ตัวรู้กับตัวคิด

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Tboon, 17 ธันวาคม 2009.

  1. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424


    ตัวรู้ (sensing) มันอยู่ข้างในเป็นแก่นกลาง

    คือมันรู้ก่อน รู้ลึก ๆ แล้วก็มาคิดต่อตามที่รู้นั้น

    คนส่วนมากจะติดอยู่ที่ตัวคิดมากกว่าตัวรู้นี้

    แม้จะไม่เอาตัวคิดแต่ก็อาจจะติดตัวรู้ได้เหมือนกัน

    เราเข้าใจเรื่องตัวรู้กับตัวคิดเหล่านี้ดีพอหรือยัง


    แต่ก็หัดรู้ หัด sensing บ่อย ๆ ไปก่อนดีกว่า อย่าไปคิดมาก หยุดคิดซะ

    คิดมาเยอะแล้วไม่เห็นบรรลุสักที มีแต่หลงกับหลง หลงไปเรื่อย ๆ

    มันเข้าไม่ถึงฐานมันก็หลงไปเรื่อยนั่นเอง



    ฝึก sensing เยอะ ๆ กายานุปัสสนา ยืน เดิน นั่ง นอน

    อีกหน่อยจะเข้าใจเรื่องตัวรู้ เรื่องฐานกายได้เอง

    กายมันจะสอนเราเอง อย่าไปคิดนำทางให้มัน หรืออย่าไปรู้ก่อนเกิด

    เดี๋ยวเขาก็บอกเราเองแหละ


    ความคิดนี่แหละคือเครื่องร้อยรัด คือสังโยชน์ดี ๆ นี่เอง

    คิดเมื่อไหร่มันก็เป็นเรื่องเป็นราวทุกที

    คิดดีก็เป็นเรื่องดี คิดไม่ดีก็เป็นเรื่องไม่ดี

    เป็นเรื่องทั้งนั้นถ้าจิตยังเกิดอยู่



    เมื่อเริ่มเข้าใจใหม่ ๆ จิตมันก็ยังเกิดอยู่เป็นธรรมดา

    แต่มันก็ไม่ได้ยึด มันก็เลยไม่วนเกิดหลายรอบ

    มันก็เบาลง ๆ ทุกข์ก็เลยน้อยลง ของหยาบ ๆ ความคิดหยาบ ๆ มันหลุดไป

    มันก็จะค่อย ๆ เห็นสิ่งละเอียดลึกลงไป ชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ขัดเกลาไปเรื่อย ๆ



    ยังไง ๆ ซะเราก็ยังต้องรู้จักควบคุมเรื่องความคิด

    เพราะถ้ายังปล่อยให้ความคิดมันล่องลอยสะเปะสะปะก็เท่ากับเราให้ อาหารกิเลส...มันไม่จบง่าย

    ตัวคิดมันเป็นเปลือก เป็นสมมุติ ยิ่งติดสมมุติมากเท่าไร เปลือกยิ่งหนา กะเทาะยาก

    ตัวรู้มันอยู่ข้างใน มันเป็นแก่น เป็นวิมุติ


    บางคนเปลือกบาง แค่ลอกออกนิดเดียว รู้จักสังเกตให้ดีก็จะเห็นผิวสัมผัสระหว่างกันแล้ว

    ก็เข้าใจทันทีว่ามันสัมผัสสัมพันธ์กันอย่างไร

    บางคนเปลือกหนา ย่อมต้องใช้เวลามาก กว่าจะก้าวข้ามความพอกพูนเปลือกตรงนั้นไปได้


    ปัญญาไม่ได้อยู่ที่เปลือกหรืออยู่ที่แก่น แต่ปัญญาคือความเข้าใจทั้งหมด

    ซึ่งต้องทั้งกะเทาะเปลือกเข้าไปสัมผัสแก่น พลิกคว่ำพลิกหงาย หลายตลบ

    ทำความเข้าใจให้รอบด้านหลาย ๆ รอบ จนกว่าจะหมดสิ้นความสงสัยใด ๆ อีกนั่นแล...



    <<<<<<<<๐>>>>>>>>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2009
  2. *ขันธ์*

    *ขันธ์* สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    รู้ นั้น คือ รู้ตามความเป็นจริง
    คิด นั้น คือ คิดขึ้นตามความปรุงแต่ง อันประกอบไปด้วย สัญญา ปรุงขึ้นมา

    สัญญา นั้นจะถูกปรุง ด้วยเวทนาผลักดันบ้าง อวิชชาผลักดันบ้าง

    จึงทำให้ วิญญาณ หรือ สภาพรู้ที่ไปรับรู้สิ่งภายนอกเปลี่ยนแปลงไป ปิดบังตัวรู้ที่แท้จริงของจิต หรือ ปิดบังมหาสติ เพราะไปจับเอาที่วิญญาณอันเป็นตัวไม่เที่ยง

    ขันธ์ ทั้ง 5 จึง เป็นตัวที่ออกจากจิตรู้แท้ วิญญาณ นี้ ไปตามรู้สิ่งภายนอก ก็ออกจากจิตรู้แท้ เพราะว่า ปรากฎว่า เวลาเรารู้เรื่องราวใดๆ ก็ยังมีตัวรู้ที่มาพร้อมกับสติ เห็น การรู้เรื่องราวนั้นๆของวิญญาณ


    ตัวจิตแท้จะรู้ภายใน คือ วกกลับเข้ามาสู่ตนด้วยมหาสติ

    แต่ ตัววิญญาณ นี่ไปรู้สมมติ ภายนอก
     
  3. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +38,356
    ปัญญาไม่ได้อยู่ที่เปลือกหรืออยู่ที่แก่น แต่ปัญญาคือความเข้าใจทั้งหมด

    ซึ่งต้องทั้งกะเทาะเปลือกเข้าไปสัมผัสแก่น พลิกคว่ำพลิกหงาย หลายตลบ

    ทำความเข้าใจให้รอบด้านหลาย ๆ รอบ จนกว่าจะหมดสิ้นความสงสัยใด ๆ อีกนั่นแล...


    ไม่รู้ว่าเปลือกไม้ของเรานี่จะหนาหรือบางขนาดไหนนะ แต่ช่างเถอะก็แค่สมมุติ

    ว่าแต่ รู้ กับ คิด นี่อันไหนเกิดก่อนนะ

    รู้แล้วคิดหรือคิดแล้วรู้ ...

    เออเนาะ ไม่รู้คิดมากไปหรือเปล่าเนี่ย ชักเห็นทุกข์อีกแล้ว...
     
  4. วิศว

    วิศว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,349
    ค่าพลัง:
    +5,104
    อนุโมทนา สาธุ

    เจริญในธรรม
     
  5. วิศว

    วิศว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,349
    ค่าพลัง:
    +5,104
    การปฏิบัติธรรม เพื่อจะกำจัดสิ่งปลอมแปลงออกให้เหลือแต่ของจริง

    คือ แก่นแท้ของธรรม เฉพาะอย่างยิ่งคือ การฝึกหัดภาวนา

    เริ่มแรกการทำภาวนาจิตของเราย่อมกวัดแกว่งดิ้นรน ล้มลุกคลุกคลาน เป็นของธรรมดา

    เพราะจิตยังไม่เคยกับการภาวนามาก่อน ถึงจะยากลำบากแค่ไหน
    เหนื่อยบ้าง ลำบากบ้างก็ทนเอา

    การปล่อยให้จิตคิดไปในแง่ต่างๆ ตามอารมณ์ของจิตนั้น

    ไม่สามารถที่จะทำให้เกิดอะไรขึ้นมา นอกจากไปเที่ยวเก็บรวบรวมเอาความทุกข์

    ความร้อนจาก อารมณ์ภายนอก มาเผาลนจิตใจของตนให้วุ่นวายเดือดร้อนไม่ขาดระยะเท่านั้น


    ยิ่งถ้าเราไม่เคยฝึกมาก่อน จะเป็นการยากลำบากมาก

    แต่ก็ไม่เหลือวิสัยที่เราจะทำ ดั่งองค์พระศาสดาทรงตรัสเอาไว้


    ในขั้นแรกของการอบรมจิตนั้น ท่านสอนให้ยึดเอาคำภาวนา พุทโธเป็นเครื่อง

    กำกับความคุมใจ ไม่เช่นนั้นจิตจะส่ายกวัดแกว่งไปสู่อารมณ์ต่างๆ ที่เราเคยชินกับอารมณ์นั้นๆ

    แล้วก่อความทุกข์ให้เป็นที่เดือดร้อนอยู่เสมอ ท่านจึงสอนให้นำบทธรรมะข้อใดข้อหนึ่งมาเป็นอารมณ์

    เช่น ภาวนาบริกรรมพุทโธ หรือจะกำหนดอานาปานสติ คือ การกำหนดลมหายใจ เข้าออกควบคู่ไปด้วยก็ได้

    และในขณะที่บริกรรมเราต้องมีสติควบคู่ไปด้วย เมื่อเรามีสติตามระลึกอยู่โดยเป็นไปติดต่อโดยลำดับ

    จิตก็ไม่มีโอกาสจะแวะไปเกี่ยวข้องกับอารมณ์ภายนอกที่วุ่นวายเร่าร้อนด้วยเพลิงกิเลสรุมเร้า

    จิตก็จะค่อยหยั่งเข้าสู่ความสงบโดยลำดับ ในขณะที่จิตสงบไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย

    มีแต่ความรู้ ที่ทรงตัวอยู่เท่านั้น เรียกว่า ความสุขสงบอันเป็นผลที่เกิดขึ้นจากการภาวนา

    แตกต่างจากความสุขทางโลกที่เป็นอามิส ผลจากการปฏิบัติในด้านจิตตภาวนานี้นี่เอง

    จะเป็นกำลังใจให้เราก้าวเดินต่อไป



    สมดังคำว่า...

    ธรรมย่อมคุ้มครอง ผู้ประพฤติธรรม


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 ธันวาคม 2009
  6. ไม่ยึด

    ไม่ยึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +263
    ตัวรู้กับตัวคิดเป็นคนละตัว ที่เกิดจากจิต

    คล้าย คลีบปลา กับหางปลา เป็นคนละอย่างกันในตัวปลา อย่าเข้าใจว่าเป็นตัวเดียวกัน
    คิด ก.ไก่ 2 ครั้ง ก็ไม่ใช่ ก.ไก่ เดียว กัน แต่ถ้า ท่อง ก.ไก่ แล้ว มา ท่อง ข ไข่ สังเกตดีดีว่า ก.ไก่ จะเกิดก่อน ปัญหาโลกแตกจะถูกคลี่คลายในสมมติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2009
  7. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ไม่มีอะไรสู้การบริกรรมได้จริง ๆ
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เวลารู้ ก็ไม่ได้ คิด
    เวลาคิด ก็ไม่ได้ รู้
     
  9. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +38,356
    เฮ้อ...แล้วใครล่ะ ..รู้..
    ใครล่ะ..คิด...
    ถ้าเห็นจริงๆก็พอจะเห็นทางแหละ
    แต่ก็อย่าคิดมากล่ะ ยิ่งคิดมันก็ยิ่งทุกข์นะ
     
  10. สรรเพชร

    สรรเพชร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอย้อนถามท่านว่า ที่ท่านแสดงมามันคือตัวรู้หรือตัวคิด ถ้าเป็นตัวคิดอย่างนี้ท่านก็ต้องหยุดคิดและหยุดแสดงทั้งหมดด้วยหรือเปล่า จึงจะไม่ตามกิเลส
     
  11. *ขันธ์*

    *ขันธ์* สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    ตัวคิด ถ้ามีนิวรณ์ มาก มันก็เป็นกิเลสผลักดันให้คิด ก็เป็น อุทธัจจะ

    แต่ ตัวคิด ถ้าเป็นสังขารธรรม ที่พิจารณาด้วย ใจมีสมาธิ ก็ถือว่า เป็นองค์ธรรม

    ทีนี้ คิดในวิถีประจำวัน ก็ เต็มไปทั้ง สังขารที่เป็นธรรม และ เป็นกิเลส เป็นนิวรณ์
    ขึ้นอยู่กับ เราขัดเกลา จิตใจได้แค่ไหน ละเอียดแค่ไหน

    ดังนั้น คิด ก็เป็นได้ทั้ง ดีและไม่ดี ขึ้นอยู่กับใจ
     
  12. สังขรนาค

    สังขรนาค สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +7
    ตัวสำคัญจริงๆๆ เมื่อไหร่รู้ คือเข้าใกล้ความจริง แต่นักภาวนาทั้งหลายมักไม่รู้จริงแท้
    บางคนกำลังคิดว่าตัวเองกำลังรู้นี่ดิปัญญาของการปฏิบัติ ร้อยละ90 นะผมว่า หากเมื่อรู้ตอนไหน จะเจริญปานรถไฟฟ้า อนุโมทนาครับ ผู้รู้ทุกท่าน
     
  13. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    วิตก : คิด : วิจาร : รู้ : จิตตั้งมั่น : ปิติ : สุข : เอกัคคตา : ฌาณ ๑
     
  14. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +38,356
    ไม่รู้ถามผมหรือเปล่านะ ตามใดที่ยังพูดอยู่แสดงว่าไม่รู้
    คิดคือสังขารการปรุงแต่ง การรู้คือการพิจารณา
    ถ้าจะไม่ตามกิเลสก็แค่รู้..พิจารณาว่าดีหรือไม่ ..
    ถ้าดีก็เฉย... ไม่ดีก็ใช้ขันติอดทนเอา...แล้วก็เฉย
    ครูบาอาจารย์ผมท่านสอนมาแบบนี้ ...ให้ รู้เฉย
    แต่ก็นั่นแหละ มันก็แค่สมมุติทั้งนั้น เพราะมันไม่ใช่เรา...หุ หุ หุ
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ถ้า รู้ว่ามีโทสะเกิด แปลว่า ตอนนั้นไม่ได้คิดเรื่องโทสะ
    เพราะมันเกิดตรงหน้าและเรารู้โทสะ สดๆ ขณะนั้นพอดี เรียกว่า รู้
    เรียกว่ามีสติระลึกรู้ อาศัยขณิกะสมาธิ ได้ปัญญาทางธรรม จิตรู้ว่ามีโทสะเกิด

    แต่ถ้า วันนี้เกิดโทสะแล้วไม่รู้ จนมันโกรธหน้ามืดไปแล้ว จนหายโกรธไปแล้ว
    อีกวันเพิ่งมาระลึกได้ว่าเมื่อวานมีโทสะเกิด มีโกรธเกิดในใจ เรียกว่า คิด
    ไม่มีรู้แม้แต่ขณะจิตเดียว ได้แค่ทวนการระลึกรู้ ซึ่งก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2009
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เรา รู้
    เรา คิด

    ก็ยังมีเราอยู่นี่นา ถ้าไม่มีเราแล้ว มีสภาวะเป็นอย่างไรตอนนี้ยังไม่รู้
     
  17. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    เรา(จิต) รู้...รู้อารมณ์ แล้วยึดถืออารมณ์ ปรุงแต่งไปตามอารมณ์
    ทำให้เกิดอาการของจิต คือ
    เรา(จิต)คิด

    ก็ยังมีเรา(จิต)อยู่นี่นา
    ถ้าไม่มีเรา(จิต)แล้ว ก็ไม่ต้องปฏิบัติให้เสียเวลา
    ไม่ต้องพูดถึงด้วยซ้ำไป ของที่ไม่มี จะพูดถึงไปทำไม

    (smile)
     
  18. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    สาธุครับ ภาษาที่ใช้จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เมื่อใจได้สัมผัสในสิ่งเดียวกันแล้ว

    ที่สุดแล้ว ความคิดที่จะเข้ามาก่อกวนจิตให้กำเริบด้วยอำนาจแห่งกิเลสจะหมดไป เหือดแห้งไปเอง

    จะเหลือแต่ความรู้ล้วน ๆ สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าคิด สักแต่ว่าทำ ไปตามหน้าที่เท่านั้น ไม่มีอะไรให้ยึดติดอีก

    ผู้เห็นความจริงในข้อนี้ เพียรขัดเกลา เพียรละกิเลสอยู่ ย่อมมองเห็นฝั่งโน้นอยู่รำไร ๆ แล้ว
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ใครรู้ ถ้าไม่ใช่จิตที่รู้ แล้วหลงไปยึดเอาอารมณ์เหล่านั้นมาปรุงแต่ง เป็นความคิด
    ธรรมทั้งหลายล้วนรวมลงที่จิต คิดดีก็จิต ที่เป็นผู้คิดดี คิดชั่วก็จิต ที่เป็นผู้คิดชั่ว
    ต้องการรู้อะไรให้ค้นดูได้ที่จิต เพราะจิตเป็นที่รวมของสรรพสิ่งทั้งหลายในโลก(อารมณ์)...

    ;aa24
     
  20. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    รู้จักขันธ์รู้จักสังขาร ยึดสังขารขึ้นมาเพื่อพิจารณาเพื่อปล่อยวางจากขันธ์และสังขารทั้งหลาย ท่านว่าปฏิบัติธรรม

    ความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งหลายท่านเรียกว่า ทุกข์มากก

    ถ้าหลงแต่จมอยู่กับความคิดยึดติดกับความคิดเรียกว่ารู้ไม่เป็นและคิดไม่เป็น ท่านว่าเปนเหตุของทุกข์มากก

    ยึดอย่าให้มั่นยึดมาใช้ประโยชน์ถึงเรียกว่ารู้จักรู้และรู้จักคิด เพื่อเห็นความเป็นจริงว่ามันไม่เที่ยงทนอยู่ไม่ได้จริง มันเที่ยงของมันอย่างนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ควรยึดหมายว่าเป็นตัวตน ยึดเพื่อความปล่อยวาง ท่านว่าทางเดินเพื่อออกจากความยึดมากถือมาก

    ปล่อยวางได้หมด ผู้วางแล้วจากการแบกของหนักมากกก ท่านว่า หมดภาระ



    ผู้ใดเห็นความยึดมากกกทุกข์มากก ย่อมไม่พยายามแบกเพิ่ม ผู้นั้นย่อมหาทางวางมันลง วางได้ก็เบาลงๆวางได้หมดคงสบ๊ายยสบาย
     

แชร์หน้านี้

Loading...