แคร่ริมคลอง...วันวิสาข์พาไป "พิพิธภัณฑ์สักทอง"

ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็มาขึ้นฝั่งที่วัดกัลยา
วัดกัลยาชื่อเต็มๆ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี
สิ่งที่เห็นโดดเด่นคือเสาหงส์ หงส์ของแท้และดั่งเดิม
ไม่มีการตัดแต่งพันธุกรรมซะด้วยสิ จะดูเสาหงส์ของแท้
ต้องที่วัดกัลยา ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น เห็นมีตั้งอยู่หลายเสาซะด้วยสิ
และยังมีสถาปัตยกรรมเก่าแก่แบบจีนให้เห็นอยู่ทั่วไปด้วย

 

จากท่าเรือเดินตรงเข้าไปจะเห็นซุ้มประตูแบบจีน
ภายในจะมีเจ้าแม่กวนอิมและเทพเจ้าต่างๆ อยู่หลายองค์

 

และได้ทำบุญใส่บาตรพระประจำวันเกิด
ทำบุญเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิดด้วย

 

จากนั่นก็ตรงไปที่พระวิหารกันเลย
ภายในพระวิหารมีหลวงพ่อโตเป็นพระประธาน
องค์ใหญ่มากกกกกกกกกกกกก
พระนามของท่านคือพระพุทธไตรรัตนนายก
คนไทยเชื้อสายจีนให้ความเคารพท่านมาก
เรียกแบบจีนว่า ซำปอฮุดกง หรือ ซำปอกง
ได้ร่วมหย่อนปัจจัยลงบาตรขนาดใหญ่ที่วางอยู่หน้าหลวงพ่อโต
เพื่อทำบุญบูรณะโบสถ์และวิหารด้วย

 

พอออกจากพระวิหาร ก็มองซ้ายมองขวาเห็นมีศาลาอีกหลังอยู่ด้านขวามือ
ซ้ายมือเป็นโบสถ์ แต่ด้วยสะดุดตาที่หน้าบรรณของศาลาด้านขวา
ซึ่งเป็นไม้แกะสลักสีดำ จึงย่องไปทางขวามือก่อน
ภายมีพระปรางเลไลย์องค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ เอ้า..กราบพระกัน

 

แล้วก็ย่องผ่านหน้าพระวิหารไปที่โบสถ์
ก่อนถึงโบสถ์สายตาอันแหลมคมก็ไปปิ๊งกะระฆังใบเบ่อเร่อเหิ้มเลย
...เดินไปถึงโบสถ์ ก็ได้ยินเสียงแว่วๆ
เอ...ข้างในเขากำลังทำอะไรกัน เลยโผล่หน้าเข้าไปดู
มีผู้คนมาเรียนสมาธิกันด้วย
ค่อยๆ ย่องอย่างเบาที่สุด ในใจก็นึกว่าโทรศัพท์อย่าเพิ่งดังตอนนี้นะ
ถ้าดังขึ้นมาล่ะเสร็จแน่ๆ รีบเข้าไปกราบพระ
แล้วก็รีบออกมา เกรงจะเป็นการรบกวนผู้ที่กำลังเรียนสมาธิ

 

จากนั้นก็มายืนรอเรือเพื่อจะไปต่อที่วัดระฆัง
พอเรือมาถึง ก็ซื้อขนมปังบนเรือให้อาหารปลา
คนเรือบอกว่าที่หน้าวัดกัลยาไม่ค่อยมีคนให้อาหารนัก
ส่วนใหญ่จะไปให้อาหารที่หน้าวัดระฆังกันซะมากกว่า

 

เรือแล่นผ่านท่าเตียน เลยวัดอรุณ มุ่งหน้าสู่วัดระฆัง
"วัดระฆังโฆสิตาราม" ชื่อเดิมคือ"วัดบางหว้าใหญ่"
หลังจากรัชกาลที่ 1 เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดระฆังโฆสิตาราม" แล้ว
ต่อมา รัชกาลที่ 4 เปลี่ยนเป็น "วัดราชคัณฑิยาราม"
แต่ไม่เป็นที่นิยมจึงกลับไปใช้ "วัดระฆังโฆสิตาราม" ตามเดิมจนมาถึงปัจจุบัน

 

พอขึ้นท่าวัดระฆัง เดินไปได้หน่อย
ขวามือจะเป็นพระวิหารสมเด็จพระสังฆราช (สี)
เข้าไปกราบพระและได้ร่วมทำบุญกฐินสามัคคี 9 วัด

ทางด้านซ้าย จะเป็นพระวิหารสมเด็จ
ซึ่งจะประดิษฐานรูปปั้นสมเด็จ
องค์กลาง คือ สมเด็จพุทธาจารย์ (โต พรหมรังสี)
องค์ด้านตะวันออก คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ. ทัต เสนีวงศ์)
องค์ด้านตะวันตก คือ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว. เจริญ อิศรางกูร)
ร่วมทำบุญบูรณะพระวิหารสมเด็จ

ระหว่างพระวิหาร 2 หลังจะมีเต้นท์ตั้งกองกฐินที่วัดในจังหวัดชัยภูมิ
ก็ร่วมบุญไปด้วยเช่นกัน

 

ออกจากพระวิหารสมเด็จเดินไปที่โบสถ์
ผู้คนมาร่วมฟังธรรมกันแน่นที่เดียว สาธุๆๆ
ไม่มีพื้นที่ให้เข้าไปได้ ก็เลยยืนยกมือไหว้พระอยู่ด้านนอก

 

ออกจากโบสถ์ มาทางขวามือหันหลังไป
จะเห็นพระปรางค์อยู่เยื้องๆ ด้านหลังโบสถ์
หันกลับมา 45 องศา แล้วเดินตรงไปหน่อย
ไม่แน่ใจว่าตรงนี้เรียกว่าอะไร เห็นมีประตูให้เข้าไป
ก็แว๊บเข้าไป มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ด้วย
กราบ กราบ กราบ พร้อมกับร่วมทำบุญ

 

จากนั้นก็ออกมายืนรอเรือเพื่อจะข้ามไปท่าช้าง
เห็นมีหลายคนซื้อปลามาปล่อย ซื้ออาหารให้ปลาให้นก
เป็นการทำบุญแล้วให้ทาน ก็อนุโมทนาสาธุด้วยนะคะ
แฮ่...อิ่มบุญกันแล้ว กลับบ้านได้สักทีเนอะ ^ ^

 

โมทนาบุญด้วยครับ

อย่าลืมครับ เนื่องจาก มีโปรแกรมแสวงบุญต่างประเทศ ที่น่าจะเพิ่มพลังบุญ

ชาวคณะบึงลับแล (กทม) ใด้ ตั้งจิต ที่จะ เดินทางแสวงบุญ ที่...

ภูเขาควาย ประเทศลาว กัน ราวๆ ปลายปี นี้ครับ
และทราบมา คร่าวๆ ว่า ทาง กลุ่ม แคร่ริมคลอง กลุ่มเล็กๆ แต่ บุญใหญ่ มี โปรแกรม เช่นกัน เผื่อ มีโอกาส ใด้ ร่วมเดินทาง แสวงบุญ ด้วยกันครับ

วันนี้ วันพระ
ค่ำคืนนี้ ผม สวดมนต์ และ ภาวนา วัดสีลสุภาราม หลวงปู่สุภา จะใด้ มีโอกาส ถวาย ดอกไม้ บูชาครู และ ถวายปัจจัย ร่วมสร้าง พระมหาธาตุเจดีย์ (ตามแต่วาระ ที่ หลวงปู่สุภา ท่านเมตตา ศิษยานุศิษย์ ครับ )

 

ค่ะพี่นาคา...คุยกันไว้ตั้งแต่ทริปที่ไปถวายพระบรมสารีริกธาตุที่ลาวค่ะ
คุยกันคร่าวๆ ...ถ้ามีโอกาส คงได้เจอกันค่ะ
...ขออนุโมทนาบุญกุศลกับพี่และคณะทุกประการนะคะ _/\_

 

สูตรแห่งชีวิตประจำวัน

เพื่อนเรียกสูตรนี้ว่าเป็นLifebook หรือเป็น“ตำราแห่ง ชีวิต”ซึ่งเหมาะ เจาะกับเนื้อหาและคำแนะนำที่น่าสนใจยิ่ง
ทั้งง่าย และตรงไปตรงมา, ใครจะทำก็ ได้, ไม่ทำก็ได้, เป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล, ไม่บังคับยัดเยียดกัน, ไม่ต่อว่าต่อขานกัน,แต่ถ้าหากมีความมุ่งมั่นจะทำอะไรให้กับชีวิต ของตนเอง, ก็ถือว่า เป็นเรื่องน่าส่งเสริมสนับสนุนสมควรจะให้กำลังใจแก่กันและกันอย่างยิ่ง

สูตรที่ว่า นี้มีง่าย ๆ อย่างนี้

๑.ดื่มน้ำให้ มาก
๒.กินอาหารเช้าเหมือนราชา, รับประทานอาหารเที่ยงเหมือนเจ้าชายและ เมื่อถึงอาหารเย็น, ให้วาดภาพว่า ตัวเองเป็นแค่ขอทาน (แปลว่ากินมือหนักที่สุดตอนเช้า, และกลาง ๆ ตอนเที่ยงและตกเย็นแล้ว, ทำตัวเป็นยาจก, ไม่มีอะไรจะกิน...สุขภาพจะเป็นอย่างเทวดา ทีเดียวเชียวแหละ)
๓.กินอาหารที่โตบนต้นและบนดิน, พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ผลิตจากโรงงาน
๔.ใช้ชีวิตบนหลักการ3E...นั่นคือenergy หรือพลังงาน, enthusiasm หรือกระตือ ตือร้น และempathy คือเอาใจเขามา ใส่ใจเราให้มาก ๆ
๕.หาเวลาทำสมาธิหรือสวดมนต์เสมอ
๖.เล่นเกมสนุก ๆ เสียบ้าง, อย่าเครียดกันนักเลย
๗.อ่านหนังสือให้มากขึ้น...ตั้งเป้าว่าปีนี้จะ อ่านมากกว่าปีที่ผ่านมา
๘.นั่งเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองสักวันละ10 นาทีให้ได้
๙.นอนวันละ7 ชั่วโมง
๑๐.เดินสักวัน ละ10 ถึง30 นาที, แล้วแต่จะสะดวก, ไม่ต้องเครียดกับมัน, วันไหนไม่ได้เดิน, ก็อย่าหงุดหงิดกับมัน
๑๑.ระหว่าง เดิน, อย่าลืมยิ้ม

นั่นเป็น เรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพกายและใจที่ผสมปนเปกันได้เสมอ, หากทำเป็นกิจวัตร, ชีวิตก็จะแจ่มใส,แต่อย่าทำให้ตัวเองเครียดด้วยการรู้สึกผิดถ้า หากวันไหนทำไม่ได้ตามที่วางกำหนดเวลาของตนเอาไว้


วันนี้ทำไม่ ได้, พรุ่งนี้ทำก็ ได้

แต่การไม่เอาจริงเอาจัง กับตัวเองเกินไปไม่ได้หมายถึงการผัดวันประกันพรุ่ง, ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน


สูตร เกี่ยวกับบุคลิกของตัวเองที่ควรไปจะคู่กับสูตรสุขภาพมีอย่างนี้

๑.อย่าเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับคนอื่น คุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณอิจฉานั้นเขามีความทุกข์ยิ่งกว่าคุณอย่างไรบ้าง
๒.อย่าคิดทางลบเกี่ยวกับเรื่องที่คุณควบคุมหรือ กำหนดไม่ได้ แทนที่จะมองโลกในแง่ร้าย, ก็ทุ่มเท กำลังและพลังงานให้กับความคิดทางบวก ณ ปัจจุบันเสีย
๓.อย่าทำอะไรเกินกว่าที่ตัวเองทำได้...รู้ว่าขีด จำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน
๔.อย่าเอาจริงเอาจังกับตัวเองนัก เพราะคนอื่นเขาไม่ได้ซีเรียสกับคุณเท่าไหร่หรอก
๕.อย่าเสียเวลาและพลังงานอันมีค่าของคุณกับ เรื่องหยุมหยิมหรือเรื่องซุบซิบ....นอกเสียจากว่ามันจะทำให้คุณผ่อนคลายได้ อย่างจริงจัง
๖.จงฝันตอนตื่นมากกว่าตอนหลับ
๗.ความรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า ๆ ปลี้ ๆ...คิดให้ดีก็จะรู้ว่าคุณมีทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องมีแล้ว
๘.ลืมเรื่องขัดแย้งในอดีตเสีย และอย่าได้เตือนสามีหรือภรรยาคุณเกี่ยวกับความผิดพลาดในอดีตของอีกฝ่ายหนึ่ง เลย เพราะมันจะทำลายความสุขปัจจุบันของคุณ
๙.ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่เราจะไปโกรธเกลียด ใคร...จงอย่าเกลียดคนอื่น
๑๐.ประกาศ สงบศึกกับอดีตให้สิ้น, จะได้ไม่ ทำลายปัจจุบันของคุณ
๑๑.ไม่มีใคร กำหนดความสุขของคุณได้นอกจากคุณเอง
๑๒.จงเข้าใจ เสียว่าชีวิตก็คือโรงเรียน คุณมาเพื่อเรียนรู้ และปัญหาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักสูตรซึ่งมาแล้วก็หายไป...เหมือนโจทย์วิชา พีชคณิต...แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้นั้นอยู่กับคุณตลอดชีวิต
๑๓.จงยิ้มและหัวเราะมากขึ้น
๑๔.คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถกแถลงกับคน อื่นหรอก...บางครั้งก็ยอมรับว่าเราเห็นแตกต่างกันได้...เห็นพ้องที่จะเห็น ต่างก็ไม่เห็นเสียหายแต่อย่างไร

 

แล้วเราควรจะมีทัศนคติอย่างไรต่อชุมชนและคนรอบข้างเราล่ะ?

๑.อย่าลืมโทรฯหาครอบครัวบ่อย ๆ
๒.จงหาอะไรดี ๆ ให้คนอื่นทุกวัน
๓.จงให้อภัยทุกคนสำหรับทุกอย่าง
๔.จงหาเวลาอยู่กับคนอายุเกิน70 และต่ำกว่า6 ขวบ
๕.พยายามทำให้อย่างน้อย3 คนยิ้มได้ ทุกวัน
๖.คนอื่นเขาคิดอย่างไรกับคุณไม่ใช่ เรื่องของคุณสักหน่อย
๗.งานของคุณไม่ดูแลคุณตอนคุณป่วยหรอก แต่ครอบครัวและเพื่อนคุณต่างหากเล่าที่จะดูแลคุณในยามคุณมีปัญหาสุขภาพ ดังนั้น, อย่าได้ห่าง เหินกับคนใกล้ชิดเป็นอันขาด

และถ้าหากสามารถดำรงชีวิตให้มีความ หมายได้, ก็ควรจะทำดังต่อไปนี้

๑.ทำสิ่งที่ควรทำ
๒.อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์, ไม่สวย, ไม่น่ารื่นรมย์, จงทิ้งไปเสีย...เก็บไว้ทำไม?
๓.เวลาและพระเจ้าย่อมรักษาแผลทุกอย่างได้
๔.ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือเลวปานใด, เดี๋ยวมันก็เปลี่ยน
๕.ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรในตอนเช้าของทุกวัน, จงลุกจากเตียง, แต่งตัวและ ปรากฎตัวต่อหน้าคนที่เราร่วมงานด้วย...get up, dress up and show up.
๖.สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง
๗.ถ้าคุณยังลุกขึ้นตอนเช้าได้, อย่าลืมขอบคุณพระเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือเสียด้วย
๘.เชื่อเถอะว่าส่วนลึก ๆ ในใจของคุณนั้นมีความสุขเสมอ...ดัง นั้น, ส่วนนอกของคุณทุกข์โศกไป ทำไมเล่า?<!-- google_ad_section_end -->

 

ขอบคุณค่ะพี่หนอน อ่านหลักสูตรของพี่โพสไว้หายเครียดเลยค่ะ

 

ยอดเยี่ยมไปเลยครับพี่หนอน ขออนุญาต copy ไปใช้นะครับ

 

สูตรคิดบวกจริง ๆ อิ อิ คุณหนอน แวะมาทักทายค่ะ อิ อิ

 

555
ชีวิตคิดแต่บวก ก็ถือ เป็นบวกกำไรชีวิตครับ