ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,951
    ค่าพลัง:
    +43,556
    -_-! ........
     
  2. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    วันนี้ขออนุญาตนำบทความของ คุณเปลว สีเงิน (บางตอน) มาวางแต่เช้า

    ท่านใดอยากทราบรายละเอียดครบถ้วน ก็คลิกเข้าไปอ่านกันได้ที่ไทยโพสต์

    ติดตามเลยนะครับ

    ในสถานการณ์ชาติบ้านเมืองที่"ต้องเป็นไป"


    <!-- main-content-block --><!-- 24 กุมภาพันธ์ 2553 - 00:00 -->
    24 กุมภาพันธ์ 2553 - 00:00




    ...สัญชาตญาณ คืออาการสนองตอบสิ่งเร้า จะมีเฉพาะสัตว์ เพราะสัตว์ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "สติ-สัมปชัญญะ" ตรงข้ามกับมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์มีสติ-สัมปชัญญะ และมีวิญญาณรู้ในกายและจิต

    ในยามมีปัญหา หรือมีเหตุให้ต้องตื่นเต้น เราจะสังเกตเห็นว่า "คนส่วนมาก" มักจะอยู่ในอาการที่เรียกว่า "คุมสติไม่อยู่" จะสร้างความสับสนอลหม่านไปหมด แต่ในสถานการณ์นั้น คนที่ได้เปรียบมากที่สุดคือ

    คนที่ "นิ่ง" แล้ว "พินิจ" กำหนดทิศ เพื่อพิชิต สู่ชนะ!

    อย่างที่เราดูหนังจีน เขาชอบเรียกอาการอย่างนี้ว่า "ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว" ส่วนสำนวนไทยเรามักใช้คำว่า "ยิ้มได้เมื่อภัยมา"

    ที่ยิ้มนั้น ไม่ใช่ยิ้มเพราะเป็นคนปัญญาอ่อน หากแต่ว่า "สติ" ทำให้ปัญญาเขามอนิเตอร์สิ่งรอบตัวได้ครบถ้วน-ชัดเจน ดังนั้น พอเขาเห็นคนเคลื่อนไหวด้วย "สัญชาตญาณ"

    มันตลก เหมือนดู "โหน่ง-เท่ง" เล่นจำอวด!

    "หน้าที่ใคร-หน้าที่มัน" ใครมีหน้าที่อะไรต้องทำ ก็ทำไปด้วยซื่อสัตย์ สุจริต และศรัทธา ในหน้าที่ของตนเองเถิด ส่วนอะไรมันจะเกิด และเกิดแล้วจะมีผลอย่างไร นั่นก็...ช่างหัวมันเถอะ

    เพราะเป็น "เรื่องของมัน" ที่ต้องเกิดตามเหตุ-ปัจจัยอันถูกกำหนดไว้แน่นอนแล้ว เพียงแต่เราไม่มี "ตาที่ ๓" มองเห็นได้ล่วงหน้าเท่านั้น!

    ผมจะบอกให้อย่าง เหมือนเราปลูกบ้าน ออกแบบแปลนดีแล้ว ช่างคำนวณดีแล้ว ตอกเสาเข็มแน่นหนาแล้ว ช่างก็คัดสรรมาดีแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ท่านก็ลองตอบด้วยการ "คาดการณ์" จากรากฐานอันครบถ้วน-ถูกต้องนั้นซิว่า ในอนาคตข้างหน้าอันใกล้ เราจะได้บ้านที่สวยงาม มั่นคง แข็งแรงตามแบบแปลน ตรงตามใจ

    หรือ...มันจะกลายเป็นบ้านสับปะรังเคไปได้!?

    สังคมโลกทุกวันนี้ ท่านว่าอยู่ด้วยอะไร?

    คำตอบมีเยอะแยะ แต่ผมขอเลือกตอบว่า "สังคมโลกทุกวันนี้อยู่ด้วย....ความเชื่อ"!

    เชื่อด้วยศรัทธาบนรากฐานแห่งระบบอันยึดโยงด้วยหลักของ "เหตุและผล" ไม่ใช่เชื่อเพราะ "เขาบอกว่า....." อย่างนั้น อย่างนี้ ก็ยอมยื่นหู-ยื่นจมูกให้เขาลากไปเรื่อย

    นี่คือ "สิ่งที่ต้องเป็น" เราคาดการณ์ได้ แต่อะไรจะเกิดต่อจาก "สิ่งที่ต้องเป็น" นั่นมันเป็นเรื่องนอกเหนือวิสัยที่ใครจะไปควบคุมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์?

    แต่ก็อีกนั่นแหละ ตามหลักธรรมชาติ ในสิ่งเลวย่อมมีสิ่งดีผสม และในสิ่งดีก็ย่อมมีสิ่งเลวปะปน นั่นคือ เราควรมีหลักในการมอง เพื่อตั้งรับ "ทุกสิ่ง-ทุกเรื่อง" ด้วยการใช้ "สติ-แยกแยะ-ใคร่ครวญ"!

    .....................


    ดังนั้น "ทัศนคติ" ที่ผมอยากให้ทุกคนใช้เป็น "มุมมอง" เหตุการณ์บ้านเมืองต่อจากนี้ อย่าไปหวังแต่ด้านดี และอย่าไปหวาดแต่ด้านเลว แต่จงมองถึง "องค์รวม" ว่าไม่ว่าจะเกิดด้านไหน

    ด้านนั้น จะนำมาซึ่ง "ความเปลี่ยนแปลง" ให้สังคมบ้านเมืองขึ้นจากหล่มที่จมปลักเหมือนๆ กันในความเป็น "องค์รวม" แห่งเจตนาและปณิธาน
    .....................

    อะไรของระบบสังคมบ้านเมืองปัจจุบันที่ดี อย่างระบบ ชาติ-พระพุทธศาสนา-สถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องรักษาไว้

    .................................

    ถ้าเราแยก "ดีในเลว-เลวในดี" ได้อย่างนี้แล้ว อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด

    "Que sera, sera,

    Whatever will be, will be;

    The future's not ours to see.

    Que sera, sera,

    What will be, will be."

    ก็อย่างที่ เจย์ ลิฟวิงสตัน และ เรย์ อีเวนส์ แต่งให้ พิงค์ มาร์ตินี ร้องนั่นแหละ!

    .......


    ๐๐๐ ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ครับ
     
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เมื่อวานนี้ไปพบพระมหาฤทธิชัย กัลยาโณ เพื่อรับองค์พระบรมรูปอีก 4 องค์ ส่วนอีกองค์หนึ่ง มีคนสุพรรณทหารเก่าเช่าไป

    ตอนไปถึงสระกระโจมรับพระบรมรูปแล้ว ก็รับหลวงพี่พระมหาฤทธิชัยเข้ากรุงเทพฯด้วย

    ตอนไปถึงโรงหล่อพระ ได้ดูรูปหล่อพระแม่จามเทวี ซึ่งหลวงพี่หล่อเพื่อให้โยมท่านหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุแล้วนอนไม่ฟื้นมา 5 วันแล้ว

    หลวงพี่จึงตั้งจิตหล่อพระแม่จามเทวีเพื่อให้คุ้มครองรักษาผู้ป่วย ตัวผู้ป่วยนี้มีพระบารมีของพระแม่จามเทวีคุ้มครองอยู่ เมื่อหล่อเสร็จแล้ว ญาติของผู้ป่วยโทรมาบอกหลวงพี่ว่าผู้ป่วยฟื้นแล้ว ขออนุโมทนาค่ะ

    หลวงพี่บอกว่าเดี๋ยวแวะที่ดอนเจดีย์เพื่อนำองค์พระบรมรูปสมเด็จฯไปให้ขุนศึกเก่าคนหนึ่ง เป็นคนสุพรรณ

    นัดไปนัดมาจึงไปพบกันที่หน้าโบสถ์หลวงพ่อโต วัดป่าเลไลย์ สะดวกกว่า ขุนศึกเก่าที่หลวงพี่กล่าวถึง เป็นชายวัยหนุ่ม รูปร่างสูงใหญ่ ผิวดำ กำยำล่ำสัน

    คุณสว่างบอกว่าเจอหลวงพี่ตอนท่านเดินดุ่มๆอยู่ริมถนน เลยแวะรับขึ้นรถไปส่งที่ดอนเจดีย์ คุณสว่างบอก ผมเก็บตกพระได้องค์หนึ่ง องค์โน้นไงครับ แล้วชี้ไปหลวงพี่ที่กำลังเดินดูภาพจิตรกรรมฝาพนังวัดป่าเลไลย์อยู่ ขำๆๆ หลวงพี่พระมหาฤทธิชัยเป็นพระเก็บตก
     
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เกร็ดประวัติศาสตร์จากความรู้ของหลวงพี่พระมหาฤทธิชัย

    ทหารที่จะได้เป็นพระยา หรือเจ้าพระยาในสมัยโบราณนั้น มักมาจากลูกเจ้าเมือง ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือเชื้อพระวงศ์นั่นเอง

    อย่างเช่น เมืองสวรรคบุรี เมืองพิชัย เหล่านี้เป็นเมืองบริวารของ เมืองพิษณุโลกอันเป็นเมืองเอกของหัวเมืองฝ่ายเหนือ

    เจ้าเมือง และลูกเจ้าเมือง ส่วนใหญ่ก็เป็นพระญาติพระวงศ์ของพระมหากษัตริย์ จึงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้ไปครองเมืองค่ะ

    เกร็ดความรู้ที่นำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
     
  5. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    พระบรมรูปสร้างจากมวลสารเหล็กน้ำพี้ ลาวาภูเขาไฟ นิลดูดเหล็ก ทั้งองค์สามารถใช้แม่เหล็กดูดติด หลวงพี่แถมแม่เหล็กมาให้ใช้พิสูจน์ว่าดูดติดทั้งองค์ แสดงว่ามีมวลเหล็กน้ำพี้อยู่เยอะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ถ่ายรูปนี้ที่บ้านเพื่อ เพื่อนคนนี้ เธอสะสมหิน แร่ เพชรพญานาค อุกามณี ธาตุที่มีพลังทุกชนิด เป็นความชอบของเขา จึงเห็นสร้อยประคำอุกามณีบนองค์พระบรมรูปสมเด็จฯ

    อุกามณี ก็คือวัชรธาตุหรือเพชรดำ นั่นเอง
     
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE class=tborder id=post28115 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 09:04 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #บทสวด ทิพย์มนต์-ปิ่นธรณี ฉบับ มณีนพรัตน์ - Buddhism Audio
     
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ยุทธศาสตร์ประเทศไทย: โอกาสและความท้าทายประเทศไทย : เขตการค้าเสรีอาเซียน+จีน 2010

    ยุทธศาสตร์ประเทศไทย: โอกาสและความท้าทายประเทศไทย : เขตการค้าเสรีอาเซียน+จีน 2010

    Source - เว็บไซต์มติชน (Th)
    Tuesday, January 19, 2010 12:54
    ส.ส.อลงกรณ์ พลบุตร
    รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

    1 มกราคม 2553 ไม่ใช่แค่วันปีใหม่แต่ยังเป็นการเริ่มต้นของเขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area : AFTA) และเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ASEAN-China Free Trade Area : ACFTA) นับเป็นการก่อกำเนิดของกลุ่มเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกโดยมือขนาดตลาดที่มีผู้บริโภครวมกันเกือบ 2 พันล้านคนเป็นเขตการค้าเสรี (FTA) ที่ภาคีสมาชิกตกลงยกเลิกกำแพงภาษีและขจัดอุปสรรคทางการค้าสินค้าและบริการเสมือนเป็นตลาดร่วมเดียวกัน เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน ด้วยความหวังว่าจะมีการจ้างงานสร้างอาชีพเพิ่มขึ้น

    ตัวเลขมูลค่าการค้าบ่งชี้ถึงศักยภาพของเอฟทีเอ ที่อุบัติขึ้นใหม่ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง กล่าวถึงการค้าในอาเซียนปี 2551 มีมูลค่าถึง 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนมูลค่าการค้าอาเซียน-จีนสูงถึง 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีแนวโน้มขยายตัวไม่หยุดยั้ง

    เขตการค้าเสรีดังกล่าวจึงมีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศไทยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง และถือเป็นโอกาสและความท้าทายต่ออนาคตเบื้องหน้า
    เขตการค้าเสรี : อาเซียนต้องมาก่อน (ASEAN First)


    อาเซียนก่อตั้งในปี พ.ศ.2510 และพัฒนาสู่การจัดตั้งเอฟทีเออาเซียนในปี พ.ศ.2535 โดยกำหนดให้ปี 2553 เป็นปีที่ 6 ประเทศอาเซียนเดิม (ไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และบรูไน) ต้องลดภาษีเหลือ 0 เปอร์เซ็นต์ และประเทศอาเซียนใหม่ที่มีฐานะเศรษฐกิจด้อยกว่า 4 ประเทศคือ พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนามต้องปรับภาษีเป็นศูนย์ในปี พ.ศ.2558 ซึ่งเป็นปีที่อาเซียนจะแปลงโฉมเป็น "ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน" (ASEAN Economics Commuity : AEC)

    จากปี พ.ศ.2535 ชาติสมาชิกอาเซียนเดิมได้ทยอยลดภาษีสินค้าส่วนใหญ่ลงเหลือ 5 เปอร์เซ็ฯและลดเหลือ 0 เปอร์เซ็นต์สำหรับสินค้ากว่า 8 พันรายการ เมื่อถึงปี พ.ศ.2553 ยกเว้นสินค้าอ่อนไหวบางรายการไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นที่แต่ละประเทศขอสงวนไว้แต่ไม่เกินปี 2558 อาจกล่าวได้ว่า ถึงแม้ AFTA จะไม่ใช่เรื่องใหม่แต่การที่สามารถบรรลุความร่วมมือทางเศรษฐกิจได้ในปีนี้จึงเป็นความสำเร็จที่ทั่วโลกติดตามจับตามองความเป็นมาและความเป็นไปของการเกิดเขตการค้าเสรีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยสายตาที่ชื่นชมโดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายที่ประเทศไทยโดย ฯพณฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทยรับบทเป็นประธานอาเซียน

    คงไม่เกินเลยที่จะสรุปว่า ก้าวใหม่ของอาเซียนขับเคลื่อนเดินหน้าอย่างมั่นคงเพราะวประเทศไทยให้ความสำคัญกับอาเซียนเป็นอันดับหนึ่งด้วย "นโยบายอาเซียนต้องมาก่อน" (ASEAN First)

    ทั้งนี้เพราะไทยตระหนักถึงศักยภาพของอาเซียนที่มีประชากรรวมกันถึง 580 ล้านคนโดยมียอดการค้าระหว่างกัน 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มีจีดีพีรวมกันสูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐและมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

    ความสำเร็จของนโยบายข้างต้นสะท้อนจากข้อเท็จจริงที่ว่า อาเซียนได้ขยับขึ้นเป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดของไทยด้วยมูลค่าการค้าปีละ 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แซงหน้าตลาดเก่าตลาดหลักอย่างยุโรปและสหรัฐอเมริกาไปเรียบร้อยแล้ว
    ยิ่งกว่านั้นเมื่อรวมตัวเป็นเขตการค้าเสรีจะทำให้อาเซียนเป็นตลาดเดียวกันและฐานการผลิตเดียวกัน ทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติ วัตถุดิบและแรงงานราคาถูกจากประเทศอาเซียนกลุ่ม CLMV (กัมพูชา-ลาว-พม่า-เวียดนาม) ในการผลิตสินค้าและบริการที่มีต้นทุนต่ำลง ขณะที่ตลาดมีขนาดใหญ่ขึ้นเกือบ 10 เท่าตัวเป็นโอกาสดีของการส่งออก สำหรับเกษตรกรก็จะขายผลผลิตได้มากขึ้น ส่วนผู้บริโภคก็ได้มีทางเลือกเพิ่มขึ้นในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการที่หลากหลายในราคาถูกลง

    ประเด็นสำคัญมากที่สุดพูดถึงกันน้อยมากคือการที่ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของ เอฟทีเออาเซียนและเอฟทีเออาเซียน-จีนช่วยสินค้าของไทยได้เปรียบเหนือประเทศคู่แข่งที่อยู่นอกกลุ่ม เพราะประเทศเหล่านั้นกว่า 100 ประเทศไม่ได้สิทธิพิเศษทางภาษีจากเขตการค้าเหมือนกลุ่มอาเซียน-จีน

    อาเซียนฮับ (ASEAN Hub) : อีกหนึ่งกุศโลบายไทยแลนด์ฮับ
    นอกจากการให้ความสำคัญกับตลาดอาเซียนแล้ว ประเทศไทยยังเล็งเห็นถึงการใช้ประโยชน์จากอาเซียนในการเป็นฐานที่มั่นสำคัญสำหรับการขยายการค้าและเศรษฐกิจไปสู่กลุ่มเศรษฐกิจและประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกเพราะอำนาจต่อรองของการรวมตัวเป็นอาเซียนย่อมเข้มแข็งกว่าการที่ประเทศไทยจะอยู่เพียงลำพังตัวคนเดียว

    ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงกำหนด "นโยบายอาเซียนฮับ" (ASEAN Hub) เป็นอีกหนึ่งกุศโลบายใช้ประโยชน์จากความเป็นตลาดเดียวกันฐานการผลิตเดียวกันและพลังอำนาจทางเศรษฐกิจของอาเซียน

    ผลพวงจากนโยบายดังกล่าวทำให้เกิด "อาเซียน+3" (อาเซียน+ญี่ปุ่น-เกาหลี-จีน) และ "อาเซียน+6" (อาเซียน+3 และอินเดีย-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) กล่าวคือ อาเซียนได้เจรจาทำความตกลงทางการค้าและการลงทุนกับประเทศคู่ค้าสำคัญทั้ง 6 ประเทศซึ่งเมื่อรวมกับอาเซียนจะทำให้มีประชากรรวมกันกว่า 3 พันล้านคนหรือกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรโลกและแต่ละประเทศจัดเป็นชาติยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจทั้งสิ้น โดยที่สมาชิกอาเซียนล้วนทราบดีว่าเพราะ "ความเป็นอาเซียน" (ASEAN Centrality) จึงสามารถทำให้ประเทศเหล่านั้นให้ความสำคัญกับอาเซียนเหมือนพันธมิตรทางยุธศาสตร์ที่ขาดกันและกันไม่ได้อีกต่อไป

    ไม่แต่เท่านั้นอาเซียนยังมีการเจรจากับอีกหลายกลุ่มประเทศและประเทศต่างๆ เช่น กลุ่มเมอร์โคซูร์ ในทวีปอเมริกาใต้ (บราซิล-อาร์เจนติน่า-อุรุกวัย-ปารากวัย), สหภาพยุโรป 27 ประเทศ, สหรัฐฯ และประเทศตะวันออกกลาง กลุ่มกรอบความร่วมมืออ่าวเปอร์เซีย (Gulf Cooperation Council: GCC)ที่มั่งคงและร่ำรวยก๊าซและน้ำมันได้แก่ซาอุดิอาระเบีย โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต กาตาร์ และบาห์เรน ซึ่งรัฐบาลได้ผลักดันจนเกิดการประชุมระดับรัฐมนตรีเป็นระหว่างอาเซียน-จีซีซี.เป็นครั้งแรกเมื่อกลางปี 2552 เป็นต้น
    ขณะเดียวกันรัฐบาลก็เปิดเวทีกาเจรจากับประเทศและกลุ่มประเทศต่างๆ ทั้งในกรอบทวิภาคีและกรอบอาเซียนทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลาง (Thailand Hub) ของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์และสามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศทุกกลุ่มอย่างที่ไม่มีประเทศใดในอาเซียนทำได้ เช่น กรอบความร่วมมืออ่าวเบงกอล 7 ประเทศ BIMSTEC (ไทย-พม่า-อินเดีย-บังกลาเทศ-ศรีลังกา-เนปาล-ภูฏาน), กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจลุ่มน้ำอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS), กลุ่มสามเหลี่ยมการเติบโต IMT-GT (ไทย-อินโดนีเซีย-มาเลเซีย), กลุ่มความร่วมมือลุ่มน้ำโขง GMS (ไทย-พม่า-ลาว-กัมพูชา-เวียดนาม-จีนตอนใต้ยูนนาน-กวางสี) และที่ประเทศไทยเข้าร่สมใหม่ในปีที่ผ่านมาคือกลุ่มความร่วมมือแม่โขง-ญี่ปุ่นและกลุ่มความร่วมมืออ่าวเป่ยปู้หรืออ่าวตังเกี๋ย (Pan-Beipu) ประกอบด้วย 3 มณฑล กวางตุ้ง กวางสี และไหหนำกับ 7 ประเทศอาเซียนมีไทยเข้าร่วมล่าสุด ตัวอย่าง 6 กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าและการพัฒนาข้างต้นแสดงถึงความสามารถของไทยในการสอดแทรกเกาะเกี่ยวเข้าไปอยู่ในทุกกลุ่มประเทศและเก็บเกี่ยวประโยชน์จากอำนาจต่อรองนโยบายอาเซียนฮับเพื่อให้ประเทศไทยเป็นฮับอย่างแท้จริง

    ย่างก้าวต่อไป : โอกาสและความท้าท้ายแห่งนาคต
    การที่ประเทศไทยให้ความสำคัญกับอาเซียนและผลักดันการเกิดเขตการค้าเสรีอาเซียนมาโดยตลอด เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่ภาคเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศมีสัดส่วนสูงถึง 120 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี และรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการมีสัดส่วนสูงถึง 72.3 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี กล่าวโดยสรุปคือ ประเทศไทยได้กลายเป็นประเทศพ่อค้าวาณิชย์ (Trading Nation) ไปแล้ว ไม่ใช่ประเทศเกษตรกรรมหรือประเทศอุตสาหกรรมตามที่เคยเข้าใจกัน ฉะนั้นแนวทางของประเทศไทยจึงมุ่งเน้นการบุกเบิกขยายโอกาสทางการค้ามาโดยตลอดตามวิสัยประเทศการค้า

    รัฐบาลจึงเดินหน้าสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้กับผู้ประกอบการของไทยด้วยนโยบายเชิงรุกเปิดการเจรจาเพื่อให้ประเทศคู่ค้าลดภาษีเป็นเสมือนกำแพงขวางกั้นสินค้าไทยและร่วมกับอาเซียนในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับคู่ค้าคู่ขายในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ขณะเดียวกันก็ เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน (competitiveness) ให้กับภาคเกษตร ภาคท่องเที่ยวและภาคอุตสาหกรรมด้วยแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งเพื่อรองรับบริบทใหม่ของการเกิดเขตการค้าเสรีอาเซียนและเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีนที่มาพร้อมกับการแข่งขันทางการค้าและขนาดตลาดที่ใหญ่ขึ้นพร้อมกับการปรับโครงสร้างและระบบภาคการเกษตรด้วยนโยบายประกันรายได้เกษตรกรและใช้มาตรการป้องกันภัย (safeguard measure) รวมทั้งการใช้กลไกกองทุนเอฟทีเอและกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อดูแลสาขาอาชีพและสินค้าเกษตรที่ได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิด

    นับแต่นี้แต่ละย่างก้าวของประเทศไทยภายใต้บริบทที่เปลี่ยนแปลงนับจากปี 2553 จำต้องเดินหน้าต่อไปอย่างมีทิศทางด้านยุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างอนาคตที่เติบโตมั่นคงอย่างยั่งยืนเพื่อพร้อมในการใช้ประโยชน์จากโอกาสและมองความท้าทายอย่างเข้าใจ

    ดังนั้น ตอนต่อไปของบทความนี้จะเปิดเผยถึงแนวคิดใหม่ที่เป็นข้อเสนอเชิงยุทธศาสต์และกลยุทธ์การค้าระหว่างประเทศของไทย "เชื่อมไทยเชื่อมโลก" ที่ผมตั้งชื่อว่า "ยุทธศาสตร์ 3 วงแหวน 5 ประตู" โดยยึดโยงกับนโยบาย "อาเซียนต้องมาก่อน (ASEAN First), อาเซียนฮับ (ASEAN Hub) และไทยแลนด์ฮับ (Thailand Hub)
    เพื่อสร้างชาติของเราให้ยิ่งใหญ่สมกับเป็นประเทศไทยอย่างที่ควรจะเป็น


    ในภูมิภาคนี้ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง ไม่ว่าจะขนส่งไปทางทิศใดเพื่อขนส่งไปยังประเทศอาเซียน + 6 ก็ใช้เวลาไม่นาน

    ข้อดีที่ประเทศไทยมีภูมิประเทศอยู่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเลย ได้มาโดยไม่ต้องขวนขวายเพราะปู่ย่าตายายส่งมอบแผ่นดินนี้ไว้ให้ลูกหลานทำกิน

    นึกถึงความเป็นศูนย์กลางทางการค้าครั้งที่กรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองหลวง สยามรวยมากเพราะความเป็นเมืองท่าอินเตอร์เนชั่นแนลของกรุงศรีอยุธยาในยุคนั้น

    ถ้าประเทศไทยทำให้ประเทศของเรากลับมาเป็นเมืองท่าสำคัญ international hub ได้ ประชากรไทยก็น่าจะมีกินมีใช้มีงานทำ ความเป็ยอยู่จะสบายขึ้นมาก GDP กระโดดขึ้นทันที
     
  9. KENZO

    KENZO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +1,146
    ได้ความรู้เยอะเลย...กระทู้นี้...ขอบคุณครับ

    ถวายบังคม...เบื้องบาทจอมราชันย์...
     
  10. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210
    เพิ่งเคยฟังครั้งแรก กับการสวดมนต์ ของ หลวงพ่อสิงห์ทน นราสโภ

    อนุโมทนา ด้วยค่ะ
     
  11. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210
    อนุโมทนา กับน้อง puken

    ยินดีต้อนรับค่ะ

    มีสิ่งไหน เป็นสิ่งดีดี เกี่ยวกับการสรรเสริญ และ เทิดพระเกียรติ

    ในสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า

    เชิญ เลยนะคะ
     
  12. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ได้เซฟบทความไว้เรื่องหนึ่ง รีรอหาโอกาสและจังหวะที่เหมาะสมก็ได้จังหวะพอ

    ดีกับที่คุณทางสายธาตุ นำเรื่องเขตการค้าเสรีอาเซียน+จีน2010 มาโพสต์ใน

    วันนี้ น่าจะเป็นโอกาสอันดี จึงขอนำเสนอบทความดังกล่าวเพื่อเป็นความรู้เป็น

    อาหารทางสมอง ทำนองรู้ไว้ใช่ว่า....


    จดหมายจากฮาร์เวิร์ด No.649 (16 FEBRUARY 2010)


    บทความนี้ผมเขียนด้วยความเคารพและปรารถนาดีต่อประเทศชาติ ผมอาจจะเป็นเพียงนักศึกษาด้อยพรรษาที่กำลังเรียนรู้ระบบของโลกกว้าง แต่เนื้อหาที่อยากพูดถึงต่อไปนี้ ผมได้มาจากการพูดคุยและถกกับอาจารย์หลายๆ ท่านที่มหาวิทยาลัย Harvard และ MIT ซึ่งมีทั้งอดีตทหารในสงครามเวียดนาม อดีตที่ปรึกษารัฐบาลของหลายๆ ประเทศ ที่สำคัญ พวกเขาเหล่านี้เป็นฝรั่งที่มองประเทศไทยอย่างเป็นกลาง ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศของเราแต่อย่างใด
    นี่คือสามสิ่งที่ผมคิดว่านายกรัฐมนตรีไทยต้องทำและทำได้ครับ

    1. การปฏิรูปที่ดิน ประเทศไทยเป็นประเทศขนาดกลาง อยู่ในภูมิภาคที่มีความอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ในมุมมองของอาจารย์ฝรั่งซึ่งเคยมาเมืองไทย เขารู้สึกว่าที่ดินของประเทศเราจำนวนมากถูกปล่อยให้เป็นพื้นที่ว่างและสูญเปล่า เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ซึ่งมีพื้นที่เพียงเล็กน้อยจนต้องเอาขยะมาถมเพื่อให้มีที่ดินอยู่อาศัยและก่อให้เกิดมูลค่า จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายเรามีที่ดินเหลือเฟือ กลับไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์
    ผมเองทำธุรกิจด้านการเกษตรอยู่ที่ต่างจังหวัด ทำให้ต้องเดินทางไปทั่วประเทศ ได้เห็นว่ามีที่ดินจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา บางที่มีประโยชน์แค่เพียงใช้เผาขยะและกิ่งไม้ข้างทาง ขณะที่ในกรุงเทพฯยังเห็นตึกร้างมากมาย เมื่อมองไปยังประเทศอื่นที่ต้องใช้ขยะมาถมทะเล (ญี่ปุ่น) สร้างเมืองในทะเล (ดูไบ) ปลูกข้าวบนหลังคา (ญี่ปุ่นและอิสราเอล) ประเทศที่มีพื้นที่เยอะแยะ มีดินและน้ำสมบูรณ์ประหนึ่งมีทองคำอยู่ข้างใต้อย่างเรา เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไม่นำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ผมมองว่ารัฐต้องเป็นเจ้าภาพในการปฏิรูปที่ดินที่ไม่ใช้ประโยชน์ในสองนัย หนึ่งคือ สร้างความสุขโดยใช้เป็นที่อยู่อาศัย สองคือ สร้างความมั่งคั่ง ตัวอย่างมีให้เห็นในจีน เกาหลี หรือแม้แต่เวียดนามที่กำลังพลิกแผ่นดินทุกตารางเมตรให้มีคุณค่า โดยนำมาตรการภาษีสนับสนุนต่างๆ มาเป็นกลไกในการเปลี่ยนแปลง
    2. สร้าง “Health Economy” ไม่ใช่ “Creative Economy” อาจารย์ฝรั่งที่ MIT บอกว่า ประเทศไทยเหมาะจะเป็นประเทศที่มี“ระบบเศรษฐกิจสุขภาพ” ไม่ใช่ “ระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ตอนนี้ทุกประเทศอยากสร้างเศรษฐกิจที่มั่งคั่งจากความคิดสร้างสรรค์ เป็นทิศทางที่รัฐบาลนิยมทำตามๆ กันทั่วโลก
    เกาหลี อเมริกา อังกฤษ และจีนเป็นประเทศที่ทั่วโลกยอมรับในความชัดเจนด้านนโยบายเศรษฐกิจที่ใช้สมอง เกาหลีเป็นประเทศอุตสาหกรรมดิจิทัล อเมริกาเป็นเจ้าแห่ง iPhone อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ และอุตสาหกรรมการเงิน (แต่พังไปแล้ว) อังกฤษโดดเด่นด้วยวัฒนธรรมแบบ Brit Culture ที่ส่งออกไปทั่วโลก ทุกประเทศหันไปในทิศทางเดียวกันหมด ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมดีไซน์และแฟชั่นออกแบบ แต่คำถามคือ ประเทศไทยจะตามเขาทันหรือ ในเมื่อเขาเริ่มกันมาเป็นสิบๆ ปี เราต้องกลับมาพิจารณาว่าไทยเรามีกล่องดำ (จุดแข็ง) ที่ประเทศอื่นเลียนแบบได้หรือไม่
    อาจารย์ของผมกล่าวว่ากล่องดำของไทยคืออุตสาหกรรมเกษตรเหตุผลคือโลกยุคโลกาภิวัตน์มีกระแสหลักอยู่ 2 - 3 กระแสที่คนพูดถึงนั่นคือ
    1. สังคมสูงอายุ เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สูงขึ้น ทำให้ประชากรสูงอายุมีมากขึ้น
    2. ภาวะโลกร้อน เมื่อน้ำแข็งละลาย เกิดภาวะน้ำท่วม พื้นที่เพาะปลูกก็น้อยลง นั่นหมายถึงอุปาทาน (Supply) ด้านอาหารจะน้อยลง
    3. ประชากรล้นโลก จีน อินเดีย บราซิล รัสเซีย จะมีประชากรมากขึ้นเรื่อยๆ หมายถึงอุปสงค์ (Demand) ของอาหารจะมากขึ้น เศรษฐกิจสุขภาพคือคำตอบสำหรับกระแสข้างต้น ไทยจะทำอย่างไรให้โลกนึกถึงเราเมื่อเขาต้องการอาหารปลอดสารพิษ (Organic Food) แพทย์ทางเลือก (Alternative Health) การลดริ้วรอยบนใบหน้า (Anti-aging) และสปาบำบัด (Retreat Spa) และเมื่อรัฐคิดออก ต้องป่าวประกาศให้โลกรู้เหมือนที่เกาหลีเคยทำเมื่อสิบปีที่แล้ว ทำให้โลกรู้ว่าเมืองไทยมีระบบเศรษฐกิจแบบสุขภาพตัวจริงเสียงจริง ตอนนี้ยังไม่มีประเทศไหนที่สร้างจุดยืนชัดเจนด้านนี้ จริงอยู่ว่าอาจจะมีคู่แข่ง แต่โอกาสและแต้มต่อไทยยังพอมี นี่คือโอกาสของประเทศไทย
    3. ปฏิรูป “ครู” ไม่ใช่ปฏิรูป “การศึกษา” “ถ้าเราสร้างครูที่ดี 1 คน ครูคนนั้นจะสร้างนักเรียนที่ดี 100 คน ถ้าสร้างครูที่ดี 100 คน เท่ากับสร้างนักเรียนที่ดี 10,000 คน” สิ่งที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาการศึกษาคือครู การลงทุนกับนักเรียนโดยตรง ต้องใช้เงินค่อนข้างสูง ผมคิดว่านั่นเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำและเกาไม่ถูกที่คัน เราซื้อคอมพิวเตอร์ให้นักเรียน โรงเรียนละหนึ่งเครื่องแต่ถ้านักเรียนนำไปเล่นแคมฟร็อก เล่นเกม ดูเว็บโป๊ อ่านข่าวดาราก็ไม่ก่อประโยชน์ใดๆ เทียบกับการมีครูเก่งๆ ต่อให้ไม่มีคอมพิวเตอร์แต่เขาจะสามารถสร้างคนให้เป็นคนได้ นี่เป็นสิ่งที่อาจารย์ที่ฮาร์วาร์ดกล่าวไว้
    ที่อเมริกามีโปรแกรมชื่อ “Teach for America” ซึ่งเปิดโอกาสให้นักศึกษาที่เรียนจบปริญญาตรีใหม่ๆ หรือทำงานมาพักหนึ่งเข้าอบรมเป็นเวลา 3 - 6 เดือน เพื่อเข้าถึงจิตวิทยาของเด็กๆ เข้าใจวิธีการสอนที่ถูกหลัก หลังจากนั้นพวกเขาจะถูกส่งไปสอนทั่วประเทศ ผสมผสานกับอาจารย์ประจำ ทำการเรียนไม่ให้เป็นการเรียนแบบ “จมกับหนังสือ” แต่เรียนแล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
    ครูที่มาจากโปรแกรม Teach for America เป็นหนุ่มสาวไฟแรงต่างสาขาอาชีพ พวกเขาต่างมีความปรารถนาที่จะพัฒนาประเทศสิ่งที่ได้ตอบแทนคือเงินเดือนที่คิดเป็นรายได้ไม่แพ้การทำงานออฟฟิศที่สำคัญพวกเขาได้รับเกียรติและการสรรเสริญจากสังคมอเมริกันเป็นอย่างมาก คนที่เข้าร่วมโปรแกรมนี้ไปสมัครงานต่อที่ไหนทุกสถาบันต่างยอมรับ เพื่อนของผมที่ Harvard และ MIT เคยเข้าร่วมโปรแกรมนี้หลายคน ถ้าท่านนายกฯให้งบประมาณเล็กๆ น้อยๆ สร้าง “Teach for Thailand” คงดีไม่น้อย
    สามสิ่งที่นายกรัฐมนตรีต้องทำและทำได้ที่ผมพูดมาฟังดูเหมือนเป็นนโยบายเศรษฐกิจเสียส่วนใหญ่ แต่ผมและอาจารย์ยืนยันว่านี่เป็นนโยบายสังคมไปในตัว เรื่องที่พูดในข้อ 1 และข้อ 2 นั้นเข้าถึงคนชั้นรากหญ้าและอุตสาหกรรมเกษตรซึ่งเป็นประชาชนของประเทศ ถ้าทำได้ ชีวิตเกษตรกรจะดีขึ้น ความยากจน ความไม่เท่าเทียมกันในสังคมจะลดน้อยลง
    สาวๆ บางคนที่อ่านอาจแย้งว่าปัญหาการเมืองเป็นโซ่ล็อกประเทศ อันแรกที่นายกฯจะต้องปลดก่อนการแก้ปัญหาใดๆ ผมเห็นด้วยทุกประการ แต่ผมคิดว่าคนที่จะแก้ปัญหาการเมืองได้คือประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีหรือนักการเมืองแค่คนใดคนหนึ่ง แน่นอนว่าปัญหาและแรงต่อต้านจะเกิดขึ้น แต่นิยามของคำว่า “ภาวะผู้นำ” ก็คือการต่อสู้กับแรงต่อต้านอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีผู้นำคนไหนในโลกไม่โดนด่า เพราะการเปลี่ยนแปลงทั้ง “ผู้ได้” และ “ผู้เสีย” ผู้เสียต้องประณามผู้ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ ถือเป็นสัจธรรมทางการเมือง
    ผมขอเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรีที่คิดดีทำดี ไม่ว่าพรรคไหน สีไหน ขอความกรุณาท่านนำพาเราไปสู่อนาคตที่ดีขึ้นเสียที...


    ธา ลิ้มเจริญรัตน์ (ทิม)
    หนุ่มวัย 29 ปี ปัจจุบันศึกษาปริญญาโทด้านการเมืองการปกครอง สาขาภาวะผู้นำที่ John F. Kennedy School of Government, Harvard University และด้านบริหารธุรกิจที่ Sloan, Massachusetts Institute of Technology (M.I.T) สหรัฐอเมริกา ขณะที่อีกบทบาท เขาเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทซีอีโอ อกริฟู้ด ผู้ผลิตและส่งออกพืชผลทางการเกษตร (น้ำมันรำข้าว) ยอดขายหลักพันล้านต่อปี เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกัน สุดสัปดาห์รู้สึกประทับใจแนวคิดและมุมมองของเขาที่มีต่อโลกกลมๆ ใบนี้ และนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นในการร่อนจดหมายข้ามโลกจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกามาถึงไทย


    ๐๐๐ ขอขอบคุณ นิตยสารสุดสัปดาห์ ครับ​
     
  13. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    อยากเห็นประเทศไทยเจริญยิ่งๆๆขึ้นไป

    ขอให้ประเทศไทยผ่านปัญหาภายในประเทศไปได้ด้วยดี

    มุ่งหน้าต่อไปข้างหน้าเพื่อความผาสุขของทุกคนในประเทศนี้

    ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของบูรพมหากษัตริย์ที่ทรงกอบบ้านกู้เมืองไว้ให้คนไทยรุ่นหลัง
     
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]
    แผนที่ประเทศสยาม ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    เสียดายนัก หากวันนี้ตะนาวศรียังเป็นของสยามอยู่ ไม่ต้องคิดจะไปขุดคอคอดกระเลย เราจะมีท่าเรือน้ำลึกด้านตะวันตกที่สำคัญมากไว้ใช้งาน ก็คือที่มะริด (ตะนาวศรี) นั่นเอง
     
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    แผนที่ภาพพระราชสงคราม ในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    [​IMG]

    แผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาล เพราะพระองค์ทรงวิริยะอุตสาหะกอบกู้และทนุบำรุงรักษาไว้ให้ลูกหลาน​

    ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์มหาราชจอมราชันย์ ล้นเกล้าล้นกระหม่อมข้าแผ่นดินทุกผู้ทุกนาม​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0022.jpg
      0022.jpg
      ขนาดไฟล์:
      616.6 KB
      เปิดดู:
      260
  16. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    ...................

    ประเทศชาติจะเจริญก้าวหน้า ประชาชนมันจะต้องฉลาด แล้วประชาชนฉลาดมาจากไหน....มาจากหมอ มาจากวิศวะ มาจากบัญชี เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์เรอะ?

    เปล่าเลย.....!

    ประเทศก้าวหน้า ประชาชนฉลาด มันต้องมาจาก "ครู" อันเป็นเบ้าหลอมคน ครูมีความคิดดี-มีหัวดี-ครูมีความประพฤติดี-ครูมีระเบียบวินัยดี ครูมีความซื่อสัตย์โปร่งใสดี แล้วประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งล้วนต้องผ่านการบ่มเพาะ "ความเป็นคนคุณภาพ" มาจากครูก่อนทั้งนั้น มันต้องดี-มีคุณภาพแน่นอน

    "พ่อพันธุ์ดี" ย่อมให้ "ผลิตผลที่ดี" แนวทางนี้ "ตรงตัว" อยู่แล้ว!

    อาชีพอื่น-เงินเดือนร้อย อาชีพครู-ต้องเงินเดือนล้าน นี่...การปฏิรูปสังคมประเทศใหม่ มันต้องคิดกันแบบ "พลิกฟ้า-พลิกดิน" อย่างนี้ ต้องตั้งหลักเพาะและผลิต "พ่อพันธุ์-แม่พันธุ์" ชั้นดีไว้สร้างคุณภาพชาติ เหมือนอย่างพันธุ์ "ฟักทอง" ที่พลโทหญิงพูนภิรมย์นำมาให้ทดลองชิมนั่นแหละ ต้องมาจากการ "เพาะพันธุ์ใหม่" แน่นอนจึงให้ผลผลิตคุณภาพ

    แค่ "ต้ม-นึ่ง" กินเปล่าๆ ไม่ต้องปรุงแต่งอะไร ก็ให้รสชาติที่เหลือหลาย "ลูกเดียว" ดีกว่าปลูกจากพันธุ์ทั่วไป "ขายเป็นเข่ง" ยังได้ราคาไม่เท่า!

    ชาติ-ต้องมาก่อนชีวิต ชีวิต-ที่จะรักษาชาติไว้ได้ ต้องเป็นชีวิตเติบจากระเบียบ-วินัยในการใช้ชีวิต!

    ถ้าระบบบริหาร-การปกครอง ยังฝึกฝนคนในชาติให้เคร่งครัดในวินัยบัญญัติไม่ได้ ชาติก็ไปไม่รอด!!

    ผมเคยบอกแล้วว่า สัตว์ที่ต้องฝึกจึงดี เขาเรียกสัตว์มนุษย์

    สัตว์ที่อยู่ได้ไม่ต้องฝึก เขาเรียกสัตว์เดรัจฉาน

    ฉะนั้น ถ้าหวังให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าสู่อนาคตใหม่ ต้องปฏิวัติ หรือปฏิรูป ปฏิวัติด้วยแนวทาง "ฝึกคนในชาติ" เริ่มต้นจากให้รู้จัก "ระเบียบ-วินัย" ในหน้าที่พลเมืองและศีลธรรม

    แล้วใครล่ะจะปฏิวัติ คือนำการทำอย่างนั้นได้?

    ครูไงล่ะ!

    .............................
    -ด้วยรำลึกถึงพระคุณของคุณครูทุกท่าน

    -คัดลอกจากคอลัมน์ คุณเปลว สีเงิน นสพ.ไทยโพสต์ 26 ก.พ. 52

    ขอขอบคุณครับ
     
  17. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ขออนุโมทนาค่ะ
     
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระราชสงครามในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0036.jpg
      0036.jpg
      ขนาดไฟล์:
      543.2 KB
      เปิดดู:
      215
  19. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    รูปดวงพระชะตาสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0037.jpg
      0037.jpg
      ขนาดไฟล์:
      619.9 KB
      เปิดดู:
      260
  20. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    มหาราชกู้แผ่นดิน

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0044.jpg
      0044.jpg
      ขนาดไฟล์:
      660.4 KB
      เปิดดู:
      332

แชร์หน้านี้

Loading...