ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ก่อนนอนก็ขึ้นไปที่วิมานตัวเอง เจอชบาวิ่งออกมาต้อนรับ

    ชบา - คุณกลับมาแล้ว (ตบมือดีใจ)

    ดิฉัน - สวัสดีจ้ะ ชบา...นี่อะไรจะดีใจขนาดนั้น

    ชบา - (จูงดิฉันไปนั่ง) คุณๆๆมานั่งนี่เลยค่ะ วันก่อนนะคะคุณอ้อยขึ้นมา มาถามว่าชบามายังไง เป็นอะไร แล้วมาอยู่นี่ได้ยังไง แล้วก็ว่ามาดูวิมานคุณด้วย มาเดินเล่น แล้วชบาก็เอาขนมทิพย์ให้กิน แล้ว....

    ดิฉัน - เดี๋ยวๆๆชบา ใจเย็นๆ หายใจไม่ทันแล้ว ค่อยๆเล่าก็ได้

    ชบา - ก็แค่อยากจะบอกว่า คุณอ้อยเธอมาน่ะค่ะ

    ดิฉัน - เออ..ก็แค่นั้นแหละ

    ชบา - ก็อยากเล่าน่ะค่ะ

    ดิฉัน - พูดซะน้ำไหลไฟดับ ฟังแทบไม่ทัน เอ..วิมานเป็นไงบ้างเนี่ย ไปดูหน่อยดีกว่า

    ชบา - โอย...มันก็ใหญ่ขึ้นทุกวันแหละค่ะ

    ดิฉัน - เออ..ไปดูวิมานของชบากันดีกว่า เป็นไงบ้างละ

    ชบา - ก็ดีค่ะ อยู่สบายดี

    ว่าแล้วก็พากันไปดูวิมานของชบาที่อยู่ในพื้นที่วิมานของดิฉันแหละ ก็เป็นคล้ายๆเรือนไทยหลังปานกลาง

    ดิฉัน - ก็สวยดีนะ แล้วชบาอยู่ได้ไหม มันเล็กไปหรือเปล่า

    ชบา - เล็กอะไรคะ ใหญ่กว่าบ้านของชบาบนโลกมนุษย์อีก

    ดิฉัน - เหรอ แล้วมันใหญ่ขึ้นหรือเปล่าอ่ะ

    ชบา - ค่ะ ถ้าวิมานคุญใหญ่ขึ้น มันจะใหญ่ตามไปด้วยค่ะ

    ดิฉัน - อ๋อ เหรอ งั้น..สาธุ ขอให้วิมานของชบาแล้วก็บริวารใหญ่ขึ้นด้วยเถอะตามอำนาจบุญของดิฉัน

    ชบา - สาธุค่ะ

    แล้วก็เดินๆไปเจอต้นโพธิ์แก้ว โพธิ์เงิน โพธิ์ทอง

    ดิฉัน - เอ๊ะ...มีต้นโพธิ์แก้ว โพธิ์เงิน โพธิ์ทองด้วยเหรอ สวยจัง เสียงใบโพธิ์เวลากระทบกันเสียงดังเพราะดีจังเลยเนอะ

    ชบา - ค่ะ

    ดิฉัน - ชบา เราไปดูรอบๆนิพพานหน่อยซิ เป็นยังไงบ้าง

    ชบา - เห็นตรงโน้นไหมคะ ที่แสงสว่างเรืองรองอ่ะค่ะ นั่นที่อยู่ของพระพุทธเจ้า เขตของพระท่านค่ะ

    ดิฉัน - อ๋อ เหรอ

    แล้วทันใดนั้นก็เห็นรัศมีสีเหลืองอร่ามสว่างจ้าอยู่เหนือหัว พระพุทธเจ้าเสด็จมา

    ดิฉัน/ชบา - อุ๊ย..พระศาสดาเสด็จ นมัสการพระศาสดาค่ะ

    พระศาสดา - เจริญพร มาดูวิมานรึ

    ดิฉัน - ค่ะ

    พระศาสดา - ดีแล้ว ให้มาบ่อยๆ จิตจะได้เกาะพระนิพพาน

    ดิฉัน - ค่ะ แล้วพระศาสดาจะเสด็จไปไหนเหรอเจ้าคะ

    พระศาสดา - ก็เห็นว่าเธอมาดูวิมาน เลยแวะมาดูหน่อย

    ดิฉัน - อ๋อ เจ้าค่ะ

    พระศาสดา - เราจะกลับวิหารเราล่ะ

    ดิฉัน/ชบา - นมัสการค่ะ

    ชบา - เมื่อกี้คุณก็ไปเฝ้าท่านมาแล้วไม่ใช่เหรอคะ

    ดิฉัน - ใช่

    ชบา - ท่านยังมาดูอีก แสดงว่าท่านห่วงคุณนะคะเนี่ย

    ดิฉัน - อืมม ท่านก็ห่วงทุกคนแหละ

    ชบา - คุณๆๆๆคะ คุณมานี่ ชบาจะพาไปดูอะไร (พร้อมทั้งดึงแขนฉุดกระชากลากถู ฮาฮา)<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>

    ดิฉัน - อะไรเหรอชบา จะพาไปดูอะไร

    ชบา - ไปดูดอกบัวยักษ์

    ดิฉัน - ดอกบัวยักษ์ มันแปลกตรงไหนเนี่ย

    ชบา - นั่นไง ยักษ์ไหมละคะ

    ที่เห็นก็คือในสระมีกอดอกบัวยักษ์ใหญ่จริงๆด้วย ใบนี่ลงไปนอนได้เลย ดอกก็ใหญ่โตมโหระทึกสีชมพูแต่เป็นแก้ว

    ชบา - คุณเราไปนั่งเล่นในใบบัวกัน

    แค่นึกก็ไปยืนอยู่บนใบบัว ไปเทียบกับดอกบัว ดิฉันตัวเล็กไปเลย

    ชบา - คุณยังเล็กกว่าดอกบัวเลยค่ะ ดูซิ

    ดิฉัน - นั่นซิ ดอกใหญ่จริงๆด้วย สวยเชียว เอ๊...แล้วมันมายังไงอ่ะ เมื่อก่อนไม่เห็นมีนี่

    ชบา - ไม่รู้ค่ะ มันมาได้สองวันแล้ว

    ดิฉัน - อืมม..ไปเหอะ ไปนั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำดีกว่า

    ที่ศาลาริมน้ำก็เห็นพวกบริวารนั่งร้อยมาลัยกัน ดิฉันก็เดินไปนั่งที่พื้นยกสูงกลางศาลา

    ดิฉัน - นี่ ชบา ชบาเป็นคนที่ไหนละ

    ชบา - เป็นคนบ้านดอน อยู่สุโขทัย

    ดิฉัน - สุโขทัยมีบ้านดอนด้วยเหรอ

    ชบา - มีค่ะ

    ดิฉัน - แล้วชบามีพ่อแม่พี่น้องหรือเปล่า

    ชบา - มีค่ะ พ่อชื่อจง แม่ชื่อหอม นามสกุลจันทร์กระโทก พ่อแม่ชบาเป็นชาวนาค่ะ

    ดิฉัน - เอ...นามสกุลแบบนี้น่าจะอยู่อีสานนะ

    ชบา - แล้วคนอีสานย้ายมาอยู่สุโขทัยไม่ได้เหรอคะคุณ

    ดิฉัน - อ่ะ จ้ะๆ ...แล้วมีพี่น้องกี่คน

    ชบา - มีกันสองคน มีพี่ชายคนหนึ่งชื่อสุข

    ดิฉัน - ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า

    ชบา - ไม่ค่ะ ตายแล้ว

    ดิฉัน - อ้าว เป็นอะไรตาย

    ชบา - โดนงูกัดตายตอนออกไปทำนาค่ะ

    ดิฉัน - กรรม

    ดิฉัน - แล้วพ่อแม่ละยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า

    ชบา - ไม่ค่ะ ตายหมดแล้ว

    ดิฉัน - พ่อแม่ชบาอยู่ไหนอ่ะตอนนี้

    ชบา - (เสียงเศร้าๆ) ท่านก็ไปตามทางของท่าน (ที่ดิฉันเห็นอ่ะ ท่านอยู่ข้างล่าง)

    ดิฉัน - ท่านอยู่ข้างล่างใช่ไหม

    ชบา - ค่ะ

    ดิฉัน - ทำไมละ

    ชบา - ก็พ่อชอบกินเหล้าเป็นประจำ กลับมาก็ทะเลาะกับแม่ ทีนี้วันหนึ่งก็นั่งกินเหล้า แล้วก็ตาย

    ดิฉัน - ตายคาขวดเหล้า

    ชบา - ค่ะ

    ดิฉัน - เฮ้อ...แล้วแม่ละ

    ชบา - แม่ก็ชอบเล่นการพนัน เล่นทั้งวันทั้งคืน ข้าวปลาไม่กิน ก็เลยเป็นลมตาย

    ดิฉัน - ตายคาวงไพ่ (ที่เห็นนะ)

    ชบา - ค่ะ ใช่

    ดิฉัน - พ่อแม่ท่านไม่เคยทำบุญ แล้วทำไมชบา ถึงมาสนใจธรรมะละ

    ชบา - ก็เห็นพ่อกับแม่แล้วก็อนาถค่ะ ชบาก็เลยเข้าวัดทำบุญหาที่พึ่ง ทีนี้มาวันหนึ่ง มีผู้หญิงเขามาจากกรุงเทพเอาหนังสือธรรมะมาถวายที่วัด แล้วชบาก็ไปเห็นหนังสือของหลวงพ่อฤาษี ชบาก็เลยยืมมาอ่านที่บ้าน รู้สึกว่าดีชบาเลยอยากมาอยู่นิพพานไม่อยากเกิดอีก

    ดิฉัน - จ้ะ ชบาโชคดีแล้วนะเนี่ย เพราะก็ได้มานิพพานจริง ฉันเองยังไม่รู้เล้ยว่าพอถึงเวลาจะได้มาหรือเปล่า

    ชบา - ได้มาซีคะ คุณไปไหนไม่ได้หรอก

    ดิฉัน - อะไรๆในโลกนี้ก็ไม่แน่หรอกนะ แต่ก็ต้องพยายามฝึกจิตไว้ ไม่อยากมาเกิดแล้วเหมือนกัน เอ่อ..แล้วชบาคิดยังไงกับพ่อกับแม่ละที่ท่านไปอยู่ข้างล่าง

    ชบา - ก็สงสารท่านนะคะ แต่ชบาก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกค่ะ กรรมของท่าน

    ดิฉัน - อืมม..คิดซะอย่างนั้นก็จะได้ไม่กังวลเนอะ แต่ชบาก็สบายแล้วแหละ

    ชบา - ค่ะ ไม่ต้องไปเกิดอีกแล้ว

    ดิฉัน - เดี๋ยวฉันกลับก่อนดีกว่า ง่วงแล้ว ไว้จะมาเยี่ยมใหม่นะ

    ชบา - ค่ะ โชคดีนะคะคุณ

    ดิฉัน - จ้า
     
  2. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    สาธุ อนุโมทนากับพี่Jenny_Leeด้วยนะคะ
    ดีจังเลยค่ะพี่ ทำวันละนิดวันละหน่อยได้มากได้น้อยก็ถือว่าได้ทำอ่ะค่ะเน๊าะ ^_^ น้ำหยดลงถังทีละหยด ยังมีวันเต็มได้เลยค่ะพี่
    แต่ถ้าเราศึกษาพระธรรมคำสอนไปด้วย ก็จะทำให้เรานิ่งขึ้น เป็นการกำจัดซึ่งกิเลสที่เกาะในจิตของเรา เพื่อให้ดวงจิตของเราสว่างขึ้น เวลานั่งสมาธิก็จะนิ่งสบายขึ้นด้วยค่ะ

    เป็นกำลังใจให้พี่นะคะ
     
  3. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    พี่ชบาอ่ะเค้าน่ารักที่สุดเลยค่ะ พูดคุยเก่งมากๆ
    การต้อนรับดีเยี่ยมเลยค่ะ น้ำใจใสดั่งแก้วเลยค่ะ
    อ้อยไม่แปลกใจเลยว่าพี่ชบาขึ้นมานิพพานได้ยังไง
    นอกจากอ่านหนังสือจนจิตเกาะพระนิพพานแล้ว
    ตอนมีชีวิตอยู่ถึงจะยากจนแต่พี่ชบาไม่เคยขี้เหนียวค่ะในการทำบุญ
    อีกอย่างก็คือเธอมีน้ำใจงาม ใครเดือนร้อนเธอช่วยหมดโดยเฉพาะการทำทานกับคนที่ไม่มีกิน เธอเห็นใครอดอยากก็ทำกับข้าวให้ เรียกได้ว่าใครมาบ้านเธอไม่มีอดค่ะ

    ช่วงนี้พระศาสดาและหลวงพ่อฤาษีให้เอาจิตเกาะนิพพานตลอด
    เกาะไปเกาะมาเลยเดินเที่ยวไปทั่วค่ะ กายเนื้อให้นั่งสมาธิไปปวดขาช่างมัน จิตของเราไปเที่ยวเล่นข้างบนดีกว่า ข้างบนปราศจากกิเลสค่ะ ขึ้นไปแล้วสบายใจมาก หมั่นขึ้นไปบ่อยๆพระศาสดาบอกว่าดี ก็ขอเอาใจช่วยให้เพื่อนๆได้ขึ้นไปให้ได้นะคะ ส่งจิตขึ้นไปกันก่อนก็ได้ค่ะ ลุ้นๆๆนะคะ
     
  4. Jenny_Lee

    Jenny_Lee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    414
    ค่าพลัง:
    +1,357
    ;aa48
    ;aa40ขอบคุณน้องอ้อยมากนะคะ ค่ะพี่จะพยายามหาเวลาว่าง
    ศึกษาพระธรรมคำสอนไปเรื่อยๆ ในเว็บพลังจิตนี่แหละมีเพียบเลย
    มีกัลยาณมิตรดีๆทั้งนั้น มาให้ความรู้กัน

    รู้มั๊ยคะ พี่เนี่ยเป็นคนชอบวิตกกังวล จิตไม่นิ่ง
    และเป็นคนขี้หงุดหงิด ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจหน่อยก็เริ่มหงุดหงิดแล้ว
    เมื่อหลายวันก่อนก็มีหงุดหงิด แล้วอยู่ๆก็นึกถึงตอนที่น้องอ้อยมาพิมพ์
    บทสวดให้พี่ และกัลยาณมิตรท่านอื่นๆ น้องอ้อยใช้เวลาไปตั้งมาก
    แล้วก็โพสท์ไม่ได้ต้องพิมพ์ใหม่ น้องอ้อยไม่บ่นเลยแถมยังบอกว่าไม่เป็นไร
    ได้ฝึกสมาธิไปด้วย แต่พี่ซิทำงานไม่ได้ดั่งใจนิดหน่อยก็หงุดหงิดแล้ว
    ก็เลยทำให้พี่มาคิดได้ว่า เออหนอ คนที่เค้าฝึกสติมาดี
    ก็เป็นอย่างนี้เอง ทำให้ไม่ขี้โมโห ไม่หงุดหงิดง่าย พี่ก็เลยคิดว่าต่อไปต้อง
    หัดฝึกสมาธิ ฝึกสติ และก็ศึกษาธรรมะมากๆจะได้เป็นคนใหม่ไม่หงุดหงิดง่าย
    ;aa48
     
  5. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ความเดิมจากหน้า66 พระโสดาบัน และพระอนาคามี ของอาจารย์me/myself

    และข้อความของคุณอ้อย เจ๋วะรัฐฐะ หน้า67 ที่อ้างอิงข้อความข้างต้นด้วย คุณอ้อย ทำนายเก่งจัง พลังบุญที่รวดเร็ว ยิ่งกว่าจรวด เห็นผลบุญทันตา ทันใจ จริงๆนะคะ สมาชิกอย่ากระพริบตานะคะ ติดตามบุญกันให้ตลอด และทำให้พวกเรา มุมานะ ฝึกปฏิบัติ เพิ่มเวลาขึ้น คือ ทุกอย่างติดอยู่ในใจตลอด อยากแต่จะภาวนา ภาวนา ทุกเวลา แต่ก็ยังมีกรรมที่ต้องกระทำภารกิจ
     
  6. nahathai

    nahathai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +2,393
    คุณอ้อยขา ส่งจิตขึ้นไปก่อน ทำยังไงเหรอคะ คือการสวดมนต์ และตั้งจิตขอให้ไปนิพพาน ใช่ไหมคะ nahathai ตั้งจิตอธิษฐานขอทุกครั้งที่สวดมนต์ และทำสมาธิค่ะ ตอนนี้เร่งปฏิบัติทุกวัน เพิ่มรอบเช้าก่อนไปทำงานด้วยค่ะ ส่วนกลางคืน หลังจากอาบน้ำแล้ว จะเป็นเที่ยงคืนทุกที ก็ต้องเข้าห้องพระประจำ ถ้าไม่เข้าห้องพระ จะนอนแล้วนะ กระวนกระวายเนาะ แบบเหมือนมีความผิด
     
  7. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0

    แว๊กกกกกกก พี่ณหทัย หนูยังไปไม่ถึงไหนเลยค่ะ
     
  8. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    หือ หา อะไรนะคะ อ้อยยัง งงๆ อยู่ค่ะ
    นู๋ไปทำนายอะไรไว้อ่า

    แต่ก็ขออนุโมทนากับการตั้งใจปฏิบัติของคุณพี่ณหทัยด้วยนะคะ สาธุค่ะ
    งานในหน้าที่ของเรา เราก็ทำให้ดีที่สุด
    ส่วนการปฏิบัติทางธรรมเพื่อตัวเราเอง เราก็ต้องทำด้วยเช่นกัน ควบกันไปนะคะ ^_^
     
  9. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    สำหรับคนที่ได้มโนมยิทธิก็คงจะได้รู้ได้เห็นกันมาแล้วนะคะว่านิพพานนั้นเป็นอย่างไร ถึงจะไปในช่วงเวลากลางวันกลางคืน แดนพระนิพพานย่อมสว่างไสวอยู่เสมอ

    แต่สำหรับคนที่ยังไม่ได้มโนมยิทธิ ก็มีวิธีเช่นกันที่จะทำให้จิตนึกถึงพระนิพพานน่ะค่ะ

    เอายังงี้ดีกว่านะคะคุณณหทัยคะ
    พี่หาหนังสือของหลวงพ่อฤาษีหรืออ่านในกระทู้ก็ได้ค่ะ
    เพราะหลวงพ่อจะจะพูดถึงพระนิพพานบ่อยๆ
    เราอ่านไปด้วย ได้รับพระธรรมคำสอนไปด้วย ทำให้เราคิดถึงพระนิพพานเป็นอารมณ์ แบบนี้จิตของเราก็จะเกาะพระนิพพานค่ะ

    แต่ที่พี่ทำอยู่ก็ดีแล้วนะคะ คือคิดไว้เสมอว่าเราจะขอเข้านิพพานในชาตินี้ ก็ได้ค่ะ
    ^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2009
  10. prayut.r

    prayut.r เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +1,707
    ผมก็สงสัยเหมือนคุณ nahathai นะครับที่ว่าส่งจิตขึ้นไปเนี่ยถ้าเราไม่ได้มโนมยิทธิแล้ว แต่จิตน้อมระลึกแทนได้ไหมครับ

    เพราะผมก็ไม่ได้มโนมยิทธิครับ แต่ก่อนอยากได้อยากเห็น แต่เดี๋ยวนี้เฉยๆน่ะครับ เพราะกลัวการทำแบบไม่มีครูสอนน่ะครับ (คือกลัวจะไปหลงอะไรแปลกๆเข้าน่ะครับ ดีไม่ดีเจอพวกที่ไม่ใช่พระแต่ปลอมเป็นพระมาเนี่ย ด้วยสติปัญญาอันน้อยนิดของผมคิดว่าคงจะหลงแน่ๆ)

    ตอนนี้ฝึกแต่อาณาปานุสติอยู่น่ะครับ (เขาบอกกันว่าไม่มีครูนี่ นั่งไปก็เจอแต่มืด กับ เมื่อย สงสัยจะจริงแฮะ แหะๆ)
     
  11. laecheln

    laecheln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +175
    ขอบคุณคุณอ้อย และกัลยาณมิตรทุกๆท่าน ที่เอาข้อความดีๆ และสิ่งดีๆมาฝากกันตลอด ยามใดทีเริ่มท้อได้อ่านการปฎิบัติของแต่ละคนแล้ว ถึงเดินไม่ไหวก็จะค่อยๆคลานตามไปค่ะ อนุโมทนากับทุกๆท่านค่ะ
     
  12. kanalove

    kanalove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +386
    สงสัยอะคะ

    ที่นิพพานมีการทำบุญต่อหริอเปล่าคะ กลัวพอไปถึงแล้วบ้านใหญ่ไม่พอ หุหุ -*-
     
  13. cookieberry

    cookieberry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2009
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +4,607
    ขึ้นไปบำเพ็ญเพียรต่อได้ค่ะ อย่างเเม่ฝนตอนเเรกไม่ได้ซักฌาน เมื่อวันก่อนบอกว่าได้ฌานสี่เเล้วค่ะ

    พระหรือฆราวาสที่ไปพระนิพพานได้นั้นเพราะจบกิจทางพระพุทธศาสนาเเล้วค่ะ ไม่ต้องมีการเกิดอีกต่อไป

    ;aa6;aa6;aa6;aa6;aa6;aa6
     
  14. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    บันทึกการทำสมาธิวันที่ 15 ส.ค. 52

    ขึ้นไปเฝ้าพระศาสดาแล้วก็นั่งสนทนากันและได้สอบถามในเรื่องที่สงสัยอยากรู้

    ดิฉัน - พระศาสดาเจ้าคะ คือว่าลูกสงสัยน่ะเจ้าค่ะ เมื่อก่อนนี้ลูกจะเป็นคนที่ฝันเห็นเลขเห็นหวยประจำเลย ส่วนใหญ่ก็ตรงนะคะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่เคยฝันเลยค่ะ เป็นเพราะอะไรคะ

    พระศาสดา - ยังอยากจะเล่นหวยอยู่อีกเหรอ

    ดิฉัน - ไม่ค่ะ ปกติก็ไม่ค่อยได้เล่น แต่ส่วนใหญ่จะเอาไปบอกคนอื่นน่ะค่ะ

    พระศาสดา - หวยมันเป็นอบายมุขอย่างหนึ่ง ในเมื่อเธอเดินเข้ามาในทางสายนี้แล้ว ทางที่ต้องปฏิบัติไปเพื่อการหลุดพ้น ดังนั้นเธอจึงต้องละทุกอย่าง ปกติบุคคลทั่วไปก็ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขอยู่แล้ว

    ดิฉัน - เจ้าค่ะ...ก็แค่สงสัยน่ะค่ะ เพราะเมื่อก่อนฝันเรื่อยเลยค่ะ แต่เดี๋ยวนี้มันหยุดไปเฉยๆ

    พระศาสดา - เมื่อก่อนพวกเทวดาพรหมเขาก็มาช่วยสงเคราะห์น่ะซี แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีโชคกับเรื่องแบบนี้หรอก แล้วตอนนี้เธอต้องปฏิบัติตน เรื่องแบบนี้จึงไม่สมควรอย่างยิ่ง เทวดาหรือพรหมก็เลยไม่สงเคราะห์ตรงนี้เพราะจะทำให้บาปได้เนื่องจากจะเป็นการส่งเสริมให้ลุ่มหลงมัวเมาในอบายมุขแล้วยังขัดขวางการบำเพ็ญธรรมอีกด้วย

    ดิฉัน - เจ้าค่ะ

    พระศาสดา - แล้วรู้ไหมว่าอบายมุขคืออะไร

    ดิฉัน - ทราบเจ้าค่ะ อบายมุขคือหนทางแห่งความเสื่อม

    พระศาสดา - ถูกต้อง แล้วอบายมุขมีกี่อย่าง

    ดิฉัน - มีสองหมวดค่ะ คือ อบายมุข 4 กับอบายมุข 6

    พระศาสดา - อบายมุข 4 คืออะไร

    ดิฉัน - นักเลงผู้หญิง นักเลงสุรา นักเลงการพนัน และคบคนพาลเป็นมิตรค่ะ

    พระศาสดา - แล้วอบายมุข 6 ละ

    ดิฉัน - เที่ยวกลางคืน ดื่มสุรา ชมมหรสพ เล่นการพนัน คบคนพาลเป็นมิตร แล้วก็เกียจคร้านเจ้าค่ะ

    พระศาสดา - แล้วโทษของอบายมุขทั้งหมดมีอะไรบ้าง

    ดิฉัน - แต่ละข้อมีแยกย่อยไปค่ะ ลูกจำได้ยังไม่หมด แต่รู้ว่าโดยรวมๆแล้วจะทำให้เกิดความเสียหายกับทรัพย์สิน ร่างกาย การงาน ผู้คนรอบข้างค่ะ

    พระศาสดา - ไปอ่านให้รู้แจ้งนะ แล้วจำเอาไว้

    ดิฉัน - เจ้าค่ะ

    หลังจากนั้นก็สนทนากับท่านอยู่อีกพักหนึ่ง แล้วก็ลาท่านกลับลงมา ก็ตรงไปกราบหลวงพ่อโตที่โบสถ์ จากนั้นก็อุทิศส่วนกุศลแล้วก็ออกจากสมาธิ

    ----------------------------------------------------------------------------------

    โปรดใช้ปัญญาพิจารณาในการอ่านค่ะ
     
  15. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เมื่อเช้าออกไปใส่บาตร ตอนที่เดินไปซื้อขนมหวานเพื่อจะเอาไปใส่บาตร เจอแบงค์ยี่สิบตกอยู่หน้าร้านขายขนม คนอยู่ตรงนั้นเยอะแยะเลย แม่ค้าก็อยู่ใกล้ๆ แต่ไม่มีใครเห็นสักคน ดิฉันเลยเก็บมาแล้วก็เลยเอาไปใส่บาตรซะด้วยเลยค่ะ

    เช้านี้ใส่บาตรพระมาสององค์ค่ะ อุทิศผลบุญให้ท่านกัลยาณมิตรทั้งหลายด้วยค่ะ อนุโมทนาร่วมกันนะคะ

    ปล. เพิ่มเติมเรื่องที่เก็บเงินได้แล้วนำไปใส่บาตรเพราะไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ เอามาใช้ก็ไม่ใช่ของเราก็เลยเอาไปใส่บาตรซะทำบุญแล้วก็อุทิศบุญให้เจ้าของที่ทำตก อธิฐานให้เขามีเงินเพิ่มนะคะ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 สิงหาคม 2009
  16. konkangwad

    konkangwad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +5,910
    สาธุขออนุโมทนาบุญด้วยครับมาแต่เช้าเลย
     
  17. |ฅนจร|

    |ฅนจร| เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +229
    ช่วงนี้สอบภาษาเยอรมันเลยต้องอ่านหนังสือหน่อย เลยไม่ค่อยได้มาอ่านเลยครับยังห่างจากหน้าปัจจุบันอยู่เรย T_T พอดีจากหน้า 125 ครับ ที่บอกว่าหากเราไม่ได้ฝึกมโนยิทธิแล้วเลยไม่รู้ว่าพระนิพพานนั้นเป็นยังไง ให้เราทำจิตนึกถึงพระนิพพานเหรอครับ(คือให้นึกถึงพระพุทธเจ้าเหรอครับ แล้วคิดว่าชาตินี้ขอไปพระนิพพานอย่างเดียวเหรอครับ) ตอนนี้ยังไม่ได้ฝึกมโนยิทธิครับ เพราะผมนั่งกรรมฐานกับพี่ๆๆเค้าบอกว่าเอาทีละอย่างเดียว เพราะกลัวผมจะบ้าเอาเพราะชอบเพ่ง เลยกะว่าเอาทีละอย่าง ต้องพยามยามให้ได้ฌาณ 4 ตอนนี้ยังอยู่ปฐมฌาณหรือฌาณ 2 อยู่เรยมั้งครับไม่มีความคืบหน้าเรยจิตนิ่งอย่างเดียวนั่งเป็นชั่วโมงแต่รู้สึกว่าไม่ไปไหนสงสัยกิเลสยังหนา กลัวผิดทางจังเลย -T_T- .....Guten Tag!! ครับ
     
  18. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เอาความรู้เรื่องอบายมุขมาให้อ่านค่ะ

    อบายมุข (อ่านว่า อะ-บาย-ยะ-มุก) แปลว่า ทางแห่งความฉิบหาย ทางแห่งความเสื่อม สาเหตุให้ถึงความเสื่อม มี 2 หมวด คือ

    อบายมุข 4
    อบายมุข 6

    อบายมุข 4 ได้แก่เป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา เป็นนักเลงการพนัน และคบคนชั่วเป็นมิตร

    อบายมุข 6 ช่องทางของความเสื่อม ทางแห่งความพินาศ เหตุย่อยยับแห่งโภคทรัพย์ ได้แก่ ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน เที่ยวดูการเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร และเกียจคร้านการทำงาน

    • ติดสุราและของมึนเมา มีโทษ 6 อย่าง คือ
    1. ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง
    2. ก่อการทะเลาะวิวาท
    3. เป็นบ่อเกิดแห่งโรค
    4. เป็นเหตุเสียชื่อเสียง
    5. เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย
    6. ทอนกำลังปัญญา
    • ชอบเที่ยวกลางคืน มีโทษ 6 อย่าง คือ
    1. ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาตัว
    2. ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาบุตรภรรยา
    3. ผู้นั้นชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์สมบัติ
    4. ผู้นั้นเป็นที่ระแวงของคนอื่น
    5. คำพูดอันไม่เป็นจริงในที่นั้นๆ ย่อมปรากฏในผู้นั้น
    6. อันเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากแวดล้อม
    • ติดการพนัน มีโทษ 6 อย่าง คือ
    1. ผู้ชนะย่อมก่อเวร
    2. ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป
    3. ความเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน
    4. ถ้อยคำของคนเล่นการพนัน ซึ่งไปพูดในที่ประชุมฟังไม่ขึ้น
    5. ถูกมิตรอมาตย์หมิ่นประมาท
    6. ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย เพราะเห็นว่า ชายนักเลงเล่นการพนันไม่สามารถจะเลี้ยงภรรยา
    • คบคนชั่ว มีโทษ โดยนำให้กลายไปเป็นคนชั่วอย่างคนที่ตนคบทั้ง 6 ประเภท คือ
    1. นำให้เป็นนักเลงการพนัน
    2. นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้
    3. นำให้เป็นนักเลงเหล้า
    4. นำให้เป็นคนลวงผู้อื่นด้วยของปลอม
    5. นำให้เป็นคนโกงเขาซึ่งหน้า
    6. นำให้เป็นคนหัวไม้
    • เกียจคร้านการงาน มีโทษ โดยทำให้ยกเหตุต่างๆ เป็นข้ออ้างผัดเพี้ยนไม่ทำการงาน โภคะใหม่ก็ไม่เกิด โภคะที่มีอยู่ก็หมดสิ้นไป คือให้อ้างไปทั้ง 6 กรณี คือ
    1. หนาวนักแล้วไม่ทำการงาน
    2. ร้อนนักแล้วไม่ทำการงาน
    3. เย็นไปแล้วไม่ทำการงาน
    4. ยังเช้านักแล้วไม่ทำการงาน
    5. หิวนักแล้วไม่ทำการงาน
    6. อิ่มนักแล้วไม่ทำการงาน
    อบายมุขทั้งหมดนี้หากประพฤติเข้าแล้วก็เป็นเหตุให้เกิดความฉิบหาย ให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ชีวิตร่างกายได้เหมือนกันทุกข้อ
     
  19. คาเรีย

    คาเรีย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +3,611
    สวัสดีค่ะ พี่ๆทุกคน
    หนูแบบว่าเพิ่งศึกษาทางธรรมน่ะค่ะ เคยรู้จักบอร์ดนี้มานานแ้ล้วสมัครไว้แต่ก็ไม่ได้สนใจ
    จนเมื่อมาอาทิตย์สองอาทิตย์นี้หนูก็รู้สึกเหมือนอยากจะเข้ามาศึกษาอย่างจริงจัง

    พอได้เข้ามาอ่านเรื่องของพี่ๆแล้วทำให้หนูได้ความรู้มากมายหลายอย่างเลยค่ะ
    (เรียนโรงเรียนคริสมาตั้งแต่เล็ก แค่จะสวดมนตร์ยังไม่ถูกเลย แหะๆ)

    ขอขอบคุณพี่ๆและอนุโมทนาบุญกับพี่ๆทุกๆท่านด้วยนะคะ
    หนูเองก็กำลังศึกษากรรมฐานอยู่ ยังไม่รู้ว่ากรรมฐานใดจะเหมาะกับจริตตนเลย

    ตอนนี้ก็นั่ง พุทโธ พุทโธ ธรรมดา ยังตัดให้ว่างไม่ได้เลยค่ะ แหะๆ


    หนูเลยอยากจะถามพี่ๆว่า ตอนแรกที่ปฏิบัติต้องทำยังไงบ้างเหรอคะ ?
    แล้วหนูจะสามารถไปฝึกแบบเริ่มต้นเลย ได้ที่ไหนบ้าง

    รบกวนพี่ๆด้วยนะคะ ^^
     
  20. cookieberry

    cookieberry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2009
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +4,607
    ที่บอกว่าหากเราไม่ได้ฝึกมโนยิทธิแล้วเลยไม่รู้ว่าพระนิพพานนั้นเป็นยังไง ให้เราทำจิตนึกถึงพระนิพพานเหรอครับ(คือให้นึกถึงพระพุทธเจ้าเหรอครับ แล้วคิดว่าชาตินี้ขอไปพระนิพพานอย่างเดียวเหรอครับ)

    ระลึกถึงบุญคุณของพระพุทธเจ้าท่าน ที่ท่านลำบากบำเพ็ญเพียรเพื่อหลุดจากทุกข์ เเละนำพระธรรมคำสอนของพระองค์มาสั่งสอนเรา เพื่อให้เราพ้นทุกข์เหมือนกันกับท่าน ความเมตตาของพระองค์หาที่สิ้นสุดไม่ได้

    สมเด็จองค์ปฐมท่านสอนพี่ฝนว่า เเค่ทำจิตใจให้นึกถึงพระพุทธเจ้าเเล้วขอไปพระนิพพานโดยไม่ปฏิบัติเลย เเค่คิดอย่างเดียวนั้นไปไม่ได้เพราะการคิดอยากของจิตนั้นเป็นกิเลส ท่านสอนพี่ฝนไว้สองข้อ

    1. เวลาทำบุญอะไรก็เเล้วเเต่ให้ อธิษฐานว่า "เราทำบุญในครั้งนี้เพื่อถวายเเด่ พระพุทธ พระธรรม เเละพระสงฆ์ ขอให้พระสงฆ์นี้(ที่เราได้ตักบาตร ถวายปัจจัยต่างๆ)เป็นตัวเเทนสงฆ์รับไว้เพื่อใช้ในการทะนุบำรุงพระพุทธศาสนานี้ด้วยเถิด"

    2. หลังจากทำบุญเสร็จเเล้วให้อธิษฐานว่า "ขอให้ข้าพเจ้ามีดวงตาเห็นธรรม ในธรรมที่ควรรู้ควรเห็นเป็นไปเพื่อการเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด สาธุ"

    การตั้งจิตไว้ให้นึกถึงพระนิพพานเป็นเพียงให้จิตมีที่ยึดเกาะ เวลาเราตายไปเราจะได้รู้ว่าเราจะไปที่ไหน เเต่การจะไปถึงพระนิพพานได้นั้นเราต้องปฏิบัติเอง จิตต้องตั้งมั่นเเละเเน่วเเน่ตรงต่อพระนิพพานนั้นจริงๆ

    ถ้าจะถามต่อว่าสองข้อที่กล่าวมาเเล้ว พี่ฝนปฏิบัติเห็นผลเเล้วหรือยัง พี่ฝนกล้ายืนยันค่ะว่าเห็นเเล้ว เเต่ไม่ได้เห็นทั้งหมดโดยทันที เริ่มมีดวงตาการมองเห็นสิ่งรอบข้างภายนอกไปในทางของไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)ซึ่งน้อมนำไปตามคำสอนของสมเด็จองค์ปฐมที่สอนพี่ฝนไว้ว่า "พยายามมองสิ่งรอบตัวให้เห็นเป็นไตรลักษณ์" ว่าทุกอย่างมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เเละในที่สุดมันก็ดับไป

    การออกไปสนุกสนาน เฮฮา ปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง มันสนุกก็จริง เเต่เป็นความสนุกที่มีวันจบซึ่งเป็นของไม่เที่ยง (ในความคิดพี่ฝนความสนุกเหล่านั้น เป็นความสุขที่หลอกลวง) ไม่ใช่ความสุขที่เเท้จริง เเล้วเราจะไปหาความสุขที่เเท้จริงได้จากที่ไหน ตอนนี้คิดได้เเล้วว่า ได้จากการปฏิบัตินำไปสู่การหลุดพ้นจากวัฏฏะสงสารตามเเนวทางของพระพุทธเจ้า

    ตอนนี้เหลืออีกข้อที่ยังไม่ได้เริ่มทำ เเต่สมเด็จท่านเมตตาสอนทุกวันคือ มองปัจจัยภายในตัวเราให้เป็นอสุภะ เเล้วพิจารณาขันธ์ 5 เริ่มค่อยๆตัดมันทีละน้อย

    สรุปคำสั่งสอนที่สมเด็จท่านเมตตาสอนพี่ฝนเพื่อเป็นไปเพื่อการเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน คือ

    - ใช้ไตรลักษณ์เป็นการมองเห็นปัจจัยภายนอกว่าสังคมโลกเป็นเรื่องน่าเบื่อ หาความเที่ยงเเท้นั้นไม่ได้เลย เมื่อเริ่มคิดได้ มองเห็น จิตจะเริ่มปลงไปเอง

    - ใช้อสุภะกรรมฐานเป็นการมองเห็นปัจจัยในร่างกายของตัวเองว่าไม่เที่ยงเเท้เเน่นอน เป็นเพียงสภาวะธาตุทั้งสี่คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ มาประกอบกันเป็นร่างกาย เมื่อเริ่มเห็นจิตที่ยึดมั่นในความเป็นตัวตนของเราจะน้อยลง เริ่มปลงไปเรื่อยๆ

    ทั้งสองข้อที่สมเด็จองค์ปฐมท่านสอนพี่ฝนมานั้นเป็นหัวข้อยึดถือปฏิบัติเป็นเเนวทางเพื่อการหลุดพ้น เข้าสู่พระนิพพานอย่างเเท้จริง โดยไม่ต้องใช้มโนยิทธิเป็นตัวช่วย


    เป็นกำลังใจให้ในการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...