มาดูสมเด็จกัน

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย wasabi san, 25 พฤศจิกายน 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Rasbora

    Rasbora เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    359
    ค่าพลัง:
    +779
    ขอบพระคุณมากครับอาจารย์วาซาบิฯ เขาพูดกันว่า พระสมเด็จปลอมเอาใส่รถบรรทุกสิบล้อ3คันขนไม่หมดจริงๆนะเนี่ย คงจะได้แต่ภาวนาขอให้ท่านคุ้มครองรักษาที่ใจอย่างเดียวแล้วกระมัง
     
  2. xlmen

    xlmen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +3,291
    [​IMG][​IMG]
    พิมพ์องค์นี้ไม่ชัดเอาซะเลยครับ....สัดส่วนเริ่มตั้งแต่เศียรก็ดูว่าผิดพิมพ์แล้วนะครับ....
    แต่จะผิดพิมพ์ไหนนี่สิปัญหาครับ....ผิดพิมพ์ปรกโพธิ์หนะผิดแน่ครับเพราะฝีมือไม่ถึงหลวงสิทธิ์....

    ผิดพิมพ์ฐานแซมก็น่าจะผิดแน่ครับ....

    สรุปเลยดีกว่าครับ....ถ้าพิจารณาจากพิมพ์ขอเดาว่าอาจจะเป็นพิมพ์ชาวบ้าน...เนื้อคล้ายพระกรุเจดีย์เล็ก....
    แต่ผมยังสงสัยอยู่ว่าจะใช่กรุเจดีย์เล็กจริง หรือเป็นสมเด็จยายขำกันแน่ครับ...เดี๋ยวรอคุณวาซาบิมาดูให้อีกทีดีกว่าครับ
     
  3. kom_

    kom_ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +48
    สวัสดีครับ ท่านวาซาบิ ท่านxlmen ท่านอังคาร ท่านพ่อเลี้ยง และสมาชิกประจำกระทู้ทุกท่านครับ
    รบกวนพี่ๆร่วมพิจารณาพระสมเด็จองค์นี้ด้วยครับ
    ขอบคุณครับ
    คม
    [​IMG]
     
  4. xlmen

    xlmen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +3,291


    ถ้าท่านอื่นไขว้เขวก็ปล่อยเลยสิครับ อิอิ......(นาทีทอง)
    เอาเป็นว่าลองถ่ายรูปให้ชัดกว่านี้บางทีอาจจะพอมีลุ้นก็ได้ครับ...ส่วนถ้าจะดูการยุบตัวและความเก่าแล้วบอกได้คำเดียวว่ายัง "เก่าไม่พอ" การยุบตัวแทบไม่ปรากฎเลยครับ....

    ส่วนคราบแป้งโรยพิมพ์นั้นถ้าเป็นพระสมเด็จแท้ที่ผ่านกาลเวลามายาววววววนานนนนนมากกกกกก.....คงจะไม่เห็นขาวเป็นฝ้าสว่างใสแบบนี้แน่ครับ...

    สรุป ลองถ่ายรูปมาลุ้นใหม่ดูนะครับคุณชัย...บางทีสีอาจจะเพี้ยนก็เป็นได้ครับ
     
  5. xlmen

    xlmen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +3,291
    <TABLE class=tborder id=post4193786 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_4193786 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">
    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">องค์นี้ผิวเนื้อด้านหน้าหนึกนุ่ม เป็นเนื้อปูนเปลือกหอยจริง...
    แต่ความหนึกที่เห็นเกิดจากการสัมผัสบ่อยยังไม่ใช่หนึกนุ่มเพราะกาลเวลา....

    ลองสังเกตผิวเนื้อด้านหน้ากับด้านหลังเทียบเคียงกันดูก็ได้ครับจะเห็นได้ชัดว่า...
    หน้าหนึก หลังกระด้าง....

    ลักษณะผิวหนึกเป็นหย่อมๆ ถือว่าเป็นผิวหนึกเพราะแต่งยังไม่เก่าจริงครับ....จบข่าวครับ
    </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. samu11

    samu11 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +2
    รบกวนช่วยวิจารย์ด้วยครับ

    รบกวนช่วยวิจารย์ด้วยครับ อยากรู้ที่มาครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • abc.JPG
      abc.JPG
      ขนาดไฟล์:
      23.8 KB
      เปิดดู:
      106
  7. keepwork

    keepwork เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +770
    ช่วยพิจารณา"พระรอด"ด้วยครับผม..ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2010
  8. สัตย์โลก

    สัตย์โลก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +69
    รบกวนอกทน่ะครับท่านxkmen และอารจารวาซาบิ องนี้เปนไงบ้างครับ มีคนให้ผมมาอีกทีอ่ะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC03591.JPG
      DSC03591.JPG
      ขนาดไฟล์:
      541.8 KB
      เปิดดู:
      95
  9. psom

    psom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,903
    ค่าพลัง:
    +8,391
    รบกวนอาจารย์wasabi อาจารย์xlmen ช่วยพิเคราะห์ด้วยครับ...ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04132.JPG
      DSC04132.JPG
      ขนาดไฟล์:
      272.3 KB
      เปิดดู:
      97
    • DSC04133.JPG
      DSC04133.JPG
      ขนาดไฟล์:
      340.8 KB
      เปิดดู:
      72
  10. xlmen

    xlmen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +3,291
    เหอะๆๆ....ช่วงนี้ผมไม่ค่อยสบายหนะครับเป็นหวัดอีกแล้วครับ....

    สำหรับคืนนี้คงต้องขอตัวไปก่อนหละครับ....มึนหัวตึ้บเลยครับ....
     
  11. wasabi san

    wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,009
    ค่าพลัง:
    +5,915
    พระสมเด็จโอฬาร เขียนโดย เรืองวิทยาคม ตอนที่1

    วันนี้ขอไปตอบสักวันนะครับ เพราะกำลังติดใจในบทความของ ท่านเรืองวิทยาคม ซึ่งผมอ่านแล้วหลายรอบ ผมว่าเรื่องนี้พวกคุณต้องอ่าน จะได้ทั้งความรู้ และหลักคิด ลองทนอ่านกันหน่อยนะครับ มีอะไรที่เกี่ยวกับพระสมเด็จปลอมด้วย ใครไม่ชอบอ่านคงต้องบอกว่า "เสียดายตายแล้วไม่ได้อ่าน" จริงๆ


    <table class="contentpaneopen"> <tbody> <tr> <td class="contentheading" width="100%">ตอนที่ 12 - ผงเก่าพระสมเด็จวัดระฆัง </td> <td class="buttonheading" width="100%" align="right">[​IMG] </td> <td class="buttonheading" width="100%" align="right">[​IMG] </td></tr></tbody></table> <form action="http://www.paisalvision.com/2008-10-30-11-44-17/118--12-.html" method="post">User Rating:[​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG] / 4
    แย่<input alt="vote 1 star" value="1" name="user_rating" type="radio"><input alt="vote 2 star" value="2" name="user_rating" type="radio"><input alt="vote 3 star" value="3" name="user_rating" type="radio"><input alt="vote 4 star" value="4" name="user_rating" type="radio"><input alt="vote 5 star" checked="checked" value="5" name="user_rating" type="radio">ดีที่สุด <input class="button" value="Rate" name="submit_vote" type="submit"><input value="vote" name="task" type="hidden"><input value="com_content" name="option" type="hidden"><input value="118" name="cid" type="hidden"><input value="http://www.paisalvision.com/2008-10-30-11-44-17/118--12-.html" name="url" type="hidden"></form> <table class="contentpaneopen"> <tbody> <tr> <td>บทความ - ศิษย์สมเด็จ </td></tr> <tr> <td valign="top">เขียนโดย เรืองวิทยาคม </td></tr> <tr> <td class="createdate" valign="top">วันพุธที่ ๐๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ เวลา ๑๓:๕๐ น. </td></tr> <tr> <td valign="top"> |


    Share



    เมื่อรู้ว่าคัมภีร์ใบลานเก่าแก่ในตู้พระไตรปิฎกใบที่ฝาตู้เปิดอ้าอยู่นั้นเป็นคัมภีร์พระมาลัยแล้วผมจึงเก็บไว้ในที่เดิม ส่วนตู้พระไตรปิฎกอีกใบหนึ่งซึ่งฝายังปิดสนิทอยู่นั้นผมไม่กล้าเปิดออกดู แต่ก็ยังสะดุดอยู่ในใจว่าต้องมีอะไรเป็นพิเศษอันควรแก่การศึกษาอยู่ในตู้พระไตรปิฎกทั้งสองใบนี้ ตั้งใจว่าวันข้างหน้าเมื่อมีเวลาจะลองมาศึกษาค้นคว้าดูสักครั้งหนึ่ง

    ผมเดินออกจากคณะหนึ่งไปที่วิหารสมเด็จ กราบบอกความต่อเจ้าประคุณที่ได้เล่าเรียนมนต์พระคาถาชินบัญชรจนสำเร็จ และรำลึกถึงพระคุณในเจ้าประคุณสมเด็จที่ได้เมตตาเอื้ออาทรอยู่ในใจ เสร็จแล้วจึงออกมานั่งสนทนากับแม่ชีเฒ่า พร้อมกับเล่าความสำเร็จให้ทราบ

    แม่ชีเฒ่าได้ทราบความก็ดีใจ และบอกว่าหนูเอยเก่งมาก พระคาถาชินบัญชรเป็นพระคาถาที่มีความยาวและเป็นภาษาบาลี หากไม่มีศรัทธาและสมเด็จท่านไม่เมตตาแล้วยากที่จะเรียนให้สำเร็จได้

    แม่ชีเฒ่าได้สอนว่าพระคาถาชินบัญชรจะมีความศักดิ์สิทธิ์ก็ด้วยหมั่นภาวนาท่องบ่นอย่าได้ทิ้งช่วงให้ขาดตอน มิฉะนั้นจะหลงลืม พอผมได้ฟังดังนั้นจึงรีบเข้าไปกราบสมเด็จอีกครั้งหนึ่ง ขอให้มีความทรงจำอย่าได้ลืมเลือนเลย

    กราบแล้วก็เอาแผ่นทองเปลวที่ตกลงข้างๆ แท่นขึ้นมาหน่อยหนึ่ง เจิมลงที่หน้าผาก พลางภาวนาพระคาถาที่ใช้สำหรับตรึงมนต์และอาคมต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ลืมเลือนตามวิชาที่ได้เล่าเรียนมาจากสำนักพระอาจารย์

    ผมออกมานั่งคุยกับแม่ชีเฒ่าต่อไป แม่ชีเฒ่าเห็นดังนั้นจึงถามว่าเจ้าหนูรู้วิชานะหน้าทองหรืออย่างไร ผมจึงเลี่ยงตอบไปว่าผมขอแผ่นทองเปลวจากเจ้าประคุณสมเด็จเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเท่านั้น แล้วปรารภขึ้นว่าผมมาอยู่วัดระฆังก็หลายวันแล้ว อยากได้พระสมเด็จรุ่นแรก ๆ สักองค์หนึ่งไว้เป็นพระประจำตัว

    แม่ชีเฒ่าได้ฟังดังนั้นก็รู้ความนัยจึงบอกว่ายายไม่มีหรอก พระสมเด็จรุ่นแรก ๆ จะหาที่ไหนได้ ใครเขามีแล้วก็จะเก็บเป็นความลับไม่ให้ใครรู้ใครเห็น เพราะหากใครรู้เห็นแล้วก็จะมีผู้คนมากวนใจขอชมขอเช่าไม่รู้หยุดไม่รู้หย่อน

    ผมจึงถามต่อไปว่าในวัดระฆังนี้สมเด็จท่านบรรจุพระสมเด็จไว้ที่กรุไหนบ้าง แม่ชีเฒ่าก็บอกว่าสมเด็จท่านไม่เคยบรรจุพระสมเด็จไว้ในวัดระฆัง แต่เคยได้ยินคนเก่า ๆ เล่าขานว่าในพระปรางค์ริมแม่น้ำและที่ผนังเพดานพระอุโบสถยังมีเก็บไว้บ้าง แต่ก็ไม่เคยเห็นเลย แล้วแม่ชีเฒ่าจึงกล่าวถามว่าจะขวนขวายหาพระสมเด็จเก่า ๆ ไปทำไม เรียนพระคาถาชินบัญชรสำเร็จแล้วก็เหมือนมีพระสมเด็จรุ่นแรกอยู่กับตัวนั่นแหละ

    ผมได้ยินความดังนั้นจึงตั้งใจว่าถ้าหากวาสนาจะได้พระสมเด็จรุ่นแรก ๆ หากแม้มีอยู่ในสองที่ดังกล่าว ผมก็จะเพียรพยายามเชิญพระสมเด็จมาเป็นพระสำหรับตัวให้จงได้สักวันหนึ่ง
    ผมเห็นว่าแม่ชีเฒ่ารู้ความเก่าเป็นอันมากจึงถามต่อไปว่าเมื่อครั้งสมเด็จท่านทำพระสมเด็จนั้น ผงเก่า ๆ แต่ครั้งโน้นมีเหลือเก็บอยู่ที่ไหนบ้าง ผมถามดังนี้ก็เพราะคิดอยู่ในใจว่าแม้มีผงเก่า ๆ ก็ยังดี

    แม่ชีเฒ่าจึงว่าเศษผงที่หลงเหลือแต่ครั้งเจ้าประคุณสมเด็จทำพระมีเก็บไว้ที่คณะสี่ ตกทอดมาจนถึงพระครูหินเป็นผู้ดูแลในปัจจุบันนี้ แต่อย่าไปขอให้ยากเลยเพราะพระครูหินหวงแหน ถึงเป็นตายอย่างไรก็ไม่มีทางให้ใครอย่างเด็ดขาด

    ต่อมาภายหลังผมซึ่งยังติดใจในเรื่องผงพระสมเด็จเก่าที่คณะสี่ จึงได้แวะเวียนไปเลียบเคียงถามเพื่อนเด็กวัดและพระเณรคณะสี่ดู จึงได้รู้ว่าเป็นความจริงดังความที่แม่ชีบอก หลวงตารูปหนึ่งได้บอกว่าหลวงปู่หินหวงแหนผงทำพระนี้มาก ถึงขนาดจัดเก็บเป็นพิเศษไว้ที่กลางบึง

    ภายในคณะสี่ในยุคนั้นมีบึงน้ำอยู่บึงหนึ่ง บางจุดก็ลึก บางจุดก็ตื้น มีเต่าและปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก สังเกตจากเต่าที่อยู่ในบึงน้ำนั้นแล้วบ้างก็ตัวใหญ่ซึ่งแสดงว่าผ่านวันเวลามาช้านานแล้ว กุฏิของคณะสี่บางหลังก็ปลูกอยู่ในบึง ภายในบึงนั้นมีเสาหินอยู่เสาหนึ่ง บนเสามีโอ่งอยู่ใบหนึ่งขนาดไม่ใหญ่มาก โอ่งใบนี้นี่แหละที่หลวงตาบอกว่าเป็นที่เก็บผงพระสมเด็จที่ตกทอดมาแต่ครั้งเจ้าประคุณสมเด็จยังมีชีวิตอยู่

    เมื่อครั้งที่มีการฉลองสมโภชน์เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีดับขันธ์ครบ 108 ปี และ 122 ปี เป็นสมัยที่พระครูผันพระรุ่นน้องหลวงปู่หินเจริญด้วยพรรษาและครองสมณศักดิ์ที่พระเทพประสิทธิคุณได้ขึ้นครองตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆัง ได้จัดทำพระสมเด็จขึ้นเป็นอนุสรณ์และบูรณะศาสนสถานในวัดระฆัง ได้นำเอาผงพระสมเด็จเก่าแต่ครั้งสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ได้ทำเก็บไว้มาเป็นส่วนผสมสำคัญในการทำเป็นพระสมเด็จรุ่นนี้ด้วย

    ดังนั้นพระสมเด็จวัดระฆังที่ทำขึ้นในสมัย 108 และ 122 ปีสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ดังกล่าวจึงทำด้วยผงเก่าที่ตกทอดมาแต่ครั้งที่เจ้าประคุณสมเด็จได้ทำไว้ และเป็นพระสมเด็จที่ทรงความศักดิ์สิทธิ์ มีพุทธลักษณะและสีสันเป็นอย่างเดียวกับพระสมเด็จรุ่นแรก ๆ บางองค์ที่มีผงเก่ารวมกันอยู่มาก ๆ ก็จะมีลักษณะเหมือนพระสมเด็จรุ่นแรก ๆ แม้กระทั่งแตกลายงาให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้นใครที่โชคดีได้พระที่ผงเก่ารวมกันอยู่มากหน่อยก็เหมือนกับได้ครองพระสมเด็จรุ่นแรก ๆ นั่นเอง

    แม่ชีเฒ่าเล่าให้ฟังว่านอกจากผงเก่าที่หลวงปู่หินเก็บรักษาไว้แล้ว แต่ก่อนมาที่ท่านเจ้าคุณใหญ่ก็พอมีเหลือเก็บอยู่บ้าง และได้ใช้ในการทำพระสมเด็จรุ่น พ.ศ. 2500 หรือที่เรียกกันว่าสมเด็จเผ่า เพราะ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจในยุคนั้นเป็นประธานในการจัดทำเนื่องในวันสถาปนากรมตำรวจ และเป็นโอกาสเดียวกับที่มีการฉลอง 25 พุทธศตวรรษด้วย

    ผงที่เหลือจากการทำพระสมเด็จรุ่นนั้นได้นำมาผสมในการทำพระสมเด็จรุ่นต่อ ๆ ไป ในลักษณะสืบทอดเชื้อผงเช่นเดียวกับน้ำมนต์ แต่แม่ชีเฒ่าได้เตือนว่าพระสมเด็จที่กุฏิใหญ่นั้นต้องระวังหน่อยเพราะเป็นพระสมเด็จที่หลวงปู่นาคท่านเป็นผู้ทำก็มี เป็นพระสมเด็จโอฬารก็มี

    พระสมเด็จโอฬารก็คือพระสมเด็จที่หัวหน้าเด็กวัดของกุฏิใหญ่ทำขึ้นเองแล้วแจกจ่ายแก่ผู้ทำบุญ ดังนั้นพระสมเด็จในสมัยหลวงปู่นาคจึงมีสองชนิดดังนี้ และทำให้ผมต้องจำชื่อโอฬารซึ่งเป็นหัวหน้าเด็กวัดกุฏิใหญ่ว่าจะต้องไปทำความรู้จักเสวนาสักหน่อยหนึ่ง

    โอฬารเป็นเด็กวัดรุ่นใหญ่ มีศักดิ์เป็นหลานหลวงปู่นาค สำนักอยู่ที่กุฏิใหญ่ของหลวงปู่นาคนั่นเอง โอฬารมาอยู่วัดระฆังก่อนหน้าผมหลายปี เพราะศักดิ์และฐานะเช่นนี้โอฬารจึงเป็นลูกพี่ใหญ่ของบรรดาเด็กวัดในกุฏิใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กวัดจากภาคอีสาน และถือตัวว่าเป็นหัวหน้าเด็กวัดคณะหนึ่งด้วย ทั้ง ๆ ที่เด็กวัดคณะหนึ่งนั้นแม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นเด็กวัดที่มาจากภาคอีสานก็ตาม แต่ก็ยังมีเด็กวัดจากภาคใต้และเด็กวัดจากภาคกลางอีกหลายคน

    สำหรับเด็กวัดจากภาคใต้นั้นก็มีเด็กวัดรุ่นใหญ่ที่มีอาวุโสกว่าโอฬารและเรียนสูง ๆ อยู่หลายคน แต่เด็กวัดจากปักษ์ใต้รุ่นใหญ่เหล่านี้ก็ไม่ได้คิดที่จะแก่งแย่งแข่งดีหรือชิงความเป็นหัวหน้ากับโอฬารแต่ประการใด เพราะถือเสียว่าโอฬารเป็นหลานท่านเจ้าคุณใหญ่ สำนักอยู่ในกุฏิท่านเจ้าคุณใหญ่ ย่อมใกล้ชิดและรู้ความประสงค์ต่าง ๆ ของท่านเจ้าคุณใหญ่ดีกว่าคนอื่น ดังนั้นโอฬารจะว่ากล่าวประการใดบรรดาเด็กวัดทั้งปวงจึงถือว่าเป็นดำริของท่านเจ้าคุณใหญ่ หรือไม่ก็เป็นไปตามความประสงค์หรือความต้องการของท่านเจ้าคุณใหญ่ ทุกคนจึงพร้อมใจทำตามอยู่เสมอ

    ในขณะที่ผมเพิ่งเข้ามาอยู่วัดระฆังนั้นโอฬารเรียนธรรมศาสตร์มาหลายปีแล้วและไม่ยอมจบสักทีหนึ่ง เพราะในขณะนั้นการเรียนในธรรมศาสตร์หากยังไม่จบปริญญาตรีจะเรียนซ้ำสักกี่ปีก็ได้ เพิ่งมากำหนดให้เรียนได้ไม่เกิน 8 ปีก็ในภายหลังไม่กี่ปีมานี้

    วันนั้นผมออกจากวิหารสมเด็จในเวลาตกบ่ายแล้ว อากาศยังร้อนอบอ้าวทั้งไม่มีกิจธุระอันใดจึงแวะมาที่แผงลอยร้านกาแฟหน้าคณะหนึ่ง เห็นมีตาแก่คนหนึ่งนั่งเล่นหมากรุกอยู่คนเดียวก็รู้สึกแปลกใจ จึงแวะเข้าไปนั่งสั่งชาเย็นมาดื่มแก้กระหาย

    เจ้าของร้านเห็นผมก็ทักทายด้วยอัธยาศัยไมตรีอันดี ผมจึงถือโอกาสถามว่าวันก่อนเป็นอะไรเพราะท่าทางเหมือนกับถูกตีหัวมา ไม่ทันที่ฝ่ายผัวจะตอบ ฝ่ายเมียได้ชิงตอบขึ้นก่อนว่าก็จะเป็นอะไรเสียอีก มันเอาแต่เล่นบิลเลียด บ้าบิลเลียดทั้งวันทั้งคืน บ้านช่องไม่ยอมกลับ ให้ลูกไปตามก็ไม่ยอมกลับ ฉันจึงตามไปเอาไม้บิลเลียดฟาดหัวนั่นแหละถึงได้กลับ แต่ไม่ได้กลับบ้านหรอกเพราะต้องไปโรงพยาบาลแทน

    พูดแล้วสองผัวเมียก็ด่ากันเองต่อไป ผมจึงขยับเข้าไปนั่งสนทนากับตาแก่แล้วถามว่าลุงเล่นหมากรุกคนเดียวจะได้การหรือ เพราะหมากรุกจะเล่นให้สนุกก็ต้องมีคู่เล่น แล้วถามว่าลุงเล่นหมากฮอสเป็นไหม ถ้าหากเป็นมาเล่นกับผมดีกว่า

    ที่ชวนตาแก่เล่นหมากฮอสก็เพราะว่าผมมีพื้นฐานการเล่นหมากฮอสมาจากบ้านนอก ถึงไม่จัดว่าเก่งแต่ก็พอนับว่าพอตัว และอยู่ในแนวหน้าของผู้คนในบ้านเดียวกัน ส่วนหมากรุกนั้นพอเดินได้แต่ไม่จัดว่าเดินเป็น

    ตาแก่ได้ฟังดังนั้นจึงว่า โอ๊ยหมากฮอสฉันไม่เล่นดอก เป็นเรื่องของเด็ก ๆ ที่มุทะลุเอาแต่เดินหน้าท่าเดียว ในชีวิตจริงมีที่ไหนที่จะเดินหน้าได้อย่างเดียว จะต้องรู้จักหยุด รู้จักถอย และต้องรู้จักใช้กลอุบายที่ลึกซึ้ง หมากรุกนี่แหละสอดคล้องกับชีวิตจริงของคน เพราะในสังคมเต็มไปด้วยคนดี คนชั่ว แต่คนชั่วเจ้าเล่ห์เพทุบายมีเกลื่อนกลาด ในขณะที่คนดีซุกตัวเก็บตัวอยู่ที่บ้าน ว่าแล้วก็ท่องโคลงตอนหนึ่งว่า “เล่นหมากรุกสนุกล้ำเพราะล้ำลึก”

    ผมได้ฟังตาแก่ดังนั้นก็รู้สึกว่าตาแก่คนนี้ท่าจะไม่ธรรมดา เพราะดูท่าเจ้าบทเจ้ากลอน และรู้คติของชีวิตที่ลึกซึ้งอยู่ไม่น้อย จึงบอกว่าผมเล่นหมากรุกไม่เก่ง ถึงจะเล่นก็สู้ลุงไม่ได้
    ตาแก่นั้นได้บอกว่าหมากรุกนี้มีความพิเศษ คนไม่เก่งกับคนเก่งก็เล่นกันได้ เพราะสามารถให้แต้มต่อกันได้ หากฝีมือห่างกันมากก็ลดเรือ หากฝีมือห่างกันไม่มากก็ลดเม็ด มีหลายลำดับชั้น จะเอาชั้นไหนก็ได้ มาลองเล่นกันดู

    ผมต้องการจะผูกมิตรกับตาแก่จึงฝืนใจยอมเล่นหมากรุก ตาแก่เห็นผมท่าทางจะอ่อนหัดจึงต่อเรือให้ลำหนึ่ง ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะไม่รู้ฝีมือแต่คิดว่าขนาดคนบ้าคลั่งหมากรุกขนาดนั่งเล่นคนเดียวได้ก็เห็นจะมีฝีมือไม่ธรรมดา

    ปรากฏว่าฝีมือตาแก่นั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ การขยับหมากแต่ละตัวมีความแคล่วคล่องว่องไว มีพลังรุกรับและหลอกล่ออยู่ตลอดเวลา และผมก็ต้องแพ้แก่ตาแก่ไปตามระเบียบ

    แต่ก็ได้ผล เพราะการพ่ายแพ้บางทีก็ได้มิตร ดังที่โบราณมีคติเตือนใจไว้ว่า “แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร” ซึ่งมีความหมายว่าความพ่ายแพ้ในบางครั้งอาจจะได้รับการยอมรับนับถือจากผู้อื่น หรืออย่างน้อยก็ได้รับความเป็นไมตรี กระทั่งความเอื้ออาทรจากผู้อื่น ในขณะที่ชัยชนะในบางครั้งกลับได้ศัตรูติดตามมา อย่างน้อยก็อาจได้ความหมั่นไส้ซึ่งอาจไม่เป็นผลดีเท่ากับการรู้จักแพ้ในบางครั้งบางโอกาสที่เหมาะสม

    ดังนั้นคนโบราณจึงมักสอนลูกหลานว่าเกิดเป็นคนอย่าทนงตนคิดแต่จะเอาชนะท่าเดียว ต้องรู้จักแพ้ รู้จักชนะ นั่นคือพึงรู้ว่าโอกาสไหนควรต้องแพ้ โอกาสไหนควรต้องชนะ และแม้เห็นว่าจะชนะแล้วหากมีผลเสียตามมาในภายหลังก็ต้องชั่งใจก่อนว่าควรรบหรือไม่ควรรบ เพราะชัยชนะเช่นนั้นหาประเสริฐไม่

    ในเรื่องนี้คัมภีร์พิชัยสงครามจึงได้บัญญัติไว้เป็นบทสำคัญว่าผู้บัญชาการรบนั้นจะต้องรู้การว่าควรรบหรือไม่ควรรบก่อน หากไม่ควรรบแม้ถ้ารบไปจะได้ชัยชนะก็รบไม่ได้ ดังนี้เป็นต้น.
    </td></tr></tbody></table>



    ที่มา : ตอนที่ 12 - ผงเก่าพระสมเด็จวัดระฆัง
     
  12. wasabi san

    wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,009
    ค่าพลัง:
    +5,915
    พระสมเด็จโอฬาร เขียนโดย เรืองวิทยาคม ตอนที่2

    <table class="contentpaneopen"> <tbody> <tr> <td class="contentheading" width="100%">ตอนที่ 26. พระสมเด็จโอฬาร </td> <td class="buttonheading" width="100%" align="right">[​IMG] </td> <td class="buttonheading" width="100%" align="right">[​IMG] </td></tr></tbody></table> <form action="http://www.paisalvision.com/2008-10-30-11-44-17/340--26-.html" method="post">User Rating:[​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG] / 3
    แย่<input alt="vote 1 star" value="1" name="user_rating" type="radio"><input alt="vote 2 star" value="2" name="user_rating" type="radio"><input alt="vote 3 star" value="3" name="user_rating" type="radio"><input alt="vote 4 star" value="4" name="user_rating" type="radio"><input alt="vote 5 star" checked="checked" value="5" name="user_rating" type="radio">ดีที่สุด <input class="button" value="Rate" name="submit_vote" type="submit"><input value="vote" name="task" type="hidden"><input value="com_content" name="option" type="hidden"><input value="340" name="cid" type="hidden"><input value="http://www.paisalvision.com/2008-10-30-11-44-17/340--26-.html" name="url" type="hidden"></form> <table class="contentpaneopen"> <tbody> <tr> <td>บทความ - ศิษย์สมเด็จ </td></tr> <tr> <td valign="top">เขียนโดย เรืองวิทยาคม </td></tr> <tr> <td class="createdate" valign="top">วันอังคารที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๑ เวลา ๑๔:๒๗ น. </td></tr> <tr> <td valign="top"> |


    Share

    เพราะได้ทำหน้าที่ช่วยทางวัดพิมพ์พระเช่นนี้ ผมจึงได้รับความเมตตาจากท่านเจ้าคุณใหญ่ ตลอดจนพระเถระชั้นรองของกุฏิใหญ่ และได้รับพระสมเด็จจากท่านเป็นกำนัลเป็นจำนวนมาก

    ตัวผมเองไม่มีอัธยาศัยเป็นนักสะสมหรือหวงกันสิ่งใดไว้กับตัว ดังนั้นเมื่อได้รับพระสมเด็จมาคราวใดก็มักจะเอาไปแจกให้กับบรรดาเพื่อนฝูงที่โรงเรียน หรือถ้าหากวันไหนไปเยี่ยมพ่อแม่ของเพื่อนที่บ้านก็จะนำพระสมเด็จไปมอบให้เป็นของขวัญ

    จึงทำให้ผมถูกเพื่อนนักเรียนล้อว่าเป็นหมอผี จนกระทั่งถึงวันนี้บางครั้งเมื่อปะหน้าเพื่อนนักเรียนในครั้งนั้น แม้ว่าแก่เฒ่าไปด้วยกันแล้วก็ยังเรียกล้อกันว่าไอ้หมอผีอยู่นั่นเอง

    การล้อเลียนนี้เห็นทีจะเป็นวัฒนธรรมเฉพาะของคนไทยเพียงชาติเดียวเท่านั้น เพราะยังไม่เคยได้ยินหรือปรากฏว่าคนชาติอื่นๆ จะนิยมชมชอบการล้อเลียนแบบที่คนไทยกระทำกันเลย

    การล้อเลียนที่กระทำกันนั้นก็มักจะเอาของดีมาล้อเลียนให้เป็นของเสียอย่างหนึ่ง หรือไม่ก็เอาจุดอ่อนปมด้อยของคนมาล้อเลียนกันเพื่อทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องตลกโปกฮา ซึ่งดูไปแล้วก็ไม่ค่อยเข้าท่าและไม่เป็นประโยชน์ใด ๆ เลยอีกอย่างหนึ่ง

    ดังเช่นคำว่าอรหันต์ซึ่งเป็นภาวะหรือสถานะสูงสุดในพระพุทธศาสนา กลับนำมาใช้ล้อเลียนกับความเลวร้ายต่าง ๆ ดังเช่นการล้อเลียนคณะกรรมการการเลือกตั้งที่โกงเลือกตั้งว่าเป็นห้าอรหันต์ หรือล้อเลียนกรรมการตัดสินการประมูลซึ่งโกงการประมูลว่าแปดอรหันต์ หรือการนำเอาลักษณะทางกายภาพที่หัวล้านหรือฟันหลอมาเป็นเครื่องล้อเลียน เป็นต้น

    เป็นการทำของดีให้กลายเป็นของเสียหรือไม่ก็เป็นการหาความสนุกขำขันจากความอับอายขายหน้าของคนอื่น ซึ่งน่าจะได้ทบทวนวัฒนธรรมแบบนี้เสียทีหนึ่ง

    พระสมเด็จวัดระฆังรุ่นหลวงปู่นาคทรงความศักดิ์สิทธิ์และมีอิทธิปาฏิหาริย์เลื่องชื่อลือกระฉ่อนมาตั้งแต่ครั้งที่หลวงปู่นาคยังมีชีวิตอยู่ และเมื่อท่านเจ้าคุณสิ้นบุญไปแล้วพระสมเด็จวัดระฆังรุ่นหลวงปู่นาคก็ยิ่งมากค่าและหาได้ยากขึ้นทุกที แม้กระทั่งผมเองซึ่งเป็นศิษย์สำนักวัดระฆังก็ไม่มีเหลืออยู่เลยแม้แต่องค์เดียวเพราะมีเท่าไรก็ให้คนอื่นไปจนหมด

    นี่แหละที่เขาว่าใกล้เกลือกินด่าง ความจริงไม่ได้กินด่าง แต่เป็นเพราะอัธยาศัยประจำตนที่เห็นสิ่งใดดีแล้วก็อยากจะให้ผู้อื่นได้สิ่งดีนั้นด้วย

    การไปช่วยทำพระสมเด็จทำให้ผมได้รู้จักกับคนบ้านเดียวกันซึ่งมาเป็นเด็กวัดอยู่คณะหนึ่งอีกหลายคน รุ่นพี่ ๆ ก็มี 2-3 คน คือพี่วัลลภ พี่วินัย นอกนั้นเป็นรุ่นน้อง ๆ สำหรับพี่วินัยนั้นอยู่กับพระซึ่งเป็นอาคือพระมหาวิสุทธิ์ และเรียนกฎหมายอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

    ครั้นได้รู้จักมักคุ้นกันแล้ว พี่วินัยก็แนะนำว่าในวันข้างหน้าถ้ามีโอกาสก็ควรที่จะเข้าเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนวิชาความรู้ในการช่วยเหลือผู้คน จะได้นำความรู้ไปช่วยเหลือพี่น้องทางบ้านซึ่งถูกข้าราชการกดขี่ข่มเหงได้

    คนภาคใต้จะมีความรู้สึกเป็นอย่างเดียวกันว่าข้าราชการที่ส่งไปจากส่วนกลางให้ไปทำหน้าที่ในพื้นที่ภาคใต้นั้นไม่มีความเป็นมิตร เพราะวางตนเป็นเจ้านายเหนือประชาชน จนคนภาคใต้มักเรียกข้าราชการว่านาย และเป็นนายที่ข่มเหงรังแกอาณาประชาราษฎรจนสะท้อนเป็นความรู้สึกที่ตกผลึกอยู่ในหัวใจคนปักษ์ใต้ตลอดมา

    การเป็นเช่นนั้นเกิดขึ้นเพราะคตินิยมของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกรุงเทพฯ ที่มักลงโทษข้าราชการที่ไม่ดีหรือกระทำความผิดโดยการย้ายลงไปทำงานในภาคใต้ เพียงแค่คิดหวังจะลงโทษข้าราชการนั้นให้เข็ดหลาบ แต่ผลแท้จริงคนที่ถูกลงโทษก็คือประชาชนภาคใต้ เพราะคนเลวหรือคนชั่วนั้นไปอยู่ที่ไหนก็ย่อมทำชั่ววันยังค่ำ ยิ่งไปอยู่ห่างไกลสายตาของผู้มีอำนาจก็ยิ่งแสดงอำนาจบาทใหญ่ข่มเหงรังแกประชาชนมากขึ้นไปอีก

    ข้าราชการนั้นจึงไม่ได้ถูกลงโทษแต่กลายเป็นกรณีปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยจระเข้ลงน้ำ โดยประชาชนภาคใต้เป็นฝ่ายที่ถูกลงโทษแทน จึงเป็นผลให้คนภาคใต้มีความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีต่อข้าราชการ และตกทอดต่อมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้

    ผิดกันไกลกับหลักคิดและวิธีการปกครองของจีนในสมัยโบราณ ซึ่งจะถือหลักการว่าการจะแต่งตั้งขุนนางคนใดไปทำหน้าที่ในแดนไกลจะต้องคำนึงถึงหลักการสามประการ คือ ภายในระยะเวลาอย่างน้อย 15 ปี จะไม่คดโกงหักหลังผู้ใหญ่ในเมืองหลวงอย่างหนึ่ง ผู้นั้นต้องเป็นผู้มีสติปัญญาความรู้เหมาะสมกับท้องที่ที่จะให้ไปทำหน้าที่อย่างหนึ่ง และเป็นผู้มีน้ำใจเมตตาอาทรต่ออาณาประชาราษฎรอีกอย่างหนึ่ง ครบสามอย่างนี้แล้วจึงจะแต่งตั้งให้ไปปฏิบัติหน้าที่แดนไกลได้

    ศิษย์วัดคณะหนึ่งเป็นศิษย์วัดสหประชาชาติเพราะมาจากหลายภาคหลายจังหวัด ดังนั้นเมื่อมาสำนักอยู่ในคณะเดียวกัน ได้รู้จักมักคุ้นกันจึงทำให้ต่างคนต่างได้เรียนรู้ถึงการคบหาเพื่อนต่างถิ่น และได้รู้จักวิธีที่จะเรียนรู้อุปนิสัยใจคอของคนแต่ละถิ่นไปพร้อม ๆ กัน นี่นับว่าเป็นอานิสงส์ของการอยู่ร่วมกันกับคนต่างหมู่ต่างเหล่าอย่างหนึ่ง

    การไปช่วยเขาทำพระสมเด็จทำให้ผมได้มีโอกาสรู้จักกับเด็กวัดรุ่นพี่คนสำคัญที่สำนักอยู่ที่กุฏิใหญ่ของหลวงปู่นาคที่ชื่อว่าโอฬารซึ่งเป็นคนภาคอีสาน และมีฐานะเป็นลูกหลานห่าง ๆ ของหลวงปู่

    ผมได้รู้กิตติศัพท์ของโอฬารมาจากลุงต๋อมก่อนแล้วว่าโอฬารนี้เป็นคนสำคัญเพราะได้สร้างพระสมเด็จโอฬารขึ้นมาจำนวนมาก

    พระสมเด็จโอฬารก็คือพระสมเด็จที่เด็กวัดคณะหนึ่งซึ่งมีโอฬารเป็นลูกพี่ใหญ่จัดทำขึ้น โดยอาศัยช่องว่างของการบริหารจัดการในการทำพระสมเด็จเป็นโอกาสในการจัดทำ
    คือเมื่อมีการพิมพ์พระสมเด็จของทางวัด ศิษย์วัดกลุ่มนี้ก็จะเอาปูนปลาสเตอร์ผสมผงอะไรต่อมิอะไรให้คล้าย ๆ กับผงพระสมเด็จที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ ครั้นพอพิมพ์พระสมเด็จของวัดเสร็จแล้วก็ถือโอกาสนั้นนำผงปูนปลาสเตอร์ที่ผสมขึ้นเองพิมพ์พระสมเด็จเพิ่มขึ้นอีกจำนวนหนึ่ง เป็นแต่ว่าไม่ได้เข้าพิธี ไม่ได้ผ่านการปลุกเสกของหลวงปู่นาคและไม่ได้ผ่านกรรมวิธีใด ๆ ในการปลุกเสกพระตามแบบฉบับของวัดระฆังเลย

    แต่ถ้าดูพุทธลักษณะก็จะเหมือนกับพระสมเด็จวัดระฆังของแท้ทุกประการเพราะพิมพ์มาจากเบ้าเดียวกัน โดยคนพิมพ์คณะเดียวกัน เป็นแต่ไม่ได้ปลุกเสกเท่านั้น และความที่ไม่ได้ปลุกเสกนั้นไม่สามารถมองเห็นด้วยสายตาเปล่าได้

    คณะศิษย์วัดกลุ่มนี้ได้แอบจำหน่ายพระสมเด็จดังกล่าวแก่ผู้มีจิตศรัทธาทั้งที่มาขอเช่าที่วัด คือหากบังเอิญขณะนั้นไม่มีพระผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่ในเรื่องนี้ก็จะนำพระชุดนี้ออกจำหน่าย หรือไม่ก็นำออกไปจำหน่ายภายนอก

    นับเป็นวิธีทำมาหากินที่ลงทุนน้อย กำไรมาก และอาจเป็นต้นแบบของการพุทธพาณิชย์ในยุคปัจจุบันนี้ก็ได้ แต่คงจะต่างกับการพุทธพาณิชย์ในทุกวันนี้เพราะพระสมเด็จโอฬารนั้นทำตามโอกาสสะดวก และจำนวนไม่มาก ไม่เหมือนกับยุคปัจจุบันที่ทำกันเป็นล่ำเป็นสันถึงขนาดลงโฆษณาจำหน่ายกันทางสื่อมวลชนอย่างกว้างขวาง

    เคยวิตกกังวลอยู่เหมือนกันว่าบรรดาผู้มีความศรัทธาในพระสมเด็จพระวัดระฆังหากพลั้งพลาดได้พระสมเด็จโอฬารไปแล้วจะเป็นประการใด เพราะห่วงใยว่าท่านเหล่านั้นจะไม่ได้รับความคุ้มครองตามที่มีความศรัทธา

    แต่ในที่สุดก็เชื่อว่าอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ของพระสมเด็จวัดระฆังนั้นมีมาแต่เหตุสามสถาน คือ บารมีของเจ้าประคุณสมเด็จอย่างหนึ่ง พลังจิตที่เกิดจากการปลุกเสกอย่างหนึ่ง และจิตใจที่ประกอบด้วยศรัทธาและกุศลของผู้มีจิตศรัทธาอีกอย่างหนึ่ง

    พระสมเด็จวัดระฆังของแท้ย่อมประกอบด้วยคุณลักษณะทั้งสามประการ แต่พระสมเด็จโอฬารคงขาดในประการที่สองคือพลังจิตจากการปลุกเสก แต่เมื่อผู้ครองพระสมเด็จนั้นหมั่นท่องหมั่นสวดพระคาถาชินบัญชรก็จะเพิ่มพูนพลังจิตขึ้นได้เอง และความศรัทธานั้นจะน้อมนำเอาบารมีเจ้าประคุณสมเด็จสื่อมายังองค์พระ และทำให้พระนั้นทรงความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้เหมือนกัน

    มีตัวอย่างให้เห็นเป็นจำนวนมากว่าพระสมเด็จโอฬารหรือพระสมเด็จที่แม้เป็นของปลอมแต่ก็ยังมีความศักดิ์สิทธิ์ปรากฏให้เห็นหลายหลากกรณีนักนับแต่อดีตเป็นต้นมาถึงปัจจุบันนี้

    โอฬารนี้มีลักษณะเป็นหัวโจกคนจริง ๆ เหตุที่เรียกว่าหัวโจกโดยไม่เรียกว่าหัวหน้าก็เพราะว่าหัวหน้ากับหัวโจกนั้นต่างกัน คนเป็นหัวหน้าคนต้องรู้จักออกความคิด รู้จักใช้คนให้เหมาะสมสอดคล้องกับบุคลิกลักษณะความสามารถ รู้จักถนอมน้ำใจคน รู้จักรักษาหน้าตาผู้อื่น และมีคุณธรรมประจำตัว

    แต่คนที่เป็นหัวโจกนั้นมักไม่ค่อยมีคุณธรรมของความเป็นหัวหน้าคน แต่จะอาศัยอำนาจบางอย่างไม่ว่าอำนาจตามกฎหมาย หรืออำนาจนอกกฎหมาย หรืออำนาจที่อาศัยความเป็นวงศาคณาญาติกับผู้มีอำนาจแล้วทำตัวอยู่เหนือคนอื่น และคนอื่นซึ่งจำนนต่ออำนาจที่ว่านั้นก็ยอมตัวให้ใช้สอย ทั้งๆ ที่อาจไม่มีความนับถือศรัทธาต่อคนที่เป็นหัวโจกเลยแม้แต่นิดเดียว

    การที่ศิษย์วัดกลุ่มนี้ทำพระปลอมขึ้นจำหน่ายย่อมได้ทุนรอนเป็นจำนวนมาก เกินฐานะของเด็กวัด ดังนั้นจึงทำให้เด็กวัดกลุ่มนี้มีฐานะและความเป็นอยู่ดีกว่าเด็กวัดกลุ่มอื่นหรือเด็กวัดคณะอื่น บางคนสามารถเก็บเงินได้จำนวนมาก เป็นทุนรอนนำไปศึกษาต่อถึงต่างประเทศก็ยังมี

    พระสมเด็จแท้ที่หลวงปู่นาคทำนั้นเป็นการทำเพื่อหาเงินมาบูรณะพัฒนาวัดระฆังซึ่งเสื่อมทรุดต่อเนื่องมาแต่อดีต ศาสนสถานทั้งหลายภายในวัดทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด จะมัวรอเงินจากผ้าป่ากฐินศาสนสถานก็คงพังพินาศหมดสิ้น เพราะเหตุนี้หลวงปู่นาคท่านจึงคิดอ่านทำพระสมเด็จขึ้นเป็นอภินันทนาการแก่ผู้ที่มาทำบุญกับวัด
    พระที่หลวงปู่นาคปลุกเสกเสร็จแล้วได้มอบไว้แก่พระลูกศิษย์ซึ่งจะทำบัญชีจำหน่ายสำหรับผู้ใจบุญที่มาทำบุญกับวัด โดยหลวงปู่นาคมิได้จับต้องถือเงินหรือเก็บเงินไว้ด้วยองค์ท่านเองเลย

    ผงที่เหลือจากการทำพระแต่ละคราวก็จะเก็บใส่กะละมังไว้ แล้วขนขึ้นไปไว้บนกุฏิหลวงปู่นาค ซึ่งท่านมักจะวางไว้ข้างๆ โต๊ะหมู่บูชา

    พระที่ผ่านการทำและผ่านการปลุกเสกดังกล่าวนี้หากถึงคราววันมหาปวารณาช่วงเข้าพรรษาหลวงปู่ก็มักจะให้พระลูกศิษย์นำไปไว้ในโบสถ์ วางไว้หน้าพระประธาน โดยมีการนับจำนวนอย่างเข้มงวด ครั้นพ้นวันมหาปวารณาแล้วหลวงปู่นาคก็ให้นำพระเหล่านั้นกลับไปเก็บไว้ที่กุฏิของท่านดังเก่า ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะหลวงปู่นาคท่านรู้กรรมวิธีว่าวันเวลาและการใดที่จะอาศัยพลังแห่งความบริสุทธิ์และพลังอำนาจจิตของคณะสงฆ์เข้าเสริมพลังจิตที่ท่านเจ้าคุณได้ปลุกเสกไว้แต่เดิม

    พระสมเด็จวัดระฆังที่ผ่านกระบวนการจัดทำและกระบวนการปลุกเสกตามตำรับที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งยุคสมัยเจ้าประคุณสมเด็จนั้นจึงเป็นที่หวังและเป็นที่วางใจกันโดยทั่วไปว่าทรงไว้ซึ่งพุทธคุณ มีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถปกป้องคุ้มครองภยันตรายทั้งปวงได้ และเป็นเครื่องส่งเสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้มีความศรัทธาตลอดมา

    อาจกล่าวได้ว่าการทำพระสมเด็จโอฬารคือการปลอมพระสมเด็จวัดระฆังรุ่นแรก ๆ และยังมีการทำปลอมกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้ เป็นแต่กรรมวิธีทำให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น เช่นไปทำพระสมเด็จมาจากไหนก็ไม่รู้แล้วลงโฆษณาอ้างว่าเป็นพระสมเด็จวัดระฆัง ปลุกเสกที่วัดระฆัง

    ความจริงการปลุกเสกที่ว่าปลุกเสกที่วัดระฆังนั้นไม่ได้ผ่านกระบวนการปลุกเสกตามแบบวัดระฆังเลย เพราะเพียงแต่ขนพระใส่รถหกล้อหรือรถกระบะมาจอดไว้ที่นอกพระอุโบสถวัดระฆัง แล้วนิมนต์พระจากที่ไหนไม่รู้มานั่งสวดกันบนรถอย่างหนึ่ง หรือนิมนต์พระวัดระฆังนั่นแหละโดยไม่ได้บอกกล่าวว่าเป็นการปลุกเสกพระ แต่ทำทีเป็นทำบุญเลี้ยงพระ เมื่อเลี้ยงเสร็จแล้วพระก็ยะถา สัพพี ให้พรตามธรรมเนียม ในช่วงนั้นเองก็จะมีการต่อสายสิญจน์มาที่รถแล้วถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน คนที่เขาไม่รู้ก็พากันหลงเชื่อว่าเป็นพระสมเด็จวัดระฆัง ปลุกเสกที่วัดระฆัง

    การทำพระสมเด็จวัดระฆังปลอมขึ้นในลักษณะที่ว่านี้มีมากมายหลายครั้ง จนเป็นเหตุให้ปัจจุบันนี้ทางวัดต้องห้ามการมากระทำการแบบนี้ เพราะถือเป็นการหลอกลวงมหาชนอย่างหนึ่งและทำให้วัดระฆังเสียหายต่อชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่ง

    แต่เป็นเรื่องแปลกที่พระสมเด็จปลอมนั้นหากจะดูให้ดีแล้วก็จะดูได้ง่ายว่าไม่เหมือนกับพระสมเด็จวัดระฆังที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นพระสมเด็จวัดระฆังที่ทำขึ้นในครั้งไหน ๆ
    สาเหตุอาจมาจากแบบพิมพ์พระ ซึ่งของวัดระฆังนั้นจะใช้ช่างมีฝีมือจากช่างบ้านช่างหล่อ ซึ่งในยุคต้นรัตนโกสินทร์ถือว่าเป็นหมู่หนึ่งในช่างสิบหมู่ที่มีชื่อเสียง และถ่ายทอดสืบต่อกันมา แบบพิมพ์พระสมเด็จที่แกะโดยช่างมีฝีมือจากช่างบ้านช่างหล่อตลอดมานั้นจะมีลักษณะที่องอาจสง่างามเด่นชัด ผิดแผกจากแบบพิมพ์ที่แกะจากที่อื่น ๆ

    เคยมีการสอบถามช่างแกะแบบพิมพ์พระบ้านช่างหล่อว่าเคยมีนักปลอมพระที่อื่นมาจ้างให้แกะแบบพิมพ์บ้างหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่ามีเหมือนกัน และช่างเองก็รู้สึกแปลกประหลาดใจว่าถึงจะแกะแบบพิมพ์อย่างไรก็ไม่เหมือน ไม่มีลักษณะเด่นเหมือนกับแบบพิมพ์พระที่ทางวัดมาว่าจ้างให้แกะเลย นี่จะว่าเป็นอภินิหารของเจ้าประคุณสมเด็จอีกอย่างหนึ่งก็ว่าได้

    ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแกะแบบพิมพ์จากแหล่งอื่นซึ่งไม่มีวันที่จะแกะให้เหมือนกับแบบพิมพ์พระสมเด็จที่ใช้สำหรับทำพระสมเด็จวัดระฆังของแท้ได้เลย.



    ที่มา: ตอนที่ 26. พระสมเด็จโอฬาร
    </td></tr></tbody></table>
     
  13. chaiyaput

    chaiyaput เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +1,146
    ขอบคุณครับ ท่านอาจารย์สำหรับบทความได้รับรู้เรื่องการทำพระปลอมในอีกแง่มุม
     
  14. พ่อเลี้ยง2

    พ่อเลี้ยง2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +838
    พระของคุณcom นั้น ถ้าเป็นผมนะครับ ผมยังไม่มองเป็นพระที่สมเด็จท่านสร้างครับ แต่ถ้าเป็นพระสมเด็จแบบคุณkeepworkองค์หลัง 2องค์นั้นผมว่าสวยดี ดูง่ายแบบคุณแอ็กแอลเขาว่า คุณcom ลองฟังเหตุผลคุณwasabi และคุณxlmen ครับ

    [​IMG]
     
  15. พ่อเลี้ยง2

    พ่อเลี้ยง2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +838
    แต่ก็ได้ผล เพราะการพ่ายแพ้บางทีก็ได้มิตร ดังที่โบราณมีคติเตือนใจไว้ว่า “แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร” ซึ่งมีความหมายว่าความพ่ายแพ้ในบางครั้งอาจจะได้รับการยอมรับนับถือจากผู้อื่น หรืออย่างน้อยก็ได้รับความเป็นไมตรี กระทั่งความเอื้ออาทรจากผู้อื่น ในขณะที่ชัยชนะในบางครั้งกลับได้ศัตรูติดตามมา อย่างน้อยก็อาจได้ความหมั่นไส้ซึ่งอาจไม่เป็นผลดีเท่ากับการรู้จักแพ้ในบางครั้งบางโอกาสที่เหมาะสม

    ดังนั้นคนโบราณจึงมักสอนลูกหลานว่าเกิดเป็นคนอย่าทนงตนคิดแต่จะเอาชนะท่าเดียว ต้องรู้จักแพ้ รู้จักชนะ นั่นคือพึงรู้ว่าโอกาสไหนควรต้องแพ้ โอกาสไหนควรต้องชนะ และแม้เห็นว่าจะชนะแล้วหากมีผลเสียตามมาในภายหลังก็ต้องชั่งใจก่อนว่าควรรบหรือไม่ควรรบ เพราะชัยชนะเช่นนั้นหาประเสริฐไม่


    ในเรื่องนี้คัมภีร์พิชัยสงครามจึงได้บัญญัติไว้เป็นบทสำคัญว่าผู้บัญชาการรบนั้นจะต้องรู้การว่าควรรบหรือไม่ควรรบก่อน หากไม่ควรรบแม้ถ้ารบไปจะได้ชัยชนะก็รบไม่ได้ ดังนี้เป็นต้น.

    ประโยคสีแดงนี้คุณวซบ. เข้าใจเน้น เข้าท่าเข้าทีดีครับ ล้ำลึกถูกใจจริงๆ
     
  16. xlmen

    xlmen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +3,291
    ^
    ^
    งั้นผมขอยอมแพ้ครับ....หวังใจว่าจะได้พระสมเด็จจากผู้ชนะมาปลอบใจผู้แพ้หน่อยครับ อิอิ
     
  17. kiatti1234

    kiatti1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,839
    ค่าพลัง:
    +811
    เรียนท่านอาจารย์ทั้งสอง(วาซาบิและคุณxlmen)และท่านผู้รู้(พ่อเลี้ยง2,อังคาร99) คือผมจะสอบว่าสมเด็จในช่วงหลังมีการลงรักและปิดทองตลอดทั้งองค์หรือป่าวครับ หรือเฉพาะด้านหน้าอย่างเดียว เป็นไปได้ไหมครับว่าอาจจะเป็นสมเด็จวัดพระแก้วซึ่งเจอพอสมควร ตรงนี้เป็นปัญหาคาใจผมมานานมากแล้วครับ อยากที่จะเห็นแสงส่วางปลายเปลวเทียนซะทีครับ และสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าเลยนะครับ:boo:
     
  18. kepper

    kepper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +128
    เรียน คุณ วาซาบิ และคุณ xlmen ช่วยดูพระสมเด็จให้ด้วยครับ
    ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_2597.jpg
      SAM_2597.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.8 MB
      เปิดดู:
      144
    • SAM_2600.jpg
      SAM_2600.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.7 MB
      เปิดดู:
      67
    • SAM_2602.JPG
      SAM_2602.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.9 MB
      เปิดดู:
      64
  19. xlmen

    xlmen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +3,291
    เรื่องการลงรักปิดทองในพระสมเด็จนั้นมีมานานตั้งแต่สมัยที่เจ้าประคุณสมเด็จยังมีชีวิตอยู่...
    และก็ยังนิยมปิดทองมาถึงยุคพระสมเด็จวังหน้าครับ...

    ส่วนการปิดทองว่าจะนิยมปิดทองทั้งองค์หรือปิดเฉพาะด้านหน้านั้น...
    ถ้าเป็นสมเด็จวังหน้าก็ต้องปิดทองทั้งองค์ครับ...

    ส่วนวัดระฆังนั้นถ้าจะมีปิดทองเฉพาะด้านหน้าไม่ปิดทั้งองค์คิดว่าน่าจะมีนะครับ...
    ทั้งนี้เพราะคนเราความชอบไม่เหมือนกัน...บางทีอาจจะมีช่างสิบหมู่บางคนไม่ชอบปิดทองหมดทั้งองค์เลือกปิดเฉพาะด้านหน้าก็อาจจะมีเป็นไปได้ทั้ง 2 อย่างครับ...
     
  20. xlmen

    xlmen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +3,291
    [​IMG]
    <SCRIPT id=id_predict_include_script type=text/javascript src="http://cdn1.predictad.com/scripts/publishers/sweetim/predictadme.js"></SCRIPT>พระของคุณ kepper<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4196576", true); </SCRIPT> องค์นี้จัดได้ว่าเป็นพระที่เลียนแบบแนวศิลป์ของหลวงวิจารชัดเจนมากครับ...
    และก็ผิดพิมพ์หลายจุดชนิดหลุดมากทีเดียว...

    เริ่มจากเส้นซุ้มผ่าหวายนั้นถ้าเป็นฝีมือศิลป์ของหลวงวิจารแล้วจะต้องมีเส้นซุ้มผ่าหวายมิใช่ผ่าเสี้ยว...
    ตลอดเส้นผ่าหวายจะต้องใหญ่ตลอดเส้นเท่ากันหมด....ถ้าบังเอิญไปเห็นฐานซุ้ม หรือข้างซุ้มผ่าหวายใหญ่แล้วมาเจอยอดซุ้มผ่าหวายเล็กให้ตีไปเลยว่าผิดพิมพ์ครับ...

    จุดที่ 2 ขอบเศียรด้านบนต่อกับเกศมาลาเบลอไม่ชัดถือว่าผิดพิมพ์ครับ

    จุดที่ 3 แหมะผมลืมวงในรูปครับช่วงรักแร้จะต้องสูงไม่เท่ากัน...ลักษณะของไหล่ยกขององค์นี้ผิดสูตรครับ

    จุดที่ 4 ช่วงแขนซ้ายขององค์พระลีบเล็กเกือบจะตลอดเส้นไม่สมมาตรกับแขนขวาขององค์พระถือว่าไม่สมมาตรอย่างแรงครับ...หุหุ

    จุดที่ 5 ลืมวงอีกแล้ว....เส้นขาจะต้องมีในองค์นี้ไม่ปรากฎเส้นขาซ้ายขององค์พระความหนาของลำแข้งไม่ผ่านครับ...บางไปครับ

    จุดที่ 6 ฐานหมอนด้านขวาขององค์พระตรงแข็งทื่อไม่สอดคล้องกับฐานหมอนด้านซ้ายที่งอนรับองค์พระถือว่าผิดพิมพ์...ถ้าตรงพิมพ์จะต้องงอนรับองค์พระทั้ง 2 ข้างครับ

    จุดที่ 7 ใครมองเห็นบ้างเอ่ย ? ว่าผิดพิมพ์ตรงไหน ? ข้อสุดท้ายไม่บอกละกันครับ...ลองพิจารณากันเองครับ อิอิ

    ลักษณะการแตกลายท้องนาในองค์นี้ผิดปกติมากน่าจะเกิดมาจากการนำน้ำมันตั่งอิ๋วไปทาที่ผิวพระแล้วอบด้วยความร้อน...
    พอตั่งอิ๋วแห้งจะหดตัวลัดผิวพระทำให้เกิดการแตกลายงาที่บาดคม....แล้วจึงล้างเอาน้ำมันตั่งอิ๋วที่อบแล้วออก...

    (ทีแรกผมก็มองว่าน่าจะเป็นรักน้ำเกลี้ยงหรือไม่ที่ป้ายผิวพระ...ดูไปดูมาก็พอจะสรุปได้เป็น 2 แนวคือ ใช้รักน้ำเกลี้ยงทาแล้วอบผิว กับใช้น้ำมันตั่งอิ๋วทาแล้วอบผิว...ถ้าอยากพิสูจน์ต้องทดสอบทำดูครับจึงจะเข้าใจว่าเป็นอะไรกันแน่ที่ทำให้ผิวเกิดการลัดตัวครับ)

    สรุป องค์นี้จัดเป็นพระฝีมือที่เจตนาปรุงแต่งมากจนเกินความพอดีครับ...สรุปดูไม่ดีเท่าที่ควรครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_2597.jpg
      SAM_2597.jpg
      ขนาดไฟล์:
      230.5 KB
      เปิดดู:
      1,187
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...