ของอร่อยจะไม่มากินได้อย่างไร บรรยากาศก็ดี ถึงแม้จะร้อนไปนิดก็ตาม

    อย่าลืมแล้วกันนะครับ ถ้ามีโอกาสลองเข้าไปชิมอาหารที่ร้านนี้กันดู ที่ตั้งร้านหาไม่ยาก แต่หาที่จอดรถยากสักหน่อย เพราะคนไปกินมากมายเหลือเกินครับ แต่ร้านนี้เปิดตั้งแต่เช้าถึงเย็นครับ ไม่เปิดตอนกลางคืน ว่าง ๆ ก็รีบไปชิมกันนะครับ อาหารอร่อยและราคาก็ไม่แพงด้วย.

    ........................

    เข้าครัวกับหมึกแดง

    แกะย่าง

    เครื่องปรุง

    - เนื้อแกะ 400 กรัม

    - กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ

    - โรสแมรี่สดสับ 1 ช้อนชา

    - พาสลี่ย์สับ 1 ช้อนชา

    - เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

    - ถั่วลิสง ตามต้องการ

    - พริกไทยดำสดบด 1/2 ช้อนชา

    - ผงยี่หร่า 1 ช้อนโต๊ะ

    - ผงลูกผักชี ตามต้องการ

    - ไม้เสียบ ตามต้องการ

    - หอมแขกผ่าครึ่ง 4 หัว

    - มะเขือเทศผ่าสี่ส่วน 8 ลูก

    วิธีทำ

    1. หั่นเนื้อแกะให้เป็นลูกเต๋าใหญ่ นำไปบดในเครื่องโดยไม่ละเอียดนัก ตักออกใส่ชามผสม

    2. ปรุงเนื้อบดด้วยกระเทียมสับ โรสแมรี่สดสับ พาสลี่ย์สับ เกลือป่น ถั่วลิสง พริกไทยดำ สดบด ผงยี่หร่า และผงลูกผักชี

    3. เทออกมานวดบนเขียงให้เหนียว แล้วจึงใส่ถั่วลิสงนวดต่ออีกนิดหนึ่ง

    4. นำไม้เสียบลูกชิ้นหรือเหล็กย่างมาเสียบหอมแขกผ่าครึ่ง และเนื้อสับปั้นให้ติดกับไม้หรือเหล็กย่าง แล้วเสียบมะเขือเทศผ่าสี่ส่วนปิด

    5. เปิดไฟกระทะย่างให้ร้อน นำแกะสับลงไปย่างให้สุกทั้งชิ้น

    6. จัดแกะสับย่างใส่จาน เสิร์ฟร้อน ๆ เหมือนบาร์บีคิว

    7. จะปั้นเนื้อเปล่า ๆ มาพันกับก้านอบเชยก็ได้ จะหอมและอร่อยมาก

    ความรู้คู่ครัว

    - ทำไมต้องนวดเนื้อแกะก่อนที่จะเสียบไม้?

    ทำให้เหนียวและติดกัน


    หมึกแดง
    www.mcdangguide.com

    .

    Daily News Online > หน้าวาไรตี้ > หอมอร่อย'อาหารเฉโป'บะหมี่เป็ด เกี๊ยวกุ้ง รสกลมกล่อม

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียน น้อง<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ปฐม

    สำหรับองค์ผู้อธิษฐานจิตเดิม ขอดูรูปครับ (ส่งผ่าน Email)

    สำหรับองค์ผู้อธิษฐานใหม่ ได้มีการขอพระบรมพุทธานุญาตครับ

    สำหรับถุงที่เขียนเลข 1

    ได้มีการขอพระบรมพุทธานุญาต ขอพระบารมีองค์หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า , หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า , หลวงปู่พระโสณะเถระเจ้า , หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร) , หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้าหรือหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ลพบุรี) , หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปานหรือหลวงพ่อโอภาสี วัดโอภาสี กรุงเทพฯ) ,หลวงปู่แจ้งฌาณ , สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และหลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ อธิษฐานจิตเพิ่มเติม ( เมตตามหานิยม , แคล้วคลาด , คงกระพัน , ป้องกันคุณไสย ยาสั่งต่างๆ และทำน้ำมนต์ป้องกันคุณไสยและยาสั่งต่างๆ)

    สำหรับถุงที่ไม่ได้เขียน

    ได้มีการขอพระบรมพุทธานุญาต ขอพระบารมีองค์หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า , หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า , หลวงปู่พระโสณะเถระเจ้า , หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร) , หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้าหรือหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ลพบุรี) , หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปานหรือหลวงพ่อโอภาสี วัดโอภาสี กรุงเทพฯ) ,หลวงปู่แจ้งฌาณ , สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี , หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง , หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ และหลวงปู่ยี วัดดงตาก้อนทอง อธิษฐานจิตเพิ่มเติม ( ขอให้ผู้สวมใส่ เป็นที่รักของสามโลก , แคล้วคลาด , คงกระพัน , ป้องกันคุณไสย ยาสั่งต่างๆ ,สามารถทำน้ำมนต์ป้องกันคุณไสยและยาสั่งต่างๆ และ ให้ประสบความสำเร็จตามที่ผู้สวมใส่อธิษฐาน )

    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียน คุณfightfo

    สำหรับพระสมเด็จ(เจ้าคุณกรมท่า) เนื้อสีขาว มีการสร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ.2415
    องค์ผู้อธิษฐานจิต (เดิม) หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า และสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี อธิษฐานจิต

    ส่วนพระสมเด็จ (เนื้อปัญจสิริ) เนื้อหลายๆสี มีการสร้างขึ้นในช่วง พ.ศ.2416 - 2428 องค์ผู้อธิษฐานจิต (เดิม) หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า และกลุ่มหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ (เช่นหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นต้น) อธิษฐานจิต


    ได้มีการขอพระบรมพุทธานุญาต ขอพระบารมีองค์หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า , หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า , หลวงปู่พระโสณะเถระเจ้า , หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร) , หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้าหรือหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ลพบุรี) , หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปานหรือหลวงพ่อโอภาสี วัดโอภาสี กรุงเทพฯ) ,หลวงปู่แจ้งฌาณ , สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และหลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ อธิษฐานจิตเพิ่มเติม ( เมตตามหานิยม , แคล้วคลาด , คงกระพัน , ป้องกันคุณไสย ยาสั่งต่างๆ และทำน้ำมนต์ป้องกันคุณไสยและยาสั่งต่างๆ)


    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948



    ขอเรียนเชิญทุกๆท่านไปร่วมงานกันครับ

    โมทนาสาธุครับ

    http://palungjit.org/threads/ขอเชิญ...ฆ์ผาผึ้ง-อ-บ้านเขว้า-จ-ชัยภูมิ.68899/page-101
    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมได้เปิดประชุม(ทางEmail) ของชมรมพระวังหน้า ในเรื่องของการสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งแล้วครับ

    ผมรบกวนขอให้ท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้า แสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าวด้วยครับ

    ขอบคุณครับ
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->sithiphong
    เลขานุการชมรมพระวังหน้า
    21/1/2554

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมตั้งใจว่า จะขึ้นไปร่วมงานฉลองพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งด้วย ผมได้นัดกับ กุ้งมังกอน และ MEA เรียบร้อยแล้วครับ

    และว่าจะหาแนวร่วม(ทำบุญ) ซื้อน้ำดื่ม (ทั้งน้ำเปล่า , น้ำอัดลม , ชาดำเย็น และ โอเลี้ยง ) ขึ้นไปให้ผู้ที่ขึ้นไปร่วมงานฉลองพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งได้ดื่มเพื่อดับกระหายกันด้วยครับ

    แนวร่วมที่ตกลงใจแล้วก็มี น้องปฐม(ฝากเงินไว้ที่ผมเพื่อร่วมทำบุญที่แล้วแต่ผมจะนำไปทำบุญในที่ต่างๆ) และพี่ประทีป
    ส่วนกุ้งมังกอนและMEA ร่วมบุญในวันที่ผมไปซื้อครับ

    ส่วนเงินที่คุณธวัชฝากไว้ จำนวน 2,300 บาท ( จำนวน 1,700 บาท ถวายพระอาจารย์นิล) ส่วนอีก 600 บาท จะให้ผมทำบุญอะไร กรุณาแจ้งผมมาด้วยนะครับ

    โมทนาสาธุครับ
    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียน น้อง<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ปฐม

    ส่วนน้ำมนต์

    1.น้ำมนต์หลวงปู่ 11 พระองค์(หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า , หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า , หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า , หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า , หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า , สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี , หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า , หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก , หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว และหลวงปู่กรมพระยาปวเรศ)

    2.น้ำมนต์ (หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ,หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า , หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า , หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า , หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า , หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า , หลวงปู่แจ้งฌาณ , สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ,หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ)

    3.น้ำมนต์ (หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ,หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า , หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า , หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า , หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า , หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า , หลวงปู่แจ้งฌาณ , สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี , หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง , หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ และหลวงปู่ยี วัดดงตาก้อนทอง)

    4.น้ำมนต์ (พระแม่ธรณี , พระแม่คงคา และ พระแม่โพสพ)

    5.น้ำสรงพระแก้วมรกต (น้ำที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร สรงพระแก้วมรกตในปี 2553 วาระเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต จากฤดูฝน เป็น ฤดูหนาว)

    จะนำน้ำมนต์ทั้งหมด รวมกันไว้ในขวดเดียว แล้วจะส่งให้น้องปฐมอีกครั้ง พร้อมทั้งหนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร และรูปหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร 5 พระองค์ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...