นั่งสมาธิแล้วเกิดอาการแปลกๆ รบกวนผู้รู้ช่วยแนะนำและให้กำลังใจหน่อยค่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Darakorn, 26 ธันวาคม 2004.

  1. Darakorn

    Darakorn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +10
    ฝึกนั่งสมาธิด้วยตนเองมาได้ระยะหนึ่งแล้วค่ะ
    ช่วงแรกจะรู้สึกเหมือนบังคับให้ตัวเองหลับตา พอผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ จะรู้สึกว่านั่งได้เรื่อยๆ ช่วงนี้ ถ้ามีเสียงอะไรดังๆ จะสะดุ้งตกใจง่าย ต่อจากนั้นจะรู้สึกว่า มือที่วางบนตักมันหายไป เหมือนไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น เหมือนไม่มีอะไรเลย

    แล้วมีอาการขนลุกเย็นวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า ช่วงที่ทำสมาธิในชีวิตประจำวัน คือ นั่งนิ่งๆ ดูจิตตัวเอง แล้วจะเย็นวาบขนลุก หรือจะเกิดขึ้นตอนฟังเสียงสวดมนต์
    ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าคิดไปเอง หรือเกิดจากความเย็นของอากาศ ( แต่ อากาศก็ไม่ได้เย็นนะคะ ) หรือ เพราะ ทำสมาธิกันแน่


    กลับไปลองนั่งปฏิบัติใหม่ค่ะ
    คราวนี้ เลยความรู้สึกว่ามือหายไป มาแล้ว
    คราวนี้ หายใจเข้า นับหนึ่ง หายใจออกนับหนึ่ง
    หายใจเข้านับสอง หายใจออกนับสอง
    ครบสองร้อยครั้ง

    เหมือนเราจะลอยขึ้นข้างบนค่ะ แต่ติดที่กายเนื้ออยู่
    หลายรอบค่ะ เหมือนจะลอยขึ้น หัวเหมือนจะ ผงะ ไปข้างหลัง เหมือนจะลอยขึ้นให้ได้

    หลังจากนั้น กองลมที่เราหายใจเข้าและออก ดูใหญ่ขึ้น ทรงพลังกว่าเคย เต็มปอดกว่าเคย เหมือนเป็นก้อน ลมหายใจใหญ่ๆอย่างนั้น
    แล้วเราก็รู้สึกว่า ตัวเราใหญ่ขึ้น แบบ พองออก พองออก
    ตอนที่รู้สึกว่าจะลอยขึ้นนั้น เหมือนการหายใจ ช่วยดึงเราขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนพยายาม หลุดจากอะไรสักอย่าง ตัวยืดขึ้น ถ้าหลุดได้ คงหลุดผลัวะ ขึ้นข้างบนแน่ๆเลยค่ะ

    แล้วตอนรู้สึกว่าตัวเองพองออก เหมือนเราเป็นยักษ์เลยค่ะ ยักษ์ที่มีหน้าใหญ่ๆ แขนขา ตัว ใหญ่ๆ

    ลมหายใจเป็นก้อนทรงพลังมหึมาที่วนอยู่ในหายของเรา อย่างงั้นเลยค่ะ

    หลังจากนั้น เหมือนจะนั่งสมาธิไม่ค่อยนานค่ะ อาจจะเพราะ เสียงดัง รบกวนเยอะ

    ไม่รู้ว่าที่ปฏิบัติมาถูกทางหรือยังคะ รบกวนผู้รู้ช่วยแนะนำและให้กำลังใจหน่อยค่ะ

    เหมือนเราไม่บุญพอที่จะได้กรรมฐานกับเค้าในชาตินี้เลย (b-cry)
     
  2. Darakorn

    Darakorn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +10
    ขอบคุณค่ะ คุณ ศุกร์

    ตอนนี้ กลับรู้สึกว่า เราคงทำกรรมฐานไปได้ไม่ถึงไหน ไม่มีกำลังใจเลย

    เลยอยากรู้ว่า นี่เรามาถูกทางแล้วหรือยัง ....

    แล้วควรทำอย่างไรต่อไป





    ขออนุโมทนาในสิ่งที่คุณศุกร์ทำอยู่นะคะ
    เจริญในธรรมค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2004
  3. Anonymous

    Anonymous Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +35
    อย่าตั้งความคาดหวังผลใดใด ในการนั่งสมาธิครับ เพราะการคาดหวังนั้นเป็นนิวรณ์ นิวรณ์ตัวนี้แหล่ะที่เป็นตัวขัดขวางความเจริญก้าวหน้าในสมาธิ ให้ทำใจให้สบายๆ ไม่คาดหวังไม่ท้อแท้ ให้"สักแต่ว่านั่งไปอย่างนั้น" ทำๆไปอย่างนั้น ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ทุกวันๆ แล้วมันจะได้เอง
     
  4. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +3,212
    ไปหาหมอจิตเวท ช่วยคุณก่อน
     
  5. witt

    witt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +551
    ก่อนอื่น ขอโมทนา ด้วยที่ทำมาน่ะดีแล้ว อย่าไปคิดมากเลยครับว่าได้หรือไม่ได้ ตั้งใจทำไปเรื่อยๆก็ได้เองครับ ช่วยไขปัญหาให้

    ช่วงแรกจะรู้สึกเหมือนบังคับให้ตัวเองหลับตา พอผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ จะรู้สึกว่านั่งได้เรื่อยๆ ช่วงนี้ ถ้ามีเสียงอะไรดังๆ จะสะดุ้งตกใจง่าย

    - ยังไม่มีสติพอครับ ถ้าคนมีสติ พอถ้าได้ยินเสียงอะไรดังดังเขาจะไม่ตกใจง่าย ถ้าได้ยินเสียงดังๆ แล้วตกใจ อาจจะทำให้เสียสติ หรือ เป็นบ้า เอาได้ง่าย อย่างว่าล่ะ ผู้หญิงมักจะตกใจง่ายกว่า ผู้ชาย หรือ เกิดอะไรขึ้นก็โวยไว้ก่อน วิธีแก้ ก็ คือ ให้ประคองรักษาอารมณ์เอาไว้ อย่าไปสนใจกับเสียง รักษาเอารมณ์เอาไว้ รักษาอารมณ์ให้หนักแน่น ไม่ตกใจง่าย และพิจรณาว่าที่เกิดขึ้นเป็นเสียงอะไร ถ้าไม่มีความสำคัญอะไรก็ไม่ต้องไปใส่ใจอะไร

    ต่อจากนั้นจะรู้สึกว่า มือที่วางบนตักมันหายไป เหมือนไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น เหมือนไม่มีอะไรเลย

    - อันนี้ถือว่าดีแล้วครับ จิตกำลังแยกออกจากร่างกาย ไม่ต้องคิดอะไร ดูไปเรื่อยๆว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าแยกได้หมด ตัวเบาหวิวเลยแหละ แขนขาเราไม่หายไปใหน จิงจิงก็ยังอยู่เหมือนเดิมแหละ

    แล้วมีอาการขนลุกเย็นวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า ช่วงที่ทำสมาธิในชีวิตประจำวัน คือ นั่งนิ่งๆ ดูจิตตัวเอง แล้วจะเย็นวาบขนลุก หรือจะเกิดขึ้นตอนฟังเสียงสวดมนต์ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าคิดไปเอง หรือเกิดจากความเย็นของอากาศ ( แต่ อากาศก็ไม่ได้เย็นนะคะ ) หรือ เพราะ ทำสมาธิกันแน่

    - อันนี้เรียกว่าอาการปิติ พอเกิดแล้ววางใจเป็นกลางเฉยๆ อีกนั้นแหละ คอยดูมันสักพักมันก็หายไป


    กลับไปลองนั่งปฏิบัติใหม่ค่ะ คราวนี้ เลยความรู้สึกว่ามือหายไป มาแล้ว คราวนี้ หายใจเข้า นับหนึ่งหายใจออกนับหนึ่งหายใจเข้านับสอง หายใจออกนับสอง ครบสองร้อยครั้ง เหมือนเราจะลอยขึ้นข้างบนค่ะ แต่ติดที่กายเนื้ออยู่ หลายรอบค่ะ เหมือนจะลอยขึ้น หัวเหมือนจะ ผงะ ไปข้างหลัง เหมือนจะลอยขึ้นให้ได้

    -อาการคล้ายๆกับตอนแรก ที่จิตแยกจากกายเนื้อ เราอาจจะรู้สึกว่า เหมือนนั้งอยู่บนอากาศเลย อือ อย่างนี้คือ เราตัดสัมพัสภายนอก ออกไป เราจะไม่รู้สึกว่ารอบข้างมีอะไร เหมือนเดิมปหระคองจิตดูอาการ ไปเรื่อยๆ แต่อย่ายึดติดมัน

    หลังจากนั้น กองลมที่เราหายใจเข้าและออก ดูใหญ่ขึ้น ทรงพลังกว่าเคย เต็มปอดกว่าเคย เหมือนเป็นก้อน ลมหายใจใหญ่ๆอย่างนั้นแล้วเราก็รู้สึกว่า ตัวเราใหญ่ขึ้น แบบ พองออก พองออก ตอนที่รู้สึกว่าจะลอยขึ้นนั้น เหมือนการหายใจ ช่วยดึงเราขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนพยายาม หลุดจากอะไรสักอย่าง ตัวยืดขึ้น ถ้าหลุดได้ คงหลุดผลัวะ ขึ้นข้างบนแน่ๆเลยค่ะ

    - ดีแล้วครับ ประคองจิตไปเรื่อยๆ ดูอารมณ์ ดูถายในของเราเอง ดูไปเรื่อยๆ เท่าที่อ่านจากบอร์ดมาเขาว่าเป็นอาการ กำลังจะเข้า แต่ไม่แน่ใจหรอกน่ะ เอาเป็นว่าดีแล้ว

    แล้วตอนรู้สึกว่าตัวเองพองออก เหมือนเราเป็นยักษ์เลยค่ะ ยักษ์ที่มีหน้าใหญ่ๆ แขนขา ตัว ใหญ่ๆ
    ลมหายใจเป็นก้อนทรงพลังมหึมาที่วนอยู่ในหายของเรา อย่างงั้นเลยค่ะ หลังจากนั้น เหมือนจะนั่งสมาธิไม่ค่อยนานค่ะ อาจจะเพราะ เสียงดัง รบกวนเยอะ

    - อย่าไปสนใจเลยครับ เป็นแค่อาการอย่างหนึ่ง ตามอารมณ์ไปเรื่อยๆ

    ไม่รู้ว่าที่ปฏิบัติมาถูกทางหรือยังคะ รบกวนผู้รู้ช่วยแนะนำและให้กำลังใจหน่อยค่ะ

    ก็ดีแล้วน่ะ เอาสมถกรรมฐาน หรือ อาณาปาณสติ ให้แน่นๆ จะต่อด้วยอะไรว่ากันทีหลัง
     
  6. witt

    witt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +551

    เดาเดาว่าอดีตชาติคงเกิดเป็นพญานาคน่ะ จิงจิง คงไม่มีอะไรหรอกครับ ตั้งอารมณ์ตั้งให้เป็นกลาง ปราถณา ว่าปฎิบัติเพื่อนิพพานอย่างเดียว ความกลัวมันเป็นนิวรณ์อย่าหนึ่ง อย่าไปกลัว ถ้ายังเป็นอีก อนิษฐานจิตเลยว่าถ้าจะสละชิพเป็นพุทธบูชา ตายเป็นตาย ให้ตายก็ตายในสมาธินี้แหละ

    ถ้าเจอหน้าเขาแล้วยังกลัวอีก แสดงว่า คงจะติดอดีต มากเกินไป ตอนนี้เป็นคนเหมือนกันเขาเป็นคนเราก็เป็นคน ไม่มีอะไรต้องกลัว ทำมาได้ขนาดนี้ถือว่าดีแล้วครับ ตั้งใจต่อไปครับ รักษาอารมณ์ให้เป็นกลางและอย่ากลัว สู้ตาย อย่างเดียวโชคดีครับ
     
  7. R2D2

    R2D2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +133
    อืมม

    วิเคราะห์ดูคร่าวๆ คุณน่าจะถึงระดับ อุปจาระสมาธิ แล้วครับ ก็ต้องถือว่ามาถูกทางแล้ว อาการที่เกิดขึ้นเป็น ปีติ ครับ เป็นปกติที่ต้องเจอ แต่ละคนจะแตกต่างกัน

    ทีนี้ก็ต้องมาพิจารณาดูต่อว่าคุณต้องการเจริญ สมถภาวนา เพื่อให้ได้ ฌาณ4 หรือว่าต้องการ วิปัสนา เพื่อให้เกิดปัญญา เพราะวิธีการจะแตกต่างกันครับ

    ถ้าปฏิบัติ สมถกรรมฐาน (อาณาปานสติ) จนได้ฌาณ4 ก็จะทำให้จิตมีกำลังดี เมื่อเจริญวิปัสนาต่อจะได้ผลเร็ว หรือเป็นฐานในการฝึกกสินกองอื่นๆ เพื่อจะได้อภิญญา (เช่น ตาทิพย์ หูทิพย์ อ่านใจคน ฯลฯ) ก็ได้ครับ ลองคุยกับผู้ฝึกมโนมยิทธิในบอร์ดนี้ก็ได้ครับ ผู้เก่งๆมีหลายคน

    ถ้าไม่สนใจเรื่องอิทธิฤทธิ์ ก็มุ่งเน้นไปทางวิปัสนาเลยก็ได้ครับ ก็อาจฝึกตาม มหาสติปัฏฐาน4 ลองอ่านหนังสือคุณดังตฤน ก็ได้ครับที่ www.dungtrin.com
     
  8. พฤติจิต

    พฤติจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +230
    โมทนาครับผม
    ผมเห็นด้วยกับคุณR2D2 ครับผม
    อุปจารสมาธิ เป็นสมาธิที่ใกล้จะเข้าระดับฌาน มีอารมณ์ตั้งมั่นอยู่ได้นานเกินกว่าสมาธิก่อน มีลมหายใจค่อยละเอียดลง คือ มีอาการหายใจเบามาก มีความชุ่มชื่นในใจอย่างที่จะกล่าวได้ยาก มีความอิ่มเอิบชุ่มชื่นเบิกบาน มีอารมณ์สมาธิตั้งอยู่ได้นานพอสมควร มีการเห็นภาพแปลกๆ มีแสงสว่างปรากฏ มีอารมณ์เยือกเย็น
    ข้อที่ควรสนใจที่ถึงระดับนี้ก็คือ อย่ามัวหลงไหลในภาพที่เห็น เมื่อเห็นแล้วปล่อยเลยไป ตั้งใจรักษาอารมณ?สมาธิไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะรักษาได้ หากไปหลงภาพและแสงสีแล้ว ต่อไปอารมณ์จะซ่าน สมาธิจะเสื่อมจะไม่ถึงดี
    สมาธิระดับนี้มีอานิสงส์ในปัจจุบัน คือ มีจิตอิ่มเอิบเบิกบาน หน้าตาชุ่มชื่นตลอดวัน มีความอดกลั้นต่ออารมณ์ที่เข้ามายั่วเย้าได้ดีมาก มีเมตตาปราณีเกิดขึ้นแก่ใจอย่างคาดไม่ถึง รักศีลมากกว่าการห่วงใยอารมณ์ภายนอก เกิดลาภสักการะขนาดใหญ่เสมอๆ ผลงานจะเกิดแก่ผู้ปฏิบัติอย่างคาดไม่ถึงมาก่อน เมื่อละอัตภาพแล้ว ท่านว่าอานิสงส์สมาธินี้ส่งผลให้เกิดชั้นยามา
     
  9. mirinda

    mirinda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +91
    สาธุ ขออนุโมทนาจิต ค่ะ ขอผลบุญที่ได้เข้ามาอ่าน web นี้ ส่งผลให้ข้าพเจ้านั่งแล้วเห็นอะไร ๆ อย่างคนอื่นเขาด้วยเถอะ
     
  10. นักรบ#นักรัก

    นักรบ#นักรัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +108
    ดีดี แล้วจ้า ทำต่อไป เอาใจช่วย นะจ๊ะ

    ทางที่ดีขอแนะนำ ให้สมาทานพระกรรมฐานก่อนนะงับ

    แล้วก่อนสมาทานอย่าลืม ขอขมาพระรัตนตรัยด้วยล่ะ ...

    สู้ๆ ทาเคชิ สู้ๆ
     
  11. ดาวหางสีเงิน

    ดาวหางสีเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +795
    เหมือนผมเลยอะครับ เหมือนมือมันหายไป ตอนแรกนึกว่าเหน็บกินครับ เลยแอบกระดิกนิ้วนิดนึง
    พอรู้ว่าไม่ได้เหน็บกินก็รีบกลับมาตั้งจิตกำหนดลมหายใจใหม่ แล้วขนมันก็พองเลยอะครับ ...^^'

    ทาเคชิสู้ๆคับ ฮิๆ คุณนักรบนักรักครับ
    สมาทานพระกรรมฐานและขอขมาพระรัตนตรัยอย่างไรครับ
    (ถามเผื่อไว้ก่อนครับ เดี๋ยวจะไปหาดูก่อนอยู่แล้ว แต่กลัวจะหาไม่เจอ ^^')
    ขอบคุณคับ
     
  12. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +3,212
    แก้ไขต้องไปหาผู้ชำนาญ เรื่องสมาธิพูดตรงๆอาจทำให้บ้าได้ ผมเองยังต้องไปถามเพื่อนผมที่เป็นนักจิตวิทยาเลย เพื่อกันไว้ก่อน
     
  13. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    นั่งสมาธิต้องไม่คิดสิ่งใด ต้องรู้สึกตัวอยู่เสมอ นิ่งและเงียบไม่ตกใจกับเสียงใดใด นั้นคือสมาธิที่ถูกต้อง นอกเหนือจากนี้เป็นการปรุงแต่ง และไม่ใช่สมาธิ แต่เป็นการนั่งหลับบ้าง และอื่นๆ
     
  14. ณฐมณฑ์

    ณฐมณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2004
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,881
    ได้รับ PM จากคุณดารากรหลายวันแล้วค่ะ แต่เพิ่งได้ตอบไปเมื่อคืนนี้ ขออภัยที่ตอบช้านะคะ
    ขอ copy คำตอบใน PM มาตอบในนี้อีกทีนะคะ

    "คุณดารากรถามว่าอดีตชาติเคยฝึกกรรมฐานไหม
    ขอตอบว่าเคยฝึกมาอย่างแน่นอน และฝึกมานับชาติไม่ถ้วนแล้วค่ะ
    ขอให้มีกำลังใจที่ดีในการฝึกต่อไปนะคะ คุณมีของเก่าแน่นอน คุณฝึกเองก็ยังมาถึงขั้นนี้แล้วนะคะ เป็นบารมีเดิมที่ส่งมา

    อาการที่คุณดารากรเล่าว่าเมื่อเข้ากรรมฐานแล้วรู้สึกว่าร่างกายบางส่วนหายไปบ้าง พองใหญ่บ้าง
    นั่นเป็นอาการธรรมดาดังที่หลายท่านข้างต้นของกระทู้คุณดารากรตอบไว้นะคะ นั่นคืออาการ"ปิติ"ค่ะ

    การที่จะผ่านปิติที่สู่ฌานที่ละเอียดกว่าก็คือ ให้วางเฉย (หรืออุเบกขารมณ์) ปล่อยไปนะคะ
    คือ ไม่ต้องสนใจอาการที่เกิดขึ้น ทรงความปล่อยวางไว้ จิตละเอียดขึ้นๆๆ ดิ่งขึ้นเรื่อยๆ ปราณีตโดยรู้สึกได้
    แต่ที่สำคัญคือ อย่าคิด อย่าจับจ้องสังเกตอาการทางกาย ปล่อยไปอย่างเดียวนะคะ เดี๋ยวลมหายใจก็ละเอียดจนคล้ายหมดเองไปค่ะ

    นั่นคือฌานสี่ (คุณปฏิบัติใกล้จะถึงผ่านฌานสี่แล้วนะคะ)

    เมื่อถึงฌานสี่ ก็พิจารณาร่างกายทั้งภายนอก ภายในถึงความไม่น่าดู ไม่น่ายึดถือเป็นไว้ ดูความเสื่อมไป ดูไปเรื่อยๆ จะผุดรู้เป็นปัญญาในธรรมที่แนบแน่นกว่าการคิดด้วยสมองค่ะ อย่างนี้เป็นวิปัสสนาฯ ค่ะ

    ขอเป็นกำลังใจ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นนะคะ
     
  15. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573
    มาไกลแล้ว นะ

    จะเข้าฌาน4 แหล่มิแหล่แล้ว ฤา
     

แชร์หน้านี้

Loading...