รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xorce, 26 พฤศจิกายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ choosake ครับ

    จะสังเกตและดูได้อย่างไรว่า สิ่งที่เห็นหรือได้ยิน นั้นคืออุปทาน ที่คิดขึ้นเองหรือเปล่า
    เช่น

    วิธีการคือ ให้วางอุเบกขา อย่าพึ่งเชื่ออย่าพึ่งปฏิเสธไปก่อน
    เสร็จแล้วให้เรา ขอบารมีพระจากนั้นลองพินิจพิจารณา ดูให้ละเอียดถี่ถ้วน
    ว่าสิ่งที่ได้ยินดูจะเป็นไปได้ไหม แล้วสิ่งที่เขาเรียกร้องคืออะไร
    ถ้าเขาต้องการบุญ เราก็ทำบุญอุทิศไปให้ หรือแผ่เมตตาไปให้ แบบนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร
    เพราะไม่ยาก ถึงเราจะคิดไปเอง แต่บุญเราก็ได้กลับคืนอยู่ดี
    แต่ถ้าเขาเรียกร้องอะไรแปลกๆ ก็อย่าพึ่งไปเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
    ต้องดูว่าเขาติดต่อเราแล้วทำให้เราเกาะกุศล เกาะความดีมากขึ้นไหม
    ถ้าเป็นแบบนี้ก็มีประโยชน์ครับ ควรจะเชื่อ
    แต่ถ้าเขาติดต่อเราแล้ว ทำให้เราเกาะกิเลส เกาะความเลวมากกว่าเดิม
    ถ้าแบบนี้ควรแผ่เมตตาให้เขา แล้วเลิกติดต่อไปเลยครับ

    อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงในใจ เป็นเสียงให้ช่วย เราก็ ถามและโต้ตอบ กันไปเรื่อย ๆ แต่นั้นคือ อุปทาน ตอบกันเองของเราหรือเปล่า

    ไม่เสมอไปครับ เป็นได้มากกว่าอุปาทาน
    1.อาจจะเป็นมีผู้ที่มาขอให้เราช่วยจริงๆ ถ้าเขาขออะไรไม่มาก ทำได้ก็ทำไปครับ
    2.อาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวร มาหลอกเราเล่น ในกรณีนี้จะเรียกร้องอะไรเว่อๆ และจะทำให้เราทะเลาะกับคนอื่น หรือเลือกตัดสินใจผิด
    3.เป็นเทวดา ได้ เป็นพรหมได้ เป็นพระก็ได้ ท่านมาลองใจเราเล่น
    4.เป็นอุปาทาน หรือกิเลสมันหลอกเราเล่น ในกรณีนี้คือ จะคุยกันแล้วไม่เกิดประโยชน์ทางบุญ ทางกุศลเลย มีแต่คุยแล้วทำให้เสียเวลา และทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง

    ก่อนจะติดต่อกับใครก็ตาม ให้ขอบารมีพระคุ้มครองเราก่อนทุกครั้งครับ เพื่อความชัวร์และปลอดภัยแก่ตัวเราเองครับ

    ขอมีความแจ่มใส ในมโนมยิทธิกันทุกๆคนนะครับ
    <!-- / message -->
     
  2. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ chattrg ครับ

    เวลา นั่งสมาธิ และ ตามจิต
    กำหนด ยุบหนอ พองหนอ
    บางวัน นั่งได้นาน และดิ่ง ครับ
    แต่ บางวัน นั่งไม่นาน ตามจิตไม่ทัน
    ต้อง ออกมาตามลมหายใจใหม่ เลย ไม่ต่อเนื่อง

    จะแก้ไขยังไงครับ

    เดี้ยวขออธิบายระดับสมาธิก่อนนะครับ
    ถ้ากำหนดยุหนอ พองหนอ จับลมหายใจที่บริเวณท้อง หายใจเข้า พองหนอ หายใจออก ยุบหนอ

    ถ้าจับแบบนี้ระดับสมาธิจะไล่แบบนี้ครับ
    1.จับลมหายใจ ควบยุบหนอ พองหนอ
    2.จิตจะรู้สึกว่าไม่อยากจะภาวนาแล้ว จะทิ้งยุบหนอ พองหนอ แล้วเหลือแค่ลมหายใจ
    3.ลมหายใจจะค่อยๆช้าลง ค่อยๆสั้นลง นุ่มเนียน ไหลลื่นมาก
    4.ลมหายใจจะหยุดนิ่ง ไม่หายใจ อาการกระเพื่อมที่ท้องเองก็จะหายไปด้วย จะหายใจเบามากๆ จนเหมือนไม่หายใจไปเลย

    ดูแล้วคล้ายยังวางอารมณ์หนักไปครับ ให้เราทำใจให้สบายกว่านี้
    และเปลี่ยนแนวคิดใหม่ว่า เราฝึกสมาธิให้ใจสบายครับ เน้นให้ใจสบาย พอใจสบายแล้วมันจะสงบเอง
    บางครั้งเราอยากให้สงบมากเกินไป ใจมันก็ไม่สบาย เลยไม่ต้องสงบกัน

    วิธีแก้อีกอย่างก็คือ ก่อนจะเริ่มทำสมาธิ จับลมหายใจ
    ให้เราหายใจเข้าลึกๆ แรงๆ ภาวานาพุทโธ ธัมโม สังโฆๆๆซ้ำไปซ้ำมา กลั้นเอาไว้10วินาที หายใจออก ทำซ้ำ10ครั้งครับ
    แล้วจะจับลมหายใจได้สะดวกขึ้น จิตจะเป็นสมาธิเร็วกว่าปกติครับ

    ขอให้เข้าถึงความสงบตามที่ปรารถนานะครับ
    <!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2009
  3. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ แว๊ด ครับ

    คือว่า เป็นคนขี้เกียจ ชอบนอน บริกรรมพองยุบ หลับหรือเปล่าไม่รู้ แต่มันได้ยินเสียงอยู่ตลอด
    อันนี้เกิดจากจิตมันตื่น มันรู้ มันเบิกบานอยู่ตลอดครับ คือมีสติตลอดครับ ดีแล้วครับ ทำต่อไปครับ
    อันนี้ไม่เท่าไหร่ ตอนนอน ๆ บริกรรมอยู่นั้น รู้สึกอะไรวิ่งมาทางด้านหลังศรีษะ จากนั้นเลยบังคับให้มันวิ่งผ่านศรีษะ ออกมาทางระหว่างคิ้ว สรุปว่า

    รู้สึกว่าหน้าตัวเอง ออกมาจากระหว่างคิ้ว กับที่เคยบอกกับ คุณ Xorce ว่าได้ยินเสียงทางกระโหลก จากนั้นก็ไม่ได้ยินอีกน่ะค่ะ แต่จะได้ยินเสียงเหมือนอยู่ปลาย ๆ หู บ่อย ๆ
    มันจะเหมือนเป็นคลื่นหรือพลังงานไหลจากด้านหลังกระโหลก ออกมาทางคิ้ว
    แบบนี้เป็นเทคนิคการถอดจิตครับ เป็นแบบที่สมเด็จโตท่านสอนในหนังสือท่าน ลองหามาอ่านดูครับ

    อีกหน่อยค่ะ คือว่าวันนี้ก็นอนบริกรรมเหมือนเดิม แต่ว่า ขณะที่นอนอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงปกติ แต่พอมีใครเปิดปิดประตู หรือทำอะไรที่มันชัดเจน ไม่ถึงกับต้องเสียงดังมาก ข้างในมันกระเพื่อมน่ะค่ะ อย่างใครพูดใกล้ ๆ มันไปรู้สึกว่ามีคลื่นมากระทบแล้วข้างในมันก็สั่นกระเพื่อมนะคะ อธิบายยาก อธิบายไม่ค่อยจะถูกค่ะ
    อันนี้อธิบายยากเหมือนกัน เอาเป็นว่าจิตละเอียดขึ้นแล้วกันครับ ภาวนาต่อไปครับ

    กับเคยนอน ๆ อยู่เหมือนเดิม(ชอบเป็นตอนนอนเล่น) รู้สึกที่ลิ้นปี่มันหมุน หมุนเป็นวงกลมเลยนะคะ แต่แป๊บเดียวไม่นาน พอสนใจก็ปกติ แต่หลายวันมานี้ที่ลิ้นปี่กระเพื่อมอยู่เรื่อย ๆ แล้วไล่ไปตามร่างกายเบา ๆ ไม่ทราบคุณ Xorce เข้าใจหรือเปล่านะคะ อธิบายไม่ค่อยถูก

    อันนี้เป็นการเปิดจักระด้วยบารมีพระครับ จักระจะมี7อันครับ
    1.จะมีตรงกระหม่อมเหนือศรีษะ น่าจะเคยเปิดแล้ว
    2.ตรงกลางสมอง ขนานกับระหว่างคิ้ว น่าจะเปิดแล้วเหมือนกัน พักนี้รู้อะไรล่วงหน้าหรือsense ดีขึ้นไหมครับ
    3.จักรตรงกลางลำคอ
    4.จักที่หัวใจ ที่ลิ้นปี่ น่าจะเปิดแล้ว พอเปิดมันจะหมุนๆครับ
    5.จักรที่กลางท้อง
    6.จักรที่ตรงบริเวณก้นกบ ตรงไต
    7.จักรที่กลางท้องน้อยครับ จักรเพศ

    วิธีการเปิดจักระด้วยบารมีพระนะครับ ขออนุญาติสอนเลยละกัน

    ให้เราจินตนาการว่ามีภาพพระพุทธรูปอยู่เหนือศรีษะของเรา ใครได้มโนมยิทธิก็ขอพลังตรงจากพระนิพพานเลย
    แล้วจินตนาการว่ามีแสงสีขาวจากพระพุทธรูป ส่องตรงมายังร่างกายของเรา
    แล้วก็ไหลผ่านลงมาตามจุดทั้ง7ที่กล่าวข้างต้น

    จินตนาการให้เห็นว่ามีลูกแก้วเป็นเพชร อยู่ตามจุดทั้งเจ็ด แล้วก็ให้เห็นว่าลูกแก้วแต่ละลูก คล้ายเปิดออก แผ่ออก หรือหมุนปั่น

    พอทำเสร็จแล้ว ให้เราลองเอามืออัง เหนือศรีษะดูจะรู้สึกร้อนๆ แปลว่าเปิดแล้วครับ
    สำคัญว่าเป็นพลังจากพระ ที่เปิดให้เราครับ

    เสร็จแล้วเราจะมี ร่างกายที่แข็งแรงขึ้น เพราะจักระมันจะคุมระดับของฮอโมนในร่างกายครับ รวมถึงมีสมาธิที่ดีขึ้นด้วย นิดนึง


    ใครได้ผลเป็นยังไง ก็มาบอกกันบ้างนะครับ แต่อย่าไปยึดมากครับ คิดซะว่าเป็นของเล่นก็แล้วกันครับ
    ของที่สำคัญกว่าคือมรรคผล นิพพานครับ แต่การมีร่างกายที่แข็งแรงไว้ปฏิบัติธรรมก็สำคัญเหมือนกันในระดับหนึ่ง ลองทำดูครับ ไม่ยากครับ

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2009
  4. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    ถึงคุณ แว๊ด ครับ

    มันจะเหมือนเป็นคลื่นหรือพลังงานไหลจากด้านหลังกระโหลก ออกมาทางคิ้ว
    แบบนี้เป็นเทคนิคการถอดจิตครับ เป็นแบบที่สมเด็จโตท่านสอนในหนังสือท่าน ลองหามาอ่านดูครับ

    อ่านตรงนี้แล้วตาโตเลยค่ะ เพราะเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งขณะนั่งสมาธิอยู่ เห็นสมเด็จโตท่านน่ะค่ะ นั่งซ้อนตัวดิฉันเลย จะหาหนังสือของท่านมาอ่านนะคะ


    กับเคยนอน ๆ อยู่เหมือนเดิม(ชอบเป็นตอนนอนเล่น) รู้สึกที่ลิ้นปี่มันหมุน หมุนเป็นวงกลมเลยนะคะ แต่แป๊บเดียวไม่นาน พอสนใจก็ปกติ แต่หลายวันมานี้ที่ลิ้นปี่กระเพื่อมอยู่เรื่อย ๆ แล้วไล่ไปตามร่างกายเบา ๆ ไม่ทราบคุณ Xorce เข้าใจหรือเปล่านะคะ อธิบายไม่ค่อยถูก

    อันนี้เป็นการเปิดจักระด้วยบารมีพระครับ จักระจะมี7อันครับ
    1.จะมีตรงกระหม่อมเหนือศรีษะ น่าจะเคยเปิดแล้ว (มีลมออกที่กระหม่อมน่ะค่ะ ออกทางหู ทางตา คือรู้สึกว่ามีลมขึ้นมากระทบคอ จมูก ออกหู ตา แล้วก็ขึ้นไปที่กระหม่อมน่ะค่ะ แต่ไม่ทราบว่าเปิดหรือยัง)
    2.ตรงกลางสมอง ขนานกับระหว่างคิ้ว น่าจะเปิดแล้วเหมือนกัน พักนี้รู้อะไรล่วงหน้าหรือsense ดีขึ้นไหมครับ (รู้อะไรล่วงหน้าหรอคะ จะรู้เป็นพัก ๆ คืออย่างไรดี มันจะผุดขึ้นมาเอง อย่างนึกถึงใคร จิตเขาจะบอกเลย แล้วก็ไม่พลาดน่ะค่ะ แต่ไม่ได้รู้อยู่ตลอดเวลานะคะ บางครั้งอยู่หน้าคอมฯ อ่าน ๆ อยู่อย่างนี้ จะรู้สึกว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร ฯลฯ คือไม่ได้อยากรู้ แต่มันรู้เองน่ะค่ะ) มีอีกแต่อธิบายไม่ค่อยถูกค่ะ

    วิธีการเปิดจักระด้วยบารมีพระนะครับ ขออนุญาติสอนเลยละกัน

    ให้เราจินตนาการว่ามีภาพพระพุทธรูปอยู่เหนือศรีษะของเรา ใครได้มโนมยิทธิก็ขอพลังตรงจากพระนิพพานเลย (เคยจินตนาการเองตอนเดินตอนกลางคืน แล้วนึกกลัวผีขึ้นมา เลยอาราธนาให้มีพระพุทธรูปอยู่บนศรีษะ จากนั้นก็ได้กลิ่นดอกบัวเกือบจะทันที หอมมากค่ะ หอมจริง ๆ แต่พอทัก กลิ่นก็หายไปเลยค่ะ)

    ..................................................................

    วิธีการเปิดจักระด้วยบารมีพระ จะไว้นอนทำนะค่ะ แต่ปีที่แล้วไม่เคยไปหาหมอเลยทั้งปี แต่จะมีบ้างเป็นหวัดป๊อบแป๊บ ไข้ขึ้น ทานยาสามัญประจำบ้าน จากนั้นนั่งสมาธิ แล้วก็หายเองน่ะค่ะ

    ขอบคุณนะคะ คุณ Xorce ได้ความรู้เพิ่มเติมเยอะเลย


    <!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig -->
     
  5. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ให้ทุกๆคนลองดูครับ
    ให้นึกภาพพระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่
    เหนือศรีษะของเรา 1
    ใจกลางสมอง ระหว่างคิ้ว 1
    กลางอกอีก1
    และขอพระพุทธรูปมาครอบกายเราไว้เลยครับ อีก1
    ลองดูครับ
    แล้วเราจะปลอดภัยจากทุกอย่างครับ
     
  6. tanakorn6355

    tanakorn6355 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +22
    <CENTER>อยากถามผู้รู้ที่รู้เกี่ยวกับสมาธิหน่อยครับ

    </CENTER><HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->อยากถามผู้รู้ที่รู้เกี่ยวกับสมาธิหน่อยครับ
    1.ผมนั่งสมาธิแล้วเกิดอาการเหมือนตัวโยกเยกไปมา จะอยู่ในขั้นไหนใช่ขั้นอุปจารสมาธิ ใชไหมครับ อาการของปีติมีห้าอย่างคือ
    ๓.๑ มีการขนลุกขนชัน ท่านเรียกว่าขนพองสยองเกล้า
    ๓.๒ มีน้ำตาไหลจากตาโดยไม่มีอะไรไปทำให้ตาระคายเคือง
    ๓.๓ ร่างกายโยกโคลง คล้ายเรือกระทบคลื่น
    ๓.๔ ร่างกายลอยขึ้นเหนือพื้นที่นั่ง บางรายลอยไปได้ไกลๆ และลอยสูงมาก
    ๓.๕ อาการกายซู่ซ่า คล้ายร่างกายโปร่ง และใหญ่โตสูงขึ้นอย่างผิดปกติ

    แต่เรามีอย่างเดียวจะใช่ไหมครับ;aa14;aa13
     
  7. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ปีติ มักจะเกิดทีละอย่างครับ
    จะไม่เกิดพร้อมกันห้าอย่างครับ
    ทำดีแล้วครับ ทำต่อไปครับ
    แต่อย่าไปสนใจปีติครับ พยายาม ไม่สนใจมัน เดี้ยวมันก็ผ่านไปเองครับ
    แล้วได้ภาวนามาแบบไหนครับ ถึงได้เกิดปีติ เอามาเล่าให้ฟังด้วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2009
  8. lexation

    lexation Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +28
    ถามครับว่าช่วงนี้ทำสมาธิแล้วไม่ค่อยรู้สึกอะไร ปิติไม่มี พ้นจากอาการสุข แล้วมารู้เพียงอารมณ์ที่สงัดอย่างจืดๆ ตอนนี้รู้แต่อารมณ์เดียวเป็นอารมณ์อิ่มนิ่ง ทำไปสักพักก็คลายตัวถอยมาเป็นอารมณ์ปรกติ ไม่ทราบว่าควรจะปฎิบัติอย่างไรต่อไปครับ ขอคำแนะนำด้วยครับ
     
  9. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    อิ่มนิ่ง แล้วคำภาวนาเป็นไงบ้างครับยังอยู่ไหม
    แล้วลมหายใจเป็นไงบ้างครับ เบาละเอียด หรือว่าหายไปเลย

    ตอนที่ว่า จิตอยู่ที่ประมาณฌาณ3 ฌาณ4
    ตอนนี้ก็คือให้เราหันมาเจริญเมตตาด้วยสมาธิบ้าง

    คือให้เราเข้าอารมณ์ที่ว่านิ่งๆก่อน

    แล้วก็จินตนาการว่ามีอารมณ์ที่นิ่งๆเย็นๆ แบบเนี้ย แผ่ขยายออกไปยังผู้อื่น
    แผ่ออกไปยังดวงจิตอื่นๆ แผ่ออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ
    จนจิตของเราเกิดความสุข เอิบอิ่มยิ่งกว่าเดิม
    คราวนี้อยากที่จะจับอะไรก็ได้หมด

    จะฝึกกสิณก็ได้ จะฝึกอรูปก็ได้
    หรือจะตัดกิเลสเลยก็ได้แล้ว แต่จะเลือกครับ

    ติดต่อมาคุยmsn กันก็ได้ครับ
     
  10. lexation

    lexation Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +28
    เวลาที่อิ่มนิ่งแล้วคำภาวนาไม่มีครับ เรื่องลมหายใจถ้ากลับมาสนใจก็จะรู้ว่ามีแต่ละเอียดแต่จะเลือกไม่สนใจเพราะทำให้อารมณ์เคลื่อนลงต่ำครับ สุขจากที่รับรู้ก็เบาไปจนหายไปเป็นอารมณืที่จืดๆ ว่างๆ ในการทำสมาธิจะกำหนดอารมณืในเมตตาตลอดครับ ความรู้สึกจะรู้ทั้งสองอารมณ์คือร้ว่าแผ่แล้วเป็นสุขอิ่มจากเมตตา อีกอารมณ์ก็รู้ว่ามันว่างๆไม่มีอะไร แบ่งอารมณ์ได้เป็น2 ระดับรู้ทั้ง 2 อารมณ์ ในเวลาเดียวกันครับ ลองกำหนดอารมณ์ตามหลักมโนยิทธิดูโดยกหำหนดไปที่พระนิพพานแล้วได้อารมณ์ที่อิ่มกว่าเป็นสุขกว่าและละเอียดกว่าครับ ก็จะทรงอยู่ในอารมณ์นั้นไปเรื่อยๆครับ พอถึงระดับหนึ่งก็คลายตัวออกมาเอง เป็นมาสักพักแล้ว แต่ยังหาทางแก้อารมณ์ให้ไปต่อไม่ได้ครับ ขอคำแนะนำด้วยครับ
     
  11. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    เดี้ยวนะครับ นี่ใช่คนที่ไปที่สวนลุมรึเปล่าครับ จำผมได้ไหม

    ถ้าได้มโนมยิทธิแล้ว
    กิจที่เราต้องทำก็คือ
    ทรงอารมณ์พระนิพพานเอาไว้ให้ได้ทั้งวัน
    เสร็จแล้ว ก็พิจารณาตัดสังโยชน์ไปทีละขั้นเรื่อยๆ

    จริงๆ ถ้าเราทรงอารมร์พระนิพพานเอาไว้
    ถ้าตายตอนนั้น ก็ไปพระนิพพานแล้วครับ
    จริงๆ ถ้าปรารถนาสาวกภูมิ สิ่งที่ต้องทำก็เหลือไม่เยอะแล้วครับ
    ตัดสังโยชน์ไปเรื่อยๆ ก็จบแล้วครับ
    อารมณ์จะให้ละเอียดกว่านี้ ก็ต้องตัดเข้าอริยะแล้วครับ
    ตัดสังโยชน์3ให้ได้ แล้วไล่ไปตัด5
    ตัด5ได้ ก็ตัด10 ถ้าจะตัด10ก็เตรียมบวชได้เลยครับ

    ขอให้เข้าพระนิพพานเร็วๆนะครับ

     
  12. tanakorn6355

    tanakorn6355 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +22
    ;aa8
    ขอคุณนะครับที่เป็นที่ปรึกษาให้กระผมได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับสมาธิ
    อยากถามอีกด้วยแล้วกันนะครับ
    ว่าถ้าเกิดอย่างหนึ่งแล้ว มันจะเพิ่มมาอีก ทีละข้อหรือว่ามันจะเลื่อนขึ้นเป็นฌานไปเลยละครับ

    *************
    ที่ผมฝึกผมตื่นขึ้นทำตอนตี5.30ก่อนไปทำงาน ผมก็ท่องคาถาเงินล้าน ก็ประมาณ สัก10 นาทีเหมือนตัวโยกไปโยกมา พอผมรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาปุบก็เหมือนสมาธิจะคลายตัวนะครับ
    พอมาทำอีกวันหนึ่งทำไม่ได้สามธิเลยครับใจคิดถึงแต่เรื่องงาน เรื่องเรากังวลไว้นะครับ;aa12ช่วยตอบให้หน่อยได้ไหมครับ
     
  13. lexation

    lexation Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +28
    ถ้าเคยไปฝึกที่สวนลุมกับคณะคุณคณานันท์ (ไม่แน่ใจว่าพิมพ์ชื่อถูกรึเปล่าน่ะครับ)ก็ใช่ครับ แล้วคุณ xorceเป็นคนไหนครับจำไม่ได้
     
  14. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ tanakorn6355 ครับ
    ขอคุณนะครับที่เป็นที่ปรึกษาให้กระผมได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับสมาธิ
    อยากถามอีกด้วยแล้วกันนะครับ
    ว่าถ้าเกิดอย่างหนึ่งแล้ว มันจะเพิ่มมาอีก ทีละข้อหรือว่ามันจะเลื่อนขึ้นเป็นฌานไปเลยละครับ

    อันนี้แล้วแต่บุคคลครับ มันไม่เหมือนกันทุกคนครับ
    บางคนเกิดครบ5อย่าง
    บางคนไม่เกิดเลยก็มี
    เอาเป็นว่าจะเกิดไม่เกิดก็ไม่ต้องสนใจครับ
    มันเป็นแค่ทางผ่านครับ

    แล้วคาถาเงินล้านก็ภานาได้ทั้งวันครับ ทำงานไปก็ภาวนาไปได้ครับ
    เผื่อจะเลื่อนขั้นเร็วขึ้น อิอิ
     
  15. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ลองเดาดูซิครับ หุหุ

     
  16. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    เดาได้แต่อย่าบอกคนอื่นนะครับ อิอิ-*-
     
  17. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    พยายามให้จิตนื่งเป็นเอกัคตา จากนั้นใช้อารมณ์เมตตาพรหมวิหารสี่แผ่ออกไปให้จิตใจเราชุ่มเย็นประคองจิตนั้นไว้ทั้งหลับตาลืมตา
     
  18. รพี

    รพี สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +2
    รบกวนขอความรู้ค่ะ
    คือว่า เพิ่งรู้สึกตัวไม่นานว่าไม่อยากต้องเวียนว่ายตายเกิดแล้ว ก็เลยเริ่มศึกษาธรรมะตามความสามารถที่จะทำได้ เริ่มสวดมนต์ไหว้พระจริงจัง ถือศีล8ในวันพระ และเริ่มนั่งสมาธิได้ไม่นาน โดยเวลานั่งจะภาวนา"พุทโธ" ช่วงนี้ก็นั่งได้คราวละ20-30นาที แต่ไม่เคยเรียนหรือฝึกการนั่งสมาธิที่ไหนเลย ไม่มีความรู้เรื่องกรรมฐาน วิปัสสนา(กำลังหาความรู้เพิ่มอยู่ค่ะ)
    ปัญหาคือ หลังจากนั่งสมาธิได้ไม่กี่ครั้ง มีอาการนั่งแล้วโยกค่ะ ล่าสุดคือ รู้สึกเหมือนจะหยุดหายใจ หายใจน้อยครั้งและสั้นลง แล้วก็รู้สึกเหมือนข้างในมันขยายจนแน่น เหมือนตัวพอง หัวพอง หูอื้อ(ไม่ได้หมายความว่ารู้สึกว่าแขนขาขยายนะคะ) ซักพักนึงก็กลับมารับรู้ถึงลมหายใจตัวเองแบบยาวๆอีกครั้งนึง อาการต่างๆเกิดขึ้นเป็นลำดับค่ะ แต่หูยังได้ยินเสียงต่างๆนะคะ เพียงแต่เราไม่รู้สึกอยากสนใจภายนอก
    คำถามคือ ทำอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ แล้วควรทำยังไงต่อดีคะ เวลาเหมือนจะหยุดหายใจ แล้วจะจับลมหายใจหรือภาวนาต่อยังไงดี หรือปล่อยให้หยุดหายใจได้เหรอคะ ไม่เข้าใจค่ะ
    รบกวนผู้รู้ด้วยนะคะ และขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2009
  19. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ก็คือถ้าเราจับ พุทโธ ควบลมหายใจนะครับ
    ระดับของสมาธิจะเป็นแบบนี้ครับ
    -พุทโธ ควบลมหายใจ
    -พุทโธ หายไป เหลือแต่ลมหายใจ
    -ลมหายใจเบาลง ช้าลง
    -ลมหายใจหยุดไป เหมือนไม่หายใจ แต่จะรู้สึกสบายๆ เบาๆ แล้วจิตเราจะนิ่ง หยุดคิด
    เราก็ประคองจิตที่นิ่งหยุดคิด พร้อมกับลมหายใจที่หยุดเอาไว้ซักระยะหนึ่ง เสวยสุขจากความสงบนิ่ง
    ถ้าฝึกเรื่อยๆ ก็สามารถจะทำให้ลมหายใจหายไปได้ทั้งวัน

    ที่ทำน่ะถูกแล้วครับ
    อาการที่ ตัวพองก็เป็นปีติน่ะครับ มันพองแบบแน่น หรือพองแบบสบายๆครับ
    แต่เดี้ยวมันก็จะหายไป อยู่ไม่นานหรอกครับ อย่าสนใจมันครับ

    ให้เราจับลมหายใจไปเรื่อยๆ สบายๆ
    ถ้าลมมันจะหยุดมันก็หยุดไปเองครับ ไม่ต้องไปบังคับมัน
    แล้วก็ต้องทำใจให้สบายๆครับ ยิ่งใจสบาย ลมหายใจยิ่งละเอียดครับ
    ลองทำดูนะครับ
    แล้วก็ขั้นที่หายใจเข้า กลั้นเอาไว้ ภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโฆ ประมาณ10วินาทีจึงหายใจออก
    ทำซ้ำประมาณ10ครั้ง ก็สำคัญครับ ทำให้สงบเร็วขึ้นครับ

    ลองทำดูนะครับ
    ขอให้เจริญก้าวหน้าครับ
     
  20. ๑กุหว่าใจ๋๑

    ๑กุหว่าใจ๋๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2006
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +2,730
    ในเวลามสูตร พระพุทธองค์ยังทรงสอนว่า การให้ทานใดๆก็ตาม หรือแม้แต่การมีศีลก็ตาม ก็ยังไม่มีอานิสงส์เท่าการเจริญเมตตา แม้เพียงเวลาอันสั้น การเจริญเมตตาจึงเป็นสิ่งที่มีค่ามาก การเจริญเมตตาคือ การคิดว่าขอให้คนและสัตว์ทั้งปวงจงเป็นผู้มีความสุข ไม่มีความทุกข์ จงไม่เบียดเบียนกัน จงอย่าได้จองเวรกัน

    พระพุทธองค์ทรงสอนพระภิกษุให้เจริญเมตตาอยู่เสมอ ทรงสอนถึงกับว่า ถ้าภิกษุเจริญเมตตาถือว่าไม่ห่างไกลกับการได้เจริญสมาธิจนจิตสงบถึงขั้นได้ฌาน และถือว่าไม่เสียทีที่ได้ฉันข้าวจากชาวบ้านมาบวชเป็นพระ ดังพุทธพจน์นี้

    " ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุซ่องเสพเมตตาจิต แม้ชั่วการเพียงลัดนิ้วมือเดียวเท่านั้น ภิกษุนี้เรากล่าวว่า อยู่ไม่เหินห่างจากฌาน ทำตามคำสอนของพระศาสดา ปฏิบัติตามโอวาทไม่ฉันบิณฑบาตของชาวแว่นแคว้นเปล่า ก็จะกล่าวไยถึงผู้ทำเมตตาจิตนั้นให้มากเล่า "

    ผู้ที่เจริญเมตตา ถือว่าเจริญกุศลธรรมอยู่ตลอดเวลา คือ คิดดี พูดดี และทำดีเสมอ ผู้ที่กระทำอย่างนี้ พระพุทธองค์ทรงใช้คำว่า ต้องได้ขึ้นสวรรค์ เหมือนกับถูกเชิญไปวางไว้...



    เป็นบทความที่คัดย่อมาจาก บทความธรรมะผ่านใจ โดย นพ. จักรพงศ์ ไพบูลย์ ครับ กราบอนุโมทนาในการปฏิบัติธรรมของทุกๆท่านด้วยครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...