พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 27 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 22 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>มูริญโญ่, ปฐม, ล่าวิญญาณ, nongnooo, ทรงกลด555 </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สวัสดีครับทุกท่าน
     
  2. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    สวัสดีครับพี่ท่าน
     
  3. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583

    ครับสวัสดีครับคุณปฐม
     
  4. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    เสียดายครับยังไม่เคยพบกันวันหน้าคงมีโอกาสได้เจอครับ
     
  5. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ครับพี่ แค่พี่ท่านคิดถึงน้องก็ถือว่าพี่ท่านให้ความเมตตาแล้วละครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โคนันทิวิสาล

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
    ใน สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วันเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภการพูดเสียดแทงให้เจ็บใจของพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า... กาล ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในสมัยของพระเจ้าคันธาระครองเมืองตักกศิลา แคว้นคันธาระ พระโพธิสัตว์เกิดเป็นโคนามว่า นันทิวิสาล เป็นโคมีรูปร่างสวยงาม มีพละกำลังมาก มีพราหมณ์คนหนึ่งได้เลี้ยงและรักโคนั้นเหมือนลูกชาย โคนั้นคิดจะตอบแทนบุญคุณการเลี้ยงดูของพราหมณ์ในวันหนึ่ง ได้พูดกะพราหมณ์ว่า
    "พ่อ จงไปท้าพนันกับโควินทกเศรษฐีว่า โคของเราสามารถลากเกวียนหนึ่งร้อยเล่ม ที่ผูกติดกันให้เคลื่อนไหวได้ พนันด้วยเงินหนึ่งพันกหาปณะเถิด"

    พราหมณ์ได้ไปที่บ้านเศรษฐีและตกลงกันตามนั้น นัดเดิมพันกันในวันรุ่งขึ้น ใน วันเดิมพัน พราหมณ์ได้เทียมโคนันทิวิสาลเข้าที่เกวียนเล่มแรก เพื่อลากเกวียนหนึ่งร้อยเล่มผูกติดกันซึ่งบรรทุกทราย กรวดและหินเต็มลำ แล้วขึ้นไปนั่งบนเกวียน เงื้อปฏักขึ้นพร้อมกับตวาดว่า
    "ไอ้โคโกง โคโง่ เจ้าจงลากเกวียนไปเดี๋ยวนี้"

    ฝ่ายโคนันทิวิสาลเมื่อได้ยินพราหมณ์พูดเช่นนั้น ก็คิดน้อยใจว่า
    "พราหมณ์เรียกเราผู้ไม่โกง ว่าโกง ผู้ไม่โง่ ว่าโง่"

    จึง ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว โควินทกเศรษฐีจึงเรียกให้พราหมณ์นำเงินหนึ่งพันกหาปณะมาให้แล้วกลับบ้านไป ฝ่ายพราหมณ์ผู้แพ้พนันเงินหนึ่งพันกหาปณะ ปลดโคแล้วก็เข้าไปนอนเศร้าโศกเสียใจอยู่ในบ้าน ส่วนโคนันทิวิสาลเห็นพราหมณ์เศร้าโศกเสียใจเช่นนั้น จึงเข้าไปปลอบและกล่าวว่า
    "พ่อ ฉันอยู่ในเรือนของท่านตลอดมา เคยทำภาชนะอะไรแตกไหม เคยเหยียบใครๆ เคยถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะในที่อันไม่ควรหรือไม่ เพราะเหตุใด ท่านจึงเรียกเราว่า โคโกง โคโง่ ครั้งนี้เป็นความผิดของท่านเอง ไม่ใช่ความผิดของฉัน บัดนี้ ขอให้ท่านไปเดิมพันกับโควินทกเศรษฐีใหม่ด้วยเงินสองพันกหาปณะ ขออย่างเดียว ท่านอย่าได้เรียกฉันว่า โคโกง โคโง่ ท่านจะได้ทรัพย์ตามที่ท่านปรารถนา ฉันจะไม่ทำให้ท่านเศร้าเสียใจ"

    พราหมณ์ได้ทำตามที่โคนันทิวิสาลบอก ในวันเดิมพัน พราหมณ์จึงพูดหวานว่า
    "นันทิวิสาลลูกรัก เจ้าจงลากเกวียนทั้งร้อยเล่มนี้ไปเถิด"

    โค นันทวิสาลได้ลากเกวียนร้อยเล่มที่ผูกติดกัน ด้วยการออกแรงลากเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทำให้เกวียนเล่มสุดท้ายไปตั้งอยู่ที่เกวียนเล่มแรกอยู่ ทำให้พราหมณ์ชนะพนัน ด้วยเงินสองพันกหาปณะพระพุทธองค์เมื่อนำอดีตนิทานมาสาธกแล้วตรัสว่า
    "ภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่า คำหยาบ ไม่เป็นที่ชอบใจของใครๆ แม้กระทั่งสัตว์เดียรัจฉาน"

    แล้วได้ตรัสพระคาถาว่า
    "บุคคล ควรพูดแต่คำที่น่าพอใจเท่านั้น ไม่ควรพูดคำที่ไม่น่าพอใจในกาลใดๆ เมื่อพราหมณ์พูดคำที่น่าพอใจ โคนันทิวิสาลได้ลากสัมภาระอันหนักได้ ทั้งยังทำให้หราหมณ์ผู้นั้นได้ทรัพย์อีกด้วย ส่วนตนเองก็เป็นผู้ปลื้มใจ เพราะการช่วยเหลือนั้นด้วย"

    สาเหตุที่ตรัสชาดก
    ......ครั้ง หนึ่งในสมัยพุทธกาล มีภิกษุ ๖ รูป เรียกว่า พระฉัพพัคคีย์ เป็นผู้ที่ไม่ตั้งใจปฏิบัติธรรม ชอบก่อกวน กลั่นแกล้ง หาเรื่องทะเลาะวิวาท พูดจาข่มขู่ เสียดสีภิกษุอื่นๆ อยู่เสมอ จนกระทั่งความทราบถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์จึงกล่าวตำหนิโทษพระฉัพพัคคีย์ แล้วตรัสให้โอวาทว่า “ผู้กล่าววาจาหยาบคาย ย่อมนำความฉิบหายมาให้ตนเอง เพราะเขาย่อมไม่เป็นที่พอใจของใครๆ แม้แต่สัตว์เดียรัจฉานก็ตาม” แล้วพระพุทธองค์ทรงนำ นันทิวิสาลชาดก มาตรัสเล่าเป็นอุทาหรณ์
    ข้อคิดจากชาดก
    ๑. แม้คนที่กตัญญูรู้คุณ ตั้งใจจะทดแทนคุณ ยอมทำตามใจเราทุกอย่าง ก็ยิ่งมีสิ่งที่เขาทนไม่ได้คือ ถ้อยคำที่ไม่ไพเราะ คำพูดที่เสียดแทงใจ เพราะฉะนั้นไม่ว่ากาลไหนๆ ใครๆ ก็ไม่ควรพูดคำหยาบเลย
    ๒. การพูดด้วยคำพูดที่ดีพร้อมในทุกแง่ทุกมุม เป็นมงคลอย่างยิ่ง จัดอยู่ในมงคลชีวิต มงคลที่ ๑๐ มีวาจาสุภาษิต
    ๓. องค์ประกอบของวาจาสุภาษิต (๑) พูดด้วยจิตประกอบด้วยเมตตา มีเจตนาดี (๒) พูดแต่คำจริง (๓) พูดแต่คำสุภาพอ่อนน้อม (๔) พูดแต่คำที่เป็นประโยชน์ (๕) พูดตามกาลอันสมควร รู้ว่าเมื่อไรควรพูด เมื่อไรควรนิ่ง


    http://palungjit.org/threads/โคนันทิวิสาล.162744/

    .

    โคนันทิวิสาล

    <table align="center" border="0" cellpadding="5"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>
    <table align="center" border="0" width="75%"> <tbody><tr> <td valign="top"> ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วันเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภการพูดเสียดแทงให้เจ็บใจของพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...
    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในสมัยของพระเจ้าคันธาระครองเมืองตักกศิลา แคว้นคันธาระ พระโพธิสัตว์เกิดเป็นโคนามว่า นันทิวิสาล เป็นโคมีรูปร่างสวยงาม มีพละกำลังมาก มีพราหมณ์คนหนึ่งได้เลี้ยงและรักโคนั้นเหมือนลูกชาย โคนั้นคิดจะตอบแทนบุญคุณการเลี้ยงดูของพราหมณ์ในวันหนึ่ง ได้พูดกะพราหมณ์ว่า
    "พ่อ จงไปท้าพนันกับโควินทกเศรษฐีว่า โคของเราสามารถลากเกวียนหนึ่งร้อยเล่ม ที่ผูกติดกันให้เคลื่อนไหวได้ พนันด้วยเงินหนึ่งพันกหาปณะเถิด"

    พราหมณ์ได้ไปที่บ้านเศรษฐีและตกลงกันตามนั้น นัดเดิมพันกันในวันรุ่งขึ้น ในวันเดิมพัน พราหมณ์ได้เทียมโคนันทิวิสาลเข้าที่เกวียนเล่มแรก เพื่อลากเกวียนหนึ่งร้อยเล่มผูกติดกันซึ่งบรรทุกทราย กรวดและหินเต็มลำ แล้วขึ้นไปนั่งบนเกวียน เงื้อปฏักขึ้นพร้อมกับตวาดว่า
    "ไอ้โคโกง โคโง่ เจ้าจงลากเกวียนไปเดี๋ยวนี้"

    ฝ่ายโคนันทิวิสาลเมื่อได้ยินพราหมณ์พูดเช่นนั้น ก็คิดน้อยใจว่า
    "พราหมณ์เรียกเราผู้ไม่โกง ว่าโกง ผู้ไม่โง่ ว่าโง่"

    จึงยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว โควินทกเศรษฐีจึงเรียกให้พราหมณ์นำเงินหนึ่งพันกหาปณะมาให้แล้วกลับบ้านไปฝ่ายพราหมณ์ผู้แพ้พนันเงินหนึ่งพันกหาปณะ ปลดโคแล้วก็เข้าไปนอนเศร้าโศกเสียใจอยู่ในบ้าน ส่วนโคนันทิวิสาลเห็นพราหมณ์เศร้าโศกเสียใจเช่นนั้น จึงเข้าไปปลอบและกล่าวว่า
    "พ่อ ฉันอยู่ในเรือนของท่านตลอดมา เคยทำภาชนะอะไรแตกไหม เคยเหยียบใครๆ เคยถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะในที่อันไม่ควรหรือไม่ เพราะเหตุใด ท่านจึงเรียกเราว่า โคโกง โคโง่ ครั้งนี้เป็นความผิดของท่านเอง ไม่ใช่ความผิดของฉัน บัดนี้ ขอให้ท่านไปเดิมพันกับโควินทกเศรษฐีใหม่ด้วยเงินสองพันกหาปณะ ขออย่างเดียว ท่านอย่าได้เรียกฉันว่า โคโกง โคโง่ ท่านจะได้ทรัพย์ตามที่ท่านปรารถนา ฉันจะไม่ทำให้ท่านเศร้าเสียใจ"

    พราหมณ์ได้ทำตามที่โคนันทิวิสาลบอก ในวันเดิมพัน พราหมณ์จึงพูดหวานว่า
    "นันทิวิสาลลูกรัก เจ้าจงลากเกวียนทั้งร้อยเล่มนี้ไปเถิด"

    โคนันทวิสาลได้ลากเกวียนร้อยเล่มที่ผูกติดกัน ด้วยการออกแรงลากเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทำให้เกวียนเล่มสุดท้ายไปตั้งอยู่ที่เกวียนเล่มแรกอยู่ ทำให้พราหมณ์ชนะพนัน ด้วยเงินสองพันกหาปณะพระพุทธองค์เมื่อนำอดีตนิทานมาสาธกแล้วตรัสว่า
    "ภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่า คำหยาบ ไม่เป็นที่ชอบใจของใครๆ แม้กระทั่งสัตว์เดียรัจฉาน"
    แล้วได้ตรัสพระคาถาว่า
    "บุคคลควรพูดแต่คำที่น่าพอใจเท่านั้น ไม่ควรพูดคำที่ไม่น่าพอใจในกาลใดๆ เมื่อพราหมณ์พูดคำที่น่าพอใจ โคนันทิวิสาลได้ลากสัมภาระอันหนักได้ ทั้งยังทำให้หราหมณ์ผู้นั้นได้ทรัพย์อีกด้วย ส่วนตนเองก็เป็นผู้ปลื้มใจ เพราะการช่วยเหลือนั้นด้วย"

    <table class="Wga_Details" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody> <tr> <td height="21" width="7">[​IMG]</td> <td class="WgaTitle" align="middle">[​IMG]</td> <td class="WgaTitle">นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า</td> <td height="21" width="7">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td class="WgaIconCell" bgcolor="#fcf4b5" valign="bottom">[​IMG]</td> <td class="WgaIconCell" width="20">
    </td> <td class="WgaGradient" rowspan="2" bgcolor="#fcf4b5"> <table border="0" cellpadding="5" width="100%"> <tbody><tr> <td>พูดดีเป็นศรีแก่ปาก พูดมากปากมีสี</td> </tr> </tbody></table> </td> <td bgcolor="#ebcf70" valign="bottom">[​IMG]</td> </tr> </tbody> </table> </td> </tr> <tr> <td>
    [​IMG]
    </td> </tr> </tbody></table>
    <table align="center" border="0" cellpadding="5" width="502"><tbody><tr> <td>
    ที่มา : หนังสือ ชาดกและประวัติพุทธสาวก-พุทธสาวิกา โดย พระมหาสุนทร สุนฺทรธฺมโม <hr align="center" width="200" size="1"> ขุ.ชา.อ.(ไทย) ๓/๑/๓๐๙-๓๑๑
    </td> </tr> <tr> <td> </td></tr></tbody></table>

     
  7. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ไม่ได้เจอข้อความให้กด "F5 หรือ refresh" กันมานาน แสดงว่า กิจการรุ่งเรือง อะไรจะใช้งานหนักกันขนาดน้าน...s6..s6
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    “อายุความ” เรื่องน่าจดจำ /อ้วน อารีวรรณ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>14 ธันวาคม 2553 09:13 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    jatung_32@yahoo.com

    ขอเกาะกระแสความดังจากการตัดสินคดียุบพรรคที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เขียนเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เนื่องจากคำว่า “หมดอายุความ” เป็นคำที่มีความหมายสำคัญมากๆ ควรค่าแก่การจดจำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคุณผู้หญิงทั้งหลายที่คิดจะเป็นโจทก์หรือเป็นผู้เสียหายฟ้องร้องคดีความในศาล แต่พลาดท่าตกม้าตายเพราะคดี “หมดอายุความ” ก็จะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งนัก

    คดีขาดอายุความ คือ กรณีที่คู่กรณีไม่ใช้สิทธิเรียกร้องภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น ย่อมเป็นผลให้คู่กรณีสูญสิ้นสิทธิเรียกร้องต่อกัน เนื่องจากอายุความ คือ การที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อให้คู่กรณีดำเนินการเรียกร้องสิทธิต่อกันภายในกำหนดระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดนั้นเอง

    ในคดีอาญา ถ้ามิได้ฟ้องและไม่ได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาล หรือถ้าได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลแล้ว แต่ผู้กระทำความผิดหลบหนีหรือวิกลจริต และศาลสั่งงดการพิจารณาไว้จนเกินกำหนดดังต่อไปนี้ นับแต่วันกระทำความผิด หรือนับตั้งแต่วันที่หลบหนี หรือวันที่ศาลสั่งงดการพิจารณา ก็ให้ถือว่าเป็นอันขาดอายุความ

    (๑) ยี่สิบปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกยี่สิบปี

    ความผิดที่ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกยี่สิบปี ยกตัวอย่างเช่น ความผิดต่อชีวิตองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรือความผิดต่อความมั่นคงของรัฐทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักร หรือความผิดฐานฆ่าผู้อื่น เป็นต้น

    (๒) สิบห้าปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าเจ็ดปี แต่ยังไม่ถึงยี่สิบปี

    ความผิดที่ต้องระวางโทษจำคุกกว่าเจ็ดปี แต่ยังไม่ถึงยี่สิบปี ยกตัวอย่างเช่น ความผิดฐานปล้นทรัพย์ หรือความผิดฐานชิงทรัพย์ในกรณีพิเศษ หรือชิงทรัพย์ที่เป็นโค กระบือ เครื่องจักร เครื่องกล ของกสิกรรม พระพุทธรูปหรือวัตถุในทางศาสนาที่เป็นสักการบูชาของประชาชน เป็นสมบัติของชาติ เป็นต้น

    (๓) สิบปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าหนึ่งปีถึงเจ็ดปี

    ความผิดที่ต้องระวางโทษจำคุกกว่าหนึ่งปีถึงเจ็ดปี ยกตัวอย่างเช่น ความผิดฐานทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม หรือความผิดฐานกระทำการเหยียดหยามวัตถุหรือสถานที่อันเป็นที่เคารพในทางศาสนา เป็นต้น

    (๔) ห้าปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าหนึ่งเดือนถึงหนึ่งปี

    ความผิดที่ต้องระวางโทษจำคุกกว่าหนึ่งเดือนถึงหนึ่งปี ยกตัวอย่างเช่น ความผิดฐานเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และเกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการชุลมุนต่อสู้นั้นด้วย หรือต้องคำพิพากษาห้ามเข้าเขตกำหนดแต่ยังเข้าไปในเขตกำหนดนั้น เป็นต้น

    (๕) หนึ่งปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งเดือนลงมา หรือต้องระวางโทษอย่างอื่น

    ความผิดที่ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งเดือนลงมา หรือต้องระวางโทษอย่างอื่น ยกตัวอย่างเช่น ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ให้ประชาชนสามารถช่วยเหลือได้ตามที่กฎหมายกำหนด หรือถูกดูหมิ่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา หรือความผิดฐานลหุโทษ เป็นต้น

    และในกรณีที่เป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด เป็นอันคดีขาดอายุความนะคะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ผู้หญิงเรามักจะผิดพลาดกันในเรื่องที่ไปแจ้งความเมื่อคดีขาดอายุความแล้ว อาจเป็นเพราะไม่ทราบว่า ตนเองต้องรีบดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ภายใน 3เดือน เช่น กรณี ถูกข่มขืน ข้อยกเว้นที่จะไม่อยู่ในอายุความ 3 เดือน คือ การถูกข่มขืนต่อธารกำนัล หรือผู้ที่ถูกข่มขืนได้รับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย หรือผู้ที่ถูกข่มขืนเป็นผู้สืบสันดาน เป็นลูกศิษย์ที่อยู่ในความดูแล เป็นผู้ที่อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการหรือผู้อยู่ในความปกครอง ในความพิทักษ์ ในความอนุบาล

    ความผิดอาญา ที่ผู้เสียหายต้องรีบไปแจ้งความร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน เนื่องจากเป็นความผิดอันยอมความได้นั้น นอกจากถูกข่มขืนแล้ว ยังมีการกระทำความผิดอื่นๆ ดังต่อไปนี้

    ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือข่มขืนใจให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการ หรือจำยอมต่อสิ่งใด ด้วยความกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สิน

    ถูกหมิ่นประมาท , ถูกเปิดเผยความลับ , ถูกฉ้อโกงทรัพย์สิน ยกเว้นกรณีฉ้อโกงประชาชน , ถูกยักยอกทรัพย์ , ถูกบุกรุกในเคหสถาน ยกเว้นผู้บุกรุกมีอาวุธ หรือ ร่วมกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือบุกรุกในเวลากลางคืน หรือใช้กำลังประทุษร้าย และถูกทำให้เสียทรัพย์ เป็นต้น

    การกำหนดอายุความไว้เช่นนี้ เนื่องจากเมื่อการกระทำความผิดทางอาญาเกิดขึ้นในสังคม ผลของการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจในชีวิต ทรัพย์สิน หรือความปลอดภัยของตนเอง จนกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำหน้าที่จับตัวผู้กระทำความผิดนั้นมาลงโทษได้

    แต่เมื่อเวลาผ่านไปประชาชนก็อาจจะไม่ได้สนใจติดตามเรื่องราวอย่างต่อเนื่อง การปล่อยให้ระยะเวลาเนิ่นนานออกไปเช่นนี้ ความทรงจำของพยานก็อาจจะเลอะเลือน หรือการหาพยานหลักฐานต่างๆ ก็ยากมากขึ้น เพราะอาจสูญหายไปตามกาลเวลา หรือไม่อาจนำพยานมาสืบคดีได้อีก ยิ่งนานเป็นปีๆ ก็ยิ่งทำให้ไม่มีใครจดจำเหตุการณ์ที่เป็นความผิดได้ โอกาสผิดพลาด หรือเกิดความยุ่งยากในการนำสืบพิสูจน์เรื่องราวต่างๆ ย่อมมากขึ้นเรื่อยๆ

    และการที่ผู้กระทำความผิดหรือจำเลยสามารถหลบลี้หนีหน้าหายตัวไปซ่อนเป็นเวลาปีๆ ยิ่งถ้าเป็นคดีร้ายแรงที่ต้องหลบหนีกันเป็นสิบๆ ปีนั้น ถือว่าช่วงเวลาที่ผู้กระทำความผิดหรือจำเลยต้องหลบลี้หนีหน้าหายไปจากสังคมและญาติมิตรเป็นช่วงที่ทรมานผู้กระทำความผิดหรือจำเลยพอสมควรแล้ว และหากผู้กระทำความผิดหรือจำเลยสามารถหลบหนีได้จนพ้นระยะเวลาอายุความ หรือจนคดีขาดอายุความ ย่อมแสดงว่าผู้กระทำความผิดหรือจำเลยได้ควบคุมตนเองได้ดีจนไม่มีการกระทำผิดซ้ำอีก การลงโทษผู้กระทำความผิดหรือตัวจำเลยที่หลบหนีจนคดีขาดอายุความจึงไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอีกต่อไป

    ซึ่งเรื่องนี้มีแนวคิดหรือหลักการมาจากเรื่อง “กฎแห่งการลืม” อันเป็นแนวคิดทฤษฎีทางกฎหมายอาญาจากต่างประเทศ ที่ถือว่าการกระทำความผิดอาญาเป็นการรบกวนความสงบสุขหรือความเรียบร้อยของสังคมประเทศชาติ แต่เมื่อเวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว สังคม ประชาชนหรือผู้ถูกกระทำความผิดได้ลืมเลือนเรื่องราวที่กระทบถึงตนเองไปมากแล้ว จึงสมควรที่จะให้อภัยผู้ที่กระทำความผิดหรือตัวจำเลยได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากช่วงเวลาที่ผู้กระทำความผิดหลบหนีจนคดีหมดอายุความแล้วนั้น ถือว่าเขาได้รับการลงโทษที่พอสมควรแล้วนั้นเอง

    แต่ในมุมมองของดิฉันเอง คดีอันยอมความได้ ซึ่งมีอายุความเพียงแค่ 3 เดือน ไม่สมควรใช้แนวคิด หรือหลักการ “กฎแห่งการลืม” นี้เลย โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเนื้อตัวร่างกายของผู้เสียหาย โดยเฉพาะการถูกข่มขืน เพราะสตรีที่เป็นผู้เสียหายกว่าจะเอาชนะความหวาดกลัวในตัวผู้กระทำความผิด รวมถึงเอาชนะความอับอายที่ต้องเปิดเผยเรื่องราวเช่นนี้ และกล้าลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตนเองอาจต้องใช้เวลาและความเข้มแข็งอย่างมาก

    ดิฉันมีโอกาสพูดคุยกับผู้หญิงหลายคนที่ถูกกระทำดังกล่าว เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์ฝันร้ายเช่นนี้ไปตลอดชีวิต ด้วยสภาพความบอบช้ำทั้งทางร่างกายและจิตใจ และไม่สามารถเอาผิดผู้ชายที่กระทำความผิดเช่นนี้ได้ อันเนื่องมาจากคดีหมดอายุความแล้ว

    ดังนั้นช่วงเวลาเพียงแค่ 3 เดือนจึงสั้นเกินไปที่จะให้ผู้เสียหายทำใจให้อภัยผู้กระทำความผิด และมีแต่จะยิ่งส่งเสริมให้ผู้กระทำความผิดลำพองใจ ก่อเหตุกระทำความผิดซ้ำได้โดยง่าย ไม่ยำเกรงกฎหมายมากขึ้น

    และดิฉันขอยืนยันว่า พวกเราเป็นเพศที่ลืมยากค่ะ !!!


    http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9530000175408

    .



    .
     
  9. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ขอบคุณมากครับที่เตือน
    ผมไประหว่าง 25-30 ครับ
    จะกลับมา count down ที่บ้านหลังน้อย และคาดว่าจะเป็นไปตามนั้น หุหุ
     
  10. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ครับผม ช่วงมกราคมปีหน้า งานช้างของผมจ่อคิวอยู่หลายคิวมากๆ เพราะต้องเปลี่ยน/ทดสอบระบบสำรองข้อมูล เปลี่ยนอุปกรณ์ระบบเครือข่าย ระบบ Firewall ใหม่หมด เนื่องจากเปลี่ยน ISP เป็น CAT จากเดิมเป็น KSC+UIH ซึ่งแพงกว่าเกือบเท่าตัว แต่ down time น้อยและบริการดี - ก็จำต้องเลือกถูกไว้ก่อนครับ เผื่อเหลือเงินไว้ขึ้นเงินเดือนมั่ง หุหุ
     
  11. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    2,000 กว่าหน้านี่ก็อาจมีผลให้ระบบรวนได้นะครับ ผมเองจำต้องทำสำเนากระทู้ที่ผม post /มีรูปภาพ เอาไปแปะไว้ที่อื่นด้วย กันเหนียว หุหุ

    ที่สำคัญคือไวรัสคอมฯ : เมื่อวานน้อง IT ใน office โทรมาบอกให้ระวังไวรัสชนิดใหม่มันกิน registry appl. ของ windows 7 หมด ขนาด software ที่ลงไว้มี license กลับกลายเป็นของเทียมเสียนี่ ทั้งๆที่เดิมทีน้องเคยบอกว่าปลอดภัยจากไวรัส ผมคล้อยตามจึงทดลองลงแบบ version สูงสุด ใช้ได้ 4 วัน จำต้องถอยกลับมาใช้ windows xp เหมือนเดิม แต่ win'7 ทำสถิติชนะ win'vista ได้ 1 วัน ครับ (vista ผมใช้ได้ 3 วัน ถอยกลับมาเป็น xp เหมือนเดิม หุหุ)

    นานาจิตตังครับ
     
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    น่าอิจฉาครับ ผมว่าสงสัยได้นอน count ดาว มากกว่า ฟ้ามืดอย่างนั้น คงเห็นดาวระยิบระยับชัดแจ๋ว หากบ้านน้อง psombat ขนาดนั้น ยังว่าบ้านหลังน้อย นี่ผมกระต๊อบไปเลยนะ..s6..s6
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  14. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ขอบคุณครับท่านพี่ ...
    บ้านน้อย ทำให้รู้สึกอบอุ่นดีครับ
    บ้านใหญ่ ยังไม่คุ้นกับคำคำนี้ ต้องใช้เวลาสักพัก -> นาน
    แม้กระทั่งคำว่าพ่อเลี้ยงที่ชาวบ้านเขาเรียกก็เหอะ หุหุ ...
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมว่าจะปรึกษากับพี่เปี๊ยก , น้องปฐม , คุณธวัช และพี่ประทีปว่า จะร่วมกันถวายพระบูชา หน้าตัก 9 นิ้ว ถวายทางภาคอีสาน และ พระบูชา 3 องค์ (3 สมัย) ซึ่งจารทั้งองค์ หน้าตัก 5 นิ้ว ถวายที่จังหวัดสตูล

    โดยถวายในนามของ พี่เปี๊ยก , น้องปฐม , คุณธวัช , พี่ประทีป และผม

    ความคืบหน้าจะมาแจ้งให้ทราบกันอีกครั้งครับ


    .
     
  16. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    หากมีบุญวาสนาร่วมกันคงได้เจอสักวัน
    ขนาดผมไปใกล้แค่ปลายจมูก ยังไม่มีบุญได้พบท่านปฐมเลย หุหุ
    ไม่รู้ว่าคราวนี้จะได้เจอเปล่า?
     
  17. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เมื่อวานซืนผบ.ทบ.ผมไปทำบุญที่ศาลวังหน้า ได้พบผู้ดูแลศาล ได้กล่าวอนุโมทนาที่ผมได้นำพระวังหน้าส่วนหนึ่งไปช่วยสร้างศาลาไม้ และที่กันฝน ถือว่าของๆท่านก็คืนให้ท่าน ทำประโยชน์กับสถานที่ของกรมพระราชวังบวรฯทุกๆพระองค์รวม ๕ พระองค์ ผู้ดูแลก็กล่าวว่าแปลกมากเมื่อสร้างเสร็จ กลับไม่ค่อยมีผู้มาสอบถามถึงพระพิมพ์ ทั้งที่ว่าก่อนหน้านั้นมีผู้สนใจสอบถามเช่าหาบูชาจนการก่อสร้างแล้วเสร็จ เหมือนกับว่า จบกิจเท่าไหร่ก็เท่านั้น ได้ปัจจัยรวม ๓๐,๐๐๐กว่าบาท และรวมกับปัจจัยของนายทหารชั้นผู้ใหญ่อีกท่าน ๑๐,๐๐๐ บาท รวม ๔๐,๐๐๐ กว่าบาทครับ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2010
  18. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    โมทนาสาธุล่วงหน้าครับ
     
  19. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    [​IMG]

    สิ่งที่ผมมองเห็นกับความรู้สึกตั้งแต่แรกที่ได้อ่าน post นี้เมื่อปีก่อนของพี่เพชรนะครับ : รูปภาพและสถานที่แห่งนี้ เป็นอีกหนึ่งแห่งที่เป็นการการันตีว่าหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดรมีจริง และมีความสัมพันธ์กันฉันศิษย์-พระอาจารย์กับหลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ

    โมทนาสาธุและขอกราบบูชาคุณครูบาอาจารย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2010
  20. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    พูดถึง count down แล้ว นึกถึงวัน count down 2009 ที่คุณหนุ่มได้รับ message จากพระอาจารย์ หรือท่านผู้หนึ่งให้ทำสมาธิรับกระแสพลังจากสามเหลี่ยมเมอร์บิวด้าในช่วงรอยต่อกาลเวลา เมื่อออกจากสมาธิได้รับทราบข่าวไฟไหม้ซานติก้าผับ ผมและผบ.ทบ.รู้สึกถึงพลังหมุนรุนแรงที่ใจกลางฝ่ามือจริงๆครับ ไม่ทราบว่าปีนี้จะมี message แบบนี้อีกหรือไม่ ยังไงวานช่วยส่งข่าวทีนะครับ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...