ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ท่านไหนติดต่อกับคุณเกษมได้ ให้มาอ่านคำขอขมาที่ข้างบน

<STYLE>table {background:none;} td {background:none;}</STYLE>
<STYLE>TABLE {background-color: transparent;border-style: none;border-spacing: none;}TD {border: none;border-color:none;background: none;}</STYLE>

<STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758354/");}</STYLE>

 

"ข้าพเจ้า ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายอายุขัย ชีวิตแห่งข้าพระบาทในชาติปัจจุบันนี้ของ ข้าพระพุทธเจ้า 1ปี เพื่อสืบพระชะตาวารแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแม้เพียงเพิ่มอีก 1 วันก็ดี

ขอหมื่นคำอธิฐาน แสนคำอธิฐานนี้ จงสืบต่อพระชนมวารพระองค์ท่านตราบ 120 พระพรรษา จนเป็นผลด้วยเทอญ

ด้วยอำนาจแห่งสัจจาธิษฐาน และแรงกตัญญูกตเวทิตาของข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอเทพยดาทั้งปวง จงโปรดเมตตาอวยพรให้คำอธิฐานของข้าพเจ้าสัมฤทธิ์ อย่างอัศจรรย์ ขอพระอาการประชวรจงปราศนาการไปอย่างฉับพลันด้วยเทอญ"<!-- google_ad_section_end -->

สาธุ...

 

มหาโมทนา... สาธุ...

 

"ข้าพเจ้า ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายอายุขัย ชีวิตแห่งข้าพระบาทในชาติปัจจุบันนี้ของ ข้าพระพุทธเจ้า 1 ปี เพื่อสืบพระชะตาวารแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแม้เพียงเพิ่มอีก 1 วันก็ดี

ขอหมื่นคำอธิฐาน แสนคำอธิษฐานนี้ จงสืบต่อพระชนมวารพระองค์ท่านตราบ 120 พระพรรษา จนเป็นผลด้วยเทอญ

ด้วยอำนาจแห่งสัจจาธิษฐาน และแรงกตัญญูกตเวทิตาของข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอเทพยดาทั้งปวง จงโปรดเมตตาอวยพรให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าสัมฤทธิ์ผล อย่างอัศจรรย์ ขอพระอาการประชวรจงปราศนาการไปอย่างฉับพลัน และขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงดีดังเดิมด้วยเทอญ"<!-- google_ad_section_end -->

สาธุ...<!-- google_ad_section_end -->

 

ข้าพเจ้า ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายอายุขัย ชีวิตแห่งข้าพระบาทในชาติปัจจุบันนี้ของ ข้าพระพุทธเจ้า 1 ปี เพื่อสืบพระชะตาวารแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแม้เพียงเพิ่มอีก 1 วันก็ดี

ขอหมื่นคำอธิฐาน แสนคำอธิษฐานนี้ จงสืบต่อพระชนมวารพระองค์ท่านตราบ 120 พระพรรษา จนเป็นผลด้วยเทอญ

ด้วยอำนาจแห่งสัจจาธิษฐาน และแรงกตัญญูกตเวทิตาของข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอเทพยดาทั้งปวง จงโปรดเมตตาอวยพรให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าสัมฤทธิ์ผล อย่างอัศจรรย์ ขอพระอาการประชวรจงปราศนาการไปอย่างฉับพลัน และขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงดีดังเดิมด้วยเทอญ"<!-- google_ad_section_end -->

สาธุ...<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

"ข้าพเจ้า ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายอายุขัย ชีวิตแห่งข้าพระบาทในชาติปัจจุบันนี้ของ ข้าพระพุทธเจ้า 1 ปี เพื่อสืบพระชะตาวารแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแม้เพียงเพิ่มอีก 1 วันก็ดี

ขอหมื่นคำอธิฐาน แสนคำอธิษฐานนี้ จงสืบต่อพระชนมวารพระองค์ท่านตราบ 120 พระพรรษา จนเป็นผลด้วยเทอญ

ด้วยอำนาจแห่งสัจจาธิษฐาน และแรงกตัญญูกตเวทิตาของข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอเทพยดาทั้งปวง จงโปรดเมตตาอวยพรให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าสัมฤทธิ์ผล อย่างอัศจรรย์ ขอพระอาการประชวรจงปราศนาการไปอย่างฉับพลัน และขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงดีดังเดิมด้วยเทอญ"<!-- google_ad_section_end -->

 

วันที่ 04 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6945 ข่าวสดรายวัน


ควีนอังกฤษ ถวายพรในหลวง

5ธค.เปลี่ยนที่ลงนาม จากศิริราชเป็นในวัง ทรงออกมหาสมาคม



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
ล้นเกล้าฯ - หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ผ่านฟ้า จัดนิทรรศการเฉลิมพระ เกียรตินำพระบรมสาทิสลักษณ์ ฝีมือของศิลปินชื่อดังหลายท่านมาจัดแสดง เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระ ชนมพรรษา



</TD></TR></TBODY></TABLE>ควีนอลิซาเบธแห่งอังกฤษส่งพระราชสาส์นถวายพระพรในหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระ ชนมพรรษาขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวรและทรงพระเกษมสำราญ "อภิสิทธิ์"นำขรก.ทั่วประเทศกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตน สำนักพระราชวัง เผยวันที่ 5 ธ.ค. งดให้ประชาชนมาลงนามถวายพระพรที่ศิริราช โดยจะเปิดให้ลงนามถวายพระพรที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหา ราชวัง วันที่ 6 ธ.ค. จะเปิดให้ลงนามถวายพระพรที่ศิริราชตามปกติ

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เผยแพร่พระราชสาส์น สมเด็จพระราชินีนาถ อลิซาเบธที่ 2 ทรงส่งถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ความว่า

"หม่อมฉันขอถวายพระพรเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 82 พรรษาของฝ่าพระบาท หม่อมฉันหวังว่าฝ่าพระบาทจะทรงหายจากพระอาการประชวรและทรงพระเกษมสำราญยิ่ง ในโอกาสนี้หม่อมฉันขอถวายพระพรให้ฝ่าพระบาทมีพระพลานามัยแข็งแรง ทรงพระชนมายุยิ่งยืนนานและทรงพระเกษมสำราญ และขอส่งความสุขและความสวัสดีมายังประชา ชนชาวไทยทั้งปวง

อลิซาเบธ"

ผู้สื่อข่าวรายงานจากร.พ.ศิริราช วันที่ 76 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯประทับรักษาพระวรกาย ณ ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระ เกียรติ ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทาง ร.พ.และสำนักพระราชวัง จัดศาลาศิริราช 100 ปี เป็นสถานที่ให้ประชาชนลงนามถวายพระพร ตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น.ทุกวัน

นายณรงค์ฤทธิ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รองเลขาธิการพระราชวัง ฝ่ายที่ประทับ แจ้งว่า วันที่ 5 ธ.ค.นี้ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังของดให้ประชาชนมาลงนามถวายพระพร ณ ศาลาศิริ ราช 100 ปี แต่จะเปิดให้ลงนามถวายพระพรที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวังในวันดังกล่าวแทน ส่วนวันที่ 6 ธ.ค. จะเริ่มเปิดให้ประชาชนทั่วไปลงนามถวายพระพรตามปกติ

สำหรับบรรยากาศการลงนามถวายพระพรตลอดทั้งวันมีคณะบุคคล และประชาชนทั่วไปจากทั่วประเทศ เดินทางมาลงนามถวายพระพรกันอย่างเนื่องแน่น โดยส่วนใหญ่มาเป็นหมู่คณะ และสวมชุดสีชมพู

วันเดียวกันที่พระบรมมหาราชวัง นายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง เป็นประ ธานพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณและจุดเทียนชัยของข้าราชบริพารสำนักพระราชวัง เนื่องในโอกาสเฉลิม พระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ศาลามหามงคล (ท่าโรงโม่) ถ.มหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง มีข้าราชบริพารสำนักพระราชวังร่วมพิธีจำนวน 1,552 คน

ศ.คลินิก น.พ.ธีรวัฒน์ กุลทนันท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ในวันที่ 4 ธ.ค. เวลา 07.00 น. มีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 99 รูป ที่สนามหญ้า ลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล จากนั้นมีกิจกรรมทำของขวัญถวายพ่อ ในรูปเศรษฐกิจพอเพียง และนิมนต์พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ แสดงธรรมเทศนาหัวข้อทศพิธราชธรรม

เมื่อเวลา 07.50 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นำข้าราชการทั่วประเทศถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน ร่วมแสดงความจงรักภักดี แสดงความมุ่งมั่นแน่วแน่ที่จะเป็นข้าราชการที่ดี และถวายเป็นราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา โดยมี ครม. ข้าราชการระดับสูงทุกส่วนราชการ ตำรวจ ทหาร ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ทั้งนี้ ส่วนราชการทั้งในส่วน กลางและส่วนภูมิภาคได้จัดให้มีพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ณ ที่ตั้งอย่างพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
บอลลูน - บรรยากาศงานเทศกาลบอลลูนนานาชาติ ที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. มีนักบินบอลลูนจากนานาประเทศทั่วโลกเข้าร่วม เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยงานมีถึงวันที่ 6 ธ.ค.



</TD></TR></TBODY></TABLE>

เวลา 08.00 น. นายกฯนำร้องเพลงชาติ จากนั้นกล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณ ใจความว่า "ข้าพระพุทธเจ้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะประพฤติปฏิบัติตนเป็นข้าราชการที่ดีและเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท มุ่งมั่นแน่วแน่แก้ไขปัญหาของชาติและของประชาชน สร้างสรรค์คุณประ โยชน์แก่แผ่นดิน และดำเนินชีวิตโดยยึดมั่นในหลักธรรม คำสอนแห่งศาสนา และความถูกต้อง ตลอดไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ"

จบแล้ว นายกฯนำร้องเพลงพ่อแห่งแผ่นดิน และเพลงสรรเสริญพระบารมี เป็นอันเสร็จพิธี

ต่อมาเวลา 10.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี นายอภิสิทธิ์พร้อมด้วยนางพิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภริยา เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ คณะสงฆ์ 99 รูป จากคณะกรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดอารามหลวงในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ครม. ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ร่วมพิธี

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงงานเฉลิมพระเกียรติ ระหว่างวันที่ 3-13 ธ.ค. ว่า รัฐบาลเตรียมการดูแลความปลอดภัยมาตลอด ตั้งแต่เรื่องการเดินทางและความปลอดภัย โดยประชาชนไม่ว่าในกทม.หรือต่างจังหวัด วันนี้ขอให้ใช้บริการรถไฟ ถ้ามาจากภาคเหนือ ภาคอีสาน ให้นำรถมาจอดที่ดอนเมืองแล้วขึ้นรถไฟมาลงยมราช สามารถเดินเข้างานได้เลย ถ้ามาจากภาคตะวันออกนำรถมาจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วขึ้นรถไฟที่สถานีลาดกระบัง สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยรัฐบาลดูแลเต็มที่ และเชื่อว่าคนไทยด้วยกันล้วนมีความจงรักภักดี ต้องมีสำนึกว่าในงานที่เป็นมงคลของคนทั้งประเทศ ต้องไม่ให้เกิดเรื่องที่เสียหายเดือดร้อน และขอให้เป็นหูเป็นตา ดูแล ส่วนเจ้าหน้าที่จะใช้ตำรวจเป็นหลักทั่วทั้งบริเวณงาน รอบบริเวณมีอาสาสมัคร เทศกิจคอยช่วยเหลือ

เวลา 09.10 น. ที่บก.ทบ. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พร้อมด้วยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ ผู้ช่วยผบ.ทบ.(1) พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผบ.ทบ.(2) พล.อ.พิรุณ แผ้วผลสง เสธ.ทบ. และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ข้าราช การลูกจ้างกองทัพบก กล่าวถวายพระพรชัย มงคลและคำสัตย์ปฏิญาณ เนื่องในวันเฉลิมพระ ชนมพรรษา 5 ธ.ค.

ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า กรมอุทยานฯขอเชิญประชา ชนร่วมแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยจัดเตรียมสมุดลงนามไว้ให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวช่วงหยุดต่อเนื่อง ได้ลงนามถวายพระพร วันที่ 5 ธ.ค. ให้เจ้าหน้าที่อุทยานทั้ง 148 แห่ง จัดเตรียมสถานที่และอุปกรณ์ไว้สำหรับนักท่องเที่ยวจุดเทียนถวายพระพรพร้อมกันกับงานที่ท้องสนามหลวง โดยจะถ่ายทอดภาพการจุดเทียนชัยถวายพระพรจากอุทยานยอดนิยม เช่น ภูชี้ฟ้า ผาแต้ม ดอยอินทนนท์ สุเทพ-ปุย ภูกระดึง หมู่เกาะสุรินทร์-สิมิลัน เป็นต้น

เมื่อเวลา 18.05 น. ที่บริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ถ.ราชดำเนินกลาง ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 "พระบารมีจรัสหล้า" ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า กทม.ได้รับมอบหมายร่วมกับกระทรวงต่างๆ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดงานเฉลิมพระ เกียรติ ณ บริเวณ ถ.ราชดำเนิน ตั้งแต่บริเวณแยกสะพานผ่านฟ้า ถึงบริเวณแยกผ่านพิภพลีลา กทม.กำหนดจัดงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติระหว่างวันที่ 3-7 ธ.ค.นี้ โดยรูปแบบและกิจ กรรมสำคัญภายในงาน ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการ จัดทำมัลติมีเดียเฉลิมพระเกียรติ การแสดงแสง เสียง และสื่อผสม และกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชน

สำหรับนิทรรศการแบ่งเป็น 9 โซน ประกอบ ด้วย นิทรรศการ มัลติมีเดียเฉลิมพระเกียรติ การแสดงแสง เสียง และสื่อผสม โซนที่ 1 เป็นซุ้มเฉลิมพระเกียรติจะเป็นประตูทางเข้างาน ชื่อซุ้ม "กรุงเทพนคราสดุดี" ประดับตกแต่งอย่างสวยงามยิ่งใหญ่ พร้อมอัญเชิญพระมหาพิชัยมงกุฎมาประดิษฐานเหนือสุดของซุ้ม โซนที่ 2 เรียกว่า "ผลึกบารมีนิรมิต" จัดทำเป็นผลึกแก้วขนาดใหญ่ โปร่งใส หมุนได้รอบทิศทาง ใช้เป็นจอฉายภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ภาพพระราชกรณียกิจ และรางวัลแห่งเกียรติยศที่แสดงถึงการแซ่ซ้องสดุดีจากชาวโลก

โซนที่ 3 "ศาลาส่องใจราษฎร์" ประมวลภาพแห่งความผูกพันของพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยจัดแสดงในศาลารายทั้ง 3 หลัง โซนที่ 4 ใช้ชื่อว่า "พลับพลาประกายจรัสหล้า" แสดงการประกาศ พระเกียรติคุณไปทั่วโลก แสดงภาพรางวัลและเหรียญเฉลิมพระเกียรติ ที่องค์กรระหว่างประ เทศทูลเกล้าฯ ถวาย พร้อมทั้งประมวลภาพเหตุการณ์ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

โซนที่ 5 "ลานฉายพลังแห่งแผ่นดิน" ประ ดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่ กว้าง 1.8 เมตร สูง 5 เมตร และสวนโดยรอบจัดเป็นนิทรรศการบนเหลี่ยมเพชร ประมวลภาพพระราชกรณียกิจ 5 เรื่อง รวม 108 ภาพ โซนที่ 6 กทม.น้อมนำแนวทางการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาเมืองในด้านต่างๆ มาจัดนิทรรศการในชื่อ "ทรงเป็นแรงบันดาลใจ" โซนที่ 7 เป็น "หอภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ" เพื่อฉายมัลติมีเดีย เรื่อง "ในดวงใจไทยนิรันดร์" โดยจะฉายวันละ 9 รอบ รอบละประมาณ 10 นาที ตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น. เป็นต้นไป

โซนที่ 8 เป็นการแสดงแสง เสียง และสื่อผสม เรื่อง "ฉายพลังแห่งแผ่นดิน" บริเวณ "ผลึกบารมีนิรมิต" นำเสนอเรื่องราวพระราชกรณียกิจที่ทรงคุณไพศาลแก่แผ่นดินไทย จัดแสดงเพียง 2 รอบ คือ วันที่ 3 และวันที่ 5 ธ.ค. เวลา 19.00 น. โซนที่ 9 "จุดรวมใจถวายพระพร" โดยเปิดให้ประชาชนรับบัตรเขียนคำถวายพระพร รูป "ดอกไม้เงิน-ดอกไม้ทอง" ซึ่งสามารถนำไปประทับตราเพื่อแลกรับโปสการ์ดที่ระลึกที่จัดพิมพ์ขึ้นเป็น 5 รูปแบบ รูปแบบละ 10,000 ฉบับ รวม 50,000 ฉบับ เพื่อมอบให้แก่ผู้เขียนคำถวายพระพรวันละ 1 รูปแบบ โดยจะแจกโปสการ์ดวันละ 3 รอบ คือ เวลา 18.00 น. 19.30 น. และ 21.00 น. รอบละ 3,000 ฉบับ และเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป กทม.เปิดรอบพิเศษสำหรับผู้สูงอายุทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค. เวลา 17.00 น. วันละ 1,000 ฉบับ โดยผู้สูงอายุต้องนำบัตรประชาชนมายื่นด้วย

สำหรับขั้นตอนรับโปสการ์ดประชาชนที่มาถึงบริเวณทางเข้างานให้รับบัตรถวายพระพร จัดทำเป็นรูปดอกไม้เงิน ดอกไม้ทอง จากนั้นเขียนคำถวายพระพรแล้วฉีกด้านที่เขียนคำถวายพระพรไปหย่อนที่ลูกโลกบอลลูน และนำส่วนที่เหลือไปประทับตรา ณ บริเวณ โซนที่ 9 "จุดรวมใจถวายพระพร" เพื่อแลกรับโปสการ์ด 1 ชุด

เมื่อเวลา 19.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ "โครงการคนไทยหัวใจภักดี" โดยมีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ และคณะกรรมการจัดงานเฝ้าฯ รับเสด็จ ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน

ในการนี้ ทรงตัดแถบแพรเปิดนิทรรศการพร้อมทอดพระเนตรนิทรรศการ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ สำหรับโครงการคนไทยหัวใจภักดี ดำเนินการจัดนิทรรศการเฉลิมพระ เกียรติ (9 บริบทแห่งรักของพ่อ) ระหว่างวันที่ 3-6 ธ.ค. เพื่อถ่ายทอดพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่พร้อมทั้งพระราชจริยวัตรอันงดงามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้เป็นแบบอย่างอันดีงามในการประพฤติปฏิบัติของประชาชนทั่วไป และเป็นสิริมงคลในการดำเนินชีวิต ในวันที่ 5 ธ.ค. เวลา 14.00-16.00 น. แจกหนังสือ (ความรักของพ่อ) รวบรวมพระราชจริยวัตรอันงดงามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใน 9 บริบท เป็นของขวัญอันทรงคุณค่าและมงคลแห่งชีวิตแก่ประชาชนทั่วไป จำนวน 6,900 เล่ม

เมื่อเวลา 20.20 น. บริเวณป้อมมหากาฬ ถ.ราชดำเนิน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เป็นประธานพิธีเปิดแสงไฟเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 หรือพิธี "เปิดแสง : แสงพระบารมี เบิกดินฟ้า โรจน์ไสว" เวทีดังกล่าวกระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพ นายกฯ ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและสดุดีมหาราชา พร้อมเปล่งเสียงไชโยร่วมครม. โดยมีประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมาเที่ยวชมเรือนแสนคน ทุกคนพร้อมใจกันสวมเสื้อสีชมพูโบกธง จากนั้นนายกฯ ครม. และประชาชน ร่วมชมขบวนรถประดับไฟเฉลิมพระเกียรติ 28 ขบวน

สำหรับกิจกรรมพิเศษมี 3 เวที ได้แก่ เวทีกลางที่ป้อมมหากาฬ, เวทีแสง เสียง สื่อผสม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเวทีดนตรีเฉลิม พระเกียรติ ที่ด้านหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งฯ ระหว่างวันที่ 3-7 ธ.ค.

ในหลวงเสด็จออกมหาสมาคมเช้าวันที่5ธ.ค.

แถลงพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 2552

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>

แถลงข่าว สำนักราชเลขาธิการ
เรื่อง การพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช 2552
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช 2552 ดังนี้
1.วันพุธที่ 2 ธันวาคม 2552 พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ ประจำปี 2552 ให้เลื่อนออกไปก่อน
2.วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม 2552 ตามที่คณะบุคคลและประชาชนขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสเข้าเฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2552 ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา เช่นทุกปี ให้เลื่อนออกไปก่อน
3.วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม 2552
-เวลาเช้า เสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคล
-เวลาบ่าย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฏราชกุมาร ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์
4.วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2552 เวลาเช้า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฏราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ เลี้ยงพระ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
5.วันอังคารที่ 8 ธันวาคม 2552 เวลาบ่าย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฏราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต คณะทูตเฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2552
จึงแถลงข่าวมาให้ทราบโดยทั่วกัน​

ฮือฮาผลงานลิงถ่ายภาพฮิตเฟซบุ๊ก​

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

ตากล้องฮอต - ลิงอุรังอุตัง "นันจา" วัย 33 ปี ใช้กล้องถ่ายรูปอยู่ในสวนสัตว์ที่เวียนนา ประเทศออสเตรีย ล่าสุดเป็นข่าวดัง เมื่อทางสวนสัตว์จัดทำอัลบั้มภาพของนันจา เผยแพร่ทางเว็บไซต์เฟซบุ๊ก มีแฟนๆ เข้าชมหนาแน่น ตามข่าว เมื่อ 3 ธ.ค.​

​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>ออเร็นจ์นิวส์ของอังกฤษรายงานเมื่อ 3 ธ.ค. ว่า บรรดาช่างภาพมืออาชีพในวงการทั้งหลายต้องอึ้งกิมกี่ เมื่อบรรดานักท่องอินเตอร์เน็ตทั่วโลกหันไปชมภาพถ่ายสมัครเล่นของลิงอุรังอุตังชื่อ นันจา ในสวนสัตว์เชินบรุนน์ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ​

เจ้าหน้าที่สวนสัตว์มอบกล้องถ่ายรูปดิจิตอลให้กับนันจา พร้อมกับสร้างหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัวไว้อัพโหลดรูปที่นันจาถ่ายตั้งแต่เชือกที่ใช้ปีนป่าย อาหารที่กิน ไปจนถึงเพื่อนๆ ขนดกของมัน กลายเป็นสิ่งฮิตติดอกติดใจผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่แวะเวียนกันเข้ามาเยี่ยมชมมากมายหลายหมื่นคน​

ผู้ดูแลสวนสัตว์กล่าวว่า การได้ดูภาพที่นันจาถ่ายนั้นเหมือนกับเป็นการได้มองผ่านสายตาของมัน พร้อมทั้งกล่าวชมว่า นันจามีรสนิยมศิลป์ที่ยอดเยี่ยมมาก ก่อนหน้านี้เคยเป็นจิตรกรโชว์ลีลาวาดภาพ เคยมีผู้แย่งประมูลไปในราคาที่สูงถึง 2 พันปอนด์ หรือราว 1 แสนบาท​

บึ้มสยอง19ศพดับ3รมต.โซมาเลีย​

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 3 ธ.ค. เกิดเหตุก่อการร้ายเขย่าประเทศโซมาเลีย แดนซ่องสุมของโจรสลัดและผู้ก่อการร้าย ด้วยระเบิดพลีชีพกลางพิธีมอบปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเบนาเดอร์ ในโรงแรมที่กรุงโมกาดิชู เมืองหลวงของประเทศโซมาเลีย สังหารเหยื่อ 19 ราย เป็นรัฐมนตรีถึง 3 คนรวด ส่วนที่เหลือ เป็นเหล่านักศึกษาบัณฑิต ตำรวจแจ้งว่าคนร้ายแฝงตัวเข้าไปในลักษณะแขกร่วมงาน​

เหตุก่อการร้ายครั้งนี้เป็นการจู่โจมทำร้ายรัฐบาลกลางครั้งร้ายแรงที่สุดนับจากรัฐบาลชุดนี้ของประธานาธิบดีชารีฟ ชีก อาห์เหม็ด ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ เปิดปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มกองโจรมุสลิมหัวรุนแรง อัล ชาบาบ ที่ทางการสหรัฐขึ้นบัญชีดำว่าโยงใยกับเครือข่ายอัล ไคด้า​

สำหรับผู้เสียชีวิต ได้แก่ รมว.สาธารณสุข รมว.ศึกษาธิการ รมว.ศึกษาธิการขั้นสูง ช่างภาพจากสถานีโทรทัศน์อัล อาราบิยา ของดูไบ นักข่าวสถานีวิทยาชาเบเล แพทย์และนักศึกษา ส่วนรัฐมนตรีที่บาดเจ็บเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกีฬา​

รถยักษ์​

เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์​

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>แมงกะไซค์มโหฬาร คงมีแต่ "ยักษ์" กระมังที่ขึ้นคร่อมขี่ได้!​

เจ้าของสถิติ "จักรยานยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก" คันนี้มีชื่อรุ่นว่า "กันบัส" ​

ความยาวตัวรถจากหัวถึงหาง กว่า 11 ฟุต ​

จัดแสดงในมหกรรมเอสเซน มอเตอร์โชว์ แดนเยอรมนี​

ใครกล้าเอาไปขี่...ควรไปทำประกันชีวิตเผื่อรถทับตายเอาไว้ด้วยนา!!​

จัดปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ​

พระมหาจักรชัย มหาจักกวัตติโก เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานวัดเสมียนนารี เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า เนื่องในปีมหามงคลวโรกาส ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 82 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2552 คณะสงฆ์วัดเสมียนนารี โดยมีพระพิพัฒนศาสนกิจวิธาน เจ้าอาวาส และเจ้าคณะเขตบางเขน-จตุจักร พร้อมด้วยอุบาสกอุบาสิกาได้จัดให้มีการทำบุญตักบาตร ปฏิบัติธรรม เริ่มตั้งแต่เวลา 06.00 น. และพิธีไถ่ชีวิตโค-กระบือ มอบให้แก่เกษตรกรเป็นครั้งที่ 3 เพื่อน้อมเกล้าฯถวายเป็นพระราชกุศล พิธีเริ่มตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป ณ มณฑลพิธีลานวัดเสมียนนารี ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ​

จึงขอเชิญพุทธศาสนิกชนผู้สนใจใฝ่ในธรรม ร่วมสมัครบวชชีพราหมณ์ บำเพ็ญมหากุศล เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นราชสักการบูชา และร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคล รับสมัครและลงทะเบียนในวันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม 2552 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป นอกจากนี้ เมื่อได้มาทำบุญที่วัดเสมียนนารี ขอเชิญร่วมนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐาน ณ องค์พระเจดีย์วัดเสมียนนารี สักการะพระประธานพิมพ์พระพุทธชินราช (จำลอง) พระนามว่า พระศรีศากยะพุทธวงศ์มุนี พระพุทธรูปประธานขนาดหน้าตักกว้าง 4 ศอก 9 นิ้ว ปิดทองทั้งองค์ ในพระอุโบสถวัดเสมียนนารี ส่วนที่วิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปแบบศิลปะสุโขทัย พระนามว่า หลวงพ่อพุทธสุโขอภิโรจนะ และหลวงพ่อพุทธโสธร หลวงพ่อสังกัจจายน์ เพื่อความเป็นสิริมงคล ​

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ พระครูสาทรปริยัติคุณ โทร.08-1241-3949, พระมหากิตติเรศ โทร.08-5043-1854​

ธรรมทานผ่านเสียงเพลง ชุดธรรมะมีทำนอง-แจกฟรี​

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>การเผยแผ่พระพุทธศาสนา เป็นหน้าที่ของชาวพุทธทุกคนที่ควรจะได้แสดงออกในทุกรูปแบบ เพื่อให้โลกกลมๆ ใบนี้น่าอยู่อาศัยภายใต้ร่มเงาแห่งสันติภาพ โดยมีศีลธรรมเป็นเครื่องนำทาง ​

แนวคิดดังกล่าวข้างต้นนี้ เป็นที่มาของโครงการ "ธรรมทานผ่านเสียงเพลง ชุดธรรมะมีทำนอง" โดย "ร.ท.สุธี สุขสากล" อนุศาสนาจารย์ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ในฐานะคนทำงานด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในหน่วยทหารและสื่อวิทยุกระจายเสียงหลายรายการ ได้รวบรวมบทเพลงสร้างสรรค์จรรโลงใจ ที่เหมาะสำหรับคนไทยหัวใจพุทธ 17 บทเพลง ผลิตและแจกจ่าย ฟรี! แก่หน่วยทหาร สถานศึกษา สื่อวิทยุกระจายเสียง และวัดทั่วประเทศ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

ร.ท.สุธี เปิดเผยว่า ธรรมทานผ่านเสียงเพลง ชุดธรรมะมีทำนองเป็นบทเพลงที่ผมประพันธ์และขับร้องไว้ โดยใช้ประกอบการอบรม-บรรยาย แก่กำลังพลในกองทัพบกและเยาวชนทั่วไป โดยเนื้อหาของเพลงมุ่งเน้นการเทิดทูนสถาบันชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพื่อให้คนไทยหัวใจพุทธหันกลับมามองเห็นคุณค่าและปฏิบัติต่อสถาบันอย่างรู้คุณค่า ​

"สำหรับโครงการธรรมทานผ่านเสียงเพลงนี้ มิได้มุ่งผลทางด้านธุรกิจ แต่มุ่งผลทางด้านภารกิจ คือภารกิจด้านงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา จึงประกาศเจตนารมณ์ ตั้งแต่เริ่มโครงการว่า แจกฟรีแก่ทุกหน่วยงานที่ต้องการนำสื่อสร้างสรรค์นี้ไปจรรโลงจิตใจผู้คนในองค์กรและในชุมชน ด้วยสำนึกรู้คุณแห่งสถาบัน ส่วนงบประมาณในการดำเนินการ ส่วนหนึ่งเป็นทุนของตัวเองและได้รับการสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชา ญาติธรรม เพื่อนๆ อนุศาสนาจารย์ ผู้ร่วมอุดมการณ์ ร่วมใจให้ทุนในการผลิต เพื่อให้ได้จำนวนซีดีมากถึงมากที่สุดในการแจกจ่ายอย่างทั่วถึงทั่วประเทศ" <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

จากการเปิดตัวในรายการวิทยุของกองทัพบก มีผู้ฟังจากทั่วประเทศให้ความสนใจขอรับซีดีชุดดังกล่าวอย่างล้นหลาม และทยอยจัดส่งให้ฟรี ทั้งนี้ เพราะเนื้อหาของเพลงเทิดทูนสถาบัน อย่างเพลง บุญล้นของคนไทย และ ร่มเงาแผ่นดิน มีเนื้อหาซาบซึ้งกินใจพสกนิกรชาวไทย ที่มีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ​

สนใจร่วมสนับสนุนการผลิต ให้ธรรมะเป็นทาน หรือต้องการซีดีชุดนี้ไปมอบเป็นธรรมบรรณาการในโอกาสต่างๆ และเพื่องานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ติดต่อได้ที่โทร.08-1829-5518 หรืออีกหนึ่งช่องทางไปทำบุญไหว้พระที่วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร เขตดุสิต กรุงเทพฯ ก็สามารถติดต่อขอรับซีดีชุดดังกล่าวได้เช่นกัน ​

เรียกว่า "ทำบุญอุ่นใจได้ธรรมบันเทิง" ​

ติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย​

รวบพระเป็นชู้เมีย-ฆ่าเผาผัว​

สยองขอนแก่น จนมุมสกลนคร​

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

พระโหด - นายเทวา ฉิมมาลี กอดกันกลมกับนางดวงเดือน กองโคตร ตลอดเวลาที่ถูกจับกุม หลังก่อเหตุลวงนายนพวรรณ กองโคตร สามีของนางดวงเดือน ไปฆ่าเผาในไร่อ้อยที่ อ.พระยืน จ.ขอนแก่น เพราะถูกจับได้ว่าคบชู้กัน​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>รวบพระโหดแอบเป็นชู้เมียชาวบ้าน ลวงฆ่าเผาผัวศพหมกไร่อ้อยขอนแก่น ก่อนหนีไปกบดานในวัดที่สกลนคร ตร.ภาค 4 บุกจับได้คาจีวร สารภาพคบฝ่ายหญิง มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวมานาน อ้างทำคนเดียว เผยมีเรื่องทะเลาะกันรุนแรง ถึงขั้นขู่เอาชีวิต หลังเหยื่อจับได้ลักลอบเป็นชู้กับเมีย​

จากกรณีนายนพวรรณ กองโคตร อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 บ้านหนองฮี หมู่ 4 ต.ดอนช้าง อ.เมือง จ.ขอนแก่น คนงานขายวัสดุก่อสร้างโรงไม้เหรียญไทย ต.ท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ถูกคนร้ายฆ่าแล้วเผาทิ้งในไร่อ้อยบ้านหนองโพ ใกล้กับสะพานข้ามลำน้ำชี บ้านหนองบัวดีหมี หมู่ 2 ต.หนองแวง อ.พระยืน จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา เบื้องต้นสันนิษฐานว่าฆ่าชิงทรัพย์แล้วเผาอำพรางคดี และเรื่องชู้สาวนั้น​

ความคืบหน้าคดีนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 ธ.ค. พล.ต.ต.สันติ เพ็ญสูตร รรท.ผบช.ภาค 4 พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร รรท.รองผบช. ภาค 4 พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา ผบก.ศสส. ภาค 4 พ.ต.อ.ยรรยง เวชโอสถ ผกก.สส.1 บก.สส.ภาค 4 พ.ต.อ.อิทธิพล สุวรรณวัฒนะ ผกก.สภ.พระยืน พ.ต.ท.ไพโรจน์ แสงอรุณ รองผกก.สส.1 บก.สส.ภาค 4 พร้อมตำรวจบก.สส.ภาค 4 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.พระยืน แถลงข่าวจับกุมนายเทวา ฉิมมาลี หรือ พระภิกษุเทวา ธมฺมธีโร อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 183 หมู่ 12 ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 อ.ลานสัก นางดวงเดือน กองโคตร อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 4 ต.ดอนช้าง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้ช่วยครูสอนเด็กอนุบาล ต.ดอนช้าง ภรรยาผู้ตาย ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร​

เจ้าหน้าที่จับกุมได้พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ไฟแช็ก 1 อัน ปืนลูกซองสั้น ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองขนาดเบอร์ 12 จำนวน 5 นัด ซองปืนพก 1 ซอง ถุงมือผ้าสีดำ 1 คู่ เสื่อ 1 ผืน กลดพระ 1 ชุด รถจักรยานยนต์ซูซูกิ สีเทาดำ ทะเบียน ขฉพ-709 ขอนแก่น สภาพถูกไฟเผา 1 คัน หนังสือสุทธิบัตรสำหรับพระภิกษุและสามเณรของพระเทวา มหานิกายและธรรมยุต อย่างละ 1 เล่ม​

นอกจากนี้ ยังมีจดหมายรักที่พระเทวาเขียนถึงนางดวงเดือนจำนวน 4 แผ่น ที่บรรยายความรักระบุว่า "พระเทวาก่อนมาบวชเคยเป็นข้าราชการรัฐวิสาหกิจอยู่ 10 ปี ทำงานกรมป่าไม้ แผนกประชาสัมพันธ์และหาข่าวอยู่ 5 ปี เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง 5 ปี ตอนนี้มาบวชได้ 2 ปี ปัจจุบันมีความรักกับครูบ้านหนองฮี และจะรอคอยตลอดไป เพราะเขามีลูกมีผัวแล้ว จึงแอบรักอยู่แบบลับๆ เมื่อตนรักครูบ้านหนองฮีซึ่งเป็นความรักที่แท้จริง พร้อมจะเสียสละได้ทุกอย่าง ทุกกรณี พร้อมที่จะอยู่ จะรัก โดยไม่คำนึงถึงความยากดีมีจน ประวัติคนรักจะเป็นมาอย่างไรไม่สำคัญ ได้กันแล้วจะลำบาก สบายอย่างไรก็ตาม ขอเป็นแต่ชู้ทางใจก็พร้อมจะยินยอมน้อมรับโดยไม่เสียใจใดๆ เลย ยอมทุกอย่างถ้าเขาสบายใจ แม้รักไม่สมหวังจะขออยู่ในสมณเพศตลอดชีพ ขอเพียงได้รักเธอ พี่ก็รู้สึกคุ้มค่าที่สุดแล้ว"​

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่แถลงข่าว นายเทวาที่ถูกจับสึกที่วัดในจ.สกลนคร กอดหอมแก้มนางดวงเดือนตลอดเวลาต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชนจำนวนมาก โดยรับสารภาพว่าวางแผนฆ่าแล้วเผาสามีของนางดวงเดือนจริง โดยทำเพียงคนเดียว แต่เรื่องที่เกิดขึ้นก็เล่าให้นางดวงเดือนทราบอย่างละเอียดทุกขั้นตอน​

พล.ต.ต.จตุพล เปิดเผยว่า หลังจากพบ ศพนายนพวรรณ ตำรวจกก.1 บก.สส.ภาค 4 สืบทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีนี้คือนายเทวาและนางดวงเดือน ภรรยาผู้ตาย เนื่องจากเมื่อปลายปี 2551 นายเทวาหรือพระเทวาในขณะนั้นบวชเป็นพระมาจำพรรษาที่บ้านหนองฮี และพระเทวามาติดพันนางดวงเดือน โดยก่อนเริ่มคบหากันพระเทวาบอกว่า ฝันว่าตนได้สร้อยคอ นางดวงเดือนจึงบอกว่าถ้าฝันในลักษณะนี้จะได้คู่ครอง และนางดวงเดือนเคยดูดวงว่า สามีคือนายนพวรรณจะเสียชีวิต ขณะที่นางดวงเดือนอายุประมาณ 37 ปี ซึ่งจะได้สามีใหม่ ชื่อขึ้นต้นด้วยอักษร "ท"​

หลังจากนั้นทั้งสองจึงแอบคบหาจนได้เสียกันหลายครั้ง หลังจากออกพรรษาแล้ว พระ เทวาออกจากวัดบ้านหนองฮี แต่ก็ยังติดต่อกับนางดวงเดือนมาโดยตลอด และพระเทวาเขียนจดหมายบรรยายความรักและความรู้สึกที่มีต่อนางดวงเดือน ซึ่งนางดวงเดือนยังเก็บไว้กับตัวเพื่อดูต่างหน้า และโทรศัพท์ติดต่อกับนางดวงเดือนเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน​

พ.ต.อ.ยรรยง กล่าวว่า สาเหตุที่พระเทวาตัดสินใจลงมือฆ่านายนพวรรณอย่างโหดเหี้ยม และเผาอำพรางในไร่อ้อย เนื่องจากความรักที่มีต่อนางดวงเดือน ประกอบกับนายนพวรรณจับได้ว่าพระเทวาลักลอบได้เสียกับนางดวงเดือนมาเป็นเวลานาน จนพระเทวาและนายนพวรรณมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ถึงขนาดอาฆาตขู่ฆ่าจะเอาชีวิตกันทางโทรศัพท์ จนนายเทวาตัดสินใจเก็บเงินซื้อปืนจากคนรู้จักในจ.อุทัยธานี ราคา 5,000 บาท 1 กระบอก จากนั้นเดินทางจากวัดบ้านไร่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี มาที่จ.ขอนแก่น เปลี่ยนเครื่องนุ่งห่มเป็นฆราวาส มาปักกลดดักรอฆ่านายนพวรรณสามีของนางดวงเดือนในไร่อ้อย​

กระทั่งวันเกิดเหตุพระเทวาโทรศัพท์ลวงนายนพวรรณซึ่งทำงานอยู่ที่ร้านเหรียญไทยวัสดุก่อสร้างให้ออกมาในที่เกิดเหตุ โดยอ้างว่าจะจ้างให้นายนพวรรณออกมาดูไม้เพื่อจะตัดและใช้ก่อสร้างเถียงนาบริเวณไร่อ้อยในที่เกิดเหตุ เมื่อนายนพวรรณหลงเชื่อออกมาพบพระเทวาเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 28 พ.ย. เมื่อมาถึงปากทางเข้าไร่อ้อยทั้งสองคนพูดคุยกัน โดยพระเทวาแสดงตนเป็นคนว่าจ้าง พร้อมนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของนายนพวรรณเข้าไปในบริเวณไร่อ้อยจุดเกิดเหตุ และใช้ปืนยิงด้านหลังนายนพวรรณจนเสียชีวิต แล้วใช้น้ำมันเบนซินที่เตรียมมาด้วยจัดการเผาศพนายนพวรรณ จากนั้นพระเทวาขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทาง อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น แต่น้ำมันหมด พระ เทวาจึงเผารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวแล้วกลับมาสวมผ้าเหลืองห่มจีวรเพื่ออำพรางเป็นพระภิกษุ หลบหนีไปขอพักที่วัดในพื้นที่จ.ชัยภูมิ ประมาณ 2 วันหลังเกิดเหตุ จากนั้นย้อนกลับมาขอพำนักที่วัดโพธิ์ชัย (วัดบ้านขัวก่าย) หมู่ 1 ต.ขัวก่าย อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร จนในวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันจับ กุมตัวพระเทวาได้ที่วัดโพธิ์ชัย พร้อมด้วยของกลางที่ใช้ก่อเหตุ และจับกุมนางดวงเดือนได้ที่บ้านพักในจ.ขอนแก่น​

ต่อมา พ.ต.อ.อิทธิพลพร้อมด้วยพนักงานสอบสวนควบคุมนายเทวาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในจุดที่เกิดเหตุไร่อ้อยบ้านหนองโพ หมู่ 2 ต.หนองแวง อ.พระยืน เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงเสร็จสิ้น โดยนายเทวายอมรับสารภาพอย่างไม่สะทกสะท้าน เจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ต้องหาทั้งสองคนเข้าห้องขังสภ. พระยืน เพื่อดำเนินการต่อไป

มาเลย์ลดโทษ คุก12ปีนายหญิงโหด เตารีดนาบแจ๋ว



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
สภาพเหยื่อสาวโดนทำร้ายเมื่อ 5 ปีก่อน</TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 3 ธ.ค. ศาลมาเลเซียในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ตัดสินลดโทษให้นางยิม เป็กฮา แม่ลูกสี่ชาวมาเลเซีย วัย 40 ปี จากจำคุก 18 ปี เหลือ 12 ปี ในความผิดฐานทำร้ายร่างกายสาวใช้ชาวอินโดนีเซีย ด้วยวิธีที่ช็อกผู้คนทั่วประเทศ โดยเฉพาะการใช้เตารีดนาบหน้าอกและหลังของเหยื่อ และเป็นคดีหนึ่งที่สะเทือนความสัมพันธ์ระหว่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย จนมีมาตรการระงับการส่งแรงงานสาวใช้ในเดือนมิ.ย. <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
นางยิมร่ำไห้กอดสามี หลังฟังคำตัดสิน เมื่อ 3 ธ.ค. (ภาพ The Star มาเลเซีย)</TD></TR></TBODY></TABLE>

ศาลอุทธรณ์มาเลเซียตัดสินให้นางยิม อดีตพนักงานต้อนรับของสายการบิน พ้นผิดในข้อหาใช้น้ำร้อนลวกขาน.ส.นิร์มาลา โบนาต สาวใช้ชาวอินโดนีเซีย วัย 19 ปี หลังจากเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ตัดสินมีความผิดในข้อหาทำร้ายร่างกายน.ส.โบนาตอื่นๆ นอกจากนี้ ศาลอุทธรณ์ยังลดโทษจำคุกให้จำเลยในข้อหาใช้เตารีดนาบเหยื่อและถ้วยฟาด

ผู้พิพากษาอัซมาน อับดุลเลาะห์ กล่าวว่า ศาลมีหน้าที่ต้องลงโทษการกระทำที่ผิดกฎหมาย การจำคุกต้องเป็นวิธีที่ขัดขวางการกระทำผิดต่างๆ โดยเฉพาะการรังแกผู้อ่อนแอ หรือแม้กระทั่งสัตว์ แต่การที่ลดโทษให้ เพราะเห็นว่า จำเลยมีลูกๆ และเป็นผู้ต้องหาครั้งแรก โดยศาลสั่งให้จำคุกติดต่อกัน แต่อนุญาตให้ประกันตัวออกไปในวงเงิน 2 ล้านบาท ขณะที่นางยิมจะต่อสู้คดีต่อไปในชั้นฎีกา

คดีดังกล่าวเป็นข่าวใหญ่ของมาเลเซียตั้งแต่ปี 2547 หนังสือพิมพ์ต่างตีพิมพ์ภาพน.ส.โบนาต มีรอยแผลฟกช้ำไปทั่วตัว ซึ่งสาวใช้กล่าวว่า ถูกทำร้ายทุกวัน หน้าอกและหลังเต็มไปด้วยรอยไหม้จากเตารีด น.ส.โบนาต ได้กลับบ้านที่อินโดนีเซียเมื่อต้นปีที่แล้ว ขณะที่ทางการมาเลเซียประกาศจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการร่วมกับอินโดนีเซียในสัปดาห์นี้ เพื่อช่วยเหลือสาวใช้

​

 

"ข้าพเจ้า ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายอายุขัย ชีวิตแห่งข้าพระบาทในชาติปัจจุบันนี้ของ ข้าพระพุทธเจ้า 1 ปี เพื่อสืบพระชะตาวารแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแม้เพียงเพิ่มอีก 1 วันก็ดี

ขอหมื่นคำอธิฐาน แสนคำอธิษฐานนี้ จงสืบต่อพระชนมวารพระองค์ท่านตราบ 120 พระพรรษา จนเป็นผลด้วยเทอญ

ด้วยอำนาจแห่งสัจจาธิษฐาน และแรงกตัญญูกตเวทิตาของข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอเทพยดาทั้งปวง จงโปรดเมตตาอวยพรให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าสัมฤทธิ์ผล อย่างอัศจรรย์ ขอพระอาการประชวรจงปราศนาการไปอย่างฉับพลัน และขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงดีดังเดิมด้วยเทอญ"

สาธุ...

 

ขออำนาจ คุณพระศรีรัตนตรัยปกป้องคุ้มครองในหลวงให้มีอายุ ยืนนาน ขอจงทรงพระเจริญ

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nut_20036
ข้าพเจ้าขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายอายุขัย ข้าพระพุทธเจ้า 1ปี เพื่อสืบต่อพระชนมายุพระองค์ท่านตราบ 120 พระพรรษา
ด้วยอำนาจแห่งสัจจาธิษฐาน และแรงกตัญญูกตเวทิตาของข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอเทพยดาทั้งปวง จงโปรดเมตตาอวยพรให้คำอธิฐานของข้าพเจ้าสัมฤทธิ์ และขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง
</TD></TR></TBODY></TABLE>
มหาโมทนา... สาธุ...<!-- google_ad_section_end -->

 

ทุกบุปผา มาลัยคือใจราษฎร์
ภักดีบาทองค์บพิตรเป็นนิจสิน
พระ คือ บิดาข้าแผ่นดิน
ร่วมร้อยรินมาลัยถวายพระพร


ลุ ๕ ธันวามหาราช
วันพ่อแห่งชาติ" คือองค์อดิศร
พระเปี่ยมล้นด้วยเมตตาเอื้ออาทร
พสกนิกรเป็นสุขทุกคืนวัน

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า เพียงฝัน

 

ข้าพเจ้า ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายอายุขัย ชีวิตแห่งข้าพระบาทในชาติ
ปัจจุบันนี้ของ ข้าพระพุทธเจ้า 5 ปี เพื่อสืบพระชะตาวารแห่งองค์พระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแม้เพียงเพิ่มอีก 5 วันก็ดี

ขอหมื่นคำอธิฐาน แสนคำอธิษฐานนี้ จงสืบต่อพระชนมวารพระองค์ท่าน
ตราบ 120 พระพรรษา จนเป็นผลด้วยเทอญ

ด้วยอำนาจแห่งสัจจาธิษฐาน และแรงกตัญญูกตเวทิตาของข้าพเจ้าทั้งหลาย
ขอเทพยดาทั้งปวง จงโปรดเมตตาอวยพรให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าสัมฤทธิ์ผล
อย่างอัศจรรย์ ขอพระอาการประชวรจงปราศนาการไปอย่างฉับพลัน
และขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงดีดังเดิมด้วยเทอญ"<!-- google_ad_section_end -->

สาธุ...<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

======================================

4 พ.ย. 52 หวยสามตัวเริ่มทะยอยออกแล้ว

27 พ.ย. 52 ข้าวยากหมากแพง (ข้าวสาร)
นอกจากต่างประเทศที่ถูกน้ำท่วม ช่วงนี้เริ่มทะยอยสั่งซื้อข้าวจากไทยไป
ซึ่งจะทำให้ข้าวภายในประเทศมีราคาสูงขึ้น แมลงเพลี้ยกระโดดที่กำลัง
ทำลายต้นข้าวในภาคกลางอยู่ในเวลานี้ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้
ข้าวภายในประเทศมีราคาแพงขึ้น

28 พ.ย. 52 สมบัติผลัดกันชม (ธนาคาร) รอดูผล

1 ธ.ค. 52 น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้ง (ไม่รู้หวยจะออกตรงไหน?ของประเทศ)
ปรากฏว่าหวยไปออกที่เก่า เวลาใหม่

องค์อินทร์ - 97
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ






---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น
<STYLE>table {background:none;} td {background:none;}</STYLE>
<STYLE>TABLE {background-color: transparent;border-style: none;border-spacing: none;}TD {border: none;border-color:none;background: none;}</STYLE>

<STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758354/");}</STYLE>

 

แม่นๆๆๆ
มีต่อใหม

 

ข้าพเจ้า ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายอายุขัย ชีวิตแห่งข้าพระบาทในชาติ
ปัจจุบันนี้ของ ข้าพระพุทธเจ้า 5 ปี เพื่อสืบพระชะตาวารแห่งองค์พระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแม้เพียงเพิ่มอีก 5 วันก็ดี

ขอหมื่นคำอธิฐาน แสนคำอธิษฐานนี้ จงสืบต่อพระชนมวารพระองค์ท่าน
ตราบ 120 พระพรรษา จนเป็นผลด้วยเทอญ

ด้วยอำนาจแห่งสัจจาธิษฐาน และแรงกตัญญูกตเวทิตาของข้าพเจ้าทั้งหลาย
ขอเทพยดาทั้งปวง จงโปรดเมตตาอวยพรให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าสัมฤทธิ์ผล
อย่างอัศจรรย์ ขอพระอาการประชวรจงปราศนาการไปอย่างฉับพลัน
และขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงดีดังเดิมด้วยเทอญ"<!-- google_ad_section_end -->

สาธุ...<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

ข้าพเจ้าขอ อธิษฐานจิต
ถวายชีวิต หนึ่งปีให้
องค์ภูมิพล ผู้ทรงชัย
ครองสืบไป ร้อยยี่สิบปี

เป็นมิ่งขวัญ อันสดใส
ให้ชาวไทย ได้สุขขี
ใต้กำลัง พระบารมี
ขอทรงมี พระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ช่วยกันอธิษฐานขอให้ในหลวงของพวกเรามีอายุยืนยาว 120 ปีด้วยครับ<!-- google_ad_section_end -->

 

คำทำนายของหมอดูอีที​

​

ด้านแหล่งข่าวในแวดวงการเมืองเปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ได้มีบรรดานักการเมือง อดีตบิ๊กนายตำรวจ ตลอดจนนักธุรกิจและไฮโซชาวไทยจำนวนมาก เดินทางไปประเทศพม่าเพื่อให้ “มะขุ่ย” เจ้าของฉายา “หมอดูอีที” ชาวพม่าตรวจสอบดวงชะตา ​

ซึ่งทุกคนที่ไปถึงกับอึ้งในคำทำนายที่แม่นยำของ “หมอดูอีที” ทั้งเรื่องชีวิตครอบครัวในอดีตและปัจจุบัน หรือแม้กระทั่งตัวเลขในธนบัตรไทยที่เก็บไว้ในกระเป๋า “หมอดูอีที” ทายถูกว่ามีเลขอะไรบ้าง ​

นอกจากนี้อดีตบิ๊กนายตำรวจท่านหนึ่ง ได้สอบถามถึงดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่ามีโอกาสที่จะได้กลับเมืองไทยหรือไม่ ซึ่ง“หมอดูอีที” ฟันธงว่าอดีตนายกฯทักษิณจะได้กลับประเทศไทยในวันที่ 4 เม.ย. ปี 2553 อย่างแน่นอน​

Red_Hiso 26 ตุลาคม 2009, 03:15:59 PM ​

ที่มา http://konthaiuk.com/forum/index.php?topic=4935.0​

หมอดูอีที คือหญิงร่างเล็ก หลังค่อม ตาโปนๆ คล้ายอีที นักการเมืองไทยนิยมบินข้ามไปปรึกษาขอคำแนะนำ คนแรกที่ทำให้เธอดังมากในประเทศไทยคือ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ที่ไปเย้าหมออีทีว่า ถ้าน้องแม่นจริง บอกได้ไหมว่า ธนบัตรใบละพันในกระเป๋าผมหมายเลขอะไร พร้อมหัวร่อเย้าสนุกๆ แต่หมออีทีกลับตอบได้ถูกตรงทุกตัวเลข ทำให้นายเสนาะ ถึงกับทึ่งนำมาบอกกล่าวเพื่อนฝูงในวงการเมือง เล่ากันว่า นางใช้การดูด้วยญาณ แม้แต่ในพม่าชื่อเสียงเธอก็เด็ดขาด ผู้นำพม่าแวะมาเยือนเพื่อขอคำทำนายทายทักเป็นประจำ

เอ้า เล่าถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในไทยเลยดีกว่า โม้มาเสียนาน นางเคยทำนายไว้เมื่อเดือนกันยายน 2552 ซึ่งขณะนั้นไทยกับกัมพูชาก็มีเรื่องระหองระแหงจากพื้นที่ทับซ้อนแล้ว แต่ไม่แรงมากนัก ผู้นำสองประเทศอดกลั้นไม่ต่อปากต่อคำ

นางบอกว่า ก่อนสิ้นปี 2552 ไทยกับกัมพูชาจะเกิดการประทะนองเลือดครั้งใหญ่ ซึ่งตอนนี้ ก็มีเค้าลางแล้ว แต่ผมเคาะๆ ว่า คำทำนายตรงนี้ ขอให้ไม่ถูกก็แล้วกัน เพราะผมไม่ต้องการสงคราม

และอีกครั้งที่หมอดูอีที พูดไว้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะได้กลับประเทศไทยในวันที่ 4 หรือ 14 เมษายน 2553 ผมจำได้ไม่ถนัด และเมืองไทยจะเกิดการจราจลนองเลือดภายในประเทศนานสองสัปดาห์ และจะมีการเลือกตั้งในไทยใหม่ในปี 2553

Sat, 11/14/2009 - 16:41 | by เสรีชน

ที่มาhttp://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/2813

ขอเชิญชมคลิปหมอดูอีทีจากรายการทูไนท์โชว์ ได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ

http://video.mthai.com/player.php?id=6M1232522228M0

 

กลยุทธ์ ลวงพราง สร้างข่าวลือ???
หมอดู สู้เพื่อรวย จ้างให้พูด ตามที่ต้องการ สร้างข่าว
กลยุทธ์ จิตวิทยามวลชน พื้นๆ
เพราะเห็นที่มา จึงถึง บางอ้อ อ๋อ
ที่มาhttp://www.prachataiwebboard.com/webboard/id/2813
(หมอดู คงไม่ได้กินแกลบน่ะ อย่างหมอลักษณ์ นั่นไง)

หาก
สังคม ขาดสติ ก็จะเชื่ออะไร ง่ายๆ ตามนั้น
ถ้าสังคม ขาดปัญญา จะลืออะไรก็ง่ายดายจริงๆ
แต่
สังคมแห่งพุทธะ มักจะยึดถือ หลักกาลามสูตร
และแยกแยะ กงจักร กับ ดอกบัว ได้ถูกต้อง

ว่ามั้ย??? ท่านเกษม

พูดถึง หมอลักษณ์ ก็อดสงสาร คนไทยไม่ได้
จากความผิดพลาดที่ชัดเจน ในการฟันธง บนเวทีสี? เมษายน52
สื่อทีวี SMS ก็ยังหลง งมงาย มอมเมาคนไทย ในรายการเกมโชว์ ทุกสัปดาห์
ชี้ผิด ชี้ถูก ให้ผู้บริโภคสื่อ ทั้ง 60 ล้านคน ซึ่งรวมทั้ง เด็ก เยาวชน จนถึง ผู้ใหญ่....
มีทั้ง ไร้ และ ไม่ไร้ วุฒิภาวะ มี และ ไม่มี ปัญญา...
อนาคตประเทศไทย ทำไมจึงมืดมนอนธกาล เช่นนี้หนอ...
ไม่เว้น แม้ผู้ฝักใฝ่ในธรรม ยังโน้มนำไปในทิศทางแห่ง ความหลง
หลงทางธรรม ???
หมอดู คือ ผู้ที่หากิน จาก ความอ่อนแอ ของผู้คน
ข่าวลือ เกิดจากการ พูดต่อ บอกต่อ โพสต์ต่อ
โดย ผู้ที่ต้องการ ลือ กระพือ นั่นเอง


ต้องขออภัย หากใช้คำไม่เหมาะสม

 

ไม่ทราบว่าพี่ๆคนไหนมีเบอร์โทรของคุณคณานันท์บ้างครับจะโทรขอเป็นสมาชิกกลุ่มนะครับ