แจกแผ่นยันต์หนุนดวงชะตาฟรี

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้ ผมได้ไปกราบนมัสการ หลวงพ่อศักดิ์ชัย วัดลิ้นทองมาครับ
อยากจะเรียนว่า ไม่ว่าจะเป็น หลวงปู่วงษ์ ปู่ฤาษีเปิดฟ้า แม่นางตะเคียน ที่ได้ทำการแกะจากไม้ตะเคียนนั้น บัดนี้ได้แกะเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ งดงาม เหมือนหนึ่งมีชีวิตจิงครับ

ขออนุโมทนาสาธุการครับ

 

อนุโมทนาบุญกับอาจารย์ เมื่อวานนี้ผมและแฟนไปทำสงฆทานที่วัดปทุมวนารามมาด้วยครับ

 

ขอรับ 1 ชุดค่ะ

อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ​

ปาจรีย์ ทองน้ำวน25/165 หมู่2ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม 73000<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>​

 

ครับการปฏิบัติกรรมฐานนั้นควรฝึกให้ครบทั้ง40กองครับ โดยหมั่นทำไปเรื่อยๆทีละกองแบบค่อยเป็นค่อยไปครับอันไหนที่เราทำแล้วตรงกับจริตของเราเราทำแล้วมีสมาธิได้ดีกว่ากันก็ใช้อันนั้น
ถามเรื่องครูองค์ไหนที่จะสอนเรื่องกรรมฐานได้ดี ก็คงไม่มีใครเกินพระพุทธองค์ท่านหรอกครับ สัตถาเทวะมนุสสานัง ท่านเป็นครูทั้งเหล่าเทวดาเทพพรหมเหล่าสัตว์ทั้งหมด ให้เอาแบบฐานการฝึกกรรมฐานตามที่ท่านทรงตรัสไว้นั่นแหละครับมาทำ ครับค่อยๆทำไปเดี๋ยวดีเอง
ปู่ฤาษีท่านเก่งเรื่องกสิณอภิญญาครับ ส่วนมากท่านมักจะเพ่งกสิณเป็นหลักครับ เราเดินตามคำสอนของพรุพุทธองค์เอาพระองค์ท่านเป็นครูผู้สอนเร่งทำความเพียรทำความดีเรื่อยไป จะได้ดีเองครับ
คุณต้องละการอยากได้ฤทธิอภิญญาออกก่อนครับ ตัวอยากนี่แหละคือกิเลสที่ทำให้การปฏิบัติไม่ก้าวหน้าครับ เรื่องตาทิพย์หูทิพย์ เจโตปริยญาณนั้นเป็นผลพลอยได้ของการฝึกครับ เราปฏิบัติไปทำไปถ้าบุญเก่าเรามีทางด้านอภิญญามามันก็เกิดขึ้นได้เองครับ
ขออนุโมทนาบุญกับการทำดีการปฏิบัติธรรมด้วยครับ

 

ในเดือนนี้ผมพักผ่อนครับอยู่ที่บ้านทุกวันยกเว้นผมไปทำบุญเท่านั้นครับที่ไม่อยู่ คุณจะมาวันไหนก็โทรนัดผมล่วงหน้าได้ครับ เมื่อวานนี้ก็มีแขกมาพบผมเช่นเดียวกันครับมาได้เลยครับยินดีต้อนรับครับผม

 

อนุโมทนา สาธุ สาธุ กับอาจารย์และทุกๆท่านได้ทำบุญ ไม่ว่าจะน้อยจะมาก เมื่อซักครู่ได้สนทนากับอาจารย์เรื่อง กรรมฐาน 10กองที่จะถูกจริต ผมว่าอันนี้สำคัญมากๆ เพราะว่าเราไม่ควรจะเสียเวลาแม้นแต่เพียงลมหายใจเลย ชีวิตคนเรานั้นสั้นมากๆ และอยากให้อาจารย์ช่วยอธิบาย กรรมฐานในแต่ละกองเพื่อเป็นธรรมทานแด่ทุกๆท่านด้วยเทอด

 

อ. ครับ

อยากถาม 3 เรื่องครับ
1. ผมอยากจะชักชวนคนรู้จักหลายๆคนมา สัพเพพุทธา แบบหลวงปู่ดู่ เพื่ออุทิศบุญให้แก่เจ้ากรรมนายเวรของพ่อเพื่อนที่นอนป่วยอยู่ใน ICU
แต่เพื่อนบอกว่า การสัพเพนี้มีผลให้เจ้ากรรมนายเวรของผู้ป่วยมาเล่นงานผู้ที่สัพเพด้วยไม่มากก็น้อย มีคนโดนมาแล้ว
จึงควรต้องทำกันในเวลา 20.30 น. เพื่ออาศัยกำลังใหญ่
อยากให้อ. ช่วยแนะนำหน่อยครับ ผมจะได้ทำถูก

2. กรณีที่ทำบุญหลายๆอย่างใน 1 วัน ทำเสร็จแล้วอุทิศแห้งตลอด
แต่ต้องการกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลด้วย
สามารถทำรวบยอดทีเดียวเลยตอนสิ้นวัน หรือวันรุ่งขึ้นได้ไหมครับ
(ไม่ลืมแน่ๆ แต่ขี้เกียจกรวดน้ำบ่อยๆ )

3. ผมสวด สุทินนังฯ แบบที่ อ. แนะนำ และคาถาเงินล้าน เวลาถวายอาหารบิณฑบาตรตอนเช้า วันไหนตักไม่ทัน ก็จะเอาเหรียญมาสวดแบบเดิมแล้วหยอดกระปุกไว้
เงินในกระปุกควรจะเอาไปหยอดตู้ ถวายภัตตาคาร
หรือตู้อะไรก็ได้ที่วัด เช่น สังฆทาน ค่าน้ำค่าไฟ

ขอบคุณครับ

 

โมทนาสาธุในการปฏิบัตฺและการทำความดีด้วยครับ เรื่องกรรมฐานนั้นผมจะหาเวลานำมาลงในกระทู้เป็นอย่างๆไปครับ ตามเท่าที่สามารถทำได้ครับ

 

ขอตอบตามลำดับนะครับ
1 เรื่องการสงเคราะห์คนนั้นตามหลักการก็ได้บุญกุศลครับ แต่การที่จะช่วยเหลือใครเราต้องพิจจารณาองค์ประกอบหลายอย่างให้ดีเสียก่อนครับ เช่น
1.1 เรามีบุญมีบารมีมากพอที่สามารถจะสงเคราะห์เขาได้ไหวไหม ถ้ากำลังบุญมีไม่เพียงพอนะครับอาจโดนเจ้ากรรมนายเวรของคนนั้นๆที่เราต้องการช่วยเล่นงานเข้าให้ฐานะไปก้าวล่วงกรรมของเขา ถ้าเรามีกำลังบุญมากพอก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ
1.2 ผู้ที่เราอยากจะช่วยนั้นมีฐานองค์ประกอบของบุญกุศลอยู่บ้างไหม ถ้าเขาไม่มีฐานประกอบของบุญกุศลใดๆเลยเราไปช่วยนอกจากไม่ได้ผลเราอาจโดนเล่นงานเสียเองครับ แม้แต่ตัวผมก่อนที่ผมจะอธิษฐานช่วยใครเขาผมยังต้องดูก่อนเลยว่าคนนี้มีกำลังบุญมากน้อยเพียงใด
1.3 อย่าลืมว่ากฏแห่งกรรมเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน ใครประกอบกรรมเช่นใดเอาไว้ย่อมได้ผลวิบากของกรรมในเช่นนั้นไม่มีใครช่วยได้มากนักนอกเสียจากตัวของคนที่เราจะช่วยต้องพยายามช่วยตนเองให้มากที่สุด
1.4 ในการช่วยคนเราต้องอาราธนาอธิษฐานขอบุญขอบารมีคุณพระ รัตนตรัยเทวดาเทพพรหมมาช่วยสงเคราะห์ ถ้าเขามีกุศลบุญอยู่ก็สามารถที่จะช่วยแก้ไขได้บ้างไม่มากก็น้อยครับ
1.5 ทำตอน20.30น นั่นดีแล้วครับอารธนาบารมีคุณพระหลวงปู่ท่านช่วยอีกจะดีมากๆครับ โมทนาบุญด้วยครับสาธุๆ
2 ต้อตอของบุญอยู่ที่กำลังของใจกำลังของจิตครับ เราทำเราส่งกำลังจิตส่งกำลังบุญไปให้ก็ได้แล้วครับ แต่ถ้าไม่มั่นใจว่าเราอาจส่งกำลังบุญไปได้ไม่ดีก็ให้กรวดน้ำเอาน้ำเป็นสื่อกำลังบุญกำลังใจของเราบอกกล่าวเทพเทวดาพระแม่ธรณีท่านนำส่งอีกทีก็ได้ครับ
3 ครับเวลานำไปถวายก้อธิษฐานว่าปัจจัยนี้ลูกขอสร้างกองบุญในพระศาสนา ขอถวายเป็นมหาทาน ธรรมทาน วิหารทาน และบุญในขอบเขตพระศาสนาทั้งหมด อธิษฐานแบบนี้ก็ได้ครับ
ขออนุโมทนาในการทำดีของคุณและหมู่คณะด้วยนะครับ (ถามเรื่องการปฏิบัติแบบนี้ผมชอบมากๆครับ )

 

สวัสดีครับท่านอาจารย์ที่เคารพและนับถือ

จำผมได้ไหมครับอาจารย์สบายดีไหมครับ

ช่วงนี้ผมสบายใจขึ้นมากแวะมาทักทายอาจารย์ครับ

เมื่อวานได้ไปกราบหลวงปู่บุญฤทธิ์พระอริยะเจ้ากลางกรุง

ได้ถวายผ้าไตรจีวรผ้าอาบน้ำฝนสังฆทานชุดใหญ่

วันนี้ไปวัดดอนเจดีย์ถวายผ้าไตรและสังฆทานเวียนชุดใหญ่

ให้อาหารปลากับเต่าเพื่อนๆร่วมโมทนาบุญกับผมด้วยนะครับ

 

ขอบคุณสำหรับคำตอบข้างบนครับ อ.

- นอกเหนือจากการสัพเพ หากเปลี่ยนไปแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของผู้ป่วยเฉยๆแทนได้ไหมครับ อย่างนี้มีข้อควรระวังเหมือนกันหรือเปล่า

ผมขอถามเพิ่มสำหรับการฝึกครับ
ผมลองฝึกหลายอย่างครับ คิดเอาเองว่ามันเกื้อหนุนกัน หรือว่าบางทีเวลาฝึกบางอย่างแล้วรู้สึกตื้อๆ ก็จะเปลี่ยนมาฝึกอย่างอื่น
ตอนแรกสุดเลย ฝึกมโนมยิทธิ
ถ้ามโนติด ก็จะเปลี่ยนมาบริกรรมพร้อมกับจับภาพพระ แนวที่หลวงพ่อฤาษีสอน ว่าจัดเป็น อานา + กสิน (แล้วแต่ว่ากสิณอะไร)
หรือบางครั้งก็ฝึกอานาปานสติอย่างเดียว
หลังๆ พอเห็นว่า กสิณแสงสว่าง เป็นกองที่ช่วยให้ได้ทิพจักขุญาณก็อยากจะฝึกอีก
แต่กองนี้ฝึกไม่ค่อยเป็น ก็มั่วๆเอาเองอยู่
ล่าสุดนี่พอศึกษาแนวหลวงปู่ดู่ สอนคล้ายกับการจับภาพพระเหมือนที่ผมเคยฝึก ก็อยากจะฝึกอีก

- ผมเห็นว่าทุกอย่าง (ยกเว้นอานา) เป็นการจับภาพพระเหมือนๆกัน ก็น่าจะใช้อารมณ์เดียวกัน ไม่ทราบว่าผมคิดถูกหรือเปล่า

เคยมีโอกาสถามผู้รู้บางคน ส่วนมากจะแนะนำให้ฝึกอย่างใดอย่างเดียว แต่ละคนก็แนะนำไม่เหมือนกัน บางคนก็แนะนำ มโน บางคนก็แนะนำ กสิณ บางคนก็แนะนำ อานา
สรุปคือตัวผมชอบฝึกมโนครับ แต่เนื่องด้วยติดอยู่ที่ปัจจุบันมานานพอสมควรแล้ว
เวลาติดจึงอยากหันไปลองอย่างอื่นบ้าง

- อยากให้ อ. ช่วยแนะนำครับ ว่าควรจะฝึกทีละอย่าง หรือฝึกพร้อมๆกันได้ครับ

ขอบคุณครับ

 

ขออนุโมทนาบุญร่วมกับอาจารย์ครับ พร้อมผู้ร่วมทำบุญทุกๆท่านครับ

 

ตอบตามลำดับนะครับ
1 ได้ครับการแผ่เมตตานั้นมีผลดีมากครับแต่ที่สำคัญนะครับก่อนที่เราจะแผ่ให้แก่คนอื่นให้เราแผ่ให้กับตัวเองก่อนครับให้ใจเรามีกำลังใจใสมีเมตตาธรรมปิติในใจก่อน และที่สำคัญก่อนแผ่ให้ทำกรรมฐานก่อนครับแล้วค่อยแผ่ออกไป มีหลายคนครับแผ่ออกไปมีแต่คำพูดแต่พลังงานที่ออกไปมีกำลังน้อยหรืออาจจะไม่มีเลย เราต้องทำกรรมฐานก่อนครับแล้วค่อยแผ่ไปให้เขาครับอันนี้จะได้ผลมากที่สุด แต่สำหรับผู้ที่ทรงเมตตาธรรมพรหมวิหารสี่และทรงเมตตาเจโตวิมุตตินั้น พลังของผู้ทรงธรรมเหล่านนี้จะแผ่ขยายออกไปได้กว้างมากๆครับ
2 การฝึกสมาธินั้นให้ทำทีละอย่างจนเกิดญาณที่แน่วแน่ก่อนครับแล้วค่อยฝึกกองอื่นๆทีหลังครับ ถ้าเราฝึกรวมกันในตอนแรกหลายอย่างความก้าวหน้าในสมาธิจะเกิดขึ้นได้ยากครับควรเจริญกรรมฐานทีละอย่างพอเราสามารถทำได้แล้วค่อยเอาการฝึกอย่างอื่นมาใช้ร่วมกันได้ครับ
3 ถ้าคุณชอบแนวมโนฯ ก็ขอให้ฝึกกสิณกองใดกองหนึ่งให้คล่องแคล่วก่อนครับจะดีมากๆครับ กสิณนั้นคือการฝึกแบบจับภาพหรือวัตถุฝึกภาพติดตาจนเกิดอุคหนิมิตสำเร็จองค์กสิณ ขอให้ทำทีละอย่างให้ชำนาญในวสีก่อนครับ แล้วถึงนำกรรมฐานกองอื่นการฝึกอย่างอื่นมาใช้ร่วมกันได้ครับ
ขออนุโมทนาในการปฏิบัตฺและการทำดีด้วยครับ

 

สาธุๆอนุโมทนาบุญครับ รักษาใจจิตให้ผ่องทำความดีเรื่อยไปชีวิตมีสุข ถ้าจิตเศร้าหมองกำลังจิตตก ชีวิตมีทุกข์ ยึดหลักที่พระพุทธองค์ท่านทรงสอนเอาไว้ครับ ละชั่ว ทำดี รักษาจิตให้ผ่องใสครับ ชีวิตมีสุขมากๆๆตามกำลังธรรม
อนุโมทนาสาธุครับ

 

เจาะลึกเรื่องภาพนิมิตในสมาธิจริงหรือเท็จ

ในเรื่องนี้มีคนถามผมมากันมากมายทั้งทางโทรศัพท์และบางคนมาถามที่บ้านก็มีเยอะครับ เรื่องน้ผมก็อยากจะอธิบายให้ฟังพอเข้าใจกันให้มากแต่ก็อย่างว่าละครับผมมันหลงๆลืมๆ อีกอย่างครั้นเราจะไปบอกว่าที่คุณเห็นนั้นมันไม่ใช่มันไม่จริงก้อาจทำให้เขาหมดกำลังใจหรือไม่พอใจผมได้ ผมก็เลยแค่ถามว่าคุณฝึกสมาธิมากี่ปีแล้วฝึกแนวไหน รู้จักนิวรณ์ไหม รู้จักมาร5อย่างไหม ศีลบกพร่องบ้างหรือป่าว ถ้าเขาตอบมาว่ารู้จักครับรู้จักคะนิวรณ์คืออย่างนี้ มาร5อย่างคือแบบนี้ นั่นถือว่าเออเข้าท่าน่าจะเป็นไปได้ว่าคนที่มาถามนั้นเขาน่าจะนั่งเห็นนิมิตจริง แต่ถ้าคนที่มาถามไม่รู้จักเลยว่านิวรณ์มันคืออันหยัง บ่ฮู้ มารคืออะไรบ่ฮู้ นี่แสดงว่ายังไม่ได้นิมิตเกิดขึ้นมาจริงในสมาธิเป็นเพียงแค่จิตบีบการสร้างภาพออกมาเท่านั้น เพราะคนที่ฝึกสมาธิจนเกิดนิมิตบ้างแล้วต้องเจอนิวรณืกับมาร5อย่างนี่เล่นงานบ้างละ แต่ถ้ายังไม่เจอนิมิตที่เห็นก็ยังไม่ใช่ของจริง และอีกอย่างถ้าไม่เคยฝึกกรรมฐานที่จะทำให้เกิดตาทิพย์มาเลยเช่นกสิณ โอกาสที่นิมิตเทียมมาหลอกนั้นมีมากๆๆๆๆๆๆที่สุด
บางคนมาที่บ้านผมคุยให้ฟังว่าเขานั่งเห็นนั่นเห็นนี่ผมก็ได้แต่นั่งฟังเพราะว่าผมไม่เคยนั่งเห็นอะไรเลยมีแต่ภาพดำๆๆๆๆๆๆๆนั่งจนหายอยากเห็นนั่นแหละผมก็ฟังเขาคุยให้ฟังก็เพลินดีเหมือนกัน เอ้ามาเข้าเรื่องกันดีกว่า
ข้อสังเกตุในการแยกว่าอันไหนคือนิมิตจริงอันไหนนิมิตปลอม
1หากตาทิพย์ยังไม่เกิดขึ้น สิ่งที่เห็นทั้งหมดในสมาธิเป็นแค่นิมิตเทียมเท่านั้นไม่ใช่ของจริง
2 แม้แต่ตาทิพย์เปิดแล้วก็ตามนิมิตที่เห็นก็จะมีทั้งของปลอมและของจริงปะปนกัน
3 ถ้าเกิดนิมิตขึ้น มาแล้วอยากทราบว่าที่เห็นนั่นมันจริงหรือปลอม ให้ละภาพนิมิตที่เห็นนั้นออกแล้วทำจิตให้นิ่งว่างเปล่าไร้การปรุงแต่งใดๆและอธิษฐานว่าภาพจริงจงปรากกฏชัดๆๆๆ ถ้ามีภาพนิมิตขึ้นมาให้เห็นนั่นละก็เป็นไปได้ว่าอันนั้นคือของจริง
4 ให้ทำการทดสอบโดยนั่งดูแล้วทำจิตให้ว่างแล้วอธิษฐานว่าภาพจริงจงปรากฏชัดๆๆอีกหลายครั้ง จนกว่านิมมิตที่เห็นนั้นจะเกิดขึ้นเหมือนเดิมทุกครั้งนั่นคือนิมมิตจริงเป็นแน่แท้
5การสังเกตุว่าตาทิพย์ของเราเปิดหรือยัง ให้ลองสังเกตุว่า ในตอนที่เราฝึกนั่งสมาธินั้นเราเคยเห็นแสงสว่างหรือโอภาสเกิดขึ้นมาในตอนที่เรากำลังทำสมาธิบ้างหรือไม่แสงสว่างนี้จะจ้ามากแทบแสบตาบางครั้งต้องถอยออกจากสมาธิในขณะนั้นเลยก็มี ถ้าเราเคยเห็นแสงสว่างแบบนี้บ่อยๆแสดงว่าตาทิพย์เราเริ่มเปิดแล้ว
6เมื่อตาทิพย์เปิดแล้ว เราต้องผ่านด่านมารทดสอบให้ได้ มารจะเริ่มมาทดสอบเราแล้วละ นิมิตที่เห็นในตอนแรกๆนั้นส่วนมากจะเป็นนิมิตที่มารเขาสร้างขึ้นเอาไว้ให้เราหลงว่าเราสำเร็จแล้วเราเห็นจริงแล้วเรามีตาทิพยืแล้วหว่า เราจะไปดูอะไรที่ไหนก้ได้ แม้แต่นรกสวรรค์เราไปได้หมด นั่นมารเล่นงานซะแล้ว เอ้าเราต้องสู้กับนิมิตมารให้ได้
7 ถ้านั่งอยู่เห็นเทวดาหรือเทพพรหมลองสนทนากับท่านทางจิตดู ว่าเราทำได้ไหม ลองถามเรื่องบางอย่างกลับท่านดู เอาเรื่องที่เราสามารถหาข้อเท็จจริงตามพระไตรปิกฏได้นะ พอเราถามแล้วท่านตอบเราออกจากสมาธิเรามาลองตรวจสอบหาข้อเท็จจริงดูว่าตรงตามพระไตรปิกฏหรือป่าวถ้าตรงก็อืมนิมิตที่เห็นนั่นจริงแล้วตาทิพยืเกิดขึ้นแล้วจริง (แต่อย่าพึ่งดีใจนะมารเขาจะทำงานกันต่อเอาสู้ๆๆๆ)
8 ถ้าเราตรวจสอบว่าตาทิพย์เราเปิดได้จริงแล้วนิมมิตที่เราเห็นค่อนข้างจริงบ้างแล้ว ต่อมาให้ลองอธิษฐานเอาจิตเราไปหาญาติธรรมท่านอื่นๆดูแล้วลองถามเขาว่าเขาสามารถได้รับพลังงานจากเราบ้างหรือไม่ ถ้าเขาได้รับแสดงว่าอืมทำได้แล้วนะ (อ็ออย่าพึ่งดีใจมารเขาจะทำงานต่ออีก)

 

เจาะลึกเรื่องนิมิตต่อ
9 อ้อลืมบอกอีกอย่างในการสื่อสารของกายทิพยืต่อกายทิพย์ในข้อที่8 บางครั้งกายเนื้ออาจไม่รับทราบก็มี แต่ถ้าสื่อสารตอนที่อีกฝ่ายกำลังทำสมาธิอยู่แล้วเราส่งพลังงานออกไปแล้วเราสามารถรับทราบได้ว่าเราส่งอะไรไปให้เขาทางจิตนั่นแสดงว่าเราพอทำได้จริงบ้างแล้วล่ะ ในการสื่อสารทางจิตครั้งแรกลองกำหนดเอาข้อความสั้นๆส่งไปให้เขาดูว่าเขาจะรับได้บ้างไหม เช่น กินข้าวยัง หรืออาจเป็นตัวเลขเช่นส่งเลข1ไปให้เขาแล้วพอเราและเขาออกจากสมาธิจึงมาถามเขาว่าที่เราส่งไปเขาได้รับไหมและถูกต้องป่าว
10 ให้ฝึกสติปัฐฐานสี่ เพื่อแยกจิตและใจออกจากกันให้ได้ก่อน(จิตจะคุมกายทิพย์ แต่ใจจะมีความรู้สึกนึกคิดมาปะปนทำให้ข้อมูลถูกบิดเบือนหรือไม่ชัดเจนได้)
11 ถ้าฝึกสติปัฐฐานสี่ในข้อที่10ไม่เป็นก็ให้พยายามฝึกอรูปญาณ ที่กำหนดความว่างเปล่าเป็นอารมณ์ เมื่อจะใช้ตาทิพย์หรือถอดจิต ให้เข้าสมาธิทำจิตให้ว่างปล่าวจากการนึกคิดใดๆเมื่อจิตมีความพร้อมก้จะสามารถมองเห็นได้รับรู้ได้
12 ลองเอาของใส่กล่องแล้วลองกำหนดดูว่าของที่อยู่ในกล่องคืออะไร ถ้าเรามองเห็นแล้วทายถูกก็แสดงว่าอืมเริ่มใช้ได้แล้ว ในข้อนี้ให้ฝึกบ่อยๆนะครับ

 

เดี๋ยวมาต่อเรื่องการฝึกมโนฯครับ ว่าอันไหนนิมิตแท้อันไหนเทียม จะป้องกันอย่างไรและมีวิธีการฝึกให้ก้าวหน้าให้ได้ดีได้อย่างไร ตอนนี้ผมขออกไปทำธุระแป็บเดียวครับเดี๋ยวมาครับประมาณ20นาที

 

ขั้นตอนการฝึกมโนเพื่อป้องกันนิมิตเทียม
1เวลาก่อนที่จะฝึกมโนให้พยายามวางจิตให้เบาโปร่งโล่งปราศจากความคิดปรุงแต่งหรืออยากเห็นอย่างนั้นอย่างนี้
2 ถ้าจิตของเรายังไม่ว่างพออย่าพึ่งอาราธนาคุณพระให้สงเคราะห์ให้เห็นภาพ เพราะภาพที่เห็นอาจไม่เป็นจริงก็ได้
3 ให้วางจิตให้นิ่งแล้วอาราธนาขอให้แสงสว่างแสงโอภาสบังเกิดในจิต ยิ่งสว่างมากภาพนิมิตย่อมชัดเจนมากแต่ถ้าหลับตาแล้วอาราธนาแสงว่างปรากฏเล็กน้อยมืดสลัวๆมีแสงสว่างจ้านิดหน่อยนั่นกำลังสมาธิยังไม่ชัดยังไม่นิ่งพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูผู้ฝึกในปัจจุบันจะให้เรากำหนดสมาธิแค่ช่วงเวลานิดหน่อยเท่านั้น และนำพาไป บางคนที่เคยฝึกสมาธิมาดีจิตนิ่งเร็วส่างเร็วก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่บางคนจิตยังไม่นิ่งพอพอครูผู้ฝึกเข้ามาถามว่าเห็นอะไรไหมเช่นเห็นเทวดาองค์นี้ไหมองค์นั้นไหม ภาพจะปรากฏขึ้นทันทีแต่ภาพที่ปรากฏนั้นยังไม่ใช่ของที่แท้จริง เป็นภาพที่จิตของแต่ละคนสร้างขึ้นมา
4 การถูกนำทางความคิดให้คิดตามหรือเห็นตาม เมื่อความคิดเกิด ภาพจะปรากฏ แต่ภาพที่ปรากฏเป็นเพียงนิมมิตเท่านั้นไม่ใช่ของจริง
5 ขอให้ลองตรวจสอบมโนฯโดยการมองที่ของหยาบให้ได้เสียก่อน ก่อนที่จะไปเห็นสภาพของความเป็นทิพย์ เช่นลองกำหนดมโนดูซิว่า เงินในกระเป๋าตังค์ของเพื่อนคุณนั้นมีอยู่กี่บาท ถ้าตอบได้ถูกมองเห็นของหยาบได้ถูก แสดงว่ามโนที่ได้นั้นเป็นของจริงใช้ได้จริง ถ้ายังกำหนดดูของหยาบไม่ได้ไม่เห็นแล้วของที่ละเอียดจะเห็นจะได้อย่างไร
6 การเห้นนิมิตในมโนนั้น นิมิตที่เห็นจะต่างกันไปบ้างตามกำลังของศีลและสมาธิ แต่ใกล้เคียงกัน ในบางส่วนคือมีองค์ประกอบโดยรวมคล้ายกัน
7 พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีท่านมีจุดมุ่งหมายให้เราฝึกมโนเพื่อให้รู้ให้เห็นตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์เพื่อให้เบื่อการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร แต่ท่านไม่ได้สอนให้เรายึดติดในมโนฯนั้นๆ เมื่อเราเบื่อการเวียนว่ายตายเกิดแล้ว เราก็จะมีความคิดต้องการปฏิบัตฺเพื่อความหลุดพ้นต่อไปได้เพื่อให้เข้าสู่แดนนิพพพาน
8จำไว้ว่าถ้าจิตเรานิ่งเราว่างเราสะอาดพร้อมด้วยศีลพอมีกำลังสมาธิพอนั่นแหละการฝึกมโนฯจะถูกต้องมากที่สุด
9 ครูผู้สอน ที่ต้องการให้ผู้เรียนได้มโนฯของจริง ก็ควรเลือกผู้ที่มีความเพียรมีพรสวรรค์ แล้วมานั่งสอบสอนกันให้ได้มรรคผลของจริง โดยไม่ต้องถามคำถามนำเช่นเห็นนั้นเห็นนี่ไหม แต่ให้ถามคำถามเพื่อตรวจสอบเช่น พระเจดีย์จุฬามณีมีกี่ยอด มีเทพเฝ้ากี่องค์ ถ้าตอบได้ถูกต้องแสดงว่าผ่าน
10 สำหรับผู้ที่ได้มโนฯของเทียม โปรดอย่าเสียใจ ไม่ว่าจะเป็นนิมิตจริงหรือปลอม หากตั้งใจปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ก็ให้ผลเท่ากันขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของแต่ละคน ใครทำมากก้ได้มากทำน้อยได้น้อย รู้จักรักษาจิตศีลทรงอารมณ์ละนิวร์ณ์ได้ดีก็ได้ดีมาก

 

ครับเป็นอันว่าวันนี้ผมเอาข้อมุลเรื่องการฝึกสมาธิมาลงในกระทู้แล้วเพื่อคลายข้อสงสัยบางอย่างได้ ถ้าท่านใดจะสอบถามเกี๋ยวกับเรื่องอะไรก็ขอให้ถามในกระทู้ ถ้าผมพอทราบพอตอบได้ผมก็จะตอบให้นะครับ ขออนุโมทนาบุญกับการปฏิบัตฺธรรมและการทำดีของทุกท่านด้วยครับ

 

ข่าวบอกบุญครับ

ในเดือนหน้าที่จะถึงนี้ผมมีโครงการนำอาหารไปเลี้ยงน้องๆวัดบางเพลิงอีกครับ
ผมไปครั้งที่แล้วนำของแห้งของใช้ส่วนตัวเงินและขนมเบเกอรี่ไปแล้ว ผมกลับมาคิดว่าเราน่าจะทำอาหารไปเลี้ยงเด็กบ้างคงจะดี
ก็เลยมีความคิดว่า จะนำอาหารไปเลี้ยงเด็ก ที่คิดไว้ตอนนี้คือ
1 ทำก๋วยเตี๋ยวผัดไทย โดยจะซื้อของไปทำไปผัดกันที่วัดเลย โดยจะชวนญาติธรรมแถวบ้านผมที่ทำอาหารอร่อยๆไปทำหน้าเป็นแม่ครัวพ่อครัว
2 นำไอศครีม ไปเลี้ยงเด็กๆ โดยจะสั่งไอศครีมร้านใกล้บ้านผมไป เพราะผมทานแล้วมันอร่อยดี มีหลายรส คงต้องยกไปเป็นถังๆ
3 นำชาไข่มุกไปเลี้ยงเด็ก โดยพอดีผมมีญาติขายชาไข่มุกพอดี คงต้องเหมาเขาไป
นี่คือความคิดที่ได้คิดเอาไว้ว่าจะทำอาหารไปเลี้ยงเด็กๆบ้าง
ท่านใดที่สนใจอยากจะร่วมบุญกับผมก็ขอเรียนเชิญนะครับ หรือถ้าว่างและสดวกไปทำอาหารเลี้ยงเด็กๆที่วัดด้วยกันได้ก็ขอเรียนเชิญครับ
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ (ใจจริงแล้วผมอยากไปกันหลายๆคนครับจะได้รู้จักกันเห็นหน้าค่าตากันครับ)