อานาปานสติ กำหนดลมหายใจ หรือปล่อยรู้ไปตามธรรมชาติ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 14 พฤศจิกายน 2010.

  1. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เนาะ แค่ดูลมหายใจเข้า ดูลมหายใจ ออกแค่นี้ ไม่ต้องทำอะไรมากกว่านี้
    ขอให้ใส่ใจศึกษา ค่อยๆยก กองลมเป็นสมมติสัจจในแต่ละชนิดที่พระพุทธองค์
    ชี้เป็นข้อๆไว้ให้ เท่านั้น เป็นใช้ได้

    ตาสี ตาสา ก็ทำได้ ไม่ใช่ ฌาณ แฌณ ที่พวกชอบจับชอบยึดมักพาไปให้เขว
    ปิดโอกาสคนอินทรีย์อ่อนๆ เขาหมด ทั้งๆที่ หากอินทรีย์เขาอ่อน เขาเพียง
    แต่น้อมอานาปานสติง่ายๆนี้ไปทำให้ดี ให้มากๆ อรหัตถ์ผลหวังผลได้แน่นอน
    สำหรับผู้ปราถนา ใครไม่เชื่อก็เท่ากับคัดค้านพุทธวัจนะ จะชี้บ้าๆบอๆว่า
    ต้องแนบ ต้องเป็นฌาณตะพึด ก็ให้สำนึกไว้ให้ดี สอนได้ดีก็ไม่ว่ากันหรอก
    แต่อย่าหลอกสอนกันเท่านั้น คนภาวนาล้มคว่ำออกมาก็เห็นมีแต่ทำลาย
    สงฆ์ด้วยกันเอง ไร้สาระกันไปอย่างเปล่าๆปลี้ๆ

    สาวกคนไหนเอิดตัวว่า รู้อานาปานสตินะ ขอให้ ทบทวนให้ดีว่า

    กรรมฐานกองไหน ที่เฉพาะพระพุทธองค์เท่านั้นที่ระลึกได้

    กรรมฐานกองไหน ที่ประกาศมีเฉพาะในพุทธศาสนานี้

    ไอ้กรรมฐานจับลมแน่นิ่งแช่แป้งหนะ มีมาก่อนพระพุทธองค์
    หรือพระพุทธองค์พึ่งมาค้นพบภายหลัง

    กรรมฐานกองไหน ที่แม้แต่พระพุทธองค์ก็ทรงระลึกไม่ได้โดยง่าย ต้องเสีย
    เวลาไป 6 ปี กว่าจะระลึกได้ว่า กรรมฐานกองนี้แหละคือทางสายกลาง
    ไม่เข้าไปในส่วนสุดใดๆ ซึ่งมีประโยชน์ต่อทุกคนทุกอินทรีย์

    แล้วคุณเป็นใคร อินทรีย์มีแค่ไหน ถึงได้บอกว่า รู้อานาปานสติ ดีเท่า
    พระพุทธองค์ จนเที่ยวแต่งเติม ตัดต่อ ชี้นำไปในอุบาย 108 1009
    นั้น แทนที่จะใช้เฉพาะ พุทธวัจนะ เท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2010
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เดี๋ยวจะพูดทีละข้อ

    ข้อแรก

    ข้อนี้ คุณกำลังทำลายวิธีของพระศาสดา เพราะพระศาสดาบอกว่า ลมหายใจเข้ายาวให้รู้ชัด ลมหายใจออกยาวให้รู้ชัด
    สำเหนียกรู้กองลมทั้งปวง ระงับกายสังขารทั้งปวง ซึ่งแน่นอนว่า กายสังขารนั้นก็คือ กายลมละเอียดที่เคลื่อนในกายเรา หลักฐานมีทั่วไป

    อีกทั้งท่านพ่อลี ถือว่า เป็น เทพเจ้าด้านลม ท่านก็บอกเอาไว้อย่างไร คุณ อโศ เขาก็ยกมาให้อ่านกันแล้ว

    ข้อนี้น่าจะยุติไปได้ว่า การทำอานาปานสติ ต้องเริ่มต้น อย่างไร ทำอย่างไร

    ข้อนี้ เห็นที คุณจะสรุปไปเองทั้งหมด พูดง่ายๆว่า จับแพะชนแกะ ไปเองว่าปิดโอกาสคนมีอินทรีย์อ่อน ทั้งๆ ที่คนมีอินทรีย์อ่อนนั้นแหละ ควรจะต้องทำตามลำดับที่จขกท กล่าวไว้ ไม่ใช่ ดูเฉยๆ


    ข้อนี้ ก็จับแพะชนแกะ ไปอีก เพราะว่า คำว่า แนบนั้นหมายถึง มีสติจ่อติดไปกับลมหายใจ หรือพูดง่ายๆ ว่า รู้ชัด เพราะตามธรรมดาคนเรา ถ้าไม่แนบไป จิตก็คอยแต่จะวกออก เปรียบดัง ขึงสัตว์ป่าเอาไว้กับหลัก มันก็ย่อมวิ่งออก
    แต่พอเอา จิตรู้ชัดไปกับลมหายใจ จนแนบไป แล้วก็เท่ากับว่า เริ่มมีวิตก ที่ถูกต้อง
    หรือ ใช้คำว่า เป็นการงานที่ถูกต้อง

    คำว่า ฌาณ ที่ถูกต้อง คือ มีวิตก วิจารณ์ ปีติ สุข และ เอกคตา

    แม้ว่า สมัยก่อนพุทธกาล มีกันอยู่แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่า สิ่งนั้นผิด

    ตรงกันข้าม พระศาสดา มาเติมเต็มในด้านปัญญา และ ทำให้ฌาณนั้นเต็มไปด้วยองค์ความรู้

    เปรียบได้กับว่า ธรรมดา คนมีความอดทน เป็นของดีอยู่แล้ว แต่พอมีคนมาบอกว่า อดทนให้ถูกต้อง ความอดทนที่เขามีอยู่เดิม ก็ไม่ได้เสื่อม เพียงแต่ เขาจะตั้งใจไว้ถูกต้องมากกว่าเดิม

    ฌาณ ก็เช่นเดียวกัน เป็นแบบนั้น

    หากการ ดูลมหายใจเข้าออก เป็นการจับลมนิ่ง คุณก็เข้าใจผิด เพราะว่า การดูลมกระทบ การดูลมให้ชัด เป็นสิ่งที่ดีแล้ว สิ่งที่พระศาสดามาเพิ่มเติมคือ ทำให้มีสติมีปัญญา ในการดูลม เพิ่มขึ้นไปอีก ดังที่กล่าวเอาไว้แล้ว

    ธรรมชาติใด เป็นธรรม สิ่งนั้นมีมาอยู่แล้ว เพียงแต่ พระศาสดา นำมาบอก

    คุณจึงเข้าใจผิดว่า ธรรมต่างๆ ไม่เคยเกิดก่อนจะมี พระศาสดา

    เพียงแต่ ไม่มีใครมีปัญญา พอที่จะมองเห็น และ หยิบจับ ขึ้นมาได้แบบพระศาสดา เท่านั้น

    คุณจึงไปดูถูกว่า ฌาณ แบบก่อนมีพระพุทธเจ้า จึงผิด แต่แท้จริง สิ่งที่ปรากฎกับจิต นั้นเหมือนกัน เพียงแต่ พระศาสดากล่าวว่า ยังกำเริบ นั้นไม่ใช่สิ่งผิดอยู่ที่ ฌาณ

    แต่ อยู่ที่ปัญญา หลังจากออกจากฌาณนั้น
     
  3. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    โอโห ปรักปรำเข้าไป ใส่อะไรได้ พูดเท็จตรงไหนได้ ก็พูดเข้าไป

    ดูถูกฌาณบ้างหละ

    ดูเฉยๆ บ้างหละ

    ปรักปรำอย่างโง่ๆว่า จับลมนิ่งอีก ทั้งๆที่ ที่โต้อยู่นี่ ยืนมาตลอดว่า
    ไม่ใช่เรื่องการบังคับ

    เอาเถอะ ทำไปเถอะ
     
  4. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อ้อ ลืมไป ที่มากล่าวๆนี่ จริงมีวาระแฝง

    วาระแฝงของผมคือ ให้ คุ้นเคยกับการ กล่าวถึงอานาปานสติ ไว้

    เพราะอีกหน่อย จะมี ทีมงานหลายทีมอยู่ เป็นพระเชียวนะ เป็น
    พระที่หมู่ตึกใจดียังคอยเชิญให้เทศนาอยู่ ( อย่าเข้าใจผิดรูป
    ผิดองค์หละ หากไม่รู้ว่า พระชื่ออะไร ก็นิ่งๆไว้ก่อนไก่โห่เนาะ)
    ที่เป็นด๊อกเตอร์ก็มีนะ ที่เป็นแม่ชีดังๆก็มีอีก

    แต่ก็นะ หาก พระท่านนั้นทำงานจนเป็นที่อุโฆษณ์เมื่อไหร่ คน
    อย่างคุณขันธ์จะด่าว่าพระอีกสักรูป ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ยินดี จะมีวาระแฝงเมื่อไร ไม่ต้องพูดแล้ว

    ผมยินดีให้ คุณตั้งประเด็นถกได้เสมอ
     
  6. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241

    เอ ผมว่า ที่ผมโพสไปนั้น มันก็สิ้นกระแสความดีอยู่นะ

    ทำไม งง ได้หว่า
     
  7. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473
    ท่านเอกวีร์ อธิบาย อานาปานสติ ขององค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ถูกต้อง ในอดีตท่านเคยเข้าใจไม่ตรงกับผม

    วันนี้ คาดว่าความเข้าใจท่านจะตรงกับผมไม่มากก็น้อย ชื่นชมท่านเอกวีร์ ท่านจัดได้ว่าเป็นผู้มีปัญญาทางโลก เป็นผู้มีความคิดพิจารณาแยกแยะเหตุ แยกแยะผลได้ดี ที่ท่านอธิบาย อานาปานสติ ขององค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรงกับแนวทางเบื้องต้นได้ถูกต้อง เป็นกำลังใจให้ท่าน เข้าถึงพุทธภูมิไว้ๆ เอาใจช่วย ท่านเหมาะที่จะอธิบายต่อไป

    อนุโมทนา
     
  8. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473
    ขอแนะนำซักนิดว่า

    พุทธะสาวกที่เข้าใจธรรมะขององค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้สมบูรณ์ และอธิบายธรรมได้สมบูรณ์นั้น มี อยู่ประเภทหนึ่ง คือ ท่านที่เป็นปฏิสัมภิทาญาณ แต่ธรรมะของท่านยากที่ปุถุชนจะเข้าใจได้ง่าย

    การกล่าวถึงพระอรหันต์ หรือพระอริยะเจ้าก็ดี เพื่อมิให้เกิดอานิสงค์ไม่ดี ขอแนะนำว่าผู้กล่าวควรกล่าวไปตามความเป็นจริงโดยมิได้ปรุงแต่งอารมณ์ หรือปรุงแต่งความคิด เช่น ดีกว่า เหนือกว่า เลวกว่า ต่ำกว่า สูงกว่า เด่นกว่า ลงไปในความคิด คำพูดอาจมีตามความจริง แต่ความคิดต้องไม่มี ถ้าไม่เช่นนั้น แม้ปุถุชนจะพูดถูกต้องตามความจริงแต่ด้วยจิตที่ปรุงแต่งเป็น ลบ ย่อมสามารถเกิดอานิสงค์ไม่ดีกับท่านได้ ไม่มากก็น้อยหากจะทำความดีซักครั้ง ถ้ามีความไม่ดีผสมอยู่ในใจด้วยความดีนั้น ย่อมไม่บริสุทธิ์

    เมื่อความดีนั้นไม่บริสุทธิ์ พระอริยะเจ้า และผู้เข้าถึงพุทธะย่อมไม่กระทำ

    ถ้าไม่มั่นใจว่าจะผิดพลาดหรือไม่ ควรขอขมาพระรัตนตรัย ทุกวัน
    <O:p</O:p
    ขอบคุณครับ<O:p</O:p
     
  9. อโศ

    อโศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,689
    ค่าพลัง:
    +5,830
    <o> </o>สติเป็นมรรค สติเป็นธรรมเครื่องแก้กิเลส
    สติ เป็นสิ่งสำคัญ ความคิดปรุงสังขาร เป็นสังขารสมุทัย เป็นเครื่องมือของกิเลส
    ท่านว่า
    อวิชฺชาปจฺจยาสงฺขารา เห็นได้ชัดในเวลาสังขารคิดปรุง ได้แก่ความเผลอสติ

    สติ เป็นผู้คุ้มครองรักษาจิต

    จิตได้รับการอบรมรักษาด้วยดี โดยมีสติเป็นเครื่องกำกับ
    ได้รับการอารักขาจากสติด้วยดี
    แล้ว จิตหยั่งเข้าสู่ความสงบแน่วลงไปตามลำดับ
    เป็นผลแห่งการปฏิบัติให้มีความสงบเยือกเย็น
    ได้สัมผัสสัมพันธ์กับผลประจักษ์ใจ
    เป็นธรรมมาปฏิบัติต่อตนเอง ภายในตัวเอง



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2010
  10. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    อยู่ที่ผู้ฟังผู้อ่านว่าจะพิจารณาไปในทางไหน พิจารณาว่าสติเป็นอย่างอื่นก็เป็นอย่างอื่น พิจารณาว่าทำความดีเพื่อความดีเพื่อความบริสุทธิ์ของจิตใจก็เป็นดังนั้น พิจารณาตามสมมุติก็เป็นไปตามสมมุติ เป็นเทพเจ้าบ้าง เป็นพุทธภูมิบ้าง เป็นพระอริยะบุคคลบ้าง ก็ว่ากันไปเพราะเป็นหรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องของใครๆเลย ถ้ารู้เรื่องของคนอื่นมากๆแต่รู้ไม่จริงเขาเรียกว่าบ้า ถ้าไม่เข้าใจก็สมควรแล้วเพราะเรื่องของตัวเองยังไม่เข้าใจ ไปเข้าใจว่าตนเป็นนั่นเป็นนี่อยู่อย่างนั้น...น่าสังเวชใจจัง
    ไม่อนุโมทนาสำหรับความหลงทั้งหลายในจิตปุถุชน
     
  11. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    คุณขันธ์ มีความมั่นใจในตัวเองมาก ..

    ในกรณีเช่นนี้อาจเป็นไปได้ว่า สมาธิรวมตัวได้มากแล้ว.. เมื่อรวมตัวได้แล้วอาจจะกำหนดรู้สึกภายนอกได้ทุกที่ เขาก็เลยไปกำหนดเอาที่ลมหายใจ เข้า-ออก ซึ่งมันก็ทำให้สัมผัสได้ชัดเจน แล้วก็ไม่เป็นการเพ่ง วางจิตตรงไหนก็ได้ ไม่เวียนหัว หรือเกิดความเครียดอะไรเลย แต่ถ้าสติยังไม่ตั้งมั่น... ขืนไปกำหนดลมเอาเอง อาจเวียนหัว เพราะเพ่งมากเกินไปก็ได้ พอได้ที่แล้ว ตั้งสติกำหนดรู้ตื่นด้วยสติไปเรื่อย ๆ ....

    อย่าลืมนะว่าตาขันธ์นี่ แกชอบอ่อยเหยี่อ โดดงับเต็มที่เมื่อไร ฟันหักหมดปาก เพราะในเหยื่อที่แกอ่อย เขาใส่ก้อนหินเอาไว้ด้วย บางครั้งก็เป็นเหยื่อปลอมเอาไว้ลากชะโด ตัวมันใหญ่ดี...

    เดี๋ยวนี้การใช้ภาษาดีมาก และฟุตเวอร์คมั่นคงกว่าเมื่อก่อน เตะตัดขายาก .....เมื่อก่อนพอโกรธแล้ว จะเป๋ไปมา วันนี้ดูท่าจะน๊อกเอาท์แกลง ดูท่าจะไม่ง่ายหรอก.....นะครับ

    หรือ... คุณขันธ์ คงฝึกมาแบบกำหนดเอง โดยกำหนดที่หน้าท้อง ใช้ ยุบหนอ-พองหนอ เพื่อให้เห็นได้ชัดเจน มันก็เลยต้องเพิ่มแรงหายใจมากกว่าปกติ....เมือมาลอง อานาปานะสติ ก็เลยต้องทำเช่นนั้นบ้าง เพื่อให้สติเห็นการ พอง-ยุบ ได้ชัดขึ้น

    ทุกท่านไม่มีใครผิด-ถูกหรอกครับ เก่งทุกท่านเลย ศึกษามาในแบบของตัวเอง ตามจริต ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ครับ............
     
  12. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ผิดถูกวัดกันที่ผล หากยังปรุงแต่ง ฟุ้งธรรมอยู่ อาจต้องทบทวนดูใหม่

    อานาปานสติ จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก

    ง่ายที่กำหนดรู้ลมเข้าออก เท่านั้น สั้นยาว ยังไงก็ให้รู้ไป จนจิตเกิดเป็นสมาธิ แล้วพิจารณาธรรมะได้ตรงตามความเป็นจริง จะเรียก ธรรมวิจัยยะ หรือ ธรรมมานุสปัสนาสติปัฏฐาน ก็แล้วแต่จะเรียก การปฏิบัติแท้จริงแล้ว ควรจับหลักโพธิปักขิยะธรรม องค์ใดก็ได้ แล้วค่อยๆ ล้อมกรอบ กระชับพื้นที่เข้ามาที่องค์มรรคแปด

    ส่วนที่ยากนั้น ก็ตรงที่ตามรู้ดูไปนี่แหล่ะ มันฝืนกับสันดานจิตที่มันไม่คุ้นเคยกับการอยู่นิ่งๆ มันมักนิยมการปรุงแต่งฟุ้งซ่านไปตามสัญญาสังขารที่เคยมี บางครั้งก่อตัวเป็นรูปร่าง แล้วทำให้ผู้ปฏิบัติเข้าใจไปเอง ในหลายๆเรื่อง มันก็เลยผิดเพี้ยนไป

    ส่วนของการฝึก ในตอนเริ่มก็ควรกำหนด แล้วตามรู้ เมื่อรู้ได้มาก สติพัฒนาแล้ว ก็ไม่ต้องกำหนดอะไร สังเกตุได้จากคำสอนของสาวกรุ่นหลังที่เป็นที่ยอมรับว่าท่านบรรลุแล้ว ท่านมักสอนให้กำหนดด้วยคำบริกรรม พุธโธ เมื่อจิตเป็นสมาธิแล้ว พุธโธ ก็หายไป ยกจิตขึ้นสู่ภูมิของวิปัสสนาได้เลย แนวทางนี้มักนิยม เรียกว่า สมาถะนำวิปัสสนา ซึ่งก็ได้ผลกันมาแล้วนักต่อนัก ดังนั้น การกำหนดไว้ก่อน จึงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร

    ส่วนจะไม่กำหนด แล้วตามรู้ไปเลย ก็ทำได้เช่นกัน แต่ปัญหาอยู่ที่ มีสติสมาธิพอที่จะตามรู้ได้ไหม ถ้าไม่ได้สะสมวาสนามาก่อน ก็คงเนิ่นช้าไป...
     
  13. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    แนะนำบทธรรม ครับ
    http://palungjit.org/threads/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A2-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%98-%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A2.265220/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2010
  14. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    แนะนำบทธรรม 2 ครับ

    http://palungjit.org/threads/วิธีการฝึกนั่งสมาธิ-ฌาน-หลวงปู่สรวง-ปริสุทฺโธ.267610/
     
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณจุ่น นี่วิเคราะห์ได้เป็นฉากๆ

    การกำหนดลมหายใจเบื้องต้น เพื่อศึกษานั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่คนมองข้ามไป

    ลมหายใจที่เราหายใจนั้น มีหลายแบบตามกรรมของตน เพราะว่า เราไม่รู้จักการเลี้ยงชีพชอบ เราทำไปตามกรรม เช่นเดียวกันกับ ปุถุชนใช้ชีวิตไปตามยถากรรม

    บางคนหายใจลึก บางคนหายใจสั้น บางคนหายใจไม่ทั่วท้อง ก็ทำให้เกิดโรคเกิดรา กันเยอะ

    นี่ถึงบอกว่า ให้มาศึกษา ด้วยการมองลมหายใจตนเองก่อนว่า หายใจเข้ายาว หายใจออกยาว หายใจเข้าออกสั้น เป็นอย่างไร แล้วปรับแต่ง
    ท่านพ่อลี ท่านก็สอนแบบนี้

    หมั่นทำบ่อยๆ แล้ว ลมหายใจจะเข้าสู่สภาวะที่ปกติ ก็จะเป็นคนที่ สบาย มีสุขเวทนาเกิด
     
  16. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ส่วนตัวผมใช้อานาปานสติเป็นวิหารธรรมหลักเลยครับ เพราะเป็นกรรมฐานที่มีความพอเหมาะ มีฌาน มีสมาธิ ก็จะอยู่ในความพอดี เพราะมีลมที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอด ทำให้ฌานไม่ลึกเกินไป พอเหมาะทั้งกำลังสมาธิ พอเหมาะทั้งวิปัสสนา ลำดับฌานที่พอเหมาะนี้ จะอยู่แค่รูปฌาน ด้วยความที่ลมเคลื่อนไหว ก็สามารถต่อยอดเข้าวิปัสสนา ดูกาย อันเป็นสติปัฎฐานที่หยั่งได้ลำดับแรกต่อทันทีเลย

    ถ้าทำจริงไม่มีทางที่จะเข้าภวังค์ลึกเกินไปได้ ไม่มีทางเกินอำนาจไตรลักษณ์ไปได้เลย ซึ่งความพอเหมาะนี้ อานาปานสติกรรมฐาน จึงจัดเป็นยอดกรรมฐาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2010
  17. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    เป็นเรื่องที่น่าแปลกอย่างหนึ่ง พี่จินนี่ไม่เคยอธิบายธรรมของตัวเองสักครั้งหนึ่ง มันน่าแปลกมาก ๆ หรือ ว่ามองอะไรผิดไป คือเห็นส่วนปลายเองเนอะ
    ข้ามอะไรไปหรือเปล่า เวลาจะอธิบายต้องยกตำราทุกที มันน่าแปลกอยู่นะ
    ลองไปปรึกษาพระอาจารย์ที่นับถือบ้างก็ดี นะ เพราะเห็นแบบนี้เลยพูดแบบนี้
    จากการประกาศตัวของพี่ พี่ต้องอธิบายธรรมได้ลึกซึ้งกว่านี้
    หลบภัยเลยขอบอกว่า อย่าประมาทในธรรมเด็ดขาด
     
  18. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    อันนี้คือหลักอานาปาน ผู้ที่มีจิตใจเบา และ เริ่มละเอียด แค่ตามรู้ ก็รู้ได้

     
  19. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ส่วนตัวผม ไม่ถนัดอานาปานสติเท่าไหร่ นิยมกายคตาสติมากกว่า ยิ่งตอนนี้จะเรียกว่าโชคดีก็ได้ จะเรียกว่าโชคร้ายก็ไม่ผิด แต่ถ้าจะให้ดีต้องเรียกว่า ประมาท...

    ระยะนี้มหาลัยมีแข่งกีฬา ผมก็รับเป็นโค้ชทีมวอลเล่ย์บอล ตอนซ้อมกับเด็กดันใส่รองเท้าแตะเล่น คิดว่าไม่น่าเป็นอะไร ทำให้เกิดอุบัติเหตุ เส้นเอ็นข้อเท้าฉีก ตอนนี้ต้องใส่เฝือก เดินด้วยไม้เท้า ทำให้ได้พิจารณาความไม่เที่ยงของสังขารได้อย่างชัดเจน ซาบซึ้งให้พุทธพจน์ที่ว่า "จงดำรงตนอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด" นี่แหล่ะคือ ความโชคดีในความโชคร้าย เหอๆๆๆ ประมาทเองเรา...
     
  20. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    มันจะต้องพูดอะไรให้ลึกซึ้งล่ะ พูดง่าย ๆ ตรง ๆ ก็พอ แต่พูดแล้วเข้าใจได้ไหมล่ะ ถ้างั้นพูดว่า

    "โลกุตตระฌาน เป็นทั้งสมาธิ เป็นทั้งวิปัสสนา เป็นทั้งฌาน และเป็นปัญญาญาณ กลมเกลียวอยู่ในตัว เป็นไปเพื่อความไถ่ถอน จากสงสารวัฎ"

    เข้าใจได้ไหมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...