ทำไมคนที่กตัญญูเลี้ยงดูพ่อแม่ ยังลำบากอยู่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย NCK2046, 12 เมษายน 2007.

  1. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    เลี้ยงคุณแม่อยู่เช่นกันค่ะ ดูแลท่านมาตลอดนานเกือบ 20 ปี อยากได้อะไรจะเอาอะไรสรรหาให้ไม่เคยตกหล่นทั้งๆที่บางครั้งเหนื่อยมาก และคิดน้อยใจ เข้าใจคุณเจ้าของกระทู้นะค่ะคิดเหมือนคุณ รู้สึกเหมือนคุณว่าเมื่อไหร่หนอผลแห่งกรรมดีจะสนอง ตอนไหนที่ชีวิตจะดีขึ้นเพราะบางครั้งการเป็นผู้นำ เป็นหัวหน้าครอบครัวรู้สึกลำบากมากเลย แต่ไม่รู้สึกท้อ เพราะรักแม่ ทำเพื่อแม่ ท่านก็คงอยู่กับเราได้ไม่นาน ตอนนี้ตอบแทนพระคุณท่านได้ก็ทำไปเถอะ ไม่ว่าจะเหนื่อยยาก ลำบากไงก็ต้องทำ ชีวิตนี้ต้องสละได้เพื่อแม่

    แต่อย่างต่างชาติเขาไม่ได้คิดเหมือนเรา เจ้านายบอกชีวิตทั้งชีวิตยูต้องให้แม่ยูหมด แล้วชีวิตส่วนตัวยูหายไปไหน พยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ เขาก็บอกว่ามันไม่ใช่การทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิต เราต้องมีเวลาให้กับชีวิตตัวเองบ้างไม่งั้นจากรักแม่ก็จะกลายมาเป็นเกลียดเพราะเราให้มากไป เขาก็เลยเล่าว่าเขาออกจากบ้านตั้งแต่วัยรุ่น ออกจากแม่เขามา น้องชายเขาเป็นคนดูแลแม่ น้องชายเขารักแม่มากก็ดูแลแม่มาตลอด 30 กว่าปี แต่ตอนนี้น้องชายเขากับเกลียดแม่มาก เพราะ 30 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีชีวิตที่เป็นตัวของตัวเอง ชีวิตมีแต่แม่ตลอด เช้า สาย บ่าย เย็น จนเขาเครียด ขนาดเขาเป็นผู้ชายเขายังต้องอยู่ดูแลแม่ขนาดนั้น แต่ความรู้สึกเขาก็เริ่มเปลี่ยนเมื่อเขาเห็นว่าวันและเวลาของเขาผ่านไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อตัวเองเลย นอกจากแม่

    หยิบยกมาให้ฟังเพื่อให้ทุกท่านได้รับรู้่ว่าสำหรับเราคนไทยความกตัญญูคือเรื่องที่ยิ่งใหญ่ แล้วทำได้ไม่ใช่ง่ายๆ ถ้าไม่มีใจรักที่จะกตัญญูจริงๆก็คงทำได้ไม่นาน ก็ขอเป็นกำลังใจให้ลูกกตัญญูทุกท่าน เลี้ยงดูพ่อแม่เราให้ดี ไม่ว่าผลจะออกมายังไง ก็ยังเชื่อว่า ความเป็นคนกตัญญูย่อมตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ใหม้ค่ะ
     
  2. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ดีชาตินี้ แต่บาปมาหลายชาติครับ ดังนั้นชาตินี้เร่งใช้กรรม เพราะเสวยวาระกรรมอยู่

    แต่ต่อไปจะเสวยวาระบุญที่ดูแลแม่ในขณะนี้ครับ อดทนไปก่อนละกัน

    โมทนา
     
  3. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สิ่งที่ท่านทำอยู่ปัจจุบันประเสริฐอยู่แล้วนะครับ ผมเองกราบอนุโมทนาด้วยนะครับ
    ชาตินี้คือ ผล ของชาติที่แล้วครับ
    ชาติที่แล้วไม่เคยทำมาก็ต้องลำบากนะครับ อย่าคิดมากเลยนะครับ
    ลองอ่าน สมเด็จพุฒาจารย์โตเทศน์ ดูนะครับ

    " บุญเราไม่เคยสร้าง...ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า ... "
    " ลูกเอ๋ย ก่อนที่จะเข้าไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือบารมีของตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่ไปเที่ยวขอยืมมาจนพ้นตัว...เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมดไม่มีอะไรเหลือติดตัว...แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้...แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง..." จงจำไว้นะ... เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้... ครั้นเมื่อถึงเวลา... ทั้วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่... จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลยจะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า
     
  4. J47

    J47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +3,405


    อนุโมทนากับพี่ต้นด้วยนะครับ

    ท่าน จขกท....ครับ ลองอ่านพุทธประวัติเรื่องนี้ดูนะครับ ท่านอ่านแล้วท่านเองคงจะไม่คิดน้อยใจเลยครับ สาธุ

    มาณพหนุ่มผู้เข็ญใจ
    กาลครั้งนั้นยังมีมาณพหนุ่มผู้ยากจนเข็ญใจคนหนึ่ง เมื่อถึงกาลชนมายุเจริญวัยแล้ว มารดาบิดาจึงคิดจะปลูกฝังแต่งตั้งให้มีครอบครัวตามประเพณี แต่มาณพนั้นมิได้มีความปรารถนาด้วยประมาณตัวว่าตนเป็นคนยากจน ครั้นชนกชนนีรบเร้าเฝ้ารำพันปลอบ จึงตอบว่า

    “ข้าแต่พ่อแม่ทั้งสอง ทุกวันนี้ทรัพย์สมบัติอันหนึ่งอันใดที่มีค่าในเรือนของเราก็มิได้มี เพราะว่าเราเป็นคนเข็ญใจ ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงยังมิพอใจจะมีเหย้ามีเรือน เมื่อมาดาบิดาทั้งสองยังครองชีวิตอยู่ตราบใด ข้าพเจ้าก็จักอุปฐากบำรุงเลี้ยงไปตามประสายาก จนกว่าชีวิตข้าพเจ้าจะหาไม่” เมื่อให้คำตอบดังนี้แล้ว ก็ทำการงานเลี้ยงดูท่านทั้งสองเป็นนิตย์ ครั้นจำเนียรกาลนานมา ท่านบิดาก็ถึงแก่กรรมไปตามธรรมดาของสังขาร

    ตั้งแต่นั้นมา มาณพหนุ่มก็มิได้มีความประมาท หมั่นระวังระไวเอาใจใส่อภิบาลมารดาด้วยความรัก เที่ยวแสวงหาหักไม้ในอรัญพอแก่ความต้องการแล้วก็มามาขายได้มูลค่าเท่าใดก็จ่ายจัดเครื่องภัตตาหารได้แล้วก็นำมาอุปฐากบำรุงเลี้ยงมารดาเป็นกิจวัตรตลอดมาทุกวิวากาล

    วันหนึ่งมาณพหนุ่มผู้ยากไร้นั้น ครั้นเสร็จการเรือนแล้วก็เข้าไปสู่อรัญประเทศเข้าหาฟืนแลผักได้มากเหลือกำลัง นำกลับมาในระหว่างทางก็ให้เหนื่อยกายกระหายหิวน้ำนัก จึงแวะเข้าอาศัยพักนั่งอยุ่ริมฝั่งน้ำใต้ต้นไทรใบดกหนาแห่งหนี่งใกล้ท่าเรือสำเภา นึกในใจว่า จักเอนกายพอคลายเหนื่อยสักหน่อยจึงจะค่อยเดินทางกลับบ้านต่อไป แล้วก็เอนกายระงับหลับม่อยไปครู่หนึ่ง พอตื่นขึ้นมาเหลือบไปเห็นเรือสำเภาจึงเกิดความคิดอันบรรเจิดจ้าคำนึงไปว่า

    “อา บัดนี้ เรากำลังเป็นคนหนุ่มอยู่ในปฐมวัน มีกำลังกายอุดมดี จึงอาจแสวงหาผักฟืนอันเป็นงานหนักถึงเพียงนี้ได้ก็เมื่อกายแก่ชราล่วงกาลนานไปถอกกำลังแล้วก็ดี เราจักมีความสามารถประกอบการงานอันหนักอย่างที่กำลังกระทำอยู่ทุกวันนี้ได้หรือ จำเราจะคิดขยับขยายหาทางประกอบอาชีพเสียใหม่เข้าไปหานายสำเภานั้นแล้วของานทำเพื่อนำค่าจ้างมาเลี้ยงดูมารดา เช่นนี้น่าจะเป็นการดี” ครั้นคิดดังนี้แล้วจึงผันผายเข้าไปหาพ่อค้าผู้ใหญ่นายสำเภา แล้วกล่าวขึ้นว่า

    “ข้าแต่นาน กาลบัดนี้ ข้าพเจ้าซึ่งมีความยากจนเข็ญใจนัก จึงเซซังสู่สำนักท่านด้วยหวังใจว่า ถ้าท่านอนุเคราะห์ข้าพเจ้าได้ ข้าพเจ้าก็จักขอทำงานอยู่กับท่านด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต่อไป”

    ฝ่ายนายสำเภาผู้ใหญ่ ครั้นได้ฟังวาจาของมาณพหนุ่มมาอ้อนวอนของานทำเช่นนั้นก็พลันให้เกิดความสงสาร กอปรทั้งได้เห็นรูปร่างของมาณพหนุ่มดูอุดมไพบูลย์ไปด้วยกำลังกายอาจทำงานต่างๆ ได้โดยง่าย จึงตกลงใจอนุเคราะห์เร่งรับคำโดยเร็วว่า

    “เออ พ่อนี้ร่างกายก็ดี ทั้งมีปัญญาพูดจาก็คมสันสมควรอยู่ มาเถิดเราจักรับอนุเคราะห์ จะต้องการค่าจ้างเท่าไร เราจักให้ตามต้องการอีกทั้งเสบียงอาหาร เมื่อต้องการก็จงเอาไปก่อนเถิด เราจะรับเลี้ยงเจ้าไปตายเท่าวันมรณะ เจ้าอย่าได้คิดรังเกียจเลย”

    มาณพหนุ่มคนเข็ญใจ เมื่อได้รับอนุเคราะห์เช่นนั้นก็มีจิตยินดีนักหนา กล่าวคำอำลาแล้วเดินนึกสรรเสริญคุณนายเรือสำเภาพ่อค้าใหญ่ไปพลาง จนมาถึงร่มไทรที่พัก เพื่อจะนำผักและฟืนไปขายเสียก่อนก็กลับวิตกไปอีกว่า

    “หากเราจะไปต่างประเทศกับพวกพ่อค้าพานิชในเรือสำเภา มารดาเราอยู่ข้างหลังใครจักอภิบาลบำรุงเลี้ยงดูเล่า เรานี้น่าจะเป็นคนคิดผิดเสียในครั้งนี้กระมังหนอ แต่จะอย่างไรก็ตามจำเราจะต้องไต่ถามบอกความแก่มารดาดูเสียก่อน แล้วจึงจะค่อยผ่อนผันตามสมควรในภายหลัง” คิดดังนี้แล้วก็ยกภาระอันหนักนั้นขึ้นใส่บ่าไปขาย ได้มูลค่าแล้วก็จับจ่ายภัตตาหารกลับมาสู่เรือน ประกอบสรรพกิจที่เคยทำมา ครั้นมารดาบริโภคอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงเข้าไปกราบกรานเล่าเรื่องที่ตนคิดจะไปทำงานกับพวกพานิชย์ยังต่างประเทศให้ฟัง....
     
  5. J47

    J47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +3,405
    ต่อครับ

    ฝ่ายชนนีของมาณพหนุ่มนั้น ครั้นได้ฟังวาจาของปิยบุตรสุดที่รักบอกว่าจักใคร่ไปทำงานเพื่อหวังความก้าวหน้า จะกล่าวห้ามปรามเสียก็ไม่สมควร จึงกล่าวว่า

    “ดูกรพ่อผู้ปิยบุตร ทุกวันนี้ชีวิตแม่ย่อมเนื่องอยู่กับเจ้าผู้เป็นลูกรัก เพราะฉะนั้นเจ้าจะไปที่ไหนก็จงไปตามใจเถิดแต่ว่าขอให้แม่นี้ได้ไปกับเจ้าได้อยู่ใกล้ๆ เจ้าเสมอก็แล้วกัน”

    มาณพหนุ่มได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีกึ่งวิตก จึงรีบลามารดาไปที่ท่าเรือสำเภา เข้าไปหานายพานิชผู้ใจดีแล้วแจ้งความว่า

    “ข้าแต่ท่านผู้มีจิตกรุณา บัดนี้การที่ข้าพเจ้าจะทำงานในเรือไปกับท่านยังต่างประเทศนั้น ข้าพเจ้าจะไปแต่ตัวคนเดียวหาได้ไม่ ถ้าท่านมีความกรุณา ขอจงอนุญาตให้ข้าพเจ้าพามารดาไปด้วยเถิด แท้จริงมารดาของข้าพเจ้านั้นเป็นคนชราอนาถาหาที่พึ่งมิได้ บุตรธิดาคณาญาติผู้ใดใครผู้หนึ่งนอกจากข้าพเจ้าแล้วที่จะบำรุงอุปัฏฐากเป็นไม่มีเลย ข้าพเจ้าจึงไม่อาจสละทิ้งมารดาทิ้งมารดาได้แค่เดียวดายได้”

    ฝ่ายนายสำเภาได้ฟัง ก็ยิ่งมีจิตกรุณานักหนา จึงตอบเป็นทีมธุรวาทีว่า

    “ดูกรพ่อผู้เจริญ เออ พ่อนี้ก็เป็นคนดีมีกตัญญูรู้คุณอุตส่าห์ชุบเลี้ยงมารดาอยู่ด้วยหรือ เออดีแล้ว จงพามารดาไปด้วยเถิด เราจะรับอุปการะทั้งสิ้นโดยสุจริตใจ เพราะรักใคร่ในน้ำใจจริงๆ อย่าวิตกกังวลไปเลย”

    มาณพก็มีจิตโสมนัสยินดี อัญชลีกรกล่าวขอบคุณนายพานิช แล้วรีบมายังเรือนของตน แจ้งความแก่มารดาให้ทราบแล้วก็เลือกเก็บทรัพย์สมบัติอันไม่ค่อยจะมีค่านัก รวบรวมได้ห่อหนึ่ง แล้วจึงพามารดาของตนสู่สำนักของนายสำเภา ครั้นได้เวลาเรือออกจากท่าจะไปยังต่างประเทศแล้ว นายสำเภาผู้มีใจกรุณาก็มอบหมายหน้าที่ให้นายมาณพหนุ่มนั้นทำตามกำลังความสามารถ มาณพนั้นก็มิได้ประมาทอุตสาหะประกอบกิจทุกประการเป็นอันดี

    เมื่อเรือสำเภาแล่นไปในมหาสมุทรทะเลใหญ่ประมาณได้ 7 วัน สำเภานั้นต้องลมพายุใหญ่เหลือกำลังก็เลยถึงซึ่งความอัปปางทำลายล่มจมลงในท้องมหาสมุทร บรรดามนุษย์พานิชนิกรทั้งหลายรวมทั้งนายสำเภาผู้ใจดีก็สิ้นชีวิตถึงแก่มรณาเป็นภักษาแห่งเต่าปลาทั้งหลายในมหาสมุทรนั้น

    ฝ่ายมาณพหนุ่ม เมื่อพบประสบการณ์อันร้ายแรงเช่นนั้นก็ตั้งสติมั่นจัดแจงแต่งตัวให้ทะมัดทะแมงเป็นอันดี พอได้ทีก็โลดโผนโจนออกไปจากเรือที่กำลังอัปปางเพื่อรักษาชีวิตแห่งตนไว้ ครั้นแล้วรำลึกได้ถึงมารดาจึงเหลียวหลังกลับมาแลดู ก็บังเอิญให้เห็นมารดายังไม่ตาย ยังเหนี่ยวต้นไม้หักห้อยตัวอยู่จึงดีใจนักหนา ว่ายน้ำกลับมารับมารดาให้นั่งเหนือคอของตนแล้วก็พาว่ายน้ำไปในมหาสมุทร แม้ว่าจะแลเห็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่สุดวิสัยไม่เห็นฟากฝั่งจะข้ามไปให้รอดชีวิตได้ ถึงกระนั้นก็มิได้ย่อท้อถอยความเพียรเสีย แม้จะเพลียแสนเพลียเหน็ดเหนื่อยนักหนา ก็สู้อุตสาหะอดทนต่อต้านทานกำลังน้ำเชี่ยวเค็มเต็มไปด้วยคลื่น ด้วยน้ำใจเด็ดเดี่ยวมากไปด้วยความพยายามอดทนเป็นยิ่งนัก เพื่อที่จักนำมารดาไปให้รอดชีวิตให้จงได้

    กล่าวฝ่ายท้าวสุทธาวาสมหาพรหมอนาคามี ซึ่งสถิตอยู่ ณ ชั้นอกนิฎฐภพพรหมโลกโพ้น เพื่อคอยแลเล็งเพ่งดูหมู่สัตว์ประสงค์จะเลือกคัดจัดสรรผู้มีหฤทัยองอาจเต็มไปด้วยอุตสาหะใหญ่ใจกล้าสามารถที่จะกระทำพุทธการกธรรมได้ คราวนั้นทอดทัศนาลงมาเห็นมาณพผู้กำลังแบกมารดาว่ายน้ำอยู่ในมหาสมุทร จึงดำริว่า “โอ บุรุษนี้เป็นมหาบุรุษโดยแท้ ดูรึ ไม่เอื้อเฟื้อย่นย่อต่อมหาสมุทรอันสุดลึกซึ้งกว้างไกล สู้อดทนพยายามว่ายน้ำ เพื่อพามารดาให้ข้ามพ้นบรรลุถึงฝั่งก็บุคคลผู้มีใจพยายามมั่นคงเต็มไปด้วยอุตสาหะใหญ่เห็นปานนี้ จึงควรนับว่าเป็นผู้สามารถเพื่อที่จะบำเพ็ญพุทธการกธรรมให้สำเร็จลุล่วงไปได้” เมื่อท้าวมหาพรหมผู้วิเศษคำนึงฉะนี้แล้ว ก็เข้าดลจิตให้มาณพหนุ่มนั้นปณิธานปรารถนาซึ่งพระพุทธภูมิ

    เวลานั้น มาณพหนุ่มผู้ซึ่งมีน้ำใจเด็ดเดี่ยวอดทนเป็นมหาบุรุษ เมื่อแบกมารดาว่ายอยู่ในหมู่คลื่นอันมีกำลังกล้าซัดซ่ามาปะทะประหารจึงให้เกิดอาการอ่อนเพลียเหน็ดเหนื่อยนักหนา ก็จมลงไปในมหาสมุทรหน่อยหนึ่งแล้วก็โผล่ขึ้นมาอีก ในเวลานาทีอันเลวร้ายใกล้มรณะ ด้วยเดชะอำนาจแห่งนำหฤทัยที่ท้าวมหาพรหมผู้วิเศษให้นึกนั้น ก็บังเกิดความคิดขึ้นมาว่า

    “ถ้าตัวเราถึงแก่ชีวิตพินาศขาดสูญลงไปในท้องมหาสมุทรทะเลใหญ่พร้อมกับมารดา ณ กาลบัดนี้ ขอกุศลที่เราแบกมารดาว่ายน้ำในมหาสมุทรด้วยความเหน็ดเหนื่อยนักหนานี้ จงเป็นปัจจัยให้ถึงซึ่งพระโพธิญาณ ขอเราพึงอาจนำสัตว์ทั้งหลายที่เวียนว่ายในวัฏสงสารให้ข้ามพ้นลุถึงฝั่งโน้น คือ อมตมหานิพพาน”

    ครั้นคิดดังนี้แล้ว มาณพหนุ่มนั้นก็ตั้งปณิธานซ้ำลงไปอีกว่า

    “เมื่อเราเปลื้องตนออกพ้นจากวัฏสงสารแล้ว ขอเราพึงนำสัตว์ทั้งหลายให้เปลื้องตนพ้นจากวัฏสงสารด้วยเถิด อนึ่ง เมื่อเราข้ามจากวัฏสงสารได้แล้วขอให้เราพึงนำสัตว์ทั้งหลาย ข้ามพ้นจากวัฏสงสารได้ด้วยเถิด”

    เมื่อนึกปณิธานดังนี้แล้ว ก็ให้เกิดอัศจรรย์ พละกำลังที่จวนจะหมดสิ้น ก็พลันเกิดมีขึ้นมาอีกด้วยกำลังแห่งพรหมอนุเคราะห์ มาณพหนุ่มนั้นจึงอุตสาหะแบกมารดาว่ายน้ำข้ามมหาสมุทร สองสามวันก็บรรลุถึงฝั่ง พอพามารดาขึ้นฝั่งได้แล้ว ก็เข้าไปอาศัยบ้านแห่งหนึ่งอยู่ ทำงานเลี้ยงชีวิตด้วยความยากจนสืบไป ครั้นถึงแก่กาลกิริยาสิ้นชีวิต กุศลก็ส่งให้ได้ขึ้นไปอุบัติเกิดในสวรรค์สุคติภูมิ

    ชีวประวัติของมาณพหนุ่มเข็ญใจนี้ แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดั้งเดิมเริ่มแรก เพื่อต้องการพระพุทธภูมิขององค์สมเด็จพระสรรเพชญ์มิ่งมกุฏศรีศากยมุนีโคดม บรมครูเจ้าแห่งเราทั้งหลาย คือ พระองค์เริ่มตั้งปณิธานความปรารถนาครั้งแรก ตั้งแต่ปางเมื่อเสวยพระชาติเป็นมาณพหนุ่มแบกมารดาว่ายข้ามมหาสมุทรที่เล่ามานี้ แล้วต่อจากนั้น พระองค์ท่านก็มีหฤทัยมั่นคงตั้งความปรารถนาในทุกๆ ชาติที่เกิดเริ่อยมาไม่เปลี่ยนแปลงก็เป็นอันแสดงว่า พระองค์ทรงเริ่มเป็นพระโพธิสัตว์ตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา เพราะทรงปรารถนาพระพุทธภูมิหรือพุทธภาวะซึ่งเป็นคุณอันยิ่งใหญ่แล้ว ฉะนั้นต่อแต่นี้ไป จะเรียกคำแทนชื่อพระองค์ว่า พระโพธิสัตว์ ในพระชาติต่างๆ ที่จะนำมาเล่าต่อไปนี้เป็นส่วนเล็กน้อยที่พระองค์เกิดเท่านั้น อย่าพลันเข้าใจว่าพระองค์เกิดเพียงไม่กี่ชาติเท่าที่เล่ามานี้เป็นอันขาด ความจริง พระองค์เกิดเป็นพระโพธิสัตว์สร้างบารมีมากมายจนนับพระชาติไม่ถ้วน ไม่สามารถจะประมวลมาให้สิ้นสุดลงได้ จะยกย่องเอาแต่บางพระชาติมาเล่าไว้ในที่นี้เท่านั้น เมื่อได้ทำความเข้าใจเป็นอันดีเช่นนี้แล้ว ก็จะขอเล่าเรื่องการสร้างพระบารมีของสมเด็จพระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไป
     
  6. jiwcrop

    jiwcrop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +792
    ครับ เป็นตามที่คุณคมน์กล่าวครับ

    และให้คิดเสียว่า ความยากลำบากที่เราเจออยู่นั้น เป็นผลของวิบากกรรม อาจจะเป็นข้อ อทินนาทาน

    แต่มูลเหตุที่จขกทกระทำเป็นประจำปัจจุบันคือ การกตัญญู เป็นสิ่งที่ดีมากๆ พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ

    แต่มูลเหตุที่ทำให้มีเงินมีทอง ก็มาจากการทำทานบริสุทธิ์ ครบองค์ประกอบ สามประการครับ

    การกตัญญู เป็นสิ่งดีมากๆครับ แต่ขอแนะเพิ่มเราควรทำให้ถึงพร้อมทั้งทาน ศีล และภาวนา ให้ถึงพร้อมสม่ำเสมอตลอดด้วยนะครับ

    ตอนนี้ ก็เหมือนบททดสอบ ของคุณ ถ้าผ่านไปได้ก็ จะได้สบายครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2010
  7. taroma

    taroma Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2007
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +48
    มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ
     
  8. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    ให้กำลังใจค่ะ แลอนุโมทนากับทุกความเห็น

    อยากถามเจ้าของเรื่องว่า

    คุณคิดว่าคนรวยที่มีอำนาจมีทรัพย์มากๆ กตัญญูต่อบุพการีของเขา
    กับคนจน(อย่างเรา)กตัญญูต่อบุพการีของเราเช่นกันเลย

    เรื่องของกรรมพระพุทธองค์ทรงตรัสว่าความพยายามมากก็มีอานิสงค์มากความพยายามน้อยอานิสงค์น้อย

    แล้วคุณคิดว่า คนจนอย่างเราส่วนใหญ่ ตอนกตเวทิตาต่อผู้มีคุณแน่นอนว่าความพยายามของเรา กำลังใจ ความมุ่งมั่น ความเสียสละของเรามันน่าจะจับใจและมีอานิสงค์ที่หนักแน่นดีนะ

    ดังนั้น
    คนรวยก็ดีมีโอกาสการสร้างทานได้มาก
    คนจนก็มีโอกาสมากด้วยอย่างหนึ่งคือจะสร้างทานบารมีเมื่อใดก็จำต้องบำเพ็ญปัญญาบารมี ความขันติ ฯลฯ ไปด้วย

    ดังนั้น
    เราได้เปรียบนะคะคุณ

    อ่านข้อความนี้แล้วขอให้รีบดีใจเลยนะคะ ๕๕๕


     
  9. Peet

    Peet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +324
    ชีวิตของพระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญบารมี
    ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆหรอกครับ
    ต้องบำเพ็ญบารมีครบทั้งสิบทัศสามระดับ
    รวยง่ายๆ รวยเร็วๆมันไม่ได้บำเพ็ญบารมีน่ะนะ
     
  10. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,646
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,019
    ขอให้อดทนเเละหมั่นทําความดีเข้าไว้สมํ่าเสมอครับ ทําดีได้เเน่นอนครับ อย่ายอมเเพ้ครับ เป็นกําลังใจให้ครับ บางทีเเรงของกรรมดียังมาไม่ถึงครับหรือไม่ก็ยังมาไม่เต็มที่ครับ หรือไม่ก็กําลังโดนทดสอบอยู่ครับ อย่าลืมว่า คนเราผ่านการเกิดมากันหลายชาติเเล้วกครับ เราต้องเึคยทั้งทําดีเเละไม่ดีมาไม่รู้กี่ชาติ อย่าเพิ่งกังวลไปครับ เรื่องตอบเเทนพ่อเเม่นีี่ อานิสงส์เเรงเเน่นอนครับ ขอให้ทําต่อไปครับ เมื่อถึงเวลาเเล้ว ต่อให้เอาอะไรมาก็ฉุดไม่อยู่ครับ NCK2046 ให้ดีคุณ NCK2046 ก็หันมาปฏิบัติจะดีมากครับ ปฏิบัติเเล้วก็เเผ่ให้พ่อเเม่เเละทุกสรรพสิ่ง เจ้ากรรมนายเวรของเรา เทวดาที่ปกป้องคุ้มครองตัวเราในทุกๆวันครับ ผมนําวิธีการปฏิบัติมาให้คุณ NCK2046 อ่านเเละฟังเเล้ว อ่านเเละฟังได้ตามที่ผมให้มาเเล้วนําไปปฏิบัติได้เลยครับ เจริญในธรรมครับ

    วิธีนั่งสมาธิขั้นเบื้องต้นของหลวงพ่อฤาษีลิงดํา

    http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=420

    อุปสรรคและวิธีแก้ไขในการทำสมาธิ

    http://www.buddhism-online.org/board...hp?topic=891.0

    เวปเรียนปริยัติธรรม on line เรียนฟรีครับ เข้าไปในเวปเเล้วดูที่ขวามือครับ จะมีบทเรียนอยู่ หากสนใจก็ลงทะเบียนเป็นนักเรียนเเละทําข้อสอบได้เลยครับ ลองเรียนดูนะครับ จะได้เข้าใจถึงเเก่นเเท้ของพระพุทธศาสนาครับ

    http://www.buddhism-online.org/web/

    ชั้นของสมาธิ ( ฟังกันหลงเรื่องนิมิตในสมาธิ )

    http://palungjit.org/threads/%E0%B...8%B4.1589/

    อาการของปีติ

    http://palungjit.org/threads/%E0%B...8%B4.1649/

    ส่วนเรื่องของการวิปัสสนา ผมขอเเนะนําหนังสือ 2 เล่มนี้ให้ไปอ่านครับ จะได้ปฏิบัติในด้านของการวิปัสสนาได้อย่างถูกต้องครับ

    1. หนังสือวิปัสสนาภูมิ

    เล่มนี้เป็นวิธีสอนการวิปัสสนาอย่างถูกต้อง เข้าไปในเวปที่ให้มาเเล้วเลื่อนลงไปเรื่อยๆจะเจอหนังสือครับ เจอเเล้ว download ได้เลยครับ อนุโมทนาครับ

    http://www.kanlayanatam.com/booknaenam_.htm

    2. หนังสือ สติปัฏฐาน ๔ ( หนังสือเล่มนี้สอนให้เราดูจิตของเราอย่างถูกต้องครับ ใครดูจิตได้ตามในหนังสือนี้ การบรรลุธรรมอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมเเน่นอน )

    เ้้ข้าไปเเล้วค่อยๆเลื่อนลงเเล้วหาดูครับ อยากให้อ่านครับ จะได้นําไปปฏิบัติได้อย่างถูกทางครับ

    http://www.kanlayanatam.com/booknaenam.htm

    ขอฝากวิธีทําสังฆทานทุกวันด้วยตัวเองที่บ้านให้ไปทําด้วยครับคูณ NCK2046 จะได้ทําเองที่บ้านเเล้วเเผ่เมตตาส่วนกุศลให้กับพ่อเเม่เเละทุกคนได้ครับ

    วิธีทําสังฆทานทึ่บ้านเองทุกวัน ดีมากครับ นําไปใช้ได้เลยครับ อานิสงส์เเรงมากครับ

    http://www.buddhism-online.org/board/index.php?topic=570.0

    http://www.buddhism-online.org/board/index.php?topic=124.0
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2010
  11. lovekling

    lovekling เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +135
    ผมเชื่อว่าซักวันความดีต้องตอบแทนครับ เหมือนแม่ผมครับ ดูแลยายช่วยยายทำขนมขายตั้งแต่เด็ก ๆ ลำบากมาตลอดจนอายุ 50 ตอนนี้ 53 ได้เป็นหัวหน้าคน เป็นคนที่นายไว้ใจที่สุด ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ และ ในประเทศตลอด เคยบ่นเครียดเรื่องงาน เดี๋ยวนี้แม่ผมสามารถทำงานได้อย่างมีความสุขมากครับ ผมว่าซักวันความกตุญญูต้องส่งผลดีให้แน่นอนครับ

    เป็นกำลังใจให้นะครับ
     
  12. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ทำความดีเพิ่ม ใช้ความลำบากเก่าแล้ว
    เดี๋ยวก็ได้ใช้ความดีแล้ว ความลำบากก็หมดไปละ
    ทุกข์ถือไว้ ก็ทุกข์นั่นละ
    เอาความสบายใจในขณะจิตไว้ก่อนดีกว่า
     
  13. @^น้ำใส^@

    @^น้ำใส^@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    2,330
    ค่าพลัง:
    +4,674
    การที่แม่คุณมีคุณเป็นลูกก็ถือว่าเป็นกุศลที่ท่านได้สร้างมา ท่านกตัญญู ก็ได้ลูกที่กตัญญูเช่นกัน เราคิดว่าท่านก็มีความสุขมากแล้ว คนเราจะเอาอะไรกับชีวิตมาก แค่มีคนที่เรารัก รักเรา ดูแลกันไปตลอดก็พอแล้ว

    ทุกสิ่งล้วนเกิดจากเหตุปัจจัย ไม่เที่ยงแท้

    เป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปนะคะ ^^
     
  14. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    ทำดีย่อมได้ดี เป็นแน่แท้
    เชื่อได้เลยค่ะ ทำดีต่อไปนะคะ
    อย่าท้อในการทำดีค่ะ
    ซักวันต้องเป็นของคุณ
     
  15. vanil

    vanil Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +73
    สู้ๆนะคะ เชื่อมั่นในกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว การทำดีที่ยิ่งใหญ่หลายๆครั้งก็ต้องการความเข้มแข็งอดทนนะคะ สู้ต่อไปนะคะเอาใจช่วยค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 98541c4.jpg
      98541c4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      114.8 KB
      เปิดดู:
      58
  16. kjkjkj

    kjkjkj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +139
    ทำไมคนที่กตัญญูเลี้ยงดูพ่อแม่ ยังลำบากอยู่ /(-*-)\

    ก็คนคนนั้นเค้าไม่ทำมาหากินอะ ถ้าอยากสบายในอัตภาพมนุษย์ก็ต้องมีเงินเยอะๆ ที่ดินเยอะๆ

    ไม่ทำงาน ไม่ขวนขวาย ต่อให้เป็นคนดี ขนาดไหนชีวิตก็ลำบาก

    เอาเงินไปทำบุญหมด มันก็ได้ตอนตาย กับชาติหน้าละ ชาตินี้ไม่ต้องกินอะไรกัน

    ก็ไม่รู้จักทำมาหากินเองอ่าา โทษสวรรค์ โทษเทวดาที่ไหนได้ ญาติพึ่งไม่ได้ก็ต้องพึ่งตนเองนะคับ อิอิ

    แต่ถ้าอยากเป็นเศรษฐี มีคาถา ขยันหา ขยันเก็บ อดออม เก็บเพื่อนดีไม่คบเพื่อนผลาญเงิน
     
  17. ศรัทธานนท์

    ศรัทธานนท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +114
    ท่านผู้เจริญ หากท่านเหนื่อยจาการทำความดีขอให้ท่านอย่าท้อเป็นเด็ดขาด ถ้าหากท่านความดีแล้วอยากเห็นผลนั้น งั้นก็แปลว่าท่านยังต้องเป็นทุกข์และกังวลกับการหวังผลนั้นอยู่
    การปลงในความดีนั้นเป็นการช่วยท่านได้ในขณะนี้อย่างดีที่สุด เพราะจะทำให้จิตของท่านไม่ได้แบกรับภาระอีกต่อไป

    ปล.คนเราเกิดมาบางคนก็เกิดมาใช้กรรม บางคนเกิดมาก็เพื่อมาบำเพ็ญบารมี
     
  18. beautiful soul^^

    beautiful soul^^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +316
    เข้ามาเป็นกำลังใจให้คะ สุ้ๆค่ะอย่าท้อกับการทำดี
     
  19. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676

    หัดอดทนรอซะบ้างสิ เมื่อถึงเวลาเดี๋ยวก็เป็นเอง ไม่เจริญให้มาเตะก้นผมได้เลย
     
  20. passakorner

    passakorner เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +1,034
    สำหรับผมที่เกิดจากการปฎิบัติต่อตัวแม่เพียงคนเดียว
    คือท่านนับถือคริสต์แล้วท่านไม่รู้จักการทำบุญ ไม่รู้จักขั้นตอนของการทำบุญ ผมก็เลยแนะนำท่านให้ท่านลองปฎิบัติตอนแรกผมก็บอกใหท่านกล่าวในใจว่า "สิ่งใดที่ทำบุญนี้ขอให้เพื่อนิพพานเถิด" ผมจะแนะนำให้ท่านคิดอย่างนี้เสมอเวลาทำบุญ ถึงท่านอาจจะไม่เข้าใจ แต่เราปราถนา และให้ท่านนิพพาน นี้อานิสงค์ใหญ่ ครับ ใหญ่มากๆๆๆๆๆ

    ท่านไม่เคยทำบุญก็ชวนทำบุญ แล้วให้ท่านนึกในว่าเพื่อนิพพาน
    ท่านไม่เคยถือศีลก็แนะนำให้ถือศีล แล้วให้ท่านนึกในใจว่ากายไม่สำคัญหรอก ยังไงเราก็ต้องตาย แม้แต่แม่กับผมก็อยู่กันไม่ได้นาน เราก็ต้องจากกัน (พูดต้องเหมาะกับกาลเวลาน่ะครับ เดียวจะกลายเป็นทะเลาะกัน)
    ท่านไม่เคยภาวนา ก็แนะนำท่านภาวนา

    แล้วเวลาเราดูแลมารดา บิดา ให้เราคิดเสมอว่า เราจะตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ หากพ่อแม่มีความสุขเราก็มีความสุข อานิสงค์ใดๆๆนี้ขอให้เพื่อนิพพานเท่านั้นเถิด แล้วกรรมอื่นๆๆจะลดลงไปเอง (เพราะบิดามารดา เป็นเนื้อนาบุญของลูกน่ะครับ พระในบ้านต้องอิ่มก่อนเด๋อ )
    ทำจากใจ อย่าทำโดยไม่คิด ต้องคิด เพราะจิตของเราจะถูกปรุงแต่งเสมอ การคิดจะช่วยทำให้เราได้บุญเพิ่มขึ้นตามความสะอาดของจิตครับ

    ลองดูน่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...