เป็นไปได้ไหม ว่า นิพพาน ก็ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดแห่งการดับทุกข์

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย วรกันต์, 14 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ไม่ได้ให้ยึด ถ้ายังมีการยึดถือ ก็ยังไม่ใช่
    แต่เพราะปล่อยวางความยึดถือต่างหาก จึงพบตน เห็นตน
    ว่าตนไม่ใช่ขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตน ขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตัวตนของตน

    ดังพุทธอุทานที่ว่า
    ยทา จ อตฺตนา เวทิ มุนิ โมเนน พราหฺมโณ อถรูปา อรูปาจ สุขทุกฺขา ปมุญฺจติ ดังนี้
    แปลว่า
    เมื่อใดพราหมณ์ผู้มุนี ได้รู้จักตน พบตน ด้วยความเป็นผู้นิ่งสงบ
    หรือด้วยปัญญาอันเกิดแต่ความนิ่งสงบ
    เมื่อนั้นพราหมณ์นั้นย่อมพ้นจากรูปและอรูป จากสุขและทุกข์ได้ ดังนี้

    อ่านต่อที่นี่ค่ะ

    (smile)
     
  2. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    ถ้าคุณธรรมภูต แกไม่ได้ทะเลาะกับใคร
    ชีวิตแกคงห่อเหี่ยว เงียบเหงา ไม่สดชื่น

    จะกุศลธรรม อกุศลธรรม หรือ อัพยากตธรรม ก็อนัตตาทั้งนั้น
    สัพเพ ธัมมา อนัตตา
     
  3. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    นิพพานมีคับ ไม่ต้องเกิดอีก ไม่เต้มด้วย อยากรู้ส่งข้อความมาคุยกัน
     
  4. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ร่างกาย เหมือนเพื่อนตาย อยู่ใกล้ชิด
    พินิจอีก ก็เหมือน เรือนอาศัย
    จิตไม่มี รูปร่าง อย่างใดๆ
    สิงอยู่ใน กายยนต์ ปนชีวี

    ยังไม่ตาย กายนี้ ว่ามีจิต
    สิ้นชีวิต จิตหาย กายเป็นผี
    เหมือนเรือนร้าง ห่างหน คนไม่มี
    ย่อมเป็นที่ โรยรุด ทรุดโทรมไป

    เวลาเป็น เห็นแต่กาย ใจไม่เห็น
    ไม่เหมือนเช่น เรือนกาย ใช้อาศัย
    เรือนกายเห็น เจ้าของ ครองอยู่ใน
    แต่เรือนใจ เหมือนเจ้าของ ครองไม่มี

    แลด้วยตา ไม่เห็น เห็นด้วยใจ
    มาอาศัย อยู่ในกาย แล้วหน่ายหนี
    พูดว่าตาย ก็หมาย เอากายนี้
    สิ้นชีวี เน่าไป ใจไม่ตาย

    จิตไม่มี ร่างกาย ว่าตายไป
    เอาอะไร มาชี้ เป็นที่หมาย
    กายเกิด กายตาย หมายเห็นง่าย
    เพราะกายเป็น รูปัง สังขารา

    เป็นธาตุเกื้อ เนื้อหนัง ไม่ยั่งยืน
    ใครจะฝืน ก็ไม่ สมปรารถนา
    เกิดแล้วแก่ เจ็บตาย วายชีวา
    ธรรมดา อย่างนี้ มีทุกคน

    มันแปรแปลก แตกสลาย ไม่ใช่ตัว
    ไปพันพัว ยึดไว้ ไม่ได้ผล
    เป็นอนันต์ ไม่ใช่อัต ตาตัวตน
    เฝ้าดิ้นรน เดือดร้อน ทำไมกัน

    เกิดตาย สำหรับกาย ซึ่งเรียกร้อง
    ว่าเป็นของ ไม่แน่ ย่อมแปรผัน
    อุปาทาน หัวดื้อ ยึดถือมั่น
    เบญจขันธ์ คือเรา เอาเป็นตน

    จึงหลงกล ว่าตน แก่เจ็บตาย
    งมงาย ฝ่ายตัณหา พาเสือกสน
    เป็นวิสัย ใจชั้น สามัญชน
    ย่อมมืดมน ทึบทับ อับปัญญา

    อันตัวเรา คือจิต บริสุทธิ์
    เป็นวิมุตติ หลุดพราก จากตัณหา
    ไม่ยึดถือ ขันธ์ ๕ เป็นอัตตา
    สิ้นชรา ตายเกิด กำเนิดวาย

    จิตพ้นโลก พ้นโอฆ สงสาร
    เรียกนิพพาน หรือวิมุตติ ที่สุดหมาย
    หมดทุกข์ หมดภัย ไกลอันตราย
    สุขสบาย เป็นนิจ นิรันดร์เอยฯ
    ...... ------เปมงฺกโร ภิกขุ-------

    .......(smile) อ่านต่อที่นี่ค่ะ
     
  5. dhammashare

    dhammashare เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +189
    เรื่องนิพพานนี่ นอกเหนือไปจากความคิด
    คือไปใช้ความคิดเอาไม่ได้
    ส่วนเรื่องเห็นพระพุทธเจ้านั้น ที่จริงแล้ว
    ขอตอบแบบเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆว่า

    สมมุติคุณได้อัด วีดีโอส่วนตัวเอาไว้
    คนที่มีเครื่องมือเปิด และรู้วิธี ก็สามารถมาเปิดได้
    แต่วีดีโอที่ว่านี้ ไม่ได้เป็นม้วนเทป หรือแผ่น CD DVD
    แต่เป็นอำนาจของจิตที่มีกำลังสูง
    ของพระพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์ ยังมีอิทธิฤทธิ์ มีบารมี

    ครูบาอาจารย์บางท่านเรียกว่า "พุทธนิมิต"

    ที่เราเรียกกันทุกๆ วัน ว่า พระรัตนไตร
    คำว่า รัตนะ ก็หมายถึง แก้ว
    ตรงนี้ขอให้ท่านไปพิจารณากันดีๆ เถิดว่า เพราะเหตุใด

    ส่วนสภาวะของนิพพานนั้น ถ้าว่ากันตามตำรา มีลักษณะ 3 คือ

    1. อนิมิตนิพพาน หมายถึงนิพพานนั้นไม่มีนิมิตไม่มีเครื่องหมาย ไม่มีรูปร่าง
    2. อัปปณิหิตนิพพาน หมายถึง นิพพานนั้น ไม่มีอารมณ์เป็นที่น่าปรารถนา
    3. สุญญตนิพพาน หมายถึง นิพพานนั้นสูญสิ้นจากกิเลสและอุปาทาน และ ขันธ์ ๕
     
  6. dhammashare

    dhammashare เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +189
    จะใช้มโนมยิทธิ-พุทธนิมิต
    จะใช้สุญญตวิหาร

    ก็เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งนั้น

    ธรรมใดๆ ล้วนเกิดขึ้นจากจิต
    เมื่อเกิดแล้วย่อมดับไป เป็นเช่นนั้นเอง
     
  7. dhammashare

    dhammashare เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +189
    วิมุติ คือหลุดพ้น ไม่มีเกิด ไม่มีดับ ไม่ได้อยู่ในวัฏฏะ
    หาอะไรเปรียบไม่ได้
     
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณจินครับ คุณเป็นคนเก้อยากยิ่งกว่าที่คิด
    ผมพูดไว้ผิดซะที่ไหนหละ
    คุณชอบกล่าวร้ายคนอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับคุณว่า
     
  9. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณเกสท์ คุณพูดผิดพูดใหม่ได้ครับ ผมอภัยให้ได้
    เพราะคุณมีอคิตในการพูดคุยจึงมีความคิดว่า
    การตอบโต้ชี้แจงให้กระจ่างเมื่อโดนพาดพิงกล่าวร้ายเป็นการชวนทะเลาะ

    คุณเองถึงได้มีอาการขอโทษขอโพยเมื่อเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีเกิดขึ้น
    เพราะอคติที่เกิดขึ้นที่จิตเป็นตัวนำ ไม่ใช่เพื่อหาสัจจธรรม
    ถ้าเพื่อสัจจธรรมแล้วจิตไม่ตกครับ...

    ผมตอบของผมดีๆไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อหรือไม่เชื่อและคุยถามคนอื่นอยู่
    ก็โดนพาดพิงกล่าวร้าย จะให้ผมกล่าวขอบคุณเค้าโดยไม่ต้องชี้แจงเลยใช่มั้ยครับ???

    ผมชี้แจงอะไรผมมีพุทธพจน์รองรับที่มาที่ไปโดยไม่กล่าวลอยๆ
    โดยหารูปประโยคไม่ได้ครับ

    ที่คุณยกมานั้นหนะ มันคนละเรื่องครับ ในบทคุณยกมานี้
    จะกุศลธรรม อกุศลธรรม หรือ อัพยากตธรรม เป็นสิ่งที่(ธรรม)อยู่ในโลก
    ล้วน
     
  10. dhammashare

    dhammashare เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +189
    อัตตาไม่ได้สุญญตา
     
  11. dhammashare

    dhammashare เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +189
    กาย ตาย
    จิต นิพพาน
    ว่าง ว่าง
     
  12. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
     
  13. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    เห็นด้วยครับ กับ คคห.นี้ครับ
    เรื่องนิมิตนั้น โดยมากครูบาอาจารย์แต่เก่าก่อนแต่ละท่าน
    ล้วนมีอุบายแตกต่างกันออกไป ในการนำจิตให้มาใฝ่ในทางกุศล
    รู้จักใช้อุบายเพื่อผูกจิตให้ติดในกุศล
    เมื่อฝึกฝนจิตจนมีกำลังมากขึ้นๆ
    ท่านก็จะแนะอุบายเพื่อนำจิตให้ไปในภูมิธรรมที่สูงขึ้นครับ

    แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปมากแล้วครับ
    ใช้วิธีการโจมตีกันโดยแอบอิงแอบอ้างจากครูบาอาจารย์แต่เก่าก่อนที่มีคนยกย่อง
    หรือพระไตรปิฎกในส่วนที่มีการเพิ่มเติมเสริมแต่งในภายหลัง มาโจมตีกัน

    ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้ว ครูบาอาจารย์แต่เก่าก่อนทั้งหลาย
    ท่านเหล่านั้นไม่เคยสั่งสอนหรืออบรมให้ลูกศิษย์ลูกหา
    ไปมองหาสิ่งภายนอกเลย เพื่อไม่ให้จิตเกิดอกุศลธรรม
    หรือเอาเวลาไปดูคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์ครูบาอาจารย์ของใครต่อใคร
    ว่าสั่งสอนผิดจากที่ตนเองเชื่อและศรัทธา
    โดยไม่รู้จักเอาเวลามาพิจารณาอบรมฝึกฝนสั่งสอนจิตตนเองให้อยู่ในร่องในรอย

    แต่ครูบาอาจารย์รุ่นใหม่กลับสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาว่า
    อย่าไปควบคุมบังคับบัญชาจิตเลยเพราะเป็นสิ่งที่ควบคุมบังคับบัญชาไม่ได้
    จิตมันจะเกิดอะไรปล่อยให้มันเกิดอย่าไปควบคุม บังคับบัญชาหรือแทรกแซงมัน
    ปล่อยมันให้รู้ก็พอ เดี๋ยวมันดับเอง

    ผมถึงไม่แปลกใจว่าทำไม ทำไม ทำไมและก็ทำไม????
    เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มาเรียนรู้พุทธศาสนานั้นถึงได้มีจิตใจที่ตกต่ำได้ขนาดนี้
    ชอบเที่ยวดูถูกเหยียบย่ำครูบาอาจารย์ของสำนักต่างๆว่า มิจฉาทิฐิบ้างหละ
    ไม่เป็นธรรมบ้างหละ สอนเรื่อยเปื่อยบ้างหละ
    สอนชั้นต่ำเพียงสมถะยานิกบ้างหละฯลฯและอีกมากมาย
    โดยที่ไม่เคยมีพุทธพจน์มารองรับ
    เอาเพียงปิฎกที่ถูกเพิ่มเติมเสริมแต่งในภายหลังมาใช้เท่านั้น
    พร้อมกับพยายามยกย่องอรรถกถาจารย์เหล่านั้นให้สูงส่งกว่าพระบรมครูเสียอีก
    (พวกศิษย์คิดล้างครู)
    โดยไม่ยอมรับรู้พุทธพจน์ที่มีคนนำมาเทียบเคียงเพื่อให้เห็นถึงความขัดแย้งกัน

    ในฐานะพุทธบุตรที่ดีเราความจะน้อมนำด้วยเหตุและผล
    ถ้ามีเหตุผล ดี มีประโยชน์ผู้รู้ไม่ติเตียนควรเชื่อ(กาลามสูตร)
    แต่กลับดันทุรังบอกว่าอย่าพิจารณาพระสูตรและตำรา
    โอ้ว!!! นี่แหล่ะเยาวชนคนพุทธศาสนารุ่นใหม่

    ;aa24
     
  14. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ธรรมทั้งหลายล้วนเกิดแต่เหตุ(จิตส่งออก)
    ย่อมดับเพราะสิ้นเหตุ(จิตอยู่ที่ฐานที่ตั้งสติ)แห่งธรรมนั้น

    เมื่อราคะ โทสะ โมหะเกิดขึ้นที่จิตก็รู้ชัด เมื่อดับไปจากจิตก็รู้ชัด(ในมหาสติปัฏฐานสูตร)

    ;aa24
     
  15. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    วิมุตติ จิตหลุดพ้นจากอุปกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย(อนัตตลักขณสูตร)<O:p</O:p
    ไม่มีเกิด ไม่มีดับ ไม่ได้อยู่ในวัฏฏะ หาอะไรเปรียบไม่ได้(จิตบริสุทธิ์หลุดพ้น)

    ;aa24
     
  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    สูญญตวิหาร ว่างจากตน ของตน

    ;aa24<O:p</O:p
     
  17. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ปราชญ์นิรนาม

    นิพพานนั้น ไม่ใช่จิต
    แต่ก็ไม่ใช่อื่น ไปจากจิต

    ถ้านิพพานเป็นจิตแล้ว
    ทำไมจึงต้องเจริญอริยมรรค-อริยผล

    ถ้านิพพานเป็นอื่นไปจากจิตแล้ว
    อริยมรรค-อริยผลจะทำอะไรได้ ในการชำระจิต
    ;aa24
     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณจินคุณนี่เป็นคนแบบไหนกันแน่ คุณกล่าวหาว่าร้ายคนอื่นจนเป็นธรรมประจำใจ
    ใครที่มีธรรมภาคปฏิบัติที่แตกต่างจากไปความเชื่อความศรัทธาของตัวคุณแล้ว
    คุณว่าผิดเสมอๆ

    โดยที่ไม่เคยตอบคำถามที่คนอื่นเค้าถามไปบ้างเลย
    มีแต่คำว่า
     
  19. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ก็มันไม่ถูกนี่ครับ เพราะคุณตั้งเป้าหมายผิด มันไม่ได้เป็นสติฐานเลย ที่คุณทำมันเป็นวิหารธรรม แบบหินทับหญ้า

    ถามตัวเองให้ดี ที่ทำน่ะได้อะไร แล้วมันใช่สุขที่ทำให้เพียงพอไหม มันถึงสุขที่ทำให้ชาติภพดับไหม



    อย่าหลอกตัวเอง บอกได้แค่นี้ ไปล่ะ ^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2009
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณจิน คุณนี่เป็นนักดูจิตประเภทที่ขาดเหตุผลเอามากๆ
    ติดแต่ความคิดของตนเองเป็นที่ตั้ง เป็นสรณะ

    ที่ผมพูดไม่ใช่สติปัฏฐานได้ยังไง???
    ในเมื่อที่ผมสมาทานน้อมนำมาปฏิบัติตามนั้น
    มีพุทธพจน์ในมหาสติปัฏฐานสูตรกล่าวไว้ว่า

    พิจารณากายในกายเป็นไฉน? คุณไปเปิดอ่านดูเสียบ้าง
    ไม่ใช่เชื่อแบบตามๆกันมา โดยไม่เคยน้อมนำมาสมาทานดูเลย
    เชื่อโดยขาดเหตุผล เอาความเชื่อ ความศรัทธาตนเองเป็นที่ตั้งเท่านั้น

    วิหารธรรมแบบหินทับหญ้า เป็นสมาธินอกพุทธศาสดา
    ไม่ใช่สัมมาสมาธิในอริยมรรคมีองค์๘ อย่ามั่วครับ
    เป็นการกล่าวร้ายลบหลู่พุทธพจน์ครับ คุณลบหลู่เป็นประจำอยู่แล้ว
    โดยไม่เกรงกลัวต่อบาป ปิดหนทางตนเองสู่อริยมรรค

    คุณอย่าหลอกตัวเองอยู่ต่อไปอีกเลย
    ดูจิตโดยไม่เคยสามารถแยกจิตออกจากกาย มันก็ติดความคิดอยู่ร่ำไป
    ต่อเมื่อฝึกฝนอบรมสัมมาสมาธิตามพระองค์ จนกระทั่งดูจิตแยกออกจากกายได้
    เกิดความสงบและความสงสัยใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก็หมดไป


    ;aa24
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...