ชมรมนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Pleased, 30 พฤษภาคม 2009.

  1. nunnapath

    nunnapath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +256
    ขอบพระคุณท่านผู้ใจบุญเป็นอย่างมากค่ะ
     
  2. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ยินดีครับ เราจะประชาสัมพันธ์และประมวลภาพเหตุการณ์
    ให้ทราบในรายละเอียดทุกๆ กิจกรรม ครับ
    เราขอให้คำมั่นสัญญาครับ
     
  3. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,151
    ค่าพลัง:
    +3,821
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=qiAT07i_lus]YouTube - Nilakantha Dharani (Great compassionate mantra) by Imee Ooi[/ame]
    วิธีลงคลิปยูทูบอย่างง่าย
    Code:
    [COLOR="Red"][url ]urlของคลิป [ /url]*** ห้ามเว้นวรรค[/COLOR]
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=8I2UpbJijW0"]YouTube - Nilakantha Dharani (Great compassionate mantra)[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2009
  4. วิวัฏฏะ

    วิวัฏฏะ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +5
    ขอขอบคุณ คุณ OLDMAN AND A CAR เป็นอย่างสูงครับ
    ในความเมตตาที่มอบให้กับพวกเราครับ

    ใกล้ๆ ถึงวันผมจะโทรนัดหมายกับคุณ OLDMAN AND A CAR อีกครั้งครับ
     
  5. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ขอบใจอั้งไล้ ลูกรักมากๆๆๆๆ เด้อ
     
  6. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    เสียดายจังมาช้าไป พอดีบ้านอยู่แถวๆนั้นเลย555 จะได้กินขนมฟรี
     
  7. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    waiting list (กรณีที่มีคนในกลุ่ม 20 คน ขอยกเลิก)
    แล้วจะแจ้งให้ทราบครับ

    คนที่ 1 พระยาเดโชชัยมือศึก

    ยินดีต้อนรับครับ
     
  8. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,151
    ค่าพลัง:
    +3,821
    อยากให้ถีงวันที่20 ใจจะขาดแล้วค่ะป๋า^^
    กริ้สสสสสสสสสส อีก สิบห้าวันแย้วววววววว
    อยากไปๆๆๆ:D
    ยินดีต้อนรับทุกคนนะคะ^-^
     
  9. lilbz

    lilbz สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +13
    T^T ว่าจะไปกะไล้ อดซะงั้นอะ ฮือๆๆๆ อยากไปมั่งง่า
     
  10. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    waiting list (กรณีที่มีคนในกลุ่ม 20 คน ขอยกเลิก)
    แล้วจะแจ้งให้ทราบครับ

    คนที่ 1 พระยาเดโชชัยมือศึก
    คนที่ 2 lilbz<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2161079", true); </SCRIPT>

    ยินดีต้อนรับครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  11. Kittikawin

    Kittikawin สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +21
    Waiting list

    Waiting list ค่ะ

    กลับมาถึงเมืองไทยแล้วค่ะ เห็นด้านบนเค้าลงชื่อ waiting list กัน งั้นขอจองด้วยนะค่ะ 2 ที่นะค่ะ Kittikawin + น้องสาวค่ะ

    ขอบคุณค่ะพี่ภราดรภาพ
     
  12. เอกครับผม

    เอกครับผม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +13
    น่าไป จังเลยครับ (แต่ไปไม่ได้ อะ ติดงาน อะ)

    แล้วมาเล่าสู้ กัน ฟัง บ้าง นะครับ ผม
     
  13. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ยินดีต้อนรับครับ คุณ Kittikawin + น้องสาว

    waiting list (กรณีที่มีคนในกลุ่ม 20 คน ขอยกเลิก)
    แล้วจะแจ้งให้ทราบครับ

    คนที่ 1 พระยาเดโชชัยมือศึก
    คนที่ 2 lilbz<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2161079", true); </SCRIPT>
    คนที่ 3, 4 คุณ Kittikawin + น้องสาว

    ยินดีต้อนรับครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    สำหรับ waiting list หากไม่สามารถร่วมกับรุ่น 1 ได้
    เราจะขอกำหนดรุ่นที่ 2 เป็นเดือนหน้า ประมาณ วันเสาร์ที่ 18 ก.ค. 52
    โดยจะนำรายชื่อ Waiting List ไปใส่ในรายนามของรุ่นที่ 2 นะครับ

    แต่เพื่อความอุ่นใจ เราอยากให้รอผลจากรุ่นที่ 1 ก่อน จะตัดสินใจ
    อย่างไรก็ตาม รายชื่อที่ปรากฎอยู่ใน Waiting list จะถูกจัดได้อันดับต้นๆ
    ของผู้มีสิทธิ์ในรุ่นที่ 2 ครับ
     
  14. สมรปราง

    สมรปราง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2008
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +263
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ภราดรภาพ [​IMG]
    คุณสันโดษ

    พอจะมีความรู้เรื่องปราณ ประจุไฟฟ้าลบ พลังออร่า และวิธีการการดึงพลังจากธาตุหินบ้างหรือเปล่าครับ
    โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้การรวมจิตสมาธิ และการบำบัดกายธาตุให้สมดุลย์

    ขอความรู้หน่อยครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    กำลังอยากรู้เรื่องนี้เหมือนกันเพราะพระอาจารย์ท่านให้หิน 5 ตาของแท้จากธิเบตให้เอามาศึกษาเป็นการบ้าน...ผ่านไป 1 เดือนกว่าแล้วยังไม่รู้เลยอะไรอยู่ข้างใน...เพ่งแล้วเพ่งอีกมันก็เป็นหินไม่เห็นมันจะมีอะไรข้างใน...เฮ้อ...

    แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงแบบหาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน คือหินสีดำกลายเป็นสีเหลือง (น้ำผึ้ง) และแตกลายงาเป็นเกล็ด ร้อนเป็นไฟ กร่อน หัก กำลังคิดอยู่ว่าจะเอาไปถามพระอาจารย์เหมือนกันแต่กลัวท่านเสียใจทำหินท่านแหลก
    หลายพันด้วยก้อนเนี้ย
    rat_wting

    ใครรู้ช่วยบอกหน่อยเกิดอะไรกับหินเนี่ย?? งง??
    PS. อย่าบอกนะหินเป็นหิน รู้แล้ว.....เหอ..เหอ..
     
  15. สมรปราง

    สมรปราง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2008
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +263
    ขอบใจอั้งไล้ ผู้น่ารักเหมือนกัน หลังจากฟัง Mantra of Avalikiteshvara ไป 2 รอบรู้สึกมีความสุข เข้าใจบางอย่างเพิ่มขึ้นและได้เจอพระนามคุ้นเคยที่กล่าวถึงในเพลงนี้ถึง 4 ชื่อ (ขอไม่เอ่ย) สาธุ..สาธุ..<!-- google_ad_section_end -->
     
  16. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    แต่เท่าที่ทราบนะครับ

    คำว่า ปราณ หมายถึง ลมหายใจ หากมีการฝึกและบังคับก็จะกลายเป็นพลังงานหรือพลังปราณ ที่เกิดขึ้นและมีอยู่แล้วในร่างกาย ปราณจะเป็นพลังที่ห้อหุ้มจิตวิญญาณของเรา

    การฝึกปราณในโยคะสูตร เรียกว่า "ปราณายามะ" แปลว่า การกำหนดลมหายใจเข้าออก การหายใจเข้าออกของคนธรรมดาสามัญที่ไม่ได้ฝึกจิต มักจะยาว สั้นไม่แน่นอน ไม่ค่อยสม่ำเสมอ เร็วบ้าง ช้าบ้าง ไม่ปรกติ ส่วนผู้ที่ฝึกทางจิตแล้ว การหายใจจะเป็นปรกติ สม่ำเสมอและไม่เร็ว เมื่อหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ หายใจปรกติแล้ว ก็เป็นการง่ายที่จะควบคุมจิตและทำจิตให้เป็นสมาธิ

    คำว่า “ปราณายามะ” ประกอบขึ้นด้วยคำ ๒ คำ คือ ปราณ (หรือ มคธ-ปาณะ) กับอายามะ ปาณะ แปลว่า ลมปราณ อายามะ แปลว่าการบังคับ ฉะนั้น คำว่าปราณายามะ หรือปาณายามะ จึงแปลว่า การบังคับลมปราณ

    ความจริงลมซึ่งมีอยู่ทั่วสรรพางค์กายล้วนเป็นลมอย่างเดียวกันทั้งสิ้น แต่ว่าทำหน้าที่หลายประการโดยตั้งอยู่ในที่ต่างๆกัน อาศัยที่ตั้งและหน้าที่นั้นๆ เป็นเกณฑ์ จึงแบ่งลมไว้เป็นส่วนสำคัญๆ 5 ประการ คือ
    1. ปราณะ
    2. อปานะ
    3. วยานะ
    4. อุทานะ และ
    5. สมานะ

    ปราณะ ตั้งอยู่ระหว่างสะดือกับคอ มีหน้าที่คือหายใจเข้าและหายใจออก
    อปานะ ตั้งอยู่ในซอกท้องหรือท้องน้อย มีหน้าที่คือ ทำให้สิ่งของออกจากร่างกายเช่นการถ่ายอุจจาระ การถ่ายปัสสาวะ การถ่ายลมปราณ (คือตาย) เป็นต้น
    วยานะ ตั้งแพร่หลายอยู่ทั่วร่างกาย มีหน้าที่คือ ทำการเคลื่อนไหวแห่งอวัยวะต่างๆ
    อุทานะ ตั้งอยู่ระหว่างคอกับสมอง มีหน้าที่คือ ทำการออกเสียง
    สมานะ ตั้งอยู่ตรงสะดือ มีหน้าที่คือ ทำการเป็นสื่อระหว่างปราณ กับ อปานะ

    หลักแห่งปราณายามะ บ่งไปถึงการบังคับลมทุกๆ ประการ แต่ว่าในการบังคับลม
    นั้นๆ วิธีแห่งปราณายามะย่อมอาศัยการบังคับลมปราณเป็นมูลกรณีย์

    ส่วนการบังคับลมอื่นๆ เป็นไปเพียงสหกรเท่านั้น เหตุนั้น ระเบียบแห่งการบังคับลมดังว่ามานี้จึงมีชื่อจำกัดไว้ว่าปราณายามะ
    หรือการบังคับลมปราณนี้

    สิ่งนี้จึงเป็นเหตุผลอย่างหนึ่งในการฝึกสมาธิ ที่จำเป็นต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับปราณ ครับ
    ไว้จะนำเสนอข้อมูลในโอกาสต่อไปครับ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2009
  17. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    หินธิเบต ดี.ซี.ไอ. มีความเชื่อมาเป็นนับพันๆ ปี

    จากสัญลักษณ์ หรืออาจสามารถเรียกว่า "มนตรา"

    ที่ถูกสลักลงบนเนื้อหิน และความเชื่อนั้นยังคงสืบทอดมาจนปัจจุบัน

    แต่ความเชื่ออย่างเดียวยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ชาวโลกยอมรับว่าหินธิเบต ดี.ซี.ไอ. ดีอย่างไร

    ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นได้นำหินธิเบต ดี.ซี.ไอ. กลับไปทำการวิจัยที่ประเทศญี่ปุ่น

    และพบว่า หินชนิดนี้มาจากใต้เทือกเขาหิมาลัย ซึ่งทางนักวิทยาศาสตร์พบว่าในเนื้อหิน

    ประกอบด้วยแร่ธาตุจากดาวอังคารประมาณ 14 ชนิด

    ซึ่งเป็นผลมาจากสะเก็ดดาวจากดาวอังคารได้ตกลงมาบริเวณเทือกเขาหิมาลัยประมาณ 5,000 ปีที่แล้ว

    ทำให้หินชนิดนี้มีค่าความเป็นแม่เหล็กสูงถึง 13 วัตต์

    ในขณะที่หินคริสตรัลนั้นมีเพียง 4 วัตต์เท่านั้น

    ซึ่งปริมาณแม่เหล็กในหินนี้มีปริมาณเพียงพอที่จะทำให้ผู้สวมใส่มีระบบหมุนเวียนโลหิตที่ดีขึ้น

    ซึ่งเป็นผลทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น
    [​IMG]





    หิน 5 ตา (5 Eyed dZi Bead)

    เหมาะกับผู้ที่เกิดปีมะเมีย, มะแม และวอก หมายความถึง โชคดีมีเงินทอง ความมั่งคั่ง ร่ำรวย และอายุยืน เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลประโยชน์ทางการเงิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2009
  18. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ปราณกับประจุลบ

    พลังงานที่ไหลเวียนภายในร่างกาย มีเซลล์ประสาทเชื่อมโยงจากสมอง
    ในสมองคนมีอนุภาคแม่เหล็ก 7,000 ชิ้น จากสมองมีสายคล้ายสายไฟโยงใย
    ไปทั่วร่างกาย
    ข้างในเซลล์มีโพรงประสาทตรงกลาง จะมีประจุไฟฟ้าบวก ส่วนรอบนอกมีประจุไฟฟ้าลบ
    ถ้าใครมีประจุไฟฟ้าลบในร่างกายเยอะก็ไม่ค่อยป่วย เพราะประจุไฟฟ้าลบนี้
    มีหน้าที่ไล่จับอนุมูลอิสระ ต่อต้านเชื้อโรค มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม เช่น


    ญี่ปุ่น เรียกว่า ชิ
    จีน เรียกว่า ชี่ ' ชี่กง
    อินเดีย เรียกว่า ปราณ 'นที หรือกุณฑลินี
    ฝรั่ง เรียกว่า Vitality Force or Universal Force

    ในคนปกติค่าพลังงานสนามแม่เหล็กเฉลี่ยปรกติ 0.7 เกาท์ ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์
    จะมีค่าพลังงานน้อยกว่าและจะเจ็บป่วยบ่อย เพราะค่าอุตุหรือพลังงานปั่นป่วน
    คนกินมังสวิรัติมักจะมีค่าพลังงานสูงกว่า ยกเว้นบางกลุ่ม
    สี กลิ่น เสียง รส
    การเคลื่อนไหวออกกำลังกาย เป็นการกระตุ้นอุตุ.
     
  19. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,151
    ค่าพลัง:
    +3,821
    เคยมีหินดีซีไอ รูปมาม๊ากวนอิม
    พลังดีมากเลย
    แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่กะตัวเองแย้ว><~
    เง้อออ มีกะไรอ่ะยกให้ชาวบ้านเค้าไปหมด *-+
     
  20. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]



    เทวดาประจำตัว เทพพรหม องค์ใน ญาณบารมี คนทรงเจ้า คนมีองค์ คืออะไรกันแน่?




    ยากนักที่จะได้เกิดเป็นคน คนนั้นเป็นสัตว์ประเสริฐที่เกิดได้ยากยิ่ง คนเราทุกคนจึงมีค่ามาก เราเกิดมาหลายชาติภพ บางภพไม่ใช่ภพมนุษย์ เช่น ภพนรก ไม่สามารถบำเพ็ญเพียรภาวนาได้ บางภพเช่นภพสวรรค์ เห็นความสวยงามไม่ค่อยเห็นอนิจจัง จึงยากนักที่จะละคลายกิเลส บางชาติ เกิดเป็นสัตว์บำเพ็ญไม่ได้ บางชาติเป็นตาบอด อ่านหนังสือไม่ได้ บางชาติ ไม่มีศาสนาสอนมนุษย์ จึงไม่เข้าใจธรรม ดังนั้น ได้เกิดเป็นคนปกติ มีพระพุทธศาสนาจึงยากยิ่งแล้ว ดังนั้น ระบบการดูแลสามภพ จึงจัดให้คนนั้นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากเทวดาบนสวรรค์ แตกต่างจากสัตว์ชนิดอื่นๆ เช่น สัตว์นรก ได้รับการลงโทษแทนการดูแล สัตว์เดรัจฉาน ได้รับการปล่อยไปตามยถากรรม ให้กินกันเอง ชดใช้กรรมกันเอง เพื่อบรรเทากรรมที่มีต่อกันให้เบาบางก่อนมาเกิดเป็นคน เมื่อได้มาเกิดเป็นคนแล้ว จึงจะมี “เทวดาประจำตัว” เพื่อคอยดูแล และเทวดาประจำตัวเหล่านี้ จะมีจำนวนมากกว่ามนุษย์ (เพราะมนุษย์เกิดได้ยาก จึงมีจำนวนน้อย) เทวดาประจำตัวจึงต้องมีเวรผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาบำเพ็ญบุญบารมี โดยมีพระอินทร์ เป็นผู้จัดสรรที่สำคัญที่สุด ให้เทวดาในชั้นดาวดึงส์ (สวรรค์ชั้นที่สอง) ซึ่งเป็นบริวารของท่านลงมาทำกิจ ในขณะที่ท้าวจตุโลกบาล ซึ่งปกครองสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง ซึ่งอยู่ติดกับพื้นโลก จะไม่ได้รับผิดชอบเรื่องเทวดาประจำตัว เพราะท่านจะดูแลพื้นที่เขตต่างๆ ทั้งดินน้ำและอากาศของโลก ในรูปของการดูแลจัดการเจ้าที่ เจ้าทาง เจ้าป่า เจ้าเขาแทน ซึ่งเป็นการปกป้องคุ้มครองด้วยการอ้างอิงตามอาณาเขต ไม่เกี่ยวกับตัวบุคคล นับเป็นคนละกิจกัน เทวดาประจำตัว จะมาตั้งแต่ตอนจุติ เพราะต้องคอยระวังปกป้องไม่ให้เจ้ากรรมนายเวรรบกวนทำลาย จิตที่จุติฟักตัวในรูปตัวอ่อนในท้องแม่ เพราะง่ายต่อการตายมาก ถ้าเทวดาประจำตัวทำงานได้ดี การตายในท้อง แล้วจุติใหม่ซ้ำๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น จวบจนกระทั่งถึงวาระสิ้นอายุขัย เทวดาประจำตัวก็จะออกไป เปิดโอกาสให้ยมทูตหรือเทวทูตมารับตัวแทน ซึ่งจะเป็นเทวดาอีกชุดหนึ่ง คนละชุดงานกัน ลงมาทำหน้าที่รับช่วงต่อนี้




    เมื่อคนเกิดมา พระอินทร์จะจัดเวรเทวดาชั้นดาวดึงส์มาดูแลเรา เช่น ที่เรียกว่า แม่ซื้อ ฯลฯ โดยนำเทวดาที่มีกรรมเกี่ยวข้องกับเรามาดูแลเรา จะไม่สะเปะสะปะสับสน ไม่สุ่มมั่วซั่ว เพราะการที่คนที่ไม่มีบุญกรรมต่อกัน มาสร้างบุญกรรมกันระหว่างชาติภพนี้ จะก่อให้เกิดกรรมใหม่ๆ ที่ต้องไปชดใช้กันยุ่งเหยิงมากขึ้น ส่งผลให้การบรรลุธรรมนั้น ต้องมีชาติภพยืดยาวออกไป เพราะต้องใช้ชดใช้เวรกรรมกันให้หมดนั่นเอง ดังนั้น เทวดาประจำตัวเราจึงมาจากคนที่เคยช่วยเหลือจุนเจือ มีบุญสัมพันธ์กับเรามาทั้งสิ้น ตามแต่วาระที่พระอินทร์จะจัดสรรลงมา ได้แก่ พ่อแม่ปูย่าตายายของเราที่ตายไปแล้วจุติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ทั้งหลายนั่นเอง ทั้งนี้ โปรดเข้าใจว่าเทวดาชั้นยามา จะไม่มาทำกิจนี้มากนัก เพราะส่วนใหญ่จะปฏิบัติธรรมภาวนากันมาก ไม่ค่อยยุ่งกันเรื่องทางโลกเหมือนเทวดาชั้นที่สอง ส่วนเทวดาชั้นที่สี่สูงขึ้นไป คือ ดุสิต ก็จะไม่มาทำกิจเล็กๆ น้อยๆ นัก การที่ลงมาดูแลคนเป็นคนๆ จึงไม่ควรเป็นกิจของพระโพธิสัตว์แห่งดุสิตสวรรค์ เพราะท่านจะรับกิจภาพกว้างมากกว่านั้น เอื้อต่อสรรพสัตว์จำนวนมาก คราวละมากๆ มากกว่านั้น ในขณะที่ชั้นสูงบกว่าดุสิตขึ้นไป จะไม่สนใจมาช่วยเหลือมนุษย์นัก อันได้แก่ ชั้นนิมารดี และปรนิมมิตวสวัตตี ทั้งสองชั้นนี้ เป็นชั้นของมาร ที่มีแต่เห็นแก่ตัวเป็นสำคัญ




    ดังนั้น ทุกคนจึงมีเทวดาดูแลประจำอยู่แล้วทั้งสิ้น แต่จะไม่เรียกว่ามี “องค์ใน” บุคคลที่จะถูกเรียกว่า “มีองค์” หรือมีเทพชั้นสูงๆ มาดูแล ก็ต่อเมื่อเขาถึงวาระแห่งการบำเพ็ญเพียรภาวนาแล้ว เบื้องบนก็จะส่งเทพพรหมที่มีฤทธิ์มาก แตกต่างกันลงมาคุ้มครองดูแล และทำกิจมากกว่าเทวดาประจำตัว เพราะมีอิทธิฤทธิ์ส่งผลต่อชีวิตของคนมีองค์ได้มาก และเทพพรหมเหล่านี้ จะมี “กิจเฉพาะ” ที่ได้รับจากเบื้องบนลงมากระทำต่อบุคคลนั้นๆ ดังนั้น จึงมีผลให้วิถีชีวิตต้องเปลี่ยนไปอย่างมากนั่นเอง นี่เป็นสาเหตุว่าทำไม จู่ๆ วิถีชีวิตเกิดเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายระทันหันในระยะเวลาสั้นๆ และถูกทักว่า “มีองค์ใน”




    เทพพรหม ฯลฯ ที่ลงมาทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับผู้คนนั้น มีกิจเฉพาะหลากหลายมาก ดังที่ได้เกริ่นมาว่าแต่ละองค์มีฤทธิ์และกิจเฉพาะที่รับมาจากเบื้องบนต่างกันไป ในบรรดาเทพพรหมที่ลงมาทำกิจเหล่านี้ สามารถจำแนกได้ออกเป็นสามกลุ่ม คือ




    ๑) กลุ่มสมณเทพ

    คือ กลุ่มที่มีเทพสองประเภทลงคุ้มครองดูแลหรือทำกิจ ได้แก่ กลุ่มพระสมณะ (เทพที่มีลักษณะเป็นพระตัดกามไร้เพศบำเพ็ญภาวนาทางพุทธะ) และกลุ่มเทพพรหม หรือเทพที่มีฤทธิ์ต่างๆ แต่ไม่ได้ละเพศ ยังมีกามกิเลสตามปกติ กลุ่มคนที่จัดว่ามีองค์ในแบบ “สมณเทพ” นี้ จะถือว่ามีทั้งสองแบบ ดังนั้น จะสามารถล่วงรู้ด้วยญาณของตนได้ว่า ผู้ใดมีองค์ในแบบเทพพรหม และผู้ใดมีองค์ในแบบสมณะดูแลอยู่ สามารถบริหารจัดการคนที่มีองค์ได้ทั้งสองแบบ ซึ่งกลุ่มนี้มีจำนวนน้อย และมีแนวทางในการบำเพ็ญภาวนาที่แตกต่างกัน




    ๒) กลุ่มพระสมณะ

    คือ กลุ่มที่มีเทพประเภทพระสงฆ์ ผู้ตัดกาม ละเพศ บำเพ็ญภาวนาจิตเพื่อพุทธะเพียงอย่างเดียวคอยดูแลคุ้มครองปกป้อง หรือสอนธรรม หรือเปลี่ยนวิถีชีวิตอยู่ กลุ่มนี้ หากได้รับการคุ้มครองก็จะพบปาฏิหาริย์ เช่น รอดตายหวุดหวิด หากได้รับการสอนธรรม ก็อาจได้เห็นนิมิตที่แฝงปริศนาธรรม หรือได้ยินเสียงทิพย์ หากกำลังถูกปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตก็จะถูกบีบเค้นอย่างหนักให้เข้าสู่ทางธรรมแต่ฝ่ายเดียว ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเลย สำหรับคนที่มีองค์ในแบบสมณะเหมือนกัน มักมองกันก็เข้าใจ คุยกันง่าย เข้าใจกันง่าย ในกลุ่มนี้ มักเป็นผู้นิยมเข้าวัดประจำๆ และนับถือพระมาก เช่น องค์ในเป็นหลวงปู่ทวด




    ๓) กลุ่มเทพพรหม

    คือ กลุ่มที่มีเทพประเภท มหาเทพฮินดู, พรหม, เทพจีน ฯลฯ ผู้ยังมีกาม มีเพศอยู่มาคอยดูแลคุ้มครองปกป้อง หรือช่วยการงาน หรือเปลี่ยนวิถีชีวิตอยู่ แต่ปกติ จะไม่มีหน้าที่สอนธรรมะ ยกเว้นบางองค์ที่มีปางอวตารเป็นโพธิสัตว์ เช่น องค์ศิวะ, องค์อุมา (บางปางก็คือพระกวนอิม) เป็นต้น หากมีองค์ที่มีปางอวตารแบบนี้ จะมีการสอนธรรมได้ แต่หากไม่มีก็จะไม่สามารถสอนธรรมได้ จะบำเพ็ญเพียรช่วยเหลือคนในด้านอื่นๆ เช่น ช่วยในมูลนิธิต่างๆ ส่วนใหญ่คนเหล่านี้ มักได้รับการช่วยเหลือแบบพิเศษจากเทพพรหมก่อน แต่หากไม่ทำความดีเลย สุดท้าย เทพพรหมจะถูกเรียกกลับ แล้วปล่อยทิ้งให้ร่างนั้น ถูกเจ้ากรรมนายเวรและภูตผีต่ำช้าอื่นๆ รุมทึ้งเอาแทน ดังนั้น หลายท่านจึงมักบอกว่าอย่าไปรับขันธ์ อย่าเป็นร่างทรง ด้วยเหตุนี้ แท้แล้วการรับขันธ์ไม่ใช่การเป็นร่างทรง ส่วนบุคคลที่เป็นร่างทรงนั้น คือ “อาชีพ” อุปมาเหมือนพระ ที่ไม่มีอาชีพ แต่หากทำตัวเรียกเก็บเงินค่าช่วยเหลือผู้อื่น ก็กลายเป็นอาชีพไป คนที่รับขันธ์ ไม่ควรเป็นร่างทรง แต่ควรบำเพ็ญบารมีช่วยเหลือคนไป โดยไม่สนใจเรื่องเงินและอาชีพ แล้วสุดท้ายจะดีเอง




    ๔) กลุ่มนอกรีต

    คือ กลุ่มสุดท้ายที่เข้ามาครอบงำจิตของคน หลังจากที่ร่างเปิดรับจิตวิญญาณอื่นแล้ว จะปิดได้ยาก หรือปิดเองไม่ได้ เมื่อหลงทะนงตนเย่อหยิ่ง มักจะถูกทอดทิ้งจากเทพพรหมองค์ก่อน เพราะพฤติกรรมที่ตกต่ำเป็นเหตุให้เทพชั้นสูงๆ ไม่สามารถมาช่วยได้ เมื่อท่าจากไป บรรดาเจ้ากรรมนาย
    เวร สัมภเวสี</PERSONNAME> เปรต สัตว์นรก ฯลฯ ก็มาเข้าร่างแทน ซึ่งยังผลให้ชีวิตพบกับความวิบัติหายนะในที่สุด เหล่านี้ รวมเรียกว่า
    “จิตวิญญาณนอกรีต” เพราะไม่ได้อยู่ในการดูแลบริหารจัดการของเบื้องบน แต่เกิดจากการ “ลักลอบ” หนีจากนรก แล้วมาสิงสู่อาศัยร่วมกับคนเท่านั้นเอง ซึ่งบางท่านถึงกับต้องกลายเป็นปอบ





    คำว่า “ญาณบารมี” ก็เกิดจากการสัมผัส คนมีองค์ต่างๆ นี่เอง เพื่อดูว่าแต่ละท่านมีองค์ใดช่วยอยู่ ในที่นี้ของให้เข้าใจว่า องค์เทพใหญ่ๆ จะไม่ลงมาทั้งองค์ แต่จะแบ่งส่วนบารมีท่านลงมา เรียกว่า “ญาณบารมี” ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมจึงพบคนที่มีองค์เหมือนกันหลายคน เพราะเป็นการแบ่งญาณบารมีของเทพใหญ่ๆ มาช่วยคนพร้อมกันจำนวนมากๆ เท่านั้นเอง ในการบำเพ็ญให้จิตเป็นหนึ่งเดียวกับเทพเหล่านี้ ให้ระลึกเสมอว่าเราคือท่าน ท่านคือเรา จึงจะราบเรียบ ไม่เกิดการยื้อดึงของร่าง การสั่นของร่าง อย่างที่เราเห็น “คนทรง” เป็นกัน คนที่บำเพ็ญถูกต้องแบบพราหมณ์ฮินดู คือ เข้าใจว่าเราเหมือนอาตมัน เทพเหมือนปรมาตมัน ก็จะหลอมรวมทั้งสองเป็นหนึ่งเดียว ทำกิจได้เหมือนคนปกติ อย่างราบเรียบกลมกลืน ไม่กระตุก ไม่สั่น ไม่ใช่ร่างทรง และสามารถดึงความสามารถพิเศษที่องค์เทพนั้นๆ มีมาใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาตินั่นเอง




    อนึ่ง พึงเข้าใจว่า เราและจิตวิญญาณที่มาคุ้มครองเรานั้นคนละส่วนกัน แต่จิตวิญญาณที่มาคุ้มครองเรานั้น มักพูดเสมอว่า เราคือท่าน และท่านคือเรา เพื่อให้เราหลอมรวมแนบสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับองค์ท่าน และท่านจะทำกิจได้ง่าย ไม่ขัดขืน ไม่ลังเล หรือยื้อกันไปมาระหว่างจิตสองดวง ดังนั้น หลักการบำเพ็ญของพราหมณ์ฮินดูจึงมักพูดถึงการหลอมรวมระหว่างอาตมัน และปรมาตมันด้วยเหตุนี้ เพื่อเปิดทางให้เทพเบื้องบนทำงานกับเราได้สะดวกนั่นเอง และเราก็จะดึงพลังของเทพที่ท่านมีอยู่ ที่เบื้องบนประทานมาให้นี้ นำมาใช้ในการดำเนินชีวิต ประกอบกิจการงานต่างๆ ได้อย่างง่ายดายมากขึ้น แต่ทว่า ต้องไม่หลงตัวเอง ไม่หลงลืมไปว่า เราก็ส่วนหนึ่ง คือ อาตมัน และเทพก็ส่วนหนึ่ง คือ ปรมาตมัน (ปรมาตมัน หมายถึง เทพมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณไหนก็ตาม เพราะรับคำสั่งเดียวกันมาจากเบื้องบน แม้จะทำกิจต่างกัน รูปนามต่างกัน) ซึ่ง คนส่วนใหญ่ที่มีอัตตา ตัวกูของกู มากแล้ว มักพบกับความวิบัติภายหลัง เพราะนิยมยึดถือว่าตนเองเป็นเทพยิ่งใหญ่มีฤทธิ์มากอยู่คนเดียว ผู้อื่นไม่ใช่ ผู้อื่นเป็นตัวปลอมผิดไปหมด (ทั้งๆ ที่เทพท่านแบ่งญาณบารมีได้ จึงโปรดช่วยคนได้หลายคนพร้อมกัน) สิ่งนี้ต้องระวังให้มาก เมื่อใดก็ตามหลอมรวมจิตคิดว่าเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ต้องไม่ยึดเป็นอัตตา




    ญาณบารมี มากหรือน้อย เทพจะองค์ใหญ่องค์น้อยนั้นไม่สำคัญเท่ากับการบำเพ็ญของเรา ยกตัวอย่างเช่น พระนารายมาช่วยคนๆ หนึ่ง ท่านเป็นเทพใหญ่มาก แต่หากบำเพ็ญด้อยแล้ว ตัวเองก็จะแย่ ไปสู้กับคุณไสย ก็ถูกคุณไสยเข้าตัวเสียอย่างนั้น สุดท้ายไม่ได้เป็นผลดีเลย ในขณะที่คนอีกคนหนึ่ง มีองค์พิฆเนศ ซึ่งเป็นมหาเทพระดับลูกของพระมหาเทพทั้งสาม (นับว่าอิทธิฤทธิ์รองลงมา) แต่ผู้นั้นคิดสร้างสรรค์งานเพื่อพุทธศาสนา แล้วด้วยบารมีแห่งองค์เทพพิฆเนศ เป็นองค์เทพแห่งความสำเร็จ ท่านลองไตร่ตรองดูเถิดว่าคนประเภทที่สองที่ได้รับองค์พิฆเนศซึ่งรองจากมหาเทพทั้งสามนี้ อิทธิฤทธิ์แม้น้อยกว่าองค์นารายนี้ กลับได้บุญบารมีมากกว่า เพราะช่วยงานพุทธศาสนาจนสำเร็จ ในขณะที่คนแรก ไปต่อสู้กับมนต์ดำ จนตัวเองต้องถลำเข้าไปสู่วังวนการต่อสู้ทางจิต แทบไม่ได้บุญอะไรเลยในบางครั้ง เพราะเอาแต่ปะลองฤทธิ์กัน เช่นนี้ จึงกล่าวได้ว่า เทพองค์ใหญ่หรือเล็กนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่ตัวเราทำอะไร หากมีองค์เทพอยู่ด้วย ขอให้ดึงพลังของท่านมาใช้ ให้เกิดประโยชน์สุขให้มากที่สุด ไม่ใช่ใช้ไปนอกลู่นอกทาง ซึ่งยังผลให้บั้นปลายสุดท้าย ต้องรับกรรมอย่างหนักหนาสาหัส ไม่เป็นผลดีต่อตนเองเลย




    การดึงญาณบารมีลงมาประทับ และการดึงญาณบารมีกลับ ในบางครั้ง จำเป็นต้องทำ เพื่อปรับให้การบำเพ็ญสมดุลไม่มากไม่น้อยเกินไป ยกตัวอย่างเช่น บางท่านมีญาณบารมีแบบสมณเทพ คือ มีทั้งพระสมณะและเทพพรหม หากมีเทพพรหมมากช่วงไหน ก็บำเพ็ญบารมีมาก หากมีพระมากช่วงไหนก็ปฏิบัติจิตมาก บางครั้ง จำต้องปรับญาณบารมีให้ตัวเอง เช่น การไปวัด ทำบุญ สัมผัสพระธาตุ ไหว้พระธาตุ เหล่านี้ทำให้ญาณบารมีฝ่ายสมณะเพิ่มขึ้น (หากต้องการ) หรือ การไปทำพิธีพราหมณ์ ไหว้องค์เทพ ทำให้ญาณบารมีองค์เทพมากขึ้น (หากต้องการ) บางท่านมีพลังจิตพิเศษสามารถติดต่อสื่อสารกับเบื้องบนได้ และอัญเชิญญาณบารมีองค์เทพต่างๆ ลงมาประทับคุ้มครองผู้คนได้ และบางท่านก็สามารถดึงญาณบารมีขององค์เทพกลับได้ หากพบว่ามากเกินไป หลงเกินไป หรือเดินทางผิดพลาด ก็สามารถดึงญาณบารมีเก็บกลับได้เช่นกัน ซึ่งบุคคลผู้ที่ทำหน้าที่เหล่านี้ได้แท้จริง มีจำนวนน้อย และมักถูกมองหาว่าบ้า เพราะทำหน้าที่ในกิจที่ตาเนื้อมองไม่เห็น ที่เรียกว่า “อนุตรธรรม” ซึ่งจะมีเรื่องของการเปิดจิตญาณต่างๆ นั่นเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...