ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 8 พฤษภาคม 2010.

  1. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..................................................
    ..ยินดี..ไม่มีปัญหา..SAVEได้เลย..ครับ..ไม่มีลิขสิทธิ์...รวมทั้งรูปที่ผมถ่ายของผมเองด้วย..ถ้าเป็นประโยชน์เอาไปใช้อ้างอิงได้เลย...ส่วนเรื่อง..พลังจิต..ผมเคยเขียนไปแล้วนะ..ที่เป็นเรื่องเกิดกับตัวผมเอง..แต่จำไม่ได้..ว่าอยู่..หน้าไหน...ยังไง..ก็ถ้าคิดออกเดี๋ยว..อาจมีเพิ่มเติมให้..พลังจิตของผม..เองปัจจุบัน..มีไว้แค่ขู่หมา..กับเด็กๆเท่านั้นครับ............
     
  2. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ขอขอบคุณ..ทุกๆท่านที่
    Post มาให้กำลังใจ..ชม..และติดตาม..
    ......................................................สวัสดีทุกท่าน.........................................................
    ........กุรข่า..นักรบเลือดดุ..............................................................................................
    ........................................ผมว่าหลายท่าน..คงเคยดู..ภาพยนต์เรื่อง 300..ที่เข้ามาฉายเมื่อ
    สอง สามปีก่อน..ซึ่งเป็นหนังทำเงิน..แบบ..ถล่มทลาย..เป็นการต่อสู้ของ..ลีโอไนดาส...กษัตริย์
    สปาร์ต้า..กับ..ทหารคู่ใจ ๓๐๐ คน..ต่อสู้กับ..ทหารเปอร์เซีย..ร่วมหมื่น..นี่เป็นเรื่องจริงในประวัติ
    ศาสตร์โลก..เช่นกัน..ตอนจบ..ก็เศร้ากันตามระเบียบ..นี่ยังดีกว่า..ของพวกกุรข่า..คือ..เป็นลูก
    ธนู..หอก..ดาบ..ไม่มีปืน...แต่กุรข่านี่..เจอ..ปืนเต็มๆ..ทั้งปืนยาว..ปืนพก(นายทหาร)..ปืนใหญ่
    ............ก็นึกสภาพเอาแล้วกันว่า.......สภาพ..จะ..เป็นยังไง........................................
    ....................................แต่..เผ่าพันธุ์..กุรข่า..ไม่ใช่ธรรมดาเหมือนทั่วไป..นอกจากปอดใหญ่
    โดยธรรมชาติ(อยู่อาศัยในที่สูง..ระดับ ๓,๐๐๐ เมตรจากระดับน้ำทะเลขึ้นไป..ชีวิตตั้งแต่เด็ก..
    ขึ้นเขาลงเขา..ตลอดเวลา..โดยที่ต้องแบกของไปด้วย..ทำให้ร่างกายแข็งแรงมาก..แต่แค่นั้นไม่
    พอ..ไอ้ที่สำคัญคือใจของพวกเขายิ่งกว่าเพชร..ไม่มีย่อท้อและห้าวหาญ..เรียกว่ามากับGENE
    เลย..)..ไอ้ลูกปืนธรรมดา..ที่ไม่เข้าจุดตาย..หยุดกุรข่าไม่ได้..เรียกว่าวิ่งไปกิน..กระสุนไป ๓-๔
    ลูก..ก็ยังวิ่งแหกปากไปฟันคอ..ทหารอังกฤษ..และทหารแขกอินเดียได้...ยกเว้นพวกกระสุน..
    เจาะเข้ากระโหลก..หรือ..หัวใจไปเลย..กับที่โดนลูกปืนใหญ่..เละ..และ..ขาด..............
    ..................ไอ้ที่ตายก็ตายไป..ช่วยบังได้ด้วย..ไอ้ที่เหลือ..ไม่ถึงตายแค่ ๓-๔ ลูกก็วิ่งต่อไปจน
    ถึงแนวยิง..ของอังกฤษจนได้..แล้วสงครามละเลงเลือด..ก็เปิดฉาก..เพราะกุรข่าทุกคนยอมตายอยู่แล้ว..ก็เข้าตลุมบอนกันทันที..อังกฤษ..พอถึงช่วงตลุมบอน..ก็เสียเปรียบ..แต่ก็ยังมีแนวยิง
    หลัง..คอยช่วย..สอย..กุรข่า..เมื่อได้โอกาศ..BhaKti..เอง..ก็ไม่รอด..เพราะอายุ ๗๔ ปี..วิ่งมา
    เอาคูครี..เฉาะกบาล..ทหารอังกฤษ..ได้..ก็เรียกว่าสุดยอดแล้ว..กุรข่าทุกคนที่ยังยืนได้..ก็ฟาด
    ฟันทหารอังกฤษ..ไม่เลี้ยง...และแล้ว..ฉากสุดท้าย..ก็มาถึง..คือ..ไม่มีกุรข่าคนใด..เหลือยืนขึ้น
    ได้..แต่ที่เหลือเชื่อ..ก็คือ..ยอดการเสียชีวิต..นั้น..อังกฤษ..ตาย ๓๘๔ ..กุรข่า..ตาย ๓๙๐...
    ..ท่านทั้งหลายลองคิดเอา..ฝ่ายหนึ่ง..ไม่มีอาวุธระยะไกล..จะฆ่าได้ต้องประชิดตัวอย่างเดียว..
    ...ก่อนทีจะเข้ามาประชิดตัวได้..ก็คงตายเลยครึ่งของทั้งหมดไปแล้ว...แต่ก็ยังสร้างผลงานได้
    ขนาดนี้.............กองทหารอังกฤษ..จัดกองเกียรติยศเต็มรูปแบบ..นำศพขุนพลเฒ่า Bhakti
    Thappa ห่ออย่างดี..และแบกขึ้นบ่า..เดินแถว..นำศพไปส่งที่ป้อมMaluan..ให้กับ AmarSingh
    Thappa..พร้อมทำการเคารพศพ..ให้เกียรติเยี่ยงวีรบุรุษ......ตั้งแต่นั้นชื่อของ Bhakti Thappa
    ...ก็ได้รับเกียรติ..เป็น..วีรบุรุษของประเทศเนปาล..และ..ชาวกุรข่าทุกคน..ดังที่ผมเอาแสตมป์
    ที่มีรูปท่านอยู่ในนั้น...มาpostไว้คราวที่แล้ว
    “...นรชาด-ติ-วางวาย..มลายสิ้นทั้งอินทรีย์..สถิตทั่วแต่ชั่วดี..ประดับไว้ในโลกา...........”
    ....................................................ต่อตอนหน้าครับ......................................................


    [​IMG]

    .................................................................................................................................
    ..............................................ขุนแผน VS ขุนแผน.......................................................
    .........อย่างหนึ่ง..ที่ผมต้องทำความเข้าใจกับท่านทั้งหลาย...ที่ส่วนใหญ่จะไม่ทราบ..เพราะการ
    เล่าของผม..เวลาที่ท่านเอาไปคิดประกอบด้วยจะไม่หลงทาง.........................
    ...................ตั้งแต่สมัยโบราณ..มา..จน..ถึง..อยุธยา..การทำพระพิมพ์(หรือ..พระเครื่องที่เรา
    รู้จักกัน)..เจตนา..ทำเพื่ออุทิศบุญกุศล..เพื่อสืบต่ออายุศาสนา..ให้มีต่อไปในภายภาคหน้า...
    ..การปลุกเสกพระไว้ให้มีพุทธคุณ...ต่างๆ..ก็เพื่อวันหนึ่ง..เมื่อศาสนาเสื่อมลง..หรือ..เกิดภัย..
    ถูกรุกราน..เมื่อหาที่พึ่งไม่ได้..ก็จะได้อาศัย..พระต่างๆที่ถูกบรรจุกรุไว้..นำเอาออกมาเป็นเครื่อง
    ยึดถือนึกถึง..พระรัตนตรัย..และนำไว้เพื่อปกป้อง..พุทธศาสนิกชน..ที่เดือดร้อน.งและขาดที่พึ่ง
    .........ฉะนั้น..การทำพระพิมพ์..จะถูก..นำไปบรรจุ..ลงในกรุ..ตามเจดีย์..แต่ละแห่งที่มีการจัด
    สร้างนั้นๆ..จนหมด..จะไม่แบ่งเอามาให้ผู้คนไว้ติดกาย..อย่างปัจจุบัน...ถามว่า..แล้วคนโบราณ
    ใช้อะไร..เป็นวัตถุมงคล..ป้องกันภัยอันตราย.......ก็เครื่องราง..ของขลัง..ทั้งหลายไงครับ...
    ซึ่งมีทั้ง..อยู่ติดตัวไปเลย..หรือ..เอามาคาด..มาติดไว้กับตัว........ของที่..ติดกายเลย..ก็คือ..
    .การสัก..ยันต์...และ..คาถาต่างๆ.....การฝังตะกรุด...ถ้าจะเป็นส่วนมหานิยม..ก็เช่น..นะหน้าทอง
    ....แต่ถ้าเป็นภายนอก..ก็..ตะกรุด..ลูกอม..เบี้ยแก้..ผ้ายันต์..พิรอดนิ้ว..พิรอดแขน..มงคลสวม
    หัว...ฯลฯ...อย่างมหานิยม..แท้..ก็พวกแป้งผัดหน้า..ก็อะไรทำนองนี้แหละครับ..อย่าเอาแบบ
    ในหนัง..ในละคร..มาเทียบเพราะ..ตอ___แทบทั้งนั้น..ไม่มีครับ..ไม่ว่า..ทหาร..นักรบ..ชาวบ้าน
    กษัตริย์.....ขุนนาง............
    ........................ดังนั้น..พระขุนแผนเคลือบ..หรือ..พระขุนแผนวัดบ้านกร่าง..ในสมัยอยุธยา..
    ก็ไม่ได้เล็ดลอด..ออกมาให้คนใช้กัน...............
    ...................แต่การที่พบ..ขุนแผนเคลือบกรุวัดใหญ่ฯ..จำนวนหนึ่ง..ในกรุวัดเชิงท่า(ปากเกร็ด
    นนทบุรี)นั้น..เป็นการย้ายกรุ..อย่างชัดเจน..เพราะเมื่อกรมศิลปกร..ทำการเปิดกรุนี้..ก็พบพระ
    เป็น..จำนวนมาก..พระบูชาขนาดใหญ่หลายปาง..ทั้งนั่งทั้งยืน..คนละยุค..คนละสมัย..พระพิมพ์
    พระเครื่อง..เช่นเดียวกันคือ..หลายยุค..หลายสมัย..และมาจาก..หลายกรุ(พิสูจน์ได้..เพราะ
    เหมือนกันเลย..เช่น..จากกรุวัดราชบูรณะ..พวกพระชินเงิน..และ..พระขุนแผนเคลือบ..จากกรุ
    วัดใหญ่ฯ...เป็นต้น)..ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นการโยกย้าย..โดยขุนนาง..หรือทางกษัตริย์เอง..ตั้ง
    แต่..พระเจ้าอลองพญา..มาบุกก็เป็น..ไปได้.........................................
    ..................................สว่นที่ไปพบอีกแห่ง..ก็เป็นไปได้จาก..สาเหตุ..การขุดหาสมบัติหลัง
    กรุงแตก..นั่นแหละครับ..เอาแต่ทอง..แต่พระคุ้ยออกมาด้วย..เหล่าพระกรุ..บางส่วน..มีคนเก็บ
    ไป...แล้วบังเอิญพกไปได้ประสพการณ์..ก็เลย..ในยุครัตนโกสินทร์จึงเริ่ม..มีการพกพระเครื่อง
    กันบ้าง..แม้วัดใหญ่ชัยมงคลเอง..ก็โดนเจาะ..ฉะนั้น..ก็เลยได้ไปเจอ..พระขุนแผนเคลือบ..จำ
    นวนไม่กี่องค์..ที่ไปฝากกรุไว้ด้วย....
    ......................................................ต่อตอนหน้าครับ.................................................

    ............................................................สวัสดี...........................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. herun

    herun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +1,052
    สวัสดีตอนดึกครับคุณmodpongไปลอยกระทงมาแล้วหรือครับ ผมติดตามอ่านทุกวัน
     
  4. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ....................................................
    ..อ๋อ..ไม่หรอกครับ..ผมไปเที่ยว..ลอยกระทง..ปีสุดท้าย..คือ..ปี๒๕๒๐..ปีที่มีการจัดงานเผาเทียนเล่นไฟเป็น..ครั้งแรก..ที่สุโขทัย..ตอนนั้นพอดี..ทำงานอยู่ที่อำเภอตรอน..อุตรดิตถ์..ไม่ไกลมาก..อยากรู้ว่าเป็นยังไง..ก็เลยไปที่สุโขทัย..ตั้งแต่บัดนั้น..จนบัดนี้..๓๓ ปี..ผมไม่เคยลอยกระทง..หรือ..ไปเที่ยวงานลอยกระทงอีกเลยครับ.............
     
  5. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,498
    ค่าพลัง:
    +19,462
    ขอยกย่อง ผู้ที่เสียสละชีพ เผื่อถิ่นกำเนิดทุกๆท่านเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ คุณ ลุง ขอบคุณค่ะ
     
  6. คนบ้านสะแก

    คนบ้านสะแก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +432
    สวัสดีครับพี่

    วันนี้ต้องออกต่างจังหวัด คงไม่ได้อ่านกระทู้หลายวัน

    คุยกันเล่นๆนะครับ ผมเคยคิดว่า

    ถ้า "พระขุนแผนเคลือบ กรุวัดใหญ่ชัยมงคล" นั้น
    ถ้าชื่อพระเครื่องนี้ ไม่ได้ขึ้นต้นว่า "พระขุนแผน" แต่เป็นชื่ออื่น เช่น
    "พระชัยมงคล" "พระซุ้มเรือนแก้วเคลือบ" หรืออื่นๆ
    อะไรจะเกิดขึ้น จะยิ่งใหญ่เกรียงไกรแค่ไหน พระเครื่องพิมพ์นี้
    ผมว่าเป็นพระเครื่องที่งดงาม ยิ่งนักอันนี้ผมคิดเล่นๆน่ะครับ

    เรื่องกล้องส่องพระ ที่พี่เขียนถึง ทำให้ผมมีเรื่องขำๆอยู่เรื่อง เกี่ยวกับตัวเอง
    คือนานมาแล้ว ผมได้ไปเรียนเรื่อง การวิเคราะห์อัญมณีและเพชร ที่นั่นมีเครื่องมือ
    อยู่ตัวหนึ่ง เป็นกล้องเหมือนกล้องจุลทัศน์ คือกล้องสองตา ปรับขยายได้ตั้งแต่สิบเท่า
    ถึงแปดสิบเท่า ปรับซูมไล่ได้ตั้งแต่หน้าพลอยลงไปยังใต้ท้องพลอยได้เลย

    ตอนเรียนผมเกิดไอเดีย ลองเอาพระมาส่อง ....พี่เอ๊ย มันส์อย่าบอกใครเลย โดยเฉพาะ
    พระกรุ พระเนื้อผงนี่ สุดยอด เรียนจบผมซื้อมาตัว ตอนนี้อยู่ในห้องพระ 5555

    ลอยกระทงนี่อีก สมัยเด็กๆเป็นประเพณีที่ผมชอบที่สุด พระจันทร์สว่างสวย เย็นสบาย
    ทำกระทงด้วยไม้โสน บางปีขี้เกียจก็ กาบมะพร้าวนี่แหละ แต่เวลาเปลี่ยน สิ่งต่างๆก็เปลี่ยน
    ไป ผมลอยกระทงครั้งสุดท้ายเมื่อไร ผมจำไม่ได้แล้ว

    แต่ผมจำได้ ตอนผมมีลูกอ่อน คืนวันลอยกระทง ผมก็เอาลูกมานอนคว่ำไว้บนอก
    มันก็จุดประทัดกันไม่เลิกสักที ลูกผมก็นอนผวา...สรุปว่าคืนนั้น ผม แก็ป แตก 55555

    ไปละพี่ ทำงาน
     
  7. กำธร นครปฐม

    กำธร นครปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,756
    ค่าพลัง:
    +7,205
    ไม่สนุกหรือครับพี่ ผมเองเกิดมายังไม่เคยลอยกระทง พอมีครอบครัว คนแก่ที่บ้านชวนไปลอยกระทาง ก็เลยไปกับเค้า ยิ่งตอนหลังมีลูก เจ้าตัวเล็กบอกว่าอยากไปดูพลุไฟ และไปลอยกระทง ก็เลยต้องพาไป ครับ
     
  8. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ................................................
    อย่างว่า..พระขุนแผนสุพรรณ..มากกว่า..คนเอามาใช้ก่อน..ดังกว่า..ของคล้ายกัน..ก็เลยถูกมาเอาชื่อของดังมาอิง..
    ..เสียเอกลักษณ์..ทั้งๆที่เป็นของต้นแบบ(ต้องตามตอนหน้าครับ).................
    ..เรื่องกล้องนี่..จริงๆยิ่งขยายเท่าไหร่..ยิ่งดีครับ..เพราะไม่แค่..แยกจริง..ปลอม..พระเนื้อผง..เนื้อดิน..เท่านั้น..คราบกรุ..ไข..สนิม..แยกได้หมด....ยิ่งเหรียญนี่ขนมเลย....เพราะคุณหาตำหนิเซียนของคุณได้เอง..อีก..เยอะ..แถม..พระสึกหมด..ก็ไม่มีปัญหา..ส่องเนื้อโลหะเลย..เพราะมันไม่มีทาง..ที่เปอร์เซนต์ส่วนผสม..โลหะ..แต่ละชนิด..ของๆปลอม..จะเหมือนของจริง..แค่คล้าย..กล้องธรรมดาดูไม่ออก..ผมเคยเอา๖๐x..ส่องเห็นได้เลย..เกล็ดโลหะ..ความกลมกลืน..แยกได้..แต่ผมไม่ได้แนะนำ..เพราะมันเหมาะกับที่บ้าน..พกพาไม่สะดวก..แล้วมันจะต้องพึ่งไฟของมันเอง...สู้พวก ๓๐x..นี่ไม่ได้ก็เหมือนกล้องทั่วไป..พกง่าย..ไปไหนพก ๒ กล้อง..๑๐X อันนึง..๓๐Xอันนึง..สบาย...
    ............บรรยากาศริมน้ำสมัยก่อนสมัยนี้..มันต่างกันเยอะครับ..ต้นไม้ครึ้ม..บ้านไม้ทรงไทย..เรือแพ..เด็กๆแก้ผ้า..ตีลังกาโดดน้ำ..กันเป็นฝูง..เกาะเรือโยงไป-มา..นั่งริมน้ำมองพระจันทร์เต็มดวง..ทรงกลดนิดๆ..มันช่างน่าอภิรมย์จริงๆ..
     
  9. Krungchai

    Krungchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +115
    “...นรชาด-ติ-วางวาย..มลายสิ้นทั้งอินทรีย์..สถิตทั่วแต่ชั่วดี..ประดับไว้ในโลกา...........”
    ขอสดุดี แด่วีรกรรม ของวีรชนผู้กล้า /อ่านแล้วได้ความรู้ดีๆครับ ขอบคุณครับ
     
  10. เฉียวฟง

    เฉียวฟง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +4,913
    สวัสดีครับคุณอา และ ทุกๆท่านครับ
     
  11. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
     
  12. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ขอขอบคุณ..ทุกๆท่านที่
    Post มาให้กำลังใจ..ชม..และติดตาม..
    ..........................................................สวัสดีทุกท่าน...................................................
    ...........กุรข่า..นักรบเลือดดุ.........................................................................................
    ..............................................หลังจากการยุทธ..ครั้งนั้น..ทางAMAR ผบ.สูงสุดกุรข่า..ก็
    ยังยึดที่มั่นที่ป้อมMaluan..อยู่..ขณะเดียวกัน..ทางฝ่ายทหารคงได้..ปรึกษากับ Lord Hasting
    ...เรื่องการยึด..ประเทศเนปาล..คงยาก..เพราะที่ผ่านมา..ทหารอังกฤษ..ก็..เสียชีวิตมากมาย..
    ..เพราะ..ความกล้าหาญ..และ..ฝีมือของกุรข่า..และพวกนี้..ก็ยอมตายเพื่อ..รักษาแผ่นดินแน่
    ..อังกฤษ..จะต้องสูญเสียทั้งอาวุธเสบียง..และชีวิตทหาร..เยอะแน่..ทางอินเดีย..หลายแคว้นเอง
    ..ก็ใช่จะสงบ..ถ้าระดมทหารเพิ่ม..เข้าไปที่เนปาลเรื่อยๆ..ต้องมีปัญหาที่อินเดียแน่..
    ................ดังนั้น..อังกฤษจึงเปิดเจรจากันใหม่...ซึ่งเวลานั้น..ทางเนปาล..ก็ย่ำแย่แล้ว..ทาง
    เศรษฐกิจ..จากการปิดล้อม..รู้ว่า..อังกฤษ..ก็คงไม่ถอย..อยู่อย่างนั้น..เนปาล..ก็รอวันตายเท่านั้น
    เอง....ผลการเจรจา..ก็ตกลงกันได้..แบบที่..เนปาล..ต้องเสียดินแดนบางส่วนไป..แต่เนปาลก็..
    เรีนกร้องเรื่อง..ภาษี..ที่เนปาล..ควรจะเก็บได้จากพื้นที่เหล่านั้นแต่ละปี..ก็ตกลงกันได้......
    ...........แต่AMAR SINGH THAPPA..พอรู้ว่ามีการตกลงกัน..ก็แค้นพวกบริหารมาก..เดินทาง
    ไปต่อว่า..ว่าพวกกุรข่า..ไม่ได้ยอมแพ้..และพวกเขาก็ยังยึดพื้นที่..หรือ..ป้อมไว้ได้อยู่..แต่จากข้อตกลง..ทหารกุรข่า..ก็..ต้องถอน..จากดินแดนที่จะต้องยกให้อังกฤษ..ทำให้AMar ทำหนังสือ
    ประท้วง..แต่..ก็ถูกปฏิเสธ.....................................................
    ...............ครับ..หลังจากสัญญาฯ..มีผลข้อบังคับแล้ว...ทาง..ผบ.สูงสุดของอังกฤษ..ในอินเดีย
    ..ได้ติดต่อทางรัฐบาลเนปาล..เรื่องการว่าจ้าง..นักรบกุรข่า..เพื่อ..ไปเป็นทหาร..โดยมีหน่วยของ
    ตัวเอง..แต่เป็นส่วนหนึ่งของ..กองทัพอังกฤษ ..เพราะหลังจากการรบ..สิ้นสุดลง..เหล่าบรรดา
    นายพล..และ..นายทหารชั้นสูง..ซึ่งชื่นชม..และ..นับถือ..ในความเก่งกาจ..และกล้าหาญ..ของ
    กุรข่า..ได้ไปปรึกษาว่า..จากเหตุผลดังกล่าวควรจะจ้างนักรบกุรข่าไว้ให้รบในนามของ..อังกฤษ
    ......ตั้งแต่นั้น..กรมทหารปืนยาวกุรข่า..จำนวน..หลายกรม..ก็ได้..อุบัติขึ้น..ในกองทัพบก...
    อังกฤษ..ตั้งแต่ปี คศ.๑๘๑๗.............แล้ว..โลกก็ได้..รับรู้เผ่าพันธ์นักรบ..หน้าเด๋อ..ตัวเล็ก...
    ...แต่มีความดุดัน..แตกต่างกับหน้าตา..ความอดทน..เป็นเลิศ..ความห้าวหาญที่ล้ำเลิศ..เหนือ
    เผ่าพันธ์อื่น..พวกเขาไปประจำการ..และทำการรบ..ในทุกพื้นที่..ในโลก..และเป็นหน่วยที่สร้าง
    ความภาคภูมิใจ..ที่สุด..ของกองทัพบกอังฤษ.......ตลอดกาล....แล้วผมจะมาเล่าต่อว่า...
    ทำไม....ถึงเป็นเช่นนั้น......................................................................................
    ..............ต่อตอนหน้า.............................
    ................................................................................................................................
    ................................................................................................................................
    .............................................ขุนแผน VS ขุนแผน........................................................
    ............ผมได้กล่าว..เรื่องไม่มี..พระเครื่อง..หรือ..พระพิมพ์ที่สร้างขึ้น..มาพก..หรือ..มาใช้..
    ..มีแต่บรรจุลงกรุ..อย่างเดียว...ไปแล้ว...แล้วขุนแผนวัดบ้านกร่างมาได้ยังไง..เมื่อคิดว่าใช้รูป
    แบบของขุนแผนเคลือบ...ก็ทำนองเดียวกับที่..ผมเคยเล่าเรื่อง..พระรอดหนองมน..มาได้ยังไง
    ได้นั่นแหละครับ...ยิ่งง่ายใหญ่..คนอยุธยาเอง...เนื่องจากเป็นเมืองหลวง..คนมีฝีมือ..จากเมือง
    ใกล้เคียง..ก็ย่อมอยากมาหาอนาคต..ที่นี่เช่นกัน..โดยเฉพาะ..งานช่างฝีมือ..มีโอกาศได้สร้าง
    งานมากกว่า..ฉะนั้นไม่แปลกที่..ช่างทั้งหลาย..จะมาจากหลากหลายที่...อ่างทอง..เมืองกาญจน์
    ..เมืองสิงห์..ลพบุรี..สุพรรณ..หรือ..แม้จะไม่มีเชื้อสายจากสุพรรณโดยตรง..แต่บ้านเมีย..อาจจะ
    อยู่สุพรรณก็ได้..คนไทย..ให้ความสำคัญกับ..พ่อตา..แม่ยาย..เทียบเท่า..พ่อแม่ตัวเอง..อยู่แล้ว
    .............ฉะนั้น...ไม่ว่ากรณีใด..ถ้ามีบ้านเดิม..เป็น..สุพรรณ..หรือ..บ้านเมีย..อยู่สุพรรณ..ก็มี
    ความผูกพัน..กับสุพรรณได้..แล้ว..ถ้า..ช่างคนนี้..ได้มีโอกาศได้ไป..ร่วมในการแกะพิมพ์..หรือ
    พิมพ์..หรือ..ส่วนใดในการสร้าง..พระขุนแผนเคลือบ..ด้วยความสวยงาม..ก็ย่อมสร้างความประ
    ทับใจกับตัวเอง...เมื่อมีโอกาศได้ไปมีส่วนร่วม(เนื่องจาก..เป็นช่างหลวง..ย่อมได้รับเกียรติ)..ใน
    การสร้างพระ..ที่สุพรรณ..ก็มีความเป็นไปได้สูง..ที่นำเอาความประทับใจนั้น..ไปสร้างสรรค์..ทั้ง
    ที่มี..รูปแบบที่เหมือน(แต่จะเหมือนทุกอย่างทั้ง..เนื้อ..หรือ..การเคลือบ..ไม่ได้..เพราะคนโบราณ
    เขาถือ..แม้ในปัจจุบัน..ก็เช่นเดียวกัน..เพราะเป็นของสูง..นรกจะกินหัว)..รูปแบบที่ดัดแปลง..
    (พิมพ์สมาธิ..เถาวัลย์เลื้อย..พลายเดี่ยว..พลายคู่)...การสร้างรูปแบบ..ก็สามารถ..คิดดัดแปลง
    ได้เอง..เพราะเป็นงานระดับชาวบ้าน...(วัดบ้านกร่าง..ไม่ได้อยู่ในเมือง..และเป็นวัดราษฎร์..ไม่
    ใช่วัดหลวง)..........
    ...................................ถ้ามองทางกลับ..มาดูว่าโอกาศ..เป็นไปได้..แค่ไหนถ้า..พระขุนแผน
    วัดบ้านกร่างเกิดก่อน...................................
    ๑. การที่พระพิมพ์..ที่บรรจุ..ในกรุวัดบ้านกร่าง..มีหลากหลาย..พิมพ์มากกว่า..ตัว
    ช่างเอง..ก็คงมีความลำบาก..ในการคัดเลือก..ว่าจะเอาแบบไหน..ไปเป็นต้นแบบของขุนแผน
    เคลือบ..เมื่อเทียบ..กับ..ของวัดใหญ่ฯ..ที่มีอยู่ ๒ พิมพ์..แล้วเอามาเป็น..ต้นแบบที่วัดบ้านกร่าง
    ทั้งหมด
    ๒.อย่างที่กล่าวไปแล้ว..ว่าการเอารูปแบบที่เคยมีการทำไปแล้ว..ไปเป็นต้นแบบเพื่อ
    ใช้กับของที่มีความพิเศษ..ที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษให้กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่โดยการทำพิธีโดยพระสงฆ์
    ที่ยิ่งใหญ่อย่างสมเด็จพระพนรัตน์นั้น..ย่อมเป็นไปได้ยาก..เพราะที่ผมเคยเล่าไปแล้ว..ว่าคน
    สมัยโบราณ..ยึดถือเรื่อง..ของสูง..ให้ความเคารพนับถือ..อย่างสูง..เทอดทูน..พ่อแม่..ปู่ย่า..จะ
    คอยสั่งสอนเรื่องนี้ตลอดเวลา...
    .......ดังนั้น..ผมจึงสรุปข้อสันนิษฐานของผมเอง..ว่า..พระขุนแผนเคลือบวัดใหญ่ชัยมงคล..
    ..เกิดก่อน..พระขุนแผนวัดบ้านกร่าง..และยังเป็น..ต้นแบบให้กับ..พระกรุวัดบ้านกร่างด้วย..
    ...ตามการประเมินข้อมูล..และเหตุผล..ที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด...................................
    .....................................................สวัสดี...................................................................
     
  13. ToPiCaL

    ToPiCaL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,475
    ค่าพลัง:
    +4,585
    อ่านถึงหน้า 60 แล้วครัฟ ได้อ่านเรื่องที่เขียนถึงหลวงปู่โต๊ะเยอะ เลยมีคำถามอ่ะครับ
    ผมได้เคยอ่านถึงอาจารย์เบิ้ม อาจารย์ สุวัฒน์ พบร่มเย็น ศิษย์หลวงปู่โต๊ะ
    ไม่ทราบว่าคุณอา เคยได้เจอท่านไหมครับ ท่านเก่งไหมครับ
    อ่านในเว็บเห็นพระที่ท่านสร้างไว้มวลสารดีเหมือนกัน
     
  14. ASSET ME

    ASSET ME เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +112
    ติดตามอ่านตลอดนะครับ เป็นหนึ่งในสมาชิกกระทู้ดีๆแบบนี้
    ห้ามเลิกนะครับ(หยุดเป็นครั้งคราวก็พอ) อีกไม่นานคงมีผู้อ่านทะลุหลักแสนแล้วครับ ขอบคุณมากครับ
     
  15. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...................................................
    ..ไม่เคยเจอครับ..แต่ท่านเหล่านี้..คงต้องเก่งละครับ..อาจารย์เป็น ๑ ใน ปฐพี..ของดีๆของหลวงปู่..คงอยู่ที่ท่านเยอะ..รวมทั้ง"ผงสำเร็จ"...ของหลวงปู่ด้วย..ที่เป็นของสำคัญมาก....การสร้างพระ..ได้ผงเก่าหลวงปู่ผสมด้วย..แน่นอนครับ..คำว่า"สำเร็จ"...คือ..สมบูรณ์..แล้ว..ศักสิทธิ์แล้ว..ไม่ต้องปลุกเสกแล้ว..ปลุกเสกใหม่..ก็ไม่มีผลอะไร..เพราะของสมบูรณ์เต็มแล้ว..เช่น..ผงสำเร็จ..ของหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์...ผงสำเร็จของสมเด็จโต..เป็นต้น..ครับ...
     
  16. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .................................................
    ..โอ้โห..จะเอาถึงขนาดนั้นเลย..เรอะ...คงไม่ถึงหรอกครับ...ผมว่า..มาึถึงขนาดนี้..ผมก็งง..ตัวเองแล้ว...
     
  17. บัณฑิต05

    บัณฑิต05 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +40
    ปูเสื่อนั่งรอชม เหมือนเดิมครับคุณลุง
    จำได้ว่าคุณลุง เคยพูดถึงหลวงพ่อทองสุข ผมเองเคยมีประสบการณ์อยู่ครั้งหนึ่ง ประมาณปี 36 ผมไปเที่ยวกับผู้จัดการและเพื่อนร่วมงาน ที่ชะอำ ไปพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง แถวๆนั้น ด้วยความที่เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อย ตื่นเช้ามาก็เลยวิ่งลงเล่นน้ำทะเลเพื่อที่จะได้สดชื่น เมื่อเหยียบเท้าลงบนทะเลก็รู้สึกแปลกใจ ตรงที่ทำไมพื้นมันเป็นโคลน ไม่เห็นเป็นทรายเหมือนที่อื่น แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ลุยน้ำทะเลลงไปได้ซักพัก ปรากฏว่า เหมือนเท้าไปเหยียบสิ่งมีคมซักอย่าง รู้สึกปวด จึงวิ่งขึ้นมาบนฝั่งมีเลือดไหลออกมา ตอนแรกคิดว่าเศษแก้ว แต่ไม่ใช่เริ่มปวดมากขึ้นเรื่อยๆ กินยาแก้ปวดก็ไม่หาย มีคนแถวนั้นเขาดูแผลแล้วบอกว่าน่าจะโดนปลาดุกทะเลยักเอา เพราะแถวนี้มีเยอะ อีกอย่างทะเลแถวนี้ำไม่มีใครเขาเล่นน้ำกันหรอก เห็นน้องวิ่งลงน้ำทะเลว่าจะบอกแต่ไม่ทันเห็นอีกทีก็โดนแล้ว
    (มิน่าล่ะผมเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า ไม่เห็นมีใครเล่นน้ำทะเลเลยตั้งแต่มา คิดว่าหาดตรงนั้นเป็นของรีสอร์ท ) คราวนี้เริ่มปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ทรมาณมาก ทนไม่ไหว ทางรีสอร์ทเลยพาไปโรงพยาบาล หมอดูแผลแล้วทำความสะอาดพร้อมฉีดยาชา+แก้ปวดให้ ประมาณ 3 เข็ม บอกผมว่ารับรองหายปวด แต่มันก็ไม่หายปวด น้ำตานี่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว มันทรมาณมากๆๆๆ ขณะที่กำลังกลับรีสอร์ท พนักงานขับรถของรีสอร์ท ถามผมว่าพี่เชื่อเรื่องสิ่งศักสิทธิ์ไหม ผมบอกว่าเวลานี้อะไรก็ได้ที่ทำให้ผมหายปวดและเริ่มมีอาการเป็นไข้ น้องเขาเลยขับรถพาผมไปวัดแห่งหนึ่งอยู่แถวๆนั้น พอไปถึงมีพระอยู่รูปหนึ่งน้องที่พาไปบอกว่าพี่เขาโดนปลาดุกยัก หลวงพ่อท่านดูบาดแผลแล้วไม่พูดอะไรมาก ท่านเดินไปหยิบแหวนทองแดงหัวแหวนเป็นยันต์น่าจะต้ว นะ แล้วท่านพนมมือไหว้ไปที่รูปทราบมาภายหลังว่าเป็นรูปของหลวงพ่อทองสุข แล้วท่านนำแหวน ใช้บริเวณหัวแหวนซึ่งเป็นรูปยันต์จี้ลงไปที่แผล เหลือเชื่อครับผมรู้สึกร้อนเหมือนโดนไฟจี้ สักพักเหงื่อเริ่มซึม ออกมาจนเปียกชุ่มทั้งตัว ประมาณซัก 2-3 นาที หลวงพ่อท่านจึงนำแหวนออกจากบาดแผล ความเจ็บปวดที่ทรมาณแทบตาย หายไปในพริบตาครับ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ผมรีบกราบท่าน ท่านบอกว่าแหวนวงนี้หลวงพ่อแผ่ว ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น ท่านสร้างตามตำราหลวงพ่อทองสุข ซึ่งเป็นอาจารย์ของท่าน ส่วนท่านเป็นพระลูกวัดเท่านั้น ทุกวันนี้ผมยังรำลึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของท่้านอยู่เสมอและแหวนวงนั้น ผมยังเก็บไว้เป็นที่ระลึกมาทุกวันนี้ และวัดที่ผมได้ประสบการณ์มาก็คือวัดโตนดหลวง ของหลวงพ่อทองสุข ที่คุณลุงเคยนำเรื่องราวมาให้แฟนคลับได้ติดตาม จนงอมแงมมาถึงทุกวันนี้
     
  18. เฉียวฟง

    เฉียวฟง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +4,913
    สวัสดีครับคุณอา..และทุกๆท่าน
     
  19. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..................................................
    [​IMG]

    ...ก่อนอื่น..จะพูดถึงหลวงพ่อ..ขอกราบสักการะ..หลวงพ่อก่อนครับ..เอารูปที่พ่อผมถ่ายไปprint..ใส่กรอบได้..มียันต์ครูท่านอยู่ด้วย..........ไม่สงวนลิขสิทธิ์เพื่อผู้ศรัทธาท่าน....ผมเคยเล่าไปแล้วเรื่องน้ำเดือด..กาน้ำคว่ำ..ราดเท้าแม่ผม..ผมก็เอาเหรียญหลวงพ่อนี่แหละ..แปะที่หลังเท้าแม่ผม..แพล็บเดียว..หายร้อน(น้ำเดือดใหม่ๆเลย)..ไอ้ที่แดงๆ..ไม่นานก็เป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น..........................
    .......แหวนหลวงพ่อศุขนั้น..ลูกศิษย์หลวงพ่อ..แทบทุกองค์..ก็จะทำกัน..เพราะเป็นวิชาเฉพาะของหลวงพ่อ..หลวงพ่อแผ่ว..ท่านเก่งซิครับ..ไม่งั้นไม่เป็น..เจ้าอาวาสต่อจากหลวงพ่อหรอกครับ..ผมกับพ่อ..ไปกราบท่าน..เมื่อเกือบ๓๐ ปีที่แล้ว..ท่านก็เป็นพระ..ที่เงียบ..ไม่พูดแบบเดียวกับ..หลวงพ่อศุข(พ่อบอก)..น่านับถือครับ..พระสมเด็จเคลือบแชล็ค..หลังเป็นยันต์ครู..ฐ่าน๗ ชั้น..ศักสิทธิ์นะครับ..ราคาคิดว่าไท่แพงหรอกครับ..เพราะคนไปเห่อของ..หลวงพ่ออุ้นกันหมด..หาไว้ได้จะดี....
     
  20. ASSET ME

    ASSET ME เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +112
    สวัสดีครับท่านmodpong
    ก่อนอื่นขออนุญาตเรียกท่านฯว่า พี่นะครับ ผมตามอ่านกระทู้"หลวงอาดี" จนจบแล้วครับ รู้สึกสนุกและชอบวิธีการนำเสนอเรื่องราวต่างๆของพี่มากๆ มีเกร็ดความรู้สอดแทรกตลอด และการทิ้งท้ายทุกๆครั้งก็ชวนติดตาม จนผมแทบทิ้งงานมาอ่านเพราะทนรอไม่ไหว(อยากรู้ว่า...ตอนต่อไปจะเป็นยังไง)
    แต่ว่าตอนนี้สบายใจแล้วเพราะอ่านจบหมดแล้ว เหลือเพียงการทบทวน(ตามเก็บบางส่วนที่ยังอ่านและตีความได้ไม่สมบูรณ์ ในส่วนของผมเองครับ)
    ผมเลิกสะสมพระเครื่องกว่า๑๐ปีแล้วครับ ที่มีอยู่ส่วนมากเป็นพระก่อนปี๒๕๓๘ และสะสมพระเนื้อผงเป็นหลัก โดยมีผู้สอน(อาจารย์)แนะนำ เริ่มจากการสะสมบางขุนพรหมปี๒๕๐๙ เพราะ
    ๑.เป็นพระที่เราหาข้อมูลและผู้รู้จริง(ทันเหตุการณ์) ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ค่อนข้างมาก ส่วนมากก็น่าจะอยู่เลยดอนเมืองไปพอสมควร(ก็เลยหลักสี่[สิบ]ไปอีกพอสมควร)
    ๒.เป็นพระที่ดีทั้งการสร้างและส่วนผสม(พิธีดี,วัถุประสงค์ดี,มวลสารดี,เกจิอาจารย์ดี)
    ๓.ราคาตอนที่สะสมยังไม่แพงมาก(หลักพันถึงหมื่น)
    ๔.จัดเป็นพระรุ่นใหม่ ที่มีอนาคตดี สมัยที่เริ่มสะสมมี๒รุ่นครับคือสมเด็จจิตรลดาและสมเด็จบางขุนพรหมปี๒๕๐๙ สมัยก่อนนิยมเรียกพระที่สร้างก่อนปี๒๕๐๐ ว่าพระเก่า และพระเครื่องที่สร้างหลังปี๒๕๐๐ ว่าพระใหม่
    แต่มีสิ่งหนึ่งซึ่งอาจารย์สั่งห้ามสะสมคือ
    เป็นความเห็นเฉพาะบุคคลห้ามวิจารณ์"สมเด็จวัดระฆัง"ครับ(ไว้มีโอกาสแล้วผมจะอธิบายรายละเอียด) พิมพ์มาค่อนข้างยาวเดี๋ยวผู้อ่าน(โดยเฉพาะพี่)จะเบื่อเสียก่อน ขอตัดบทณ..จุดนี้ ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...