พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    อ่า .. พอจะทราบคำตอบแล้วครับ แต่ถือว่าตอบผิดละกันครับพี่ ให้เพื่อนๆท่านอื่นๆตอบมั่งนะ หุหุ :)
     
  2. คุณเชิด

    คุณเชิด สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2011
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +11
    ยังพอมีพิมพ์ปรางอธิฐานที่สร้างที่ทองสนามหลวงอยู่ไหมครับ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไม่เข้าใจครับ

    พิมพ์ ปาง อธิษฐาน และเวลาที่สร้าง สร้างที่ท้องสนามหลวง หรือเปล่าครับ

    ถ้าพิมพ์ที่ว่านี้ ผมไม่ทราบครับ

    .
     
  4. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    สวัสดีทุกท่านครับ nongnooo, sittiporn.s, sithiphong

    หุหุ คำถามชิงรางวัลยากมากครับ Google + WiKi สงสัยจะเอาไม่อยู่ครับ :p
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ถ้าคำถามของผม แน่นอนครับ

    บางคำถาม ตอบตามประวัติศาสตร์ ก็ผิดแน่นอน เพราะว่า สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเป็นจริง แตกต่างจากตัวอักษรในหนังสือประวัติศาสตร์ครับ


    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แนะ 6 ขั้นตอน สร้างครอบครัวสุขสันต์ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">11 มกราคม 2554 17:00 น.</td></tr></tbody></table>
    [​IMG]
    "พญ. วิมลรัตน์ วันเพ็ญ"


    ส่วน ใหญ่ปัญหาของครอบครัวมักเกิดจากความไม่เข้าใจกันในเรื่องที่เล็กน้อย การปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล จนบางครั้งกลายเป็นการจุดประกายให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง ผิดใจกันสร้างความร้าวฉานของความสัมพันธ์ระหว่างคนในบ้านให้ลดน้อยลง วันนี้ทีมงาน Life& family จึงมีคำแนะนำดีๆ ในการสร้างครอบครัวสุขสันต์มาฝากกันค่ะ

    กับประเด็นนี้ "พญ. วิมลรัตน์ วันเพ็ญ" รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวให้ความรู้ว่า คงจะเป็นเรื่องที่ไม่เข้าไม่ออกบ้านใคร เพราะมันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆ ครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวที่สมาชิกต่างคนต่างใช้ความคิดของตัวเองในการตัดสินหรือ บังคับคนอื่น

    ยกตัวอย่างเช่น การแสดงความต้องการว่า ทำไม คุณถึงไม่รู้จักกลับบ้านให้เร็วขึ้น ทำไมคุณถึงไม่เลิกดูฟุตบอลแล้วมาช่วยเลี้ยงลูกบ้าง ทำไมลูกถึงไม่รู้จักกินข้าวให้หมดจาน ทำไมคุณถึงไม่ทำแบบนั้น ไม่ทำแบบนี้ ทำไมเอาแต่ช้อปปิ้ง ทำไมชอบคุยโทรศัพท์กับเพื่อนนานๆ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่ทำให้ความทุกข์ของครอบครัว หากยิ่งปล่อยให้เป็นเช่นนี้มันก็จะกลายเป็นความทุกข์สะสมไปเรื่อยๆ

    ถึงตอนนั้น ครอบครัวอาจจะหาคำว่า "ความสุข" ไม่ เจอเลย เพราะต่างคนต่างแสดงความต้องการของตัวเองออกมา โดยไม่ฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ฯ ท่านนี้ บอกว่า ทางออกที่ดีที่สุดของปัญหานี้ หากมีการพูดคุยกันเกี่ยวกับการเปลี่ยนของทุกฝ่ายที่พยายามกันอย่างเต็มที่ แล้ว แต่มันก็ยังไม่ตรงใจของอีกหนึ่ง สิ่งที่ควรทำคือ กลับมาเปลี่ยนที่ความคิดและสร้างความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นในตัวเองก่อน

    อย่างไรก็ดี การคลี่คลายความทุกข์จะต้องทำให้อารมณ์ของแต่ละฝ่ายอยู่ในความสงบและพร้อม ที่จะพูดคุยกันด้วยเหตุผล เพราะนี่เป็น "จุดเริ่มต้น" ของการสร้างครอบครัวสุขสันต์ โดยยึดหลักการปฏิบัติตามที่ พญ.วิมลรัตน์ แนะนำ 6 ขั้นตอน สร้างครอบครัวสุขสันต์ ดังนี้

    1. การแก้ไขปัญหา ลองคิดว่าตัวเราเองเคยทำอะไรที่ไม่ดีกับคนอื่นบ้าง แม้บางครั้งจะเกิดขึ้นโดยความไม่ตั้งใจก็ตาม ถ้ามีให้ทุกคนเริ่มกลับไปเปลี่ยนในข้อบกพร่องตรงนั้น และให้คิดว่ามีอะไรบ้างที่คนอื่นทำดีกับเราโดยที่ไม่ได้คาดหวัง แล้วนำทั้ง 2 ข้อกลับไปเขียน บางคนอาจจะตกใจ เพราะสิ่งที่คนอื่นทำให้เรารู้สึกดีมีมากกว่าสิ่งที่เราทำไม่ดีกับคนอื่นอีก เพราะฉะนั้นความรู้สึกมันจะหักร้าง และทำให้เรากลับไปคิดได้ว่า ตัวเราเองจะเป็นทุกข์ไปทำไม ในเมื่อเราก็ได้รับสิ่งที่ดีๆ มากกว่าความรู้สึกไม่ดีเสียอีก

    2. การสื่อสาร ซึ่ง ความจริงแล้วน่าจะจัดให้เป็นขั้นตอนแรกในการจัดการกับความทุกข์และสร้างความ สุขให้กับคนในครอบครัว เพราะการสื่อสารเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราจะพูดคุยกันอย่างไรให้ชีวิตคู่อยู่กันยืดยาว คุณแม่จะใช้คำพูดอย่างไรกับลูกที่ทำให้ลูกรู้สึกว่าไม่ใช่คำบ่น ซึ่งมีหลักการสื่อสารที่ถูกต้องง่ายๆ สามารถทำได้โดยการคิดก่อนพูด และควรหลีกเลี่ยงการใช้คำพูดที่ขึ้นต้นว่า ทำไมไม่ทำแบบนั้น ทำไมไม่เป็นแบบนี้ เพราะมันจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่าเป็นการบังคับขู่เข็ญ

    3. รู้จักบทบาทของตัวเอง เพราะบทบาทหน้าที่ของแต่ละคนในครอบครัวย่อมแตกต่างกันไป ฉะนั้นครอบครัวจะอยู่กันอย่างมีความสุขได้ ทุกคนจะต้องรู้จักและรับผิดชอบในบทบาทของตัวเองในดีที่สุด เช่น คุณพ่อคุณแม่ต้องแบ่งเบาภาระในการเลี้ยงดูลูกบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณแม่เพียงคน หรือน้องอาจจะต้องยอมพี่บ้างในบางครั้ง ไม่ใช่ให้พี่เป็นผู้เสียสละเพียงฝ่ายเดียว

    <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ขอบคุณภาพประกอบจาก http://ccmh.byu.edu</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> 4. การจัดการกับอารมณ์ ลองนึกดูเวลาที่มีอารมณ์โกรธหรือโมโห เรามีการจัดการกับอารมณ์เหล่านั้นอย่างไร เช่น เงียบไม่คุยกับใคร โวยวาย หรือพร่ำพรรณนา แต่มันก็ไม่แปลกมากนักที่จะรู้สึกโกรธหรือรู้สึกแย่กับบางเรื่อง ซึ่งไม่สามารถห้ามอารมณ์ความรู้สึกของใครได้ แต่ในช่วงเวลาที่โกรธหรือหงุดหงิดฉุนเฉียวจะต้องไม่ทำร้ายตัวเอง ผู้อื่น และข้าวของต่างๆ ในบ้าน หรืออีกทางหนึ่งสามารถบอกความรู้สึกกับคนในบ้านได้ว่า ตอนนี้กำลังรู้สึกโกรธและโมโหมาก

    "ทุกคนสามารถระบายความโกรธ หรือหงุดหงิดได้ด้วยการ ตะโกนอยู่ในบ้าน แต่ต้องไม่พูดคำหยาบ เช่นเดียวกับการที่เด็กร้องไห้ ซึ่งเป็นการระบายอออกทางอารมณ์ที่ดี อาจจะชกหมอน เตะฟุตบอล หรือฉีกกระดาษ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในขอบเขตหรือความเหมาะสม โดยอาจจะทำในพื้นที่ที่จำกัดแล้วเก็บกวาดด้วย นอกจากนั้นควรหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันในช่วงเวลามราต่างกันต่างอารมณ์ร้อน หรือโมโหสุดขีด" พญ. วิมลรัตน์อธิบาย

    5. สร้างความผูกพันทางอารมณ์ ให้ทุกคนนึกถึงช่วงเวลาที่รู้สึกดีต่อกัน โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่เวลาที่คบหาดูใจกันในตอนแรกๆ จะรู้สึกว่าตัวติดกัน ไปไหนต้องไปด้วยกัน ความผูกพันลึกซึ้งก็มีมากจนล้นออกมา แต่พอผ่านไปนานวัน ความเบื่อหน่ายเริ่มเข้ามาแทนที่กลายเป็นความรำคาญใจ อยากได้เวลาส่วนตัวมากขึ้น บางคนก็ต่างคนต่างอยู่ โดยไม่มีความรู้สึกว่าผูกพันกัน แม้จะไม่มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง แต่ก็ไม่ได้มีความรักและความห่วงใยให้แก่กันเลย หรือบางคู่อยู่ด้วยกันจนเกิดความเคยชินในการทำตามหน้าที่ ใครอยากทำอะไรก็ทำไป ความผูกพันมันก็จะเริ่มลดลงเรื่อยๆ จนจืดจางลงในที่สุด

    "ความจริงแล้ว การสร้างความรักความผูกพันควรต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเหมาะสม และที่สำคัญตัวเราเองต้องมีเวลาส่วนตัวบ้าง ไม่ใช่ทุ่มเทให้กับครอบครัวเพียงอย่างเดียว เพราะชีวิตมันจะเกิดอาการเหนื่อยล้ามากจนไม่อยากจะทำอะไรต่อไป แม้ช่วงแรกๆ เราและคนรอบข้างจะรู้สึกดีกับการกระทำดังกล่าว ฉะนั้นทุกคนในครอบครัวอาจจะต้องคอยเติมเต็มความรักความผูกพันให้แก่กัน โดยต้องไม่ให้มีมากเกินไปหรือมีน้อยจนเกินไป"

    6. การจัดการพฤติกรรม เป็นขั้นตอนที่ส่วนใหญ่จะใช้กับลูก ซึ่งมีหน้าที่คล้ายๆ กับกฏหมาย เนื่องจากทุกๆ บ้านจะต้องมีการตั้งกฏระเบียบขึ้นมา เพื่อสร้างเสริมพฤติกรรมที่ดีของสมาชิกในบ้านและต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากเราตั้งกฏของมาบังคับใช้แล้วปล่อยให้มีการละเมิดไม่ปฏิบิตตามข้อ บังคับ ความเป็นระเบียบเรียนร้อยในบ้านก็จะไม่เกิด ตรงข้ามก็จะมีแต่ความวุ่นวาย ส่งผลให้เกิดการทะเลาะ ถกเถียงหรือขัดใจกันได้

    เห็นไหมว่า ไม่ใช่เรื่องยากเลย หากทุกคนเริ่มเปลี่ยนจากตัวเองให้ได้ก่อน หรือยึดปฏิบัติตาม 6 ขั้นตอนดังที่กล่าวมาจะสามารถสร้างความเข้าใจระหว่างคนในครอบครัวได้ และที่สำคัญไปกว่านั้น เชื่อได้เลยว่าครอบครัวจะสุขสันต์อย่างแน่นอนค่ะ

    Life & Family - Manager Online -
     
  7. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    แสดงว่า ... อนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลครูฝึกอีกพระองค์ ... หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ แล้ว...ว่างั้น? :)
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่อง หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ที่พระองค์ท่านเป็นครูฝึกของคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร (คณะโสณะ-อุตระ) ได้เปิดเผยมาก่อนหน้านี้นานแล้ว ในกระทู้พระวังหน้าฯนี้ครับ


    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การรักษาโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง

    การรักษาโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง (โรงพยาบาลพญาไท)
    โดย นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์

    คุณ หยาดทิพย์ อายุ 31 ปี อาชีพเป็นพนักงานรับโทรศัพท์ในบริษัท ลักษณะงานที่ทำอยู่ต้องนั่งติดอยู่กับที่เป็นเวลาต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง ต้องโทรศัพท์ติดต่อกับลูกค้าวันละหลายหน นั่งทำงานอยู่อย่างนี้ทุกวัน เกิดความรู้สึกตึง ๆ เจ็บ ๆ ที่สะบัก คิดว่าน่าจะไม่มีอะไรมาก คงเป็นกล้ามเนื้อยึด ตกบ่ายอาการเริ่มเป็นมากขึ้น คราวนี้ปวดมากขึ้นที่สะบัก ร่วมกับมีอาการปวดร้าวไปที่ก้านคอ บางครั้งก็ปวดลงที่เบ้าตา หางคิ้ว มีอาการปวดและวิงเวียนศีรษะ

    พอมีอาการแบบนี้นึกถึงหมอนวดแผนโบราณเป็นอันดับแรก ลองไปนวด อาการที่ปวดคอ ปวดสะบักก็ดีขึ้น หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์อาการปวดก็กลับมาเป็นอีก คราวนี้มีอาการปวดร้าวไปที่ต้นแขน ใจสั่นคล้ายอยากอาเจียน พะอืดพะอมเหมือนโรคกรดไหลย้อน แต่ก็ต้องแข็งใจนั่งทนทำงานต่อไป

    ลองทานยาคลายกล้ามเนื้อแล้ว อาการปวดก็ทุเลาลงเล็กน้อย เวลาเป็นก็นอนหลับไม่สนิท ต้องตื่นขึ้นกลางดึกหลายครั้ง เพราะมีอาการปวดสะบัก ทำให้คล้ายเป็นคนอดนอน ง่วงเหงาหาวนอนบ่อย ๆ ตอนกลางวัน นานวันเข้าจากอาการที่นาน ๆ เป็นที คราวนี้เป็นตลอดเวลาโดยเฉพาะเวลานั่งทำงาน พอนั่งทำงานได้เพียงแค่ไม่เกิน 10 นาที ก็มีอาการปวดอีก เป็นอาการปวดแบบน่ารำคาญ มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย มีอาการชาตามมือ วิตกกังวล ซึมเศร้า หดหู่ ชีวิตไม่เป็นปกติสุขเลย เห็นท่าจะไม่ดีเลยไปปรึกษาคุณหมอที่โรงพยาบาล ทำการตรวจร่างกาย คุณหมอพบว่า มีลักษณะอาการเข้าได้กับโรค "กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง" หรือที่เรียกว่า "Myofascial Pain Syndrome"

    [​IMG]รู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคนี้

    คุณหมอบอกว่าคนที่เป็นโรคปวดกล้ามเนื้อนี้ จะมีลักษณะป็นกลุ่มอาการหลากหลายร่วมกันได้แก่ ปวดกล้ามเนื้อเป็นแถบ ๆ หรือซีกใดซีกหนึ่ง แบบปวดน้อย ๆ พอทนได้จนเป็นความปวดแบบซ้ำซาก ไปจนปวดมาก ๆ จนแทบจะทนไม่ได้ มีอาการปวดร้าวไปที่อื่น เช่น ศีรษะร้าวลงแขน หรือร้าวลงไปที่กล้ามเนื้อส่วนอื่นที่อยู่ใกล้เคียงได้ พบว่าการตรวจร่างกายจะพบอาการแสดงที่สำคัญคือ บริเวณกล้ามเนื้อที่มีจุดกดเจ็บ และจุดกดแบบกดแล้วมีอาการปวดร้าว ส่วนมากอาการปวดคอ สะบัก มักจะมีจุดกดเจ็บอยู่บริเวณตำแหน่งกระดูกคอ ต่อกับกระดูกสะบัก อยู่ในตำแหน่งกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่เชื่อมระหว่างกระดูกคอ และกระดูกสะบักด้านบน

    [​IMG]ทำไมถึงเป็นโรคนี้ แล้วจะมีวิธีการรักษาได้อย่างไร

    โรคนี้เกิดจากสาเหตุได้หลายประการ ได้แก่

    [​IMG] 1. การบาดเจ็บทางร่างกายอย่างรุนแรง เช่น อุบัติเหตุทางการกีฬา, อุบัติเหตุทางรถยนต์ มีการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อมาก่อน แต่ในขณะนั้นร่างกายยังมีความแข็งแรง อาการบาดเจ็บจึงยังแสดงไม่เห็นเด่นชัด

    [​IMG] 2. การบาดเจ็บแบบน้อย ๆ แต่เป็นแบบซ้ำซาก เช่น การนั่งทำงานที่ผิดอิริยาบถเป็นเวลาติดต่อกันนาน ๆ ได้แก่พวกชอบนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ ไม่ชอบออกกำลังกาย ทำให้กล้ามเนื้อบางกลุ่มต้องทำงานหนักตลอดเวลา จึงเกิดการหดเกร็งเป็นก้อน (Taut Band) ตามมา

    หากกล้าม เนื้อไม่มีโอกาสได้คลายตัว หรือไม่ได้รับการรักษา จะทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็งมากขึ้น เป็นเหตุให้เกิดอาการปวด แม้ว่าจะไม่ได้มีการลื่นหกล้ม หรือบาดเจ็บใด ๆ มาก่อนก็ตาม รวมถึงมีอาการเหนื่อยล้า ชาตามปลายมือและเท้าได้เหมือนขาดวิตามินบี วิตามินซีอีกด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากพฤติกรรมที่เราทำเอง จากงานประจำที่ต้องทำซ้ำ ๆ เหมือนเป็นชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว

    [​IMG] 3. โรคข้อเสื่อมที่พบมากได้แก่ หมอนรองกระดูกคอเสื่อม ทำให้มีอาการปวดคอ กล้ามเนื้อคอหดเกร็งตามมา

    [​IMG] 4. ความวิตกกังวล เครียด ซึมเศร้า

    [​IMG]การรักษาทำได้อย่างไรบ้าง

    การรักษาที่ได้ผลดี ต้องทราบสาเหตุของการเกิดโรคที่แน่ชัด เช่น การปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง อันมีสาเหตุมาจากหมอนรองกระดูกคอเสื่อม ต้องทำการรักษาที่ต้นเหตุของโรค มิฉะนั้นการรักษาแต่ปลายเหตุ อาจทำให้อาการปวดกลับมาเป็นซ้ำอีก โดยทั่วไป ได้แก่

    [​IMG] 1. ลดการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ต่อเนื่อง ติดต่อกันนานเกินกว่า 1 ชั่วโมง

    [​IMG] 2. การรักษาโดยการนวดแบบผ่อนคลาย สามารถให้ผลลดอาการปวดได้ดี แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่องนาน 2 สัปดาห์

    [​IMG] 3. การยืดกล้ามเนื้อด้วยตนเอง โดยการยืดหรือ Stretching exercise จนถึงจุดมีอาการปวดเล็กน้อย ทำคราวละ 10 ครั้ง วันละ 2 รอบ นานอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ให้กล้ามเนื้อมีอาการยืดนาน 20-30 วินาที

    [​IMG] 4. การทำกายภาพบำบัด เช่น การประคบร้อน การใช้ Ultrasound ให้ความร้อนแบบลึกลงไปในชั้นของกล้ามเนื้อ การยืดคอหรือดึงคอด้วยอุปกรณ์ที่แผนกกายภาพบำบัด นานต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ ๆ ละ 3-5 ครั้ง

    [​IMG] 5. การลงเข็ม หรือการใช้เข็มช่วยให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งมีการคลายตัว

    [​IMG] 6. การฉีดยาตรงจุดกดเจ็บโดยแพทย์ จะทำการค้นโดยการคลำจุดกดเจ็บที่มีการปวดร้าว ใช้ยาชา หรือยาชาผสมยาสเตียรอยด์ เพื่อช่วยชำระล้างสารก่อให้เกิดอาการอักเสบบริเวณเฉพาะที่ตำแหน่งกดเจ็บนั้น ๆ

    [​IMG] 7. การพักผ่อนให้เพียงพอ เข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย

    [​IMG] 8. การปรับเปลี่ยนอิริยาบถ การนั่ง, การยืน ให้มีการยืดตัวเสมอ ๆ ออกกำลังกายให้มากขึ้น อย่างน้อยตื่นเช้ามาต้องมีการแกว่งหัวไหล่ทั้ง 2 ข้าง ด้านหน้า 20 ครั้ง ด้านหลัง 20 ครั้ง เพื่อให้มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อรอบ ๆ หัวไหล่และสะบัก ป้องกันการเกิดพังผืด และหัวไหล่ติดยึด รวมถึงการเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน ทำกายและใจให้รู้สึกผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงการนั่งที่ซ้ำ ๆ ต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงการนั่งเก้าอี้ที่นั่งแล้วมีการยุบตัว เช่น โซฟา หรือเบาะรองนั่งต้องมีการเสริมด้วยหมอนรองก้น เพื่อให้มีความแข็งแรงขึ้น

    ทั้งหมดที่กล่าวมาอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง จะสามารถรักษาได้ขึ้นกับคำว่า "เข้าใจ" และ "ปรับเปลี่ยน" กิจวัตรประจำวันที่บั่นทอนสุขภาพของเราไปทีละเล็กทีละน้อยทุก ๆ วัน


    http://www.phyathai.com/phyathai/ne...%D2%C1%E0%B9%D7%E9%CD%E0%C3%D7%E9%CD%C3%D1%A7


    .

    http://health.kapook.com/view20484.html

    .




    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>



    อรุณสวัสดิ์ยามเช้า วันศุกร์แห่งชาติ ครับ




    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    "ต้นงิ้ว” ยังมีอยู่นะ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">12 มกราคม 2554 13:30 น.</td></tr></tbody></table>
    [​IMG] <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="375"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="375"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ลุงหิน ปราชญ์ชาวบ้านและอดีตพรานป่า กับต้นงิ้วอายุกว่า 20 ปี</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> เชื่อกันว่าใครที่ ประพฤติผิดในกามเมื่อตายแล้วจะตกนรกไปปีน “ต้นงิ้ว” ต้นไม้ที่มีหนาวแหลมรอบลำต้น แต่หลายคนคงจะลืมไปแล้วว่าต้นงิ้วนั้นมีลักษณะเช่นไรเพราะหาดูไม่ได้แล้ว โชคดีที่ใน “ป่าสะแกราช” ผืนป่าดิบแล้งแห่งวังน้ำเขียวยังคงมีไม้พันธุ์นี้หยัดยืนอยู่

    ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์มีโอกาสได้เห็นต้นงิ้วอายุกว่า 20 ปี ยืนผลัดใบอยู่ริมทางเดินของป่าสะแกราชในสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราชของ สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประเทศไทย (วว.) อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความหลากหลายทางชีวภาพในป่าดิบแล้ง

    ลุงหิน หีบกิ่ง พรานป่าและปราชญ์ชาวบ้านประจำสถานีวิจัยวัย 76 ปี ให้ข้อมูลทีมงานว่า ต้น งิ้วมีหนามเพื่อป้องกันตัวเองเนื่องจากเป็นไม้เนื้ออ่อน ในอดีตต้นงิ้วถูกตัดไปทำเป็นก้านไม้ขีดไฟ แต่ปัจจุบันใช้ไม้ไผ่แทน ส่วนผลสามารถนำไปยัดหมอนหรือฟูกได้เช่นเดียวกับผลนุ่น เมื่ออายุมากขึ้นหนามของต้นงิ้วจะค่อยๆ หมดไป ซึ่งในป่าสะแกราชนั้นมีต้นงิ้วให้พบเห็นอยู่ราวๆ 20 กว่าต้น

    นอกจากนี้ยังมีความหลากหลายของพันธุ์พืชในป่าดิบแล้งให้เราได้ศึกษา เรียนรู้ระหว่างเดินป่า โดยเฉพาะเถาวัลย์ชนิดต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อป่าดิบแล้ง ซึ่งสัตว์ต่างๆ ใช้ปีนป่าย และเถาวัลย์เองจะพันเกี่ยวต้นไม้เข้าไว้ด้วยกัน ช่วยป้องกันต้นไม้ล้มเมื่อเกิดพายุ ซึ่งเถาวัลย์เด่นของป่าดิบแล้ง คือเถาวัลย์บันไดลิง ส่วนไม้เด่นของป่าชนิดนี้คือตะเคียนหิน ซึ่งมีความแข็งมากและในอดีตถูกตัดออกไปทำหมอนรองรางรถไฟจำนวนมาก

    ลักษณะสำคัญของป่าดิบแล้งคือมีแดดน้อยเหมือนป่าดิบทั่วไป แต่ได้รับน้ำฝนน้อยเพียง 3 เดือน ต่างจากป่าดิบชื้นที่ได้มากในภาคใต้ซึ่งมีสภาพอากาศแบบ “ฝน 8 แดด 4” คือเป็นป่าที่ได้รับปริมาณน้ำฝนเกือบตลอดทั้งปี

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="375"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="375"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ต้นงิ้วที่ผลัดใบจนเหลือแต่กิ่งก้านและลำต้น </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="375"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="375"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">เยาวชนเดินป่าและทำความรู้จักกับต้นงิ้ว</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="263"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="263"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">เด้กน้อยปีนเถาวัลยืบันไดลิงซึ่งเป็นเถาวัลย์เด่นในป่าดิบแล้ง</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="374"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="374"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">เถาวัลย์ม้ากระทืบโรง (ในมือขวาเจ้าหน้าที่เสื้อเขียว) มีฤทธิ์ชูกำลัง</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="375"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="375"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">เด็กน้อยนั่งบนเถาวัลย์ปลอกช้าง</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="375"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="375"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">เถาวัลย์มะขามป่าในมือลุงหิน มีฤทธิ์ชูกำลังเช่นเดียวกับเถาวัลย์ม้ากระทืบโรง </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="375"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="375"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ต้นอ่อนของเถาวัลย์มะขามป่า เมื่อแก่ตัวจะผลัดใบทั้งหมด </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="500"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">แนวกันไฟป่าที่ถากเป็นทางโล่งเตียนเพื่อชะลอการติดป่าเมื่อเกิดไฟป่าขึ้น </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="500"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">สภาพป่าดิบชื้นที่ค่อยๆ ฟื้นตัวจากการถูกบุกรุกเพื่อปลูกไม้โตเร็วจำพวกไม้ยูคาลิปตัส กระถินณรงค์ </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="375"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="375"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ต้นตะเคียนหินที่แกนกลางส่วนหนึ่งตาย</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="375"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="375"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">แมงมุมชักใยหน้าตาแปลก</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td></tr></tbody></table>

    Science - Manager Online -
     
  12. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    [​IMG]

    ต้นที่ว่านี้ ไปเห็นที่ Rock Terrace กะปฐม เขาเขียนว่า "ห้ามปีนเล่น" หุหุ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สุดซึ้ง! เด็กวัย 13 สละชีวิตตัวเองเพื่อน้องชาย


    [​IMG]
    จอร์แดน



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก hiyalouise.blogspot.com

    เมื่อวันที่ 14 มกราคม เว็บไซต์เดลิเมล์ ของอังกฤษ รายงานว่า เกิดเหตุเศร้าสลดปนซึ้งขึ้นในเมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย เมื่อเด็กชายวัย 13 ปี สละชีวิตให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยเหลือน้องชายวัย 10 ขวบ ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติน้ำท่วม ก่อนตัวเองจะถูกกระแสน้ำพัดเสียชีวิต

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเมืองบริสเบนนำกำลังเข้าช่วยชีวิตสามแม่ลูกที่ติด อยู่บนหลังคารถ และกำลังจะถูกกระแสน้ำเชี่ยวกราดพัดไป โดยสามารถช่วยชีวิตไว้เพียง 1 ชีวิตเท่านั้น คือ เบลค เด็กชายวัย 10 ขวบ ลูกชายคนเล็กของครอบครัวไรซ์ ขณะที่จอร์แดน พี่ชายคนกลางและดอนน่าผู้เป็นแม่ได้ถูกน้ำพัดไปเสียชีวิต

    หลังเกิดเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เปิดเผยว่า เมื่อทีมกู้ภัยรุดเข้าให้ความช่วยเหลือครอบครัวไรซ์ซึ่งติดอยู่บนหลังคารถ ที่กำลังถูกนำพัดไป จอร์แดนซึ่งเป็นพี่ได้ร้องตะโกนให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตน้องชายและแม่เขา ก่อน แล้วค่อยช่วยเหลือเขาเป็นคนสุดท้าย โดยจอร์แดนได้ร้องบอกเจ้าหน้าที่อยู่ซ้ำ ๆ ว่า "ช่วยชีวิตน้องผมก่อนครับ" ทางเจ้าหน้าที่จึงได้อุ้มน้องชายจอร์แดนออกมาก่อนอย่างรวดเร็ว ซึ่งหลังจากจอร์แดนเห็นว่าเจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือน้องแล้ว เขาก็ได้ร้องตะโกนต่อไปอีกว่า "ได้โปรดช่วยชีวิตแม่ผมด้วยครับ" และนั่นคือประโยคสุดท้ายที่ทีมกู้ภัยได้ยินก่อนที่จอร์แดนและแม่จะถูกกระแส น้ำเชี่ยวกราดพัดไปในที่สุด ท่ามกลางความเศร้าสลดของทีมกู้ภัยที่พยายามเข้าช่วยเหลือแต่ไม่ทัน


    [​IMG]


    จากเหตุการณ์นี้ จอห์น ไทสัน พ่อของจอร์แดน ได้เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า จอร์แดนว่ายน้ำไม่เป็นและกลัวน้ำมาก ๆ แต่ในช่วงเกิดเหตุ จอร์แดนกลับยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อให้น้องชายได้มีชีวิตรอดปลอดภัย ขณะที่ดอนน่า ภรรยาของเขาก็พยายามช่วยชีวิตจอร์แดนไว้ขณะที่ทั้งคู่เกาะอยู่บนเชือกช่วย ชีวิต ซึ่งแม้ว่าจอร์แดนจะเฝ้าร้องตะโกนให้เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตแม่ก่อน ดอนน่าเองก็พยายามประคองชีวิตลูกชายไว้เช่นกัน แล้วทั้งสองก็ถูกน้ำพัดไป ซึ่งตอนนี้ แม้ว่าเขาจะสูญเสียทั้งภรรยาและลูกชายคนกลางไปแล้ว แต่เขาก็รู้สึกซาบซึ้งที่ลูกชายเขายอมสละชีวิตเพื่อน้องชายอย่างนั้น ขณะที่ในใจก็ยังรู้สึกเสียใจอยู่ไม่หาย

    ถึงแม้ว่าทางทีมกู้ภัยจะไม่สามารถช่วยชีวิตครอบครัวของเขาออกมาได้ทั้งหมด แต่ จอห์น ไทสัน ก็ได้โทรศัพท์ไปกล่าวขอบคุณทีมกู้ภัยที่พยายามเข้าช่วยเหลือครอบครัวของเขา จนสุดความสามารถแล้ว ขณะที่ทีมกู้ภัยเองก็เฝ้าขอโทษเขาที่ไม่สามารถช่วยชีวิตภรรยาและลูกชายของ เขาไว้ได้

    หลังจาก เหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกเปิดเผยไปตามอินเทอร์เน็ตและแหล่งข่าวต่าง ๆ ทำให้ผู้คนทั่วโลกยกย่องจอร์แดน ให้เป็นเด็กชายที่เข้มแข็งและเป็นพี่ชายที่แสนดีที่สุดในโลก แม้ว่าจอร์แดนจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่เขาก็เป็นฮีโร่ในใจใครหลาย ๆ คน อีกทั้งเรื่องราวของเขาก็ยังเป็นสิ่งที่ทำให้คนทั่วโลกเสียน้ำตาได้ง่าย ๆ เลยทีเดียว





    .

    http://hilight.kapook.com/view/55268

    .



    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เตือนใจ!!! ก่อนจะมีเซ็กส์ มั่นใจหรือไม่ว่าปลอดเอดส์

    ข้อคิดจากชีวิตจริง ก่อนจะมีเซ็กส์ มั่นใจหรือไม่ว่าปลอดเอดส์
    โดย คุณฟ้าหมาดฝน จากเว็บไซต์ pantip

    เจ้าของนามแฝง "ฟ้าหมาดฝน" ในเว็บไซต์ pantip ซึ่งเป็นสูตินรีแพทย์ ได้เขียนบอกเล่าเรื่องราวชีวิตจริงของคนไข้ผู้ติดเชื้อเอดส์โดยไม่รู้ตัวจาก การมีเพศสัมพันธ์ เพื่อเตือนใจให้ทุกคนฉุกคิดสักนิดว่า ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์กับใคร แม้ว่าคน ๆ นั้น จะเป็นคนที่เรารัก และอยู่กินมาด้วยกันตลอดชีวิต เราจะแน่ใจได้ อย่างไรว่า เขาหรือเธอปลอดเชื้อเอดส์จริง ๆ เพราะเรื่องนี้หากผิดพลาดเพียงแค่ครั้งเดียว นั่นหมายถึงชีวิตของเราทั้งชีวิต!!!

    [​IMG] เคสที่ 1

    มารดาของเด็กหญิงอายุ 15 ปีคนหนึ่งมาแจ้งความว่า พ่อเลี้ยงได้ข่มขืนกระทำชำเราลูกสาว ระหว่างที่แพทย์ซักประวัติ ตรวจร่างกายเด็กหญิงคนดังกล่าว เด็กหญิงบอกว่า ถูกพ่อเลี้ยงปลุกปล้ำ แต่ในครั้งต่อ ๆ มา ตัวเด็กเองยินยอมมีเพศสัมพันธ์โดยความสมัครใจ

    หลังจากนั้น พยาบาลแผนกสังคมสงเคราะห์ได้เข้ามาซักประวัติมารดา ถึงสภาพแวดล้อม ความสัมพันธ์ในครอบครัว ตัวคนเป็นแม่เล่าไปร้องไห้ไป ดูแล้วมีความคับข้องใจมาก ทำให้คุณพยาบาลเข้าใจว่า มารดาคงจะเสียใจที่ลูกยอมนอนกับพ่อเลี้ยง

    แต่ในที่สุด แม่ของเด็กก็เล่าความจริงออกมาว่า เธอตรวจพบว่า ตัวเธอเองติดเชื้อเอดส์มาหลายปีแล้ว และสามีคนเก่าก็เสียชีวิตจากการติดเชื้อเอดส์ไปหลายปีแล้วเช่นกัน เธอจึงได้ย้ายที่อยู่ และในที่สุดก็มาพบกับสามีคนปัจจุบัน อยู่กินกันมาโดยที่สามีใหม่ไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะเธอเองกินยาสม่ำเสมอ สุขภาพจึงแข็งแรงดีมาตลอด

    แต่แล้ว เคราะห์กรรมก็มาตกกับลูกสาวอย่างคาดไม่ถึง!!!


    [​IMG]


    [​IMG] เคสที่ 2

    ผู้ชายคนหนึ่งอายุราว ๆ 35 ปี เข้ามาตรวจโรคด้วยอาการอ่อนเพลีย มีไข้ ไอเรื้อรัง จากประวัติในใบส่งตัว ระบุว่า เขาเป็นวัณโรคปอด แต่เมื่อได้เจาะเลือดตรวจหาเชื้อ HIV ปรากฎว่า ผลเลือดเป็นบวก!!!

    คุณหมอเดินไปตรวจคนไข้ที่เตียง เลียบ ๆ เคียง ๆ ถามว่า แพทย์ที่โรงพยาบาลแรกได้แจ้งผลตรวจเลือดหรือไม่ คนไข้บอกว่าไม่ทราบ คุณหมอจึงถามอีกว่า คนไข้มีโรคประจำตัวหรือไม่ เคยกินยาใด ๆ ประจำหรือไม่ เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่า ผู้ป่วยโรคเอดส์บางส่วนจะทราบอยู่ก่อนแล้วว่าตนเองเป็นโรค แต่ไม่อยากบอกหมอตรง ๆ ถ้าถามไปแบบอ้อม ๆ อาจจะพอบอกบ้าง ปรากฏว่า คนไข้รายนี้ ตอบคำถามอย่างซื่อ ๆ ดูแล้วไม่มีความสงสัยเลยว่าตัวเองติดเชื้อแล้ว

    คุณ หมอหันไปหาภรรยาของคนไข้ เพื่อจะถามอาการเพิ่ม แต่เมื่อเห็นหน้าฝ่ายหญิง คุณหมอก็ตกใจทันที เพราะจำได้ว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้ติดเชื้อเอดส์ ที่คุณหมอเคยให้รักษาในโรงพยาบาลประจำอำเภอเมื่อหลายปีก่อน โดยคนไข้มารับยาต้านกินอยู่ประจำ คุณหมอจึงแกล้งทำเป็นจำผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ และลองถามเรื่องสุขภาพต่าง ๆ นานา เธอก็บอกว่าแข็งแรงดี

    คุณหมอได้แต่คิดว่า ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงเลือดเย็นแบบนี้ พอเห็นผู้ชายที่มีฝ้าขาวเต็มปาก มีแผลพุพองตามขา ก็รู้สึกเวทนาเป็นอย่างมาก เพราะถ้าเขารู้ตัวว่า ตัวเองติดเชื้อเอดส์ ก็จะได้ทานยารักษาตัว ในขณะที่ฝ่ายหญิงรู้ตัวดี ทานยามาตลอด 5 ปี จึงดูสบายดีทุกอย่าง

    คุณ หมอเล่าต่อว่า ไม่ได้ถามไปว่า ชายคนดังกล่าวเป็นสามีเก่า หรือสามีใหม่ของเธอ ได้แต่คิดว่า หากเป็นสามีเก่าที่นำโรคมาติดให้ ฝ่ายหญิงอาจต้องการแก้แค้นหรือ? แต่หากเป็นสามีใหม่ ผู้ชายคนนี้ก็เป็นคนที่น่าสงสารมาก


    [​IMG]


    [​IMG] เคสที่ 3

    ผู้หญิงคนหนึ่งอายุ 35 ปี มาฝากครรภ์ แต่เมื่อแพทย์ตรวจเลือดกลับพบว่า เธอเป็นผู้ติดเชื้อ เมื่อสอบถามคนไข้ คนไข้ยอมรับว่า ทราบเรื่องนี้มานานแล้ว และทานยาต้านอยู่เป็นประจำ แต่สามีคนนี้เป็นสามีคนที่ 2 เพิ่งจะมาอยู่ด้วยกันได้ปีกว่า ๆ สามียังไม่เคยมีลูก เวลามีเพศสัมพันธ์จึงไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยเลย

    คุณหมอถามว่า แล้วสามีรู้หรือไม่ ว่าตัวคนไข้เป็นผู้ติดเชื้อเอดส์ แต่คนไข้กลับตอบว่า "คงรู้มั้ง ก็หนูมาโรงพยาบาลทุกเดือน เขาคงรู้เอง"

    "เวรกรรม เราเชื่อว่าฝ่ายชายไม่รู้หรอก" คุณหมอบอก

    [​IMG] เคสที่ 4

    วัยรุ่นเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าเป็นห่วง และเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์เป็นอย่างมาก คุณ หมอเล่าว่า เคยพบเด็กวัยรุ่นหญิงคนหนึ่งที่ติดเชื้อจากพ่อแม่ตั้งแต่แรกเกิด แต่เธอได้รับการดูแลอย่างดีจากญาติ ๆ และไปตรวจรับยาตามหมอนัดทุกครั้ง จึงมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงมาตลอด

    จนกระทั่งอายุ 19 ปี เธอเติบโตเป็นสาวสวย ที่ดูแล้วแข็งแรงสมบูรณ์ แล้วเธอก็ตั้งครรภ์กับเพื่อนชาย คุณหมอถามวัยรุ่นสาวคนดังกล่าวว่า "แฟนหนูรู้มั้ย ว่าหนูเป็นโรคอะไร" เด็กตอบว่า "เขารู้ แต่เขาไม่กลัว"

    คุณหมอได้ฟังดังนั้น ก็ได้แต่คิดในใจว่า "เออหนอ ไม่รู้ว่ากล้าหาญเพราะรักจริง หรือว่ามันเด็กจนไม่รู้จักกลัวอะไร"

    ถ้าคุณเป็นเธอ ที่ติดโรคจากแม่โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ พอโตเป็นสาว อยากมีแฟนเหมือนคนอื่นคุณจะทำยังไง วัยรุ่นอายุเท่านี้ จะคิดถึงความรับผิดชอบต่อชีวิตคนอื่นได้หรือไม่? ในเมื่อเขาก็มีความต้องการทางร่างกาย จิตใจเหมือนคนอื่น ๆ

    อีกเคสล่าสุด เด็กสาวอายุ 15 มาคลอดลูก แต่ตรวจเลือดพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อเอดส์ ซึ่งติดมาจากการมีเพศสัมพันธ์กับแฟนที่อายุมากกว่า แล้วในวันข้างหน้า อนาคตอีกหลายสิบปีของเด็กคนนี้ เด็กจะมีความยับยั้งชั่งใจพอหรือไม่ ที่จะไม่แพร่เชื้อสู่คนอื่นต่อไปอีก?

    ในเมื่อเราห้ามคนอื่นไม่ได้ ก็จงระวังตัวของท่านเองให้ดี ๆ ก็แล้วกัน


    [​IMG]


    สุดท้าย คุณหมอก็ได้ฝากข้อคิดเตือนใจไว้ว่า ไม่ได้ว่าผู้ติดเชื้อเหมารวมไปทั้งหมด แต่ก็เหมือนกับในสังคมทั่วไปที่มีทั้งคนดี และคนไม่ดี แต่เพียงอยากเตือนใจว่า ปัจจุบัน ที่โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่งมียาต้านไวรัสจ่ายฟรี ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จึงมีโอกาสรับยา น่าจะเกือบ 100% เลยทีเดียว เพราะตัดปัญหาค่าใช้จ่ายไปได้ แต่หากบางคนที่อาย ก็สามารถไปขอรับยาที่ต่างอำเภอที่ไกลจากบ้านตัวเองได้

    "ผู้ติดเชื้อ ถ้ารับยาสม่ำเสมอ ร่างกายเขาก็จะแข็งแรงดี เหมือนได้เริ่มชีวิตใหม่ และในที่สุด ก็จะอยากมีครอบครัวใหม่ อยากมีคนรัก อยากมีลูก เพราะลึก ๆ แล้ว เขาอาจจะเชื่อว่า เขาหายแล้วก็ได้ เหมือนเป็นแค่เบาหวาน ความดัน ที่กินยาทุกวันก็สบายดี แล้วคนไทย ไม่นิยมเจาะเลือดก่อนแต่งซะด้วย จะว่าไป เคสเหล่านี้ก็มักจะไม่ได้แต่งงานอะไรกันเป็นเรื่องเป็นราว มักเป็นคนที่ผ่านชีวิตคู่มาบ้างแล้ว และก็เริ่มมีคู่ใหม่อย่างง่าย ๆ ไม่มีพิธีรีตองอะไร"

    ก่อนจะแต่งงาน หรือมีเซ็กส์กับใคร ถ้ายังไม่มั่นใจ ให้สวมถุงยางเสมอ

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    คุณฟ้าหมาดฝน จากเว็บไซต์ pantip

    .


    ข้อคิดดีๆ เตือนใจก่อนมี เซ็กส์ มั่นใจหรือว่าปลอด โรคเอดส์

    http://health.kapook.com/view20524.html
    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เตือนรับมือภัยหนาวรอบ 30 ปี - อินทนนท์แม่คะนิ้งโผล่


    [​IMG]


    [​IMG]

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


    สถานการณ์ ภัยหนาวของไทยหลายจังหวัดยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะพื้นที่ทางภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ได้มีการประกาศให้หลายพื้นที่ประสบภัยหนาวแล้ว ขณะที่ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งทุกจังหวัดเตรียมพร้อมรับมือภัยหนาวรุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี พร้อมวางแผนช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทั่วถึง

    โดยเฉพาะพื้นที่ 11 จังหวัดภาคเหนือและภาคตะวันออก
    เฉียง เหนือ ประกอบด้วย ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน เลย อุดรธานี หนองคาย สกลนคร และนครพนม ให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาวระดับจังหวัด และระดับอำเภอทุกอำเภอ ตลอด จนประเมินสถานการณ์ภัยหนาว และรายงานให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทราบทุกสัปดาห์ เพื่อจะได้ปรับแผนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวให้สอดคล้องกับ เหตุการณ์ และความเดือดร้อนของประชาชนในแต่ละพื้นที่

    โดยสถานการณ์อากาศหนาว และการประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติภัยหนาว ล่าสุดวันที่ 14 มกราคม มีดังนี้


    [​IMG]

    [​IMG]


    พื้นที่ภาคเหนือ

    [​IMG]จังหวัดเชียงราย

    ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตรียมประกาศให้ทั้ง 18 อำเภอ ในจังหวัดเชียงรายเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติภัยหนาว หลังอุณภูมิลดลงเร็วติดต่อกัน 3 วัน โดยล่าสุด อุณหภูมิต่ำสุดในพื้นราบ 13.1 องศาเซลเซียส ติดต่อกันเกิน 3 วันแล้ว ซึ่งขณะนี้ ทางสำนักงานป้องกันและบรรสาธารณภัย ได้ให้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าทำการสำรวจผู้ประสบภัยเพื่อให้การ ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งประกาศเตือนให้ประชาชน โดยเฉพาะเด็กเล็ก และผู้สูงอายุเตรียมเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เพื่อสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย สำหรับประชาชนที่จะก่อกองไฟเพื่อคลายความหนาวให้ระมัดระวังเรื่องอัคคีภัย

    [​IMG]จังหวัดเชียงใหม่

    สถานการณ์ล่าสุด ยอดดอยอินทนนท์หนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 0.7 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดแม่คะนิ้งขาวโพลนทั่วทั้งดอยติดต่อกันเป็นวันที่ 4 แล้ว สำหรับในพื้นที่ราบอุณหภูมิอยู่ที่ 15.5 องศาเซลเซียส พื้นที่อำเภออมก๋อย มีอากาศหนาวจัดอุณหภูมิที่ 3.8 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิบริเวณยอดดอยอ่างข่างต่ำสุดที่ 5.5 องศาเซลเซียส โดยทางศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือตอนบนคาดว่า พื้นที่ภาคเหนือจะยังคงมีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่องไปอีกระยะ หลังพบว่ากำลังมีมวลอากาศเย็น กำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งได้แผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศจีนตอนกลางแล้ว และคาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบนในไม่ช้า

    [​IMG]จังหวัดพิจิตร

    ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด ทำให้เขตเทศบาลเมืองพิจิตรได้เกิดหมอกลงจัด อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบหลายสิบปี จนทำให้รถที่สัญจรไปมาตามถนนหนทางต่าง ๆ ต้องเปิดไฟหน้า เพื่อให้สามารถมองเห็นทาง แต่ส่วนใหญ่ไม่มีไฟตัดหมอก เนื่องจากปกติเมืองพิจิตร ไม่มีหมอกลง จนต้องมีการติดตั้งไฟตัดหมอกเพิ่ม จึงทำให้ทัศนวิสัยการขับขี่ไม่ดี โดยมองเห็นทางไม่เกิน 50 เมตร

    [​IMG]จังหวัดพิษณุโลก

    ขณะนี้ ทางจังหวัดพิษณุโลก เตรียมประกาศให้ทุกอำเภอเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติภัยหนาว หลังจากความหนาวเริ่มแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ อุณหภูมิลดลงอย่างต่อเนื่อง และอุณหภูมิในบางพื้นที่ลดลงต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในพื้นที่สูงในเขต อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้ว ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเตรียมเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติภัยหนาวเพิ่มเติม นอกจากนี้ หลายภาคส่วนได้ร่วมกันนำเครื่องนุ่งห่มกันหนาว เครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น นำไปแจกจ่ายให้กับประชาชน และเด็กนักเรียนในถิ่นทุรกันดารห่างไกล เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน อย่างต่อเนื่อง

    [​IMG]จังหวัดแม่ฮ่องสอน

    หลังจากที่อุณหภูมิในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ลดต่ำถึง 13.5 องศาเซลเซียส เป็นเวลาติดต่อกันหลายวัน ประกอบกับอีกหลายพื้นที่ตามเทือกเขาติดแนวชายแดนอุณหภูมิต่ำกว่าตัวเมือง ประมาณ 5 องศาเซลเซียส จึงทำให้ นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เตรียมประกาศให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติภัยหนาว เพื่อความสะดวกในการเบิกเงินงบประมาณจากส่วนกลางมาจัดซื้อเครื่องนุ่งห่มแจก จ่ายให้กับประชาชนชาวเขาที่ยากจน ที่อาศัยอยู่ตามเทือกเขาและยอดดอย ซึ่งกำลังประสบภัยหนาวอยู่ในขณะนี้

    [​IMG]จังหวัดลำปาง

    ล่าสุด อุณหภูมิในพื้นที่ ทั้ง 13 อำเภอ ลดลงติดต่อกัน 3 วันแล้ว โดยอุณหภูมิอยู่ที่ 14 องศาเซสเซียส ซึ่งปีนี้จังหวัดลำปางมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นกว่าทุกปี และคาดว่าจะหนาวเย็นลงอีก จนถึงปลายเดือนมกราคม ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ก็ได้เตรียมความพร้อมรับมือและเตรียมแก้ไขปัญหาภัยหนาวของจังหวัดลำปางระลอก ใหม่ครั้งนี้ไว้แล้ว

    [​IMG]


    [​IMG]

    พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    [​IMG]จังหวัดนครราชสีมา

    จากสภาพอากาศในจังหวัดนคราชสีมาที่มีอากาศเย็นลง ทำให้จังหวัดนครราชสีมาได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติภัยหนาวทั้ง 32 อำเภอแล้ว เบื้องต้นจังหวัดนครราชสีมาได้ดำเนินการจัดซื้อผ้าห่มแจกจ่ายให้กับประชาชน ในพื้นที่ ด้วยงบประมาณจำนวน 1 ล้านบาท โดยทำการแจกจ่ายให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูงก่อน และยืนยันว่า ประชาชนที่ประสบภัยจะได้รับผ้าห่มที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และได้รับครอบคลุมทุกพื้นที่อย่างแน่นอน

    [​IMG]จังหวัดบุรีรัมย์

    หลังจากที่อุณหภูมิลดลงอีก 1-2 องศาเซลเซียส ส่งผลให้ประชาชน โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ เจ็บป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวเนื่องกับระบบทางเดินหายใจ และเข้ามารับการตรวจรักษาที่ โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ เพิ่มขึ้นถึง 10% คาดว่า หากอากาศยังหยาวเย็นลงอีก จะมีผู้ป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ เข้ามารับการรักษาเพิ่มอย่างต่อเนื่องอีก ทำให้ นายแพทย์ชลิต ทองประยูร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ ได้ออกมาแจ้งเตือน ให้ประชาชนเฝ้าระวังรักษาสุขภาพดูแลร่างกายให้อบอุ่น หากมีอาการป่วยรุนแรงให้รีบพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจรักษาโดยเร็ว เพราะหากล่าช้า อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ถึงขั้นช็อกและเสียชีวิตได้

    [​IMG]จังหวัดเลย

    ขณะนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประกาศให้ทั้ง 14 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติภัยหนาว หลังจากจากอุณหภูมิในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส ติดต่อกัน 3 วัน พร้อมตั้งศูนย์รับบริจาคเครื่องกันหนาว โดยอุณหภูมิต่ำสุดตามอำเภอต่าง ๆ เมื่อเช้าวันนี้ อำเภอเมืองเลย 18.3 องศาเซลเซียส, อำเภอวังสะพุง 19.2 องศาเซลเซียส, อำเภอด่านซ้าย 16.5 องศาเซลเซียส, อำเภอท่าลี่ 19.0 องศาเซลเซียส, อำเภอภูเรือ 17.5 องศาเซลเซียส , อำเภอนาแห้ว 16.0 องศาเซลเซียส, อำเภอผาขาว 17.4 องศาเซลเซียส , อุทยานแห่งชาติภูกระดึง 13.5 องศาเซลเซียส, อุทยานแห่งชาติภูเรือ 13.5 องศาเซลเซียส, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง 14.0 องศาเซลเซียส, สถานีทดลองเกษตรที่สูงภูเรือ 14.3 องศาเซลเซียส และอุทยานแห่งชาติภูสวนทราย(อำเภอนาแห้ว) 17.5 องศาเซลเซียส ซึ่งคาดว่าอุณหภมิจะลดต่ำลงไปอีกใน 2-3 วันนี้

    สถานการณ์ภัยหนาว ในประเทศไทย [13 มกราคม]


    [​IMG]

    ด้วยมวลอากาศเย็น กำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมตอนบนของประเทศไทย ทำให้ช่วงนี้อุณหภูมิในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือลดลงอ ย่างต่อเนื่อง ทั้งลมหนาวระลอกสองที่แผ่ปกคลุมภาคเหนือติดต่อกันมานานกว่าสัปดาห์ได้ส่งผล กระทบกับประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะใน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ อากาศหนาวเย็นตลอดทั้งวัน โดยล่าสุดเช้าวันที่ 13 มกราคม วัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ 4.5 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงกลางวันมีอุณหภูมิเฉลี่ยที่ 10-12 องศาเซลเซียส



    [​IMG]


    สำหรับสถานการณ์อากาศหนาว และการประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติภัยหนาวในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยมีดังนี้

    พื้นที่ในภาคเหนือ

    [​IMG] จังหวัดเชียงราย

    สภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ยังคงหนาวจัดในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะตามพื้นที่สูง ชาวไทยภูเขาต้องก่อไฟ เพื่อผิงบรรเทาความความหนาวเย็นในตอนเช้า เนื่องจากยังมีบางพื้นที่ขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มกันหนาว ด้านทางสถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดเชียงราย รายงานการตรวจวัดอุณหภูมิต่ำสุดที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย วัดได้ 15 องศาเซลเซียส ลดลงจากวานนี้ 2 องศาเซลเซียส ขณะที่ตามยอดดอยอุณหภูมิอยู่ที่ 5 องศาเซลเซียส และทางกรมอุตุนิยมวิทยา ได้แจ้งเตือน ประชาชนเพื่อเตรียมรับมืออากาศหนาวอีกระลอกที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 16 - 17 มกราคม ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย อาจลดลงอีก 5 - 6 องศาเซลเซียส

    [​IMG] จังหวัดเชียงใหม่

    สภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 13 มกราคม อุณหภูมิลดต่ำลงเหลือ 14 องศาเซลเซียส ทำให้ล่าสุด ทางจังหวัดเชียงใหม่ต้องประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติภัยหนาว รวม 14 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอแม่วาง อำเภอจอมทอง อำเภอดอยเต่า อำเภอฮอด อำเภอแม่แจ่ม อำเภอฝาง อำเภอแม่อาย อำเภอไชยปราการ อำเภออมก๋อย อำเภอเวียงแหงเชียงดาว อำเภอกัลป์ยาณิวัฒนา อำเภอดอยสะเก็ด และอำเภอพร้าว

    [​IMG] จังหวัดลำปาง

    สภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดลำปาง เนื่องจากมีมวลอากาศหนาวเย็นเข้ามาอีกระลอก ทำให้อุณหภูมิยังคงลดลงมาอย่างต่อเนื่อง และอุณหภูมิตามยอดดอยของพื้นที่จังหวัดลำปาง อยู่ที่ประมาณ 7-9 องศาเซลเซียส ทำให้ประชาชนและเด็กเล็กบนยอดดอย ยังคงต้องก่อกองไฟผิงไฟ เพื่อคลายความหนาวเย็น


    [​IMG]

    ด้านสำนักงานสาธารณสุขลำปาง เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาอากาศมีความหนาวเย็นและอากาศนั้น มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้ประชาชน ทั้ง 13 อำเภอ ในจังหวัดลำปาง มีผู้ป่วยในช่วงหนาวนี้ที่มีอากาศแปรปรวน ด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ พากันเข้าใช้บริการที่ โรงพยาบาลประจำอำเภอ และสถานีอนามัยต่าง ๆ ทั่วทั้งจังหวัดลำปาง รวมแล้วมากกว่า วันละ 1 พันคน

    [​IMG] จังหวัดลำพูน

    สำหรับจังหวัดลำพูนได้ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติภัยหนาวครบทั้ง 8 อำเภอแล้ว อันเนื่องมาจากภาวะอากาศหนาวเย็นที่เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยขณะนี้ได้ทำให้ประชาชนหลายครอบครัวในจังหวัดลำพูนต้องประสบความเดือดร้อน เนื่องจากขาดแคลนผ้าห่มกันหนาวเป็นจำนวนมาก

    [​IMG] จังหวัดอุตรดิตถ์

    สภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ จากสภาพอากาศและอุณหภูมิที่ลดลงอย่างเฉียบพลัน ทำให้อุณหภูมิที่จังหวัดอุตรดิตถ์ลดลงต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางจังหวัดต้องประกาศให้พื้นที่ 9 อำเภอ 67 ตำบล 613 หมู่บ้าน เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติภัยหนาว ล่าสุดพบประชาชนยังคงขาดแคลนผ้าห่มกันหนาวสูงกว่า 60,000 ครอบครัว ทางจังหวัดเร่งประสานขอใช้งบทดลองราชการจัดหาผ้าห่มพร้อมประสานองค์กรการ กุศลทั้งในและต่างจังหวัดให้ความช่วยเหลือประชาชน ขณะเดียวกันได้ให้อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจประชาชนที่ยังคงขาด แคลนเครื่องกันหนาวเพิ่มเติมอีก เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่าทั่วถึง และตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวระดับตำบลขึ้นที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง

    [​IMG] จังหวัดพิจิตร

    สภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดพิจิตร มีอากาศแปรปรวน หนาวสลับฝน เนื่องจากมีทั้งอากาศหนาวและฝนตกโปรยปรายลงมาหลายพื้นที่ ทำให้อากาศทั้งในช่วงกลางคืนและช่วงเช้า มีอากาศหนาวเย็นมาก โดยอุณหภูมิเฉลี่ยช่วงกลางคืน ประมาณ 17-22 องศาเซลเซียส อีกทั้ง พื้นที่ที่อยู่ที่เขตรอยติดต่อกับเทือกเขาเพชรบูรณ์และเทือกเขาวังทอง ได้แก่ อำเภอสากเหล็ก อำเภอวังทรายพูน อำเภอทับคล้อ อำเภอดงเจริญ ประชาชนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารและมีฐานะยากจน จะเดือดร้อนมาก


    [​IMG]

    พื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    [​IMG] จังหวัดกาฬสินธุ์

    สภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พบว่า บริเวณพื้นราบวัดได้ที่ 10 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู หรือ แนวเขตเทือกเขาภูพาน อุณหภูมิเหลือเพียง 5-7 องศาเซลเซียสเท่านั้น ซึ่งความหนาวเย็นประกอบกับมีลมแรง ครอบคลุมทั้ง 18 อำเภอ ส่งผลกระทบให้ประชาชน ต้องเผชิญกับความหนาวเย็นที่รุนแรงสุด ในรอบ 10 ปี นอกจากนี้ ยังคาดว่าอุณหภูมิยังจะลดต่ำลงอีกและความหนาวเย็นจะยาวนานกว่าทุกปีที่ผ่าน มาด้วย

    [​IMG] จังหวัดอำนาจเจริญ

    ในเขตพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ มีอุณหภูมิในพื้นที่ลดลงต่ำกว่า 10 องศา จึงได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติภัยหนาวทั้ง 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอลืออำนาจ อำเภอปทุมราชวงศา อำเภอพนา อำเภอหัวตะพาน อำเภอเสนางคนิคม และ อำเภอชานุมาน

    นอกจากนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ออกประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีภัยหนาวแล้ว จำนวน 33 จังหวัด 475 อำเภอ 3,837 ตำบล 47,272 หมู่บ้าน แบ่งเป็น ภาคเหนือ 14 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พะเยา น่าน ลำพูน เชียงราย เพชรบูรณ์ ตาก ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก กำแพงเพชร และสุโขทัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี สกลนคร เลย ขอนแก่น นครพนม หนองคาย กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม บุรีรัมย์ อุบลราชธานี หนองบัวลำภู ยโสธร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ และนครราชสีมา ทั้งนี้ ผู้ประสบภัยหนาวสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง



    [​IMG]


    ช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ทีมงานกระปุกดอทคอม ขอให้ทุกท่านดูแลรักษาสุขภาพในช่วงนี้ด้วยค่ะ

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ไอเอ็นเอ็น , มติชนออนไลน์ ,Nation channel , ช่อง 3
    [​IMG]
    [​IMG][​IMG] [​IMG][​IMG]


    prdnorth.in.th ,rd1677.com

    .

     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ชี้ปี 53 โลกร้อน เป็นประวัติการณ์



    [​IMG]


    [​IMG]


    ชี้ปี 53 โลกร้อนเป็นประวัติการณ์ (ไทยโพสต์)

    เผย ปีที่แล้วโลกมีอากาศร้อนที่สุด นับตั้งแต่เริ่มวัดสภาพอากาศในปี 2423 นักวิทยาศาสตร์ชี้ตั้งแต่ปี 2543 ทำสถิติปีที่ร้อนที่สุดมาตลอด บ่งถึงวิกฤติโลกร้อนจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

    ศูนย์ข้อมูลภูมิอากาศของสถาบันวิจัยสภาพอากาศและมหาสมุทรสหรัฐชี้ว่า อุณหภูมิ โลกในปี 2553 สูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยปกติของศตวรรษที่ 20 ถึง 0.62 องศาเซลเซียส เท่ากับสถิติสูงที่สุดในปี 2548 หลายประเทศทั่วโลกเผชิญผลกระทบโลกร้อน เช่น รัสเซียและปากีสถาน ต่างประสบอุทกภัยใหญ่และภัยแล้งที่ทำลายผลผลิตการเกษตรไปมหาศาล สร้างความหวั่นเกรงว่า จะเกิดภาวะอาหารขาดแคลนจนเกิดจลาจลเหมือนที่เคยมีมาในปี 2551

    เดวิด อิสเตอร์ลิง ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลภูมิอากาศสหรัฐกล่าวว่า แม้จะยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าภัยพิบัติต่าง ๆ มีสาเหตุโดยตรงจากภาวะโลกร้อน แต่อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นก็มีส่วนทำให้เกิดสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงอย่าง รุนแรง เขายังชี้ว่า อุณหภูมิตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา ทำสถิติอุณหภูมิโลกสูงที่สุด 15 อันดับ และปีที่แล้วถือเป็นปีที่มีความชื้นในอากาศสูงที่สุด ก่อให้เกิดอุทกภัยในหลาย ๆ ประเทศ

    รายงาน ฉบับนี้ไม่ได้คาดการณ์สภาพอากาศในอนาคต แต่ทางคณะผู้วิจัยสภาวะอากาศของยูเอ็นเตือนว่า ปีนี้ยังอาจจะต้องเผชิญกับสภาพอากาศรุนแรงอีก ส่วนเจมส์ ฮันเซน ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยอวกาศก๊อดดาร์ดของนาซา ออกมาย้ำว่า หากอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังไม่ลดลง สถิติโลกร้อนปี 2553 จะถูกทำลายอย่างแน่นอน

    ใน ระหว่างที่อุณหภูมิโลกร้อนขึ้น มนุษย์ก็ยังไม่มีความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง แม้ว่าจะมีการเจรจาแก้ไขโลกร้อนซึ่งจัดโดยยูเอ็นที่เมืองแคนคูนในปีที่แล้ว โดยได้ตั้งเป้าลดอุณหภูมิโลกลงจากค่าเฉลี่ย 2 องศาเซลเซียส ทว่าการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากประเทศใหญ่ ที่เป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลกอย่างสหรัฐและจีน

    นิตยสารวิชาการทางภูมิศาสตร์รายงานผลวิจัยว่า อากาศหนาวจัดปลายปีที่แล้วก็มีสาเหตุมาจากสภาวะโลกร้อนเช่นกัน เนื่องจากเมื่อน้ำแข็งขั้วโลกละลายจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น ก็จะนำพาเอาลมหนาวเคลื่อนลงมาทางใต้ ทำให้เกิดสภาวะอากาศหนาวจัดในยุโรปและสหรัฐปีที่แล้ว

    วลาดิเมีย เปตูกอฟ ประธานคณะวิจัยจากสถาบันศึกษาผลกระทบทางอากาศพ็อตสดัมของเยอรมนี กล่าวว่า "สภาวะ อากาศหนาวรุนแรงเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนไม่ได้คาดคิด การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโลกเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดอากาศหนาวจัดในยุโรป และเอเชียเหนือขึ้นถึง 3 เท่า" อีกทั้งชี้ว่า อากาศหนาวจัดในปีที่แล้ว ไม่ได้ขัดแย้งกับปรากฏการณ์โลกร้อน แต่เป็นส่วนหนึ่งของผลกระทบโลกร้อนทั้งหมดในภาพรวม


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไทยโพสต์

    [​IMG]




    .

    http://hilight.kapook.com/view/55243

    .

     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ระวัง! มิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจ หลอกโอนเงิน ATM






    คลิปแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นตำรวจหลอกโอนเงิน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]





    ระวัง! CallCenter อ้างเป็นตำรวจหลอกโอนเงิน (ไอเอ็นเอ็น)

    เตือนภัย! แก๊งมิจฉาชีพ Call center อ้างเป็น ตำรวจ ยศ พ.ต.ท. ตำแหน่ง รองผู้บังคับการ หลอกให้โอนเงินที่ตู้เอทีเอ็ม


    ผู้ สื่อข่าว INN ลำปาง ได้รับโทรศัพท์จากแก๊งมิจฉาชีพ Call center ที่ชอบหลอกลวงให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มโดยมีการทำงานเป็นทีม และใช้เบอร์โทรศัพท์ หมายเลข 02-237-1199 ซึ่งตรวจสอบแล้ว เป็นเบอร์โทรศัพท์ของกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่า มิจฉาชีพที่ตั้งโปรแกรมโชว์เบอร์โทรศัพท์เป็นเลขอะไรก็ได้ที่ทำให้น่าเชื่อ ถือ โดยมีพนักงานทั้งชายและหญิง อ้างกับผู้สื่อข่าวว่า คุณเป็นหนี้บัตรเครดิต จำนวน 3,000 บาท และบัญชีของคุณถูกตรวจสอบ โดยคุณนั้นมีการพัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติด
    จากนั้นพนักงานวางหูไปไม่นานนัก มีชายอีกรายโทรเข้ามา อ้างตัวเป็น ตำรวจยศ พ.ต.ท. ตำแหน่ง รองผู้บังคับการ แล้วบอกให้ผู้สื่อข่าว ไปที่ตู้เอทีเอ็ม หลอกให้กดไปที่รายการโอน และกดเลขรหัสลับ 4998899 แต่แท้จริงแล้ว เป็นเลขจำนวนเงินที่มิจฉาชีพ จะหลอกให้โอนเงิน 49,988.99 บาท แต่นักข่าวรู้ทัน จึงโอนเงินไป 30 บาท เพื่อจะได้ทราบปลายทางเลขที่บัญชี จาก การตรวจสอบหลังโอนเงินไปแล้ว 30 บาท ชื่อบัญชี คือ นายมีชัย บัญชีเลขที่ 123-454-_ _ _ _ เป็นของธนาคารกรุงเทพ สาขาราชเทวี แต่อย่างไรก็ตามจึงฝากเตือนภัย ให้ระวังมิจฉาชีพดังกล่าว ด้วยเพราะมิจฉาชีพนั้น สามารถตั้งโปรแกรมให้โชว์หน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นเบอร์ของใครก็ได้




    [​IMG]
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้






    .

    http://hilight.kapook.com/view/55245


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2011
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียน ท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้า

    พรุ่งนี้พบกันที่ซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 72
    ประมาณ 10.00 น.

    ส่วนท่านที่ไม่ได้ไป ผมจะนำบุญมาฝากครับ

    อีกเรื่อง ขอแสดงความเสียใจกับเพื่อนรักของผม ที่ได้สูญเสียบิดาไป ผมได้กราบเรียนเรื่องนี้ให้พระอาจารย์ท่านทราบทางโทรศัพท์แล้ว

    ขอให้บิดาของเพื่อนรัก ไปสู่สุคติภพที่ดีด้วยเทอญ

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>

    อรุณสวัสดิ์ยามเช้า วันเสาร์ สุขสันต์ครับ


    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โบสถ์-อุโบสถ-ผูกพัทธสีมา


    [​IMG]

    โบสถ์ วัดเขาน้อยคีรีวัน ที่พระอาจารย์นวน ขนฺติพโล เจ้าอาวาส จะจัดให้มีงานผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต ระหว่างวันที่ ๒-๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔








    คมชัดลึก : "การทำบุญปิดทองฝังลูกนิมิตได้บุญมาก" เป็นคติความเชื่อของพุทธศาสนิกชน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

    ด้วยเหตุผลที่ว่า "หนึ่งวัดจะจัดได้เพียงครั้งเดียว ผู้ที่มีโอกาสได้ทำบุญปิดทองฝังลูกนิมิต จึงถือว่าได้ทำบุญที่ยิ่งใหญ่ เป็นมหากุศลบารมีประดับชีวิตตลอดไป เป็นบุญที่จะหาโอกาสทำได้ไม่ง่ายนัก"
    ทั้งนี้ พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดราชโอสาราม ได้อธิบายความหมายของคำว่า "โบสถ์ " แปลว่า เป็นคำเรียกสถานที่สำหรับพระสงฆ์ใช้ประชุมกัน เพื่อทำสังฆกรรมตามพระวินัย เช่น สวดปาติโมกข์ อุปสมบท มี "สีมา" เป็นเครื่องบอกเขต ทั้งนี้คำว่า “โบสถ์” เป็นคำที่ใช้เฉพาะในพุทธศาสนา
    โบสถ์ เรียกเต็มว่า อุโบสถ หรือโรงอุโบสถ ถ้าเป็นพระอารามหลวงเรียกว่า พระอุโบสถ บางถิ่นเรียกว่า สีมา หรือ สิม
    โบสถ์ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า เป็นเขตที่พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานให้สงฆ์เป็นพิเศษ เรียกว่า “วิสุงคามสีมา”

    ก่อนที่จะมาเป็นโบสถ์ที่ถูกต้องตามพระวินัย จะต้องมีการทำสังฆกรรม ที่เรียกว่า ผูกสีมา หรือ ผูกพัทธสีมา ก่อน
    ส่วน คำว่า “อุโบสถ” (อุ-โบ-สด) มีหลายความหมาย คือ ๑.สถานที่ที่พระสงฆ์ประชุมทำสังฆกรรม ตามพระวินัย เรียกตามคำวัดว่า อุโบสถาคาร บ้าง อุโบสถัคคะ บ้าง แต่เรียกโดยทั่วไปว่า “โบสถ์”

    การเข้าจำวัด คือ การรักษาศีล ๘ ของอุบาสกอุบาสิกา ในวันขึ้นและแรม ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ เรียกว่า รัก รักษาอุโบสถ หรือ รักษาอุโบสถศีล
    วันพระ หรือ วันฟังธรรมของคฤหัสถ์ คือ ขึ้นและแรม ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ซึ่งเป็นวันที่คฤหัสถ์รักษาอุโบสถศีลกัน เรียกว่า วันอุโบสถ
    วันที่พระสงฆ์ลงฟังพระปาติโมกข์ทุกกึ่งเดือน เรียกว่า วันอุโบสถ
    การสวดพระปาติโมกข์ทุกกึ่งเดือน หรือทุกวันอุโบสถของพระสงฆ์ เรียกว่า การทำอุโบสถ

    ในขณะที่คำว่า “พัทธสีมา” เจ้าคุณทองดีให้ความหมายไว้ว่า “สีมา” หมายถึงเขต หรือ แดนที่กำหนดไว้สำหรับการทำสังฆกรรมของสงฆ์ เป็นเขตชุมนุมสงฆ์โดยเฉพาะ ซึ่งพระสงฆ์กำหนดว่า ผู้อยู่ในเขตนั้นต้องร่วมกันทำสังฆกรรม โดยความพร้อมเพรียงกัน
    “พัทธสีมา” หมายถึง สีมา หรือเขตแดนที่พระสงฆ์ผูกไว้แล้ว คือ พระสงฆ์ร่วมกันกำหนดเป็นเขตทำสังฆกรรมตามพระวินัย เรียกพิธีกรรมที่กำหนดอย่างนั้นว่า ผูกสีมา โดยทั่วไปเรียกพัทธสีมาว่า โบสถ์ หรือ อุโบสถ
    นอกจากนี้แล้ว ยังมีอีกคำหนึ่งที่เกี่ยวข้องคือ “วิสุงคามสีมา” (วิ-สุง-คาม-มะ-สี-มา) แปลว่า เขตแดนส่วนหนึ่งจากแดนบ้าน คือ ที่ดินที่แยกต่างหากจากที่ดินของบ้านเมือง ซึ่งเป็นเขตที่พระจ้าแผ่นดินพระราชทานแก่พระสงฆ์เป็นการเฉพาะ โดยเป็นประกาศพระบรมราชโอการ
    ที่ดินที่พระราชทานแล้วจะมีเครื่องหมายเป็นเครื่องบอกเขต เครื่องหมายนี้เรียกว่า “นิมิต” ภายในวิสุงคามสีมา นิยมสร้างโรงอุโบสถไว้เพื่อทำสังฆกรรม
    การที่จะเป็นอุโบสถถูกต้องตามพระธรรมวินัยนั้น จะต้องได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาก่อน แล้วพระสงฆ์ประชุมพร้อมกันสวดถอนพื้นที่ทั้งหมดในเขตสีมานั้น เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่เป็นสีมาเก่า เรียกว่า “ถอนสีม” หลังจากนั้นจึงสวดประกาศให้พื้นที่นั้นเป็น สีมา เรียกว่า “ผูกสีมา” ทำดังนี้จึงจะเป็นสีมา หรือเป็นอุโบสถถูกต้องพระธรรมวินัย
    "พระธรรมกิตติวงศ์ "


     

แชร์หน้านี้

Loading...