ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    สลด ดช.13 อยากได้จยย.-ตีหัวชิงหนีดื้อๆ สารภาพ! อยากขับ อวดเพื่อน หมวด » ข่าว » ข่าวทั่วไป

    [​IMG]
    รวบเด็กชายวัย 13 ตีหัวชิงจยย.ชาวบ้านซิ่งหนี สารภาพปกติขี่แต่จักรยาน อยากได้จยย.เหมือนเพื่อนๆ ในกลุ่ม แต่ฐานะทางบ้านยากจน ไม่มีเงินซื้อ เจอสาวใหญ่จอดรถจยย.ทิ้งไว้ริมทุ่งนา เลยใช้ไม้ฟาดหัวแล้วชิงรถจยย.ขับหลบหนี สุดท้ายไปไม่รอดเพราะเครื่องยนต์ดับกลางทางเลยโดนรวบ เผยเรียนอยู่ชั้นม.1 ที่กำแพงเพชร ไปมีเรื่องกับเจ้าถิ่นหนีมาอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านโป่ง ราชบุรี มาก่อคดีชิงจยย.ซ้ำเพราะอยากขี่อวดเพื่อน
    เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 ธ.ค. พ.ต.ต.วัชรินทร์ พลายทองดี สว.สส.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี นำกำลังชุดสืบสวนออกตรวจพื้นที่มาตามถนนคลองชลประ ทาน ม.8 ต.หนองปลาหมอ รับแจ้งจากชาวบ้านว่า เกิดเหตุคนร้ายชิงทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์ จึงรีบนำกำลังไปตรวจสอบทันที พบเพียงกองเลือด และท่อนไม้ยาวประมาณ 80 ซ.ม.เปื้อนเลือดตกอยู่ ห่างออกไปเล็กน้อยพบรถจักรยาน 2 ล้อจอดทิ้งไว้ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ มีชาวบ้านช่วยนำส่งร.พ. บ้านโป่ง ทราบชื่อคือ นางเติม แก้วคำ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ 7 ต.หนองปลาหมอ อ.บ้านโป่ง สภาพถูกทำร้ายและถูกตีด้วยของแข็งที่ศีรษะด้านซ้ายแตกเป็นแผลยาวเย็บถึง 10 เข็ม
    สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นางเติมผู้ได้รับบาดเจ็บขับขี่รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 100 สีฟ้าใหม่เอี่ยม ออกจากบ้านเพื่อจะมาดูข้าวในนา บริเวณที่เกิดเหตุ หลังจอดรถก็ลงไปนั่งที่พื้นหญ้าริมทาง ต่อมามีคนร้ายเป็นเด็กชายอายุ 13 ปี นุ่งกางเกงขาสั้นแบบนักเรียนสีน้ำเงิน สวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีเทา ปั่นรถจักรยานเข้ามาจอด แล้วใช้ท่อนไม้ตีนางเติมจนฟุบกับพื้น แล้วขึ้นขับขี่รถจักรยานยนต์ของนางเติมไป โดยทิ้งจักรยานของตัวเองไว้ที่ในที่เกิดเหตุ
    หลังสอบปากคำ พ.ต.ต.วัชรินทร์นำกำลังเจ้าหน้าที่ไล่ติดตามคนร้ายทันทีกระทั่งติดตามไปทัน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จอดรถจักรยานยนต์วิ่งหนีลงไปในนาข้าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งติดตามและสามารถรวบตัวไว้ได้ ทราบชื่อต่อมา ด.ช.โอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจ.กำแพงเพชร
    สอบสวนด.ช.โอให้การว่า ปกติพักอยู่กับป้าเพื่อเรียนหนังสืออยู่ที่จ.กำแพงเพชร 2 เดือนที่ผ่านมา ด.ช.โอร่วมกับพวกอีก 4 คน ตีกับนักเรียนซึ่งเป็นรุ่นเดียวกันและเป็นเจ้าถิ่น จึงหนีกลับบ้านมาอยู่กับพ่อแม่ที่อ.บ้านโป่งและคบกับเพื่อนในหมู่บ้านเดียวกัน ตนเห็นแต่ละคนมีรถจักรยานยนต์เป็นของตัวเอง ผิดกับตนกลับต้องใช้รถจักรยาน จึงอยากได้รถจักร ยานยนต์บ้าง แต่เนื่องจากทางบ้านฐานะไม่ดี พ่อแม่ไม่มีเงินซื้อให้ จึงคิดจะหาวิธี จะมีรถจักรยานยนต์เหมือนคนอื่นให้ได้ เพื่อจะเอาไปขับขี่อวดเพื่อน
    ด.ช.โอ ให้การต่อว่า กระทั่งช่วงบ่าย ปั่นจักรยานออกจากบ้านมาตามถนนคลองชลประทาน เห็นนางเติมจอดรถจักรยานยนต์ลงมานั่งอยู่ที่พื้นหญ้าริมทุ่งนา จึงเกิดความคิดอยากจะได้รถจักรยานยนต์จึงหยิบท่อนไม้ใกล้ๆ ทุบศีรษะนางเติมอย่างแรง จนนางเติมฟุบกับพื้น แล้วรีบสตาร์ตรถจักรยานยนต์หลบหนีไป แต่ขับขี่มาไม่ได้ไกล เครื่องยนต์เกิดดับและพยายามจะสตาร์ต แต่ก็ไม่ติด กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามมาทัน จึงทิ้งรถวิ่งหนี และถูกจับกุมตัวไว้ได้ในที่สุด


    ที่มาจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด
     
  2. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ต้มแบงก์ '40ล้าน' ปลอมเอกสารมโหฬาร</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ที่กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (บก.ปศท.) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 ธ.ค.

    พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ ผบก.ปศท. แถลงการจับกุมนายบุญฤทธิ์ ทิพย์จักร อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69/195 ซอยรามคำแหง 164 แขวงและเขตมีนบุรี กทม. นายเกษดิษฐ์ แก้วอิน อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/17 ซอยสุวรรณพฤกษ์ แขวงและเขตสะพานสูง กทม. ในข้อหาร่วมกันพยายามฉ้อโกง ร่วมกันปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม



    สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รอง ผบก. ปศท. พ.ต.อ.ธงชัย วงศ์ศรีวัฒนกุล ผกก.1 บก.ปศท. พ.ต.ท.ประวิตร์ นัยเนตร์ รอง ผบก.3 บก.ปศท. นำกำลังจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคน ขณะกำลังทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานพหลโยธิน ยึดหลักฐานเอกสารทางการเงินที่ใช้ยื่นต่อธนาคาร 64 แผ่น ใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมธนาคารจำนวน 1 แผ่น สมุดบัญชีธนาคารต่างๆจำนวน 3 เล่ม แผนผังหมู่บ้านต่างๆ จำนวน 2 แผ่น โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง รถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์เงิน 1 คัน



    พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ ผบก.ปศท.กล่าวว่า

    ตำรวจ กก.1 บก.ปศท. สืบทราบว่า มีการปลอมแปลงเอกสารทางการเงิน โดยใช้ชื่อบุคคลอื่นในการอำพราง ไปยื่นเรื่องขอสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์กับธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ โดยจะเสาะหาบ้านเดี่ยวมือสอง ในโครงการที่มีชื่อเสียงเพื่อความน่าเชื่อถือ จากนั้นจะทำเอกสารผู้เช่าซื้อปลอม เช่น ใบรับรองเงินเดือน บันทึกการเคลื่อนไหว ทางการเงิน (สเตทเมนต์) บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านของผู้อื่นที่เจ้าตัวไม่ทราบมาก่อน หรืออาจมีบางรายสมรู้ร่วมคิดด้วยการแบ่งผลประโยชน์กันภายหลัง แล้วนำไปยื่นขอสินเชื่อซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ รวมทั้งทำบัตรเครดิตธนาคารต่างๆ เมื่อธนาคารหลงเชื่ออนุมัติเงินให้ กลุ่มคนร้าย ก็จะกลายเป็นหนี้สูญ สร้างความเสียหายแก่ธนาคารและสถาบันทางการเงิน รวมทั้งเจ้าของบัตรประชาชนที่ถูกแอบอ้างและที่จะถูกฟ้องร้องตามมา ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ก่อหนี้


    จากการตรวจสอบในเบื้องต้น กลุ่มผู้ต้องหาสร้างความเสียหายแก่ธนาคารต่างๆ อาทิธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารธนชาต รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท นอกจากนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยังมีหมายจับในความผิดลักษณะเดียวกันนี้อีกหลายท้องที่ เบื้องต้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และอยู่ระหว่างการขยายผลว่ามีพนักงานธนาคารมีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นด้วยหรือไม่ต่อไป


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>พบพระพุทธรูป"สมัยบายน"คาดอายุราว700-800 ปี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>พบพระพุทธรูปปางนั่งขัดสมาธิ"สมัยบายน" พร้อมหม้อบรรจุกระดูกบรรพบุรุษในปราสาทหินทามจาม อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ คาดอายุราว 700-800 ปี กรมศิลป์ฯลงพื้นที่ตรวจสอบหวั่นเกิดการสูญหาย พร้อมนำชิ้นส่วนสำคัญเก็บไว้ที่ศูนย์วัฒนธรรมอีสานตอนใต้
    (13ธ.ค.) ที่ปราสาทหินทามจาม บ้านสมอ ม.12 ต.สมอ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ได้เข้าตรวจสอบพระพุทธรูปสมัยบายน สร้างราวๆ พ.ศ.1761-1763 หรือเมื่อราวๆ 788 ปี ชื่อ พระโพธิสัตว์คุรุไพทูรย์ชะยะประภา สูงราว 70 เซนติเมตร หน้าตักกว้าง 63 เซนติเมตร ปรางนั่งขัดสมาธิราบ อยู่บนดอกบัวคว้ำ มือทั้งสองข้างถือวัชระ ที่พระเจ้าชัยวรมันต์ที่ 7 มหาราชองค์สุดท้าย ทรงสร้างไว้ในปราสาทอโรคยาศาลแห่งนี้ ถือเป็นแห่งที่ 102 ปราสาทหลังสุดท้ายของพระองค์ ภายหลังจากที่ได้มีการขุดค้นเมื่อช่วงค่ำวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากหวั่นจะเกิดการสูญหาย เพราะพระพุทธรูปดังกล่าวมีความศักดิ์ศิทธิ์อยู่ในตัว คนสมัยโบราณกราบไหว้บูชา รักษาโรคภัยให้หายเจ็บหายป่วยได้ และนอกจากนี้ยังพบพระพุทธรูปปางนาคปรกขนาดเล็ก หม้อบรรจุกระดุกบรรพบุรุษภายในปรางปราสาทดังกล่าวนี้ด้วย
    นายชินวุฒิ ริลยาลัย นักโบราณคดี 7 ว.หัวหน้าชุดขุดเพื่อตบแต่ง เปิดเผยว่า ที่นี้เป็นอโรคยาศาล หรือว่าเป็นโรงพยาบาลในสมัยพระเจ้าชัยวรมันต์ที่ 7 เมื่อประมาณ 700-800 ปีที่ผ่านมา ใช้เป็นสถานที่รักษาผู้ป่วยด้วยยาสมุนไพร โดยมากอโรคยาศาลจะพบประติมากรรมที่ทำจากหินทราย และพวกแท่งบดยาใช้บดยาในการรักษาผู้ป่วย ที่พบในครั้งนี้เป็นประติมากรรมหรือพระพุทธรูปในศาสนาพุทธลัทธิมหายาน สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพระวัยรจนะ ที่แบ่งภาค เป็นพระชัยศาสนะคุรุประภา ของภาค 1 ปกติพระพุทธรูปนี้จะอยู่ด้านในปรางปราสาท แต่สันนิษฐานว่าอาจจะมีการขุดค้นสมบัติของชาติไปเมื่อราว 100 ปี แต่ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปจึงทำให้ผู้ขโมยไปมีอันเป็นไปและต้องนำกลับมาไว้ดังเดิม ทำให้การขุดพบพระพุทธรูปครั้งล่าสุด พบอยู่ที่บริเวณด้านหน้าปรางปราสาทด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ความลึกที่ 80 ซม. เท่านั้น

    สำหรับความสูงขององค์พระ ประมาณ 55 ซม.หน้าตักกว้าง 35 ซม. ประทับนั่งอยู่บนฐานกาบบัวลักษณะนั่งสมาธิราบ ประคองอาวุธ คือ วัชระ ไว้ที่หน้าอก พุทธศิลปะนี้น่าจะเป็นสมัยบายนแท้ และก็เป็นไปได้ว่าอาจจะมีการส่งตรงมาจากส่วนกลาง คือ พระนครฯ ก็เป็นไปได้
    ด้านนางคำแดง คำเขื่อง นายก อบต.สมอ เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวบ้านได้ทราบข้อมูลการพบพระพุทธรูปดังกล่าวกันแล้ว และตั้งแต่เช้ามืดของวันนี้ ต่างก็ได้พากันเดินทางมากราบไหว้ขอพร
    ในส่วนของ อบต.สมอ ก็จะนำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุมคณะผู้บริหาร เพื่อที่จะตั้งงบประมาณในการมาดูแล บำรุงรักษา และพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของ จ.ศรีสะเกษ ต่อไป และภายหลังจากที่คณะกรมศิลปากรได้ขุดปรับตบแต่งเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้อัญเชิญพระพุทธรูปมาประดิษฐานไว้ดังเดิม เพื่อเป็นสิ่งมงคลต่อชุมชน ต่อพื้นที่ และต่อประชาชน พร้อมกับการดูแลปกป้องรักษาไว้ชั่วลูกหลานต่อไป
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้คณะเจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากร ที่11 ได้นำสมบัติของชาติชิ้นสำคัญที่สมบูรณ์อีกชิ้นหนึ่งขึ้นจากแหล่งขุดพบ แล้วนำไปเก็บไว้ที่ศูนย์วัฒนธรรมอีสานตอนใต้ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>หลวงปู่สายมรณภาพ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>สิ้นเกจิดังลุ่มน้ำเจ้าพระยา!!หลวงปู่สาย มรณภาพอย่างสงบภายในกุฏิวัดดอนกระต่ายทอง เมืองอ่างทอง “ไวยาวัจกร”

    เผยเห็นหลวงปู่ ฉันอาหารเสร็จเข้าไปจำวัดก่อนจะสิ้นลม ระบุเป็นพระที่มีวิชาอาคม จนทำให้มีลูกศิษย์มากมาย ขณะน้องสาว บอกเป็นพระที่มีความเมตตาไม่เคยบ่น หรือต่อว่าใคร

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

    เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 12 ธ.ค. หลวงปู่สาย ขันติโก หรือ พระครูสุนทร ขันติคุณ เจ้าอาวาสวัดดอนกระต่ายทอง ตั้งอยู่หมู่ 1 ต.ราชสถิตย์ อ.ไชโย จ.อ่าง ทอง วัย 92 ปี พรรษา 74 ได้มรณภาพด้วยอาการสงบภายในกุฏิ เมื่อไปตรวจสอบพบบรรดาลูกศิษย์จำนวนมากกำลังเคารพศพ และกรรมการวัด รวมทั้งชาวบ้านกำลังจัดเตรียมสถานที่ในการจัดพิธีอาบน้ำศพ ซึ่งจากการสอบถาม นายดำรงชัย ภู่ขาว อายุ 54 ปี ไวยาวัจกรวัด กล่าวว่า
    หลวงปู่ป่วยด้วยโรคชรามาประมาณ 3 เดือน โดยก่อนที่ท่านจะมรณภาพเมื่อเวลา 07.30 น. ยังสามารถฉันอาหารได้ จากนั้นจึงเข้าจำวัดแล้วมรณภาพไปอย่างสงบโดยไม่มีการเจ็บปวดแต่อย่างใด

    ด้าน นางสำราญ กลิ่นขจร อายุ 80 ปี น้องสาว กล่าวว่า

    หลวงปู่สายเป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีลูกศิษย์มากมาย โดยเฉพาะข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั่วประเทศ ซึ่งท่านเป็นพระที่มีความเมตตามากน้อยคนนักที่จะโดนดุด่า สำหรับพิธีการคณะพระชั้นผู้ใหญ่กำลังประชุมการจัดงานกันอยู่

    สำหรับหลวงปู่สาย หรือพระครูสุนทร ขันติคุณ นั้น เดิมชื่อ สาย จีพขจร เกิดเมื่อ 19 ก.พ. 2459 เป็นบุตรของนายพลอย จีพขจร และนางสิน จีพขจร อุปสมบทเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2477 ที่วัดสกุณาราม อ.ไชโย เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว จ.สิงห์บุรี โดยหลวงปู่ได้สืบสายวิชาอาคมพลังพุทธคุณ จาก อดีตเจ้าอาวาสวัดดอนกระต่ายทอง ซึ่งเป็นลูกศิษย์สายของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) มีชื่อเสียงในเรื่องคาถาอาคม และยังเป็นพระนักพัฒนา ทำให้มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ หลวงปู่ไม่เคยบ่นหรือต่อว่าใคร มีแต่ให้อย่างเดียว

    ส่วนวัตถุมงคลที่หลวงปู่ได้ทำการจัดสร้างขึ้นมีมากมายหลายรุ่น อาทิ เหรียญพุทธซ้อนบัลลังก์พุทธคุณ, มีดหมอ บรมครู 95, ผงพุทธคุณ 9, ผงมหาพุทธาคม, เกศาหลวงปู่สาย อานุภาพ, ตะกรุดใบลาน, พระธาตุข้าว, พระธาตุสีวลี, พระธาตุปัจเจกพุทธเจ้า และ เหรียญเฮง.

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>พายุน้ำแข็งพัดกระหน่ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    เกิดพายุน้ำแข็งพัดกระหน่ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าดับ ประชาชนนับแสนคนได้รับความเดือดร้อน ขณะที่รัฐเมนต้องปิดที่ทำการรัฐบาลทั้งหมด


    นายเจฟฟ์ ทิลจ์แมน เจ้าหน้าที่บริษัทผลิตกระแสไฟฟ้า นอร์ทอีสต์ ยูทิลิตีส์ กล่าวว่า
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐกำลังได้รับความเดือดร้อนจากพายุน้ำแข็ง

    ขณะที่นายจอห์น ลินช์ ผู้ว่าการรัฐนิวแฮมป์เชอร์ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน และว่า มีประชาชนถึง 200,000 คน ได้รับความเดือดร้อนจากไฟฟ้าดับ อันเนื่องมาจากพายุน้ำแข็ง ซึ่งยังเป็นอันตรายต่อการขับรถ โดยเฉพาะในพื้นที่ตอนใต้ของรัฐนิวแฮมป์เชอร์


    ด้านสำนักงานบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินในรัฐนิวยอร์ก แถลงว่า ประชาชนเกือบ 300,000 คน ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ อย่างไรก็ตาม มีคำเตือนให้ประชาชนอยู่ห่างจากเสาไฟฟ้าที่อาจล้มลงมา และไม่ให้ใช้เทียนไขจุดส่องสว่างภายในบ้าน เพราะเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ และหากเดินทางก็ให้เพิ่มความระมัดระวัง


    ส่วนที่รัฐคอนเนตทิคัต ก็มีประชาชนถึง 16,700 คน ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้เช่นกัน แต่ล่าสุดตัวเลขได้ลดลงมาเหลือ 6,500 คนแล้ว.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. The Shadow

    The Shadow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +1,732
    ตำนานพระเจ้าจักรพรรดิ์หรือตำนานพระศรีอารย์มาจุติ ก็เป็นตำนานหนึ่งที่มักนำเอามาอ้างกันอยู่บ่อยๆ ถ้าพูดกันตามความเข้าใจ ของผมพระศรีอารย์เป็นมหาบุรุษที่จะมาตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ แต่คนส่วนใหญ่ที่รอท่านกลับรอด้วยความหวัง เหมือนดั่งหนึ่งท่านเป็น บุรุษผู้กู้โลก ผู้ไถ่บาป ผู้ช่วยให้รอด เป็นเหมือนดั่งหนึ่ง รอความหวังที่ไม่อาจเป็นจริง ตำนานพระศรีอารย์จึงเป็นตำนานที่ถูกนำมาสร้างความหวัง ตลอดมา

    ถ้าจะบอกว่าตำนานเหล่านี้เชื่อถือไม่ได้ ก็อาจจะมากเกินไป แต่อาจจะต้องบอกว่าเป็นตำนานที่เสริมเติมแต่งมากกว่า ฟังหูไว้หูครับ

    มีความสุขกับปัจจุบัน ดีกว่ามานั่งรอใครก็ไม่รู้นะครับ ความทุกข์ในโลกมีมาก พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เกิดทุกคราวเป็นทุกข์ร่ำไป แสวงหาความดับทุกข์ประเสริฐสุดแล้วครับ

    พระเจ้าจักรพรรดิ์ก็ปล่อยท่านไว้ที่เดิม จะมาก็มา ไม่มาก็อย่ามาครับ
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    บทความเกี่ยวกับยุคสุดท้ายกับการสร้างพระวิหารหลังที่ 3
    (จากพระคัมภีร์ไบเบิ้ล)

    [​IMG]

    พฤหัสบดี ที่ 27 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2551

    การสร้างพระวิหารหลังที่ 3 สัญญาณเริ่มต้นของยุคสุดท้ายในช่วงปี 2000 ที่ผ่านมา ผู้คนในโลกต่างหวาดกลัวถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของยุคพันปี เพราะข้อมูลและคำทำนาย รวมไปถึงคำพยากรณ์จากพระคัมภีร์ เล็งถึงวันนั้นคำว่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1138021457.jpg
      1138021457.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.3 KB
      เปิดดู:
      2,331
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2008
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    มาดูการตื่นตัวเรื่องภัยพิบัติจากผู้นับถือศาสนาคริสต์กันครับ

    มหันตภัยถล่มโลก ฤายุคสุดท้าย (ครั้งที่ 1)

    [​IMG] <TABLE border=0><TBODY><TR><TD>
    หากจะสังเกตข่าวที่ผ่านมาในระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา จะพบว่ามีภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม โรคระบาด หรือแม้กระทั่งสงครามต่างๆ ที่เกิดขึ้น บางคนอาจไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น เพราะเห็นว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเอง แต่ถ้ามองในมุมกลับกันกับเหตุการณ์ต่างๆ ได้เกิดขึ้นกับเรา เช่นเกิดน้ำท่วมที่เมืองของเรา หรือมีสงครามเกิดขึ้นในประเทศของเรา เราจะรู้สึกอย่างไร แล้วเราจะทำอย่างไรหากเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น เมื่อเราสังเกตจะเห็นว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นล้วนเป็นสิ่งที่บันทึกไว้ในคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ทั้งสิ้น ซึ่งหลายคนอาจสังเกตเห็น แต่หลายคนอาจไม่ได้สังเกตเลย

    ดังนั้นมูลนิธิสื่อใจไทย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเฝ้าระวังเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เฉพาะกับประเทศไทย แต่รวมไปถึงเหตุการณ์ต่างๆของโลกด้วย ซึ่งมีผลกระทบต่อกันทั้งสิ้น และเป็นสิ่งที่ตรงกับคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์เกี่ยวกับยุคสุดท้ายด้วย

    [​IMG]

    ด้วยเหตุนี้ทางมูลนิธิสื่อใจไทย จึงได้มีการจัดบรรยายขึ้นในหัวข้อ
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    บทความจากคุณ คนไกล

    เป็นกรรมของสัตว์โลกน่ะ ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกว่าระบบจะเริ่มล้างมนุษย์ ปลายปี 47 (ทีแรกคิดว่าไม่มีอะไรเกิดแล้ว จิตเกือบจะเผลอ ปรามาสครูบาอาจารย์เข้าแล้วเชียว) แล้วจะมีเหตุอื่นมาล้างเรื่อยๆ ด้วยระบบภัยพิบัติทาง ดิน น้ำ ลม ไฟ โรคระบาดและ อุบัติภัยสงคราม และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนพระจักรพรรดิ์ลงมา ภัยพิบัติจึงจะสงบ

    ต่อไปที่จะวิบัติหนักๆ ก็คือ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อเมริกา ฯลฯ เราเคยถามครูบาอาจารย์ว่าไม่มีใครเปลี่ยนได้เลยหรือ ท่านบอกว่า "ไม่ได้" ท่านว่า "ปู่ยี เว้า ก็ปานพระเจ้า เว้า นั่นแหละ ในโลกนี้ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้" เพราะกรรมของมนุษย์เป็นแบบนั้น

    สำหรับเมืองไทย ต่อไปกรุงเทพฯก็มิใช่ว่าจะปลอดภัย เพราะฝ่ายรักษาภายในของ กทม.(พระสยามเทวาธิราช) เขาเริ่มถอนระบบออกไปมากแล้ว และต่อไปภาคใต้แทบจะไม่เหลือ จะเป็นเกาะเป็นแก่งทั้งหมด ครูบาอาจารย์ท่านว่า ท่านจะเอาแค่เพชรบุรีขึ้นมา

    เราเข้าใจว่าภัยพิบัติในภาคใต้เป็นสัญญาณของยุคจักรพรรดิ์ที่กำลังจะเริ่มต้น ที่จริงมีสัญญาณอย่างอื่นด้วย แต่เป็นเรื่องของเฉพาะบุคคล เช่นเรื่อง ธาตุแก้วเจ็ดประการ ที่เริ่มมาปรากฎเข้ามาสู่ระบบแล้ว และมีสิ่งของอื่นๆอีกหลายอย่าง ที่กระจัดกระจายกันอยู่ในหลายประเทศ เป็นต้น

    ผู้ที่ไม่มีหน้าที่และเข้าไม่ถึงระบบธาตุเหล่านี้ก็จะไม่สามารถเข้าใจได้ ถ้าใครมีจิตที่เอ็กเรย์ธาตุได้ ก็จะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร อย่างแก้วมังกร และแก้ววิเศษของเทวดา ก็อาจจะเป็นของไร้ค่าในโลกมนุษย์ เพราะความไม่รู้

    ครูบาอาจารย์เคยเล่าว่า แค่พญานาคโก่งหลังขึ้นมา มนุษย์ก็ตายเป็นเบือแล้ว ต่อไปบางที่ก็จะหายไปทั้งเกาะ นี่ยังไม่นับภัยพิบัติจากท้าวกกขนาก แถวลพบุรี ที่ในไม่ช้า(ช่วงท้ายๆของภัยพิบัติ)จะลุกขึ้นมา(ภายใน)เพื่อไปรอรับพระจักรพรรดิ์ ขณะที่ทหารลิง 18 กองพลที่เคยเฝ้ายักษ์ตนนี้อยู่ เขาก็ถอนกำลังไปอยู่ที่อื่นแล้วเมื่อตอนออกพรรษาที่ผ่านมา ครูบาอาจารย์ท่านว่ายักษ์กกขนากตนนี้มีพิษมาก แค่พลิกตัวได้ พิษของยักษ์จะทำให้เกิดโรคระบาดร้ายแรง มนุษย์จะตายไปครึ่งโลก แต่คนที่มีศีลธรรมก็ไม่เป็นไร

    เราค่อนข้างมั่นใจว่า ภายในปี 2560 (ตั้งแต่ พ.ศ.2552-2560) ประเทศไทยจะได้เป็นมหาอำนาจ และไทยกับลาวจะรวมกันเป็นหนึ่ง(ประเทศเดียวกัน) ท่านไหนที่ขยันหมั่นเพียร รักษาศีล ภาวนา ก็จะได้มีโอกาสอยู่ในยุคใหม่ต่อไป ส่วนท่านที่ยังไม่มีศีลธรรมพอ ก็คงจะต้องไปตามวิถีกรรมของตนเอง

    ขออย่ามากังวลกับสิ่งที่เราเล่า หากท่านเดินตามทางบุญ ทางกุศล ที่ครูบาอาจารย์ของตนเองสอนได้แล้ว ก็คงจะเอาตัวรอดได้ครับ และไม่มีใครเตือนใครได้ดีเท่ากับ การเตือนตนด้วยตนเองครับ

    ศาสนาอื่นนั้นไม่เหลือหรอครับ เมื่อถึงเวลาแล้วจะหนีตายกันมาพึ่งศาสนาพุทธกันหมดครับ เท่าที่ทราบต่อไปมหาอำนาจ อย่างเช่น อเมริกา อังกฤษ ฯลฯ จะต้องมาพึ่งพาไทย ศูนย์กลางโลกศูนย์กลางศาสนาอยู่ในเขตประเทศไทยนี่แหละ ซึ่งต่อไปที่แห่งหนึ่งในประเทศไทย จะเป็นใจกลางโลก ใจกลางศาสนาในยุคจักรพรรดิ์ ทั้งโลกจะถูกปกครองโดยสามร่มโพธิ์ศรี อัญญาสิทธิ์และอัญญาธรรม พระจักรพรรดิ์จะเป็นพระมหากษัตริย์ของโลก อย่างที่พวกยิวเขาคิดจะครองโลกกันนั้น ไปไม่ถึงดวงดาวหรอกครับเพราะวิทยาศาสตร์ถึงทางตันแล้ว

    เหตุที่เกิดในภาคใต้ซึ่งเป็นเขตพุทธศาสนายังรุนแรงขนาดนี้ ต่อไปเหตุที่เกิดในเขตศาสนาอื่นๆนั้น จะรุนแรงกว่านี้มากครับและความหายนะที่จะเกิดขึ้นนั้นก็จะมากด้วย

    ถ้าหากศึกษาถึงเชื้อของจิตวิญญาณเดิมของการมาเกิดก็จะเข้าใจว่าอย่างอิสลามและคริสต์นั้น เชื้อจิตวิญญาณเดิมหรือต้นธาตุของจิตวิญญาณ ของพวกนี้เป็นพวกยักษ์ ตระกูลต่างๆ ดังนั้นที่ครูบาอาจารย์ท่านว่าพวกยักษ์นอกศาสนาเขาตีกันนั้น ก็พวกยักษ์เหล่านี้แหละที่มีปัญหา และพวกยักษ์เหล่านี้เขาก็มาเกิดกันมากในยุคนี้ ส่วนใหญ่ในเขตไทยและใกล้เคียงจะเป็นเชื้อนาค เชื้อเทวดา เชื้อครุฑ คนในเขตประเทศไทย ส่วนใหญ่ก็วนเวียนอยู่กับการเกิดเป็นเชื้อต่างๆเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับชาติที่ทำบารมีมาเด่นๆ ว่าเคยทำบารมีมาในภพภูมิไหนมามาก ก็จะมีความเกี่ยวพันกันกับภพภูมิเหล่านั้นและเมื่อถึงเวลาก็จะเป็นการทำบารมีร่วมกันระหว่างภพภูมิ

    และบางครั้งการทำงานจากภายใน ก็จะส่งผลออกมาสู่ภายนอก แต่คนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน ที่เห็นก็คือผลที่แสดงออกมาภายนอก และพยายามอธิบายกันด้วยเหตุและผลทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการรู้นอกแต่ไม่รู้ใน คล้ายๆกับวิทยาศาสตร์พยายามอธิบายเหตุผลภายนอก แต่ไม่เข้าใจถึงเรื่องกฏแห่งกรรมซึ่งเป็นเหตุภายใน เป็นต้น นี่คือรู้ไม่แจ้งในเรื่องนั้นๆ ก็เลยเกิดความ "ประมาท" กันต่อไป ครับ

    ต่อไปจะมีพระจักรพรรดิ์เป็นผู้ปกครองโลก พระยาธรรมมิกราชจะเป็นคล้ายพระสังฆราช และจะมีพระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่ง จะทำหน้าที่คล้ายนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามร่มโพธิ์ศรีก็คือ สามโพธิสัตว์ที่ลงมาทำหน้าที่ดูแลพระพุทธศาสนา นั่นเอง เอาเป็นว่า มีผู้ที่เขาลงมาทำหน้าที่นี้กันครับ และก็มีเหล่าอัญญาสิทธิ์ อัญญาธรรม ที่ตามลงมาทำหน้าที่อีกจำนวนหนึ่ง บางคนก็รู้ตัวเองแล้ว บางคนก็อาจจะยังไม่รู้ตัวเองครับ ถึงเวลาแล้วก็คงจะได้เห็นว่าของจริงนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งบางท่านบางคน บางท่าน จะมีชื่อเสียงในหมู่ของเทพ เทวดา นาค ครุฑ กุมภัณฑ์ ฤษี มุนี ดาบส ฯลฯ และพวกเขาเหล่านั้นก็รอยุคพระยาธรรมมิกราชนี่แหละ แต่พวกมนุษย์ไม่รู้จักเพราะท่านเหล่านี้จะอยู่อย่างเงียบๆและลี้ลับ เป็นต้น ครูบาอาจารย์ท่านเคยเปรยๆให้ฟังว่า สำหรับผู้ทำบารมีเข้มข้นแล้วนั้น "ดังบ่ดี ดีบ่ดัง" ครับ

    จากที่ครูบาอาจารย์ท่านเล่าสู่กันฟัง สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันไกล้นี้ ไม่มีใครที่จะสามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะกรรมเป็นตัวกำหนดและยุคพระยาธรรมฯ ก็เป็นพุทธประเพณี เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในกึ่งกลางพระพุทธศาสนา ในยุคของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ อย่างในยุคพระเวสสันดร(ซึ่งเป็นช่วงประมาณกึ่งกลางศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง) หลังจากพระเวสสันดรได้พรแปดประการจากพระอินทร์แล้ว หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดยุคพระยาธรรมฯหรือยุคพระจักรพรรดิ์ขึ้น ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าลูกชายพระเวสสันดรจะเป็นพระจักรพรรดิ์ในสมัยนั้น

    และในยุคร่วมสมัยในปัจจุบันนี้ มีบุคคลผู้หนึ่ง ทำทานบารมีจนได้พรแปดประการจากพระอินทร์แล้วเช่นกัน ดังนั้นผมก็พอจะอนุมานได้ว่า ยุคพระยาธรรมฯ นั้นเข้ามาใกล้ถึงปลายจมูกแล้วครับ ใครที่คิดจะทำบุญกุศลอะไร ก็ให้รีบเร่งทำกันได้เลยครับ หากเมื่อใดผู้ที่ได้พรพระอินทร์เขาทำอธิษฐานบารมีเพื่อดูแลพระศาสนา(ซึ่งเป็นประเพณีส่วนหนึ่งของการปรารถนาพุทธภูมิ) ระบบที่ทำหน้าที่ภายในเขาก็จะทำงาน ตามลำดับ เมื่อถึงตอนนั้นจะเห็นคุณค่าของศีลธรรม ของศีลห้า ศีลแปด ของบุญบารมีที่แต่ละท่าน บำเพ็ญเพียร สั่งสมมา ครับ

    ให้ลองนึกถึงเหตุการณ์คลื่นยักษ์ในภาคใต้ดูว่า คลื่นยักษ์ขนาดไหนที่จะทำให้ด้ามขวานไทยเหลือเป็นเกาะเป็นแก่ง และคลื่นยักษ์ขนาดไหนที่จะสามารถทำให้เกาะขนาดประเทศไต้หวัน หายวับไปได้ในพริบตา เมื่อไหร่ก็ตามที่นาคใหญ่เขาทำงาน จะสั่นสะเทือนไปทั้งโลก หากจะเทียบเหตุการณ์ในภาคใต้ที่ผ่านมา เป็นได้แค่ระดับนาคใหญ่เขาโก่งหลัง หรือสะดุ้งเพียงเล็กน้อย ลองจินตนาการดูว่าหากพวกนาคบางพวกเขามีหน้าที่ทำฤทธิ์เพื่อล้างผู้ที่มีศีลธรรมไม่เพียงพอสำหรับการอยู่ในยุคพระยาธรรม บนโลกนี้ก็จะเหลือคนไม่มาก อย่างที่พระสูตรบอกไว้ครับ

    จากคุณ คนไกล เมื่อวันที่ 30/12/2547 8:42:27

    คัดลอกมาจากhttp://www.konmeungbua.com/webboard/
    <!-- / message --><!-- / message --><!-- edit note -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2008
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    น้องหมา น้องแมว ก็มีหัวใจนะครับ
    <!-- / icon and title --><!-- message -->
    <TABLE borderColor=#98deff cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>
    ตะลึง! เมืองไทย มีเจ้าเหมียวลายหัวใจ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE borderColor=#98deff cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>หลังจากประเทศญี่ปุ่นมีข่าว
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เชียงใหม่คุมเข้มอุบัติเหตุเที่ยวปีใหม่ขึ้นดอยสูง

    [​IMG]

    เชียงใหม่ 14 ธ.ค.- นายไพโรจน์ แสงภู่วงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงมาตรการป้องกันอุบัติเหตุช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ว่า ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนขึ้นแล้วทั้งระดับจังหวัดและอำเภอ

    นอกจากให้ทุกพื้นที่ทั้ง 24 อำเภอ ตั้งด่านตรวจร่วมบนถนนสายหลัก 49 จุด ตามมาตรการ 3 ม 2 ข 1 ร ยังประสานกำชับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งจุดสกัดประจำชุมชน เพื่อเฝ้าระวังผู้มีพฤติกรรมเสี่ยง และอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะทางขึ้นเขาสูงชัน คือ ดอยอินทนนท์ ดอยสุเทพ และดอยอ่างขาง ไม่อนุญาตให้รถโดยสารขนาดใหญ่ หรือรถสองชั้นสัญจร เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการขับขี่ไม่ชำนาญเส้นทาง โดยผู้ใช้รถสามารถสอบถามเส้นทางจราจรได้ที่ (053) 235-595 ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย

    2008-12-14 09:53:44

    ภาคเหนือยังเผชิญภัยหนาวต่อเนื่อง

    [​IMG]

    ภูมิภาค 14 ธ.ค. - หลายพื้นที่ในภาคเหนือยังได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง

    จากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ส่งผลให้ อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติหนาวแล้ว เนื่องจากมีอุณหภูมิต่ำสุด 4 องศาฯ ติดต่อกันนานกว่า 3 วัน และมีแนวโน้มว่า ฤดูหนาวปีนี้จะยาวนานกว่าทุกปี มีผู้ขาดแคลนเครื่องกันหนาวแล้วกว่า 600,000 คน ทางจังหวัดเสนอขออนุมัติเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด 50 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมประกาศตั้งศูนย์ช่วยเหลือทุกอำเภอ

    ส่วนที่ จ.พิจิตร บรรยากาศการออกมาจับจ่ายซื้อเครื่องนุ่งห่มกันหนาว ทั้งของใหม่ และสินค้ามือสอง ปีนี้ไม่คึกคักเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ผู้ประกอบการยอมรับว่า ผลพวงจากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่าย เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ลดปริมาณการซื้อเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มกันหนาวตัวใหม่ แต่หันกลับไปนำเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มกันหนาวจากปีที่แล้วมาทำความสะอาด และสวมใส่บรรเทาความหนาวเย็นแทน

    ขณะที่ จ.พิษณุโลก สภาพอากาศที่หนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บรรยากาศตามร้านหมูย่างเกาหลีและหมูกระทะคึกคักเป็นพิเศษ ประกอบกับขณะนี้มีทีมนักกีฬา รวมทั้งนักท่องเที่ยว เดินทางมาชมกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 37 พิษณุโลกเกมส์ ส่งผลดีต่อธุรกิจร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านอาหารปิ้งย่าง มียอดจำหน่ายแต่ละร้านพุ่งสูงถึง 2 เท่าตัว. - สำนักข่าวไทย

    2008-12-14 03:16:02

    มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ มอบผ้าห่มกันหนาวที่เลย

    [​IMG]

    เลย 14 ธ.ค.- ณ หอประชุมอำเภอท่าลี่และหอประชุมอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย นายขวัญแก้ว วัชโรทัย นายกมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วยนายประสงค์ พิทูรกิจจา เลขาธิการมูลนิธิฯ และคณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ เดินทางมอบผ้าห่มกันหนาวแก่ราษฎรที่ประสบภัยหนาว อำเภอท่าลี่ จำนวน 500 คน และอำเภอเชียงคาน 500 คน

    ซึ่งนายมานิตย์ มกรพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวรายงานถึงข้อมูลผู้ประสบภัยหนาวปี 2551/2552 ของจังหวัดว่า จังหวัดเลยประสบกับภาวะอากาศหนาวเย็นทุกปี เนื่องจากภูมิประเทศเป็นภูเขาและป่า โดยอากาศเริ่มเย็นลงตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จังหวัดเลยจึงประกาศให้ทั้ง 14 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยหนาวทุกตำบล

    ซึ่งในปีงบประมาณ 2552 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเลยจัดซื้อผ้าห่มกันหนาวจำนวน 2,700 ผืน คิดเป็นมูลค่า 500,000 บาท รวมทั้งภาคเอกชนร่วมแจกอีก 4,898 ผืน แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความเดือดร้อนของผู้ด้อยโอกาสที่ประกอบด้วยผู้สูงอายุ คนพิการ เด็ก ผู้มีรายได้น้อยฐานะยากจนที่ต้องการความช่วยเหลือ จำนวน 215,255 ราย.-สำนักข่าวไทย

    2008-12-14 13:37:40

    ยโสธรเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว

    [​IMG]

    ยโสธร 14 ธ.ค.- จ.ยโสธร เร่งส่งเจ้าหน้าที่ออกช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยหนาว หลังจากประกาศให้ 9 อำเภอกว่า 800 หมู่บ้านเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติภัยหนาว

    นายขจรศักดิ์ สิงโตกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร กล่าวว่า จากการที่จังหวัดประกาศให้พื้นที่ 9 อำเภอกว่า 800 หมู่บ้าน ราษฎรกว่า 70,000 คน เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติภัยหนาว ขณะนี้ได้เร่งนำเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ ร่วมกับภาคเอกชนออกให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยหนาว โดยนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ออกตรวจรักษาโรคทั่วไปให้กับราษฎร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ที่ล้มป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่จากการแพ้อากาศ ควบคู่ไปกับการมอบเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุให้ครบทุกหมู่บ้านเพื่อเป็นของขวัญให้ประชาชนวันขึ้นปีใหม่ 2552

    ขณะเดียวกันยังอนุมัติให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยโสธร ตั้งงบประมาณจัดซื้อเครื่องนุ่งห่มกันหนาวจำนวน 68,000 ชุด จากกลุ่มแม่บ้านที่รวมกลุ่มผลิตในแต่ละหมู่บ้านไปแจกจ่ายให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งนอกจากจะได้ผ้าคุณภาพแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมอาชีพให้ราษฎรในท้องถิ่นอีกด้วย โดยจะนำไปมอบให้ประชาชนควบคู่กับถุงยังชีพ โดยผ้าห่มจะส่งมอบให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นปี 2551

    นอกจากนี้กระทรวงแรงงาน ยังได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปให้คำปรึกษาทางด้านการไปสมัครทำงานต่างจังหวัดและต่างประเทศ เพื่อป้องกันการถูกหลอกไปขายแรงงานที่ไม่เป็นธรรม พร้อมทั้งนำวิทยากรไปอบรมให้ความรู้การประกอบอาชีพ เช่น งานช่างปูน ช่างเชื่อมเหล็ก งานซ่อมเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ ช่างตัดผม และการแปรรูปอาหารเพื่อจำหน่าย เพื่อเป็นการส่งเสริมอาชีพให้ประชาชนรองรับปัญหาการว่างงานภายหลังโรงงานในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

    ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร กล่าวว่า ด้านสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดยโสธร ยังได้นำเจ้าหน้าที่ออกตรวจสุขภาพสัตว์ โค-กระบือ แพะ และแกะ ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศหนาว และนำหญ้าแห้งอัดแท่งไปมอบให้เกษตรกรกลุ่มเลี้ยงโค-กระบือ ที่ขอความช่วยเหลือมาด้วย.- สำนักข่าวไทย

    2008-12-14 10:02:22

    ชาวตรังป่วยจากอากาศเปลี่ยนวันละหลายร้อยคน

    [​IMG]

    ตรัง 14 ธ.ค.-อากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยขณะนี้ ส่งผลให้ชาวตรังป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจถึงวันละหลายร้อยคน

    นายแพทย์สมนึก เชื้อทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรังเปิดเผยว่า ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนจากร้อนเป็นหนาว ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาด้วยโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งโรคทางเดินอาหารเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ยวันละ 200 – 300 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้สูงอายุ ดังนั้นจึงควรที่ประชาชนต้องทำร่างกายให้อบอุ่น กินอาหารถูกสุขอนามัย ดื่มน้ำสะอาด พักผ่อนให้เพียงพอ และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ.-สำนักข่าวไทย

    2008-12-14 10:38:16

    ข้าวฟ่างหวานอีกหนึ่งทางเลือกใช้ผลิต เอทานอล

    [​IMG]

    ขอนแก่น 14 ธ.ค.- รศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและการถ่ายทอดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) เปิดเผยถึงความร่วมมือทางวิชาการกับบริษัทที่ผลิตเอทานอล ศึกษาวิจัยพืชพลังงานทดแทน นอกเหนือจากกากน้ำตาลอ้อยและมันสำปะหลังว่า

    ข้าวฟ่างหวานเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่ศึกษาวิจัยมานาน พบว่ามีศักยภาพสูงใกล้เคียงกับอ้อยที่จะนำไปผลิตเป็นเอทานอล คือประมาณ 60-70 ลิตรต่อตันของวัตถุดิบ อีกทั้งข้าวฟ่างมีอายุเก็บเกี่ยวสั้นเพียง 100 วัน ให้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 5 ตัน ปลูกปีละ 2-3 ครั้ง ขณะที่อ้อยและมันสำปะหลังจะให้ผลผลิตมากช่วงเดือน พ.ย.-เม.ย.เท่านั้น หากเก็บเกี่ยวนอกฤดูกาลจะส่งผลต่อคุณภาพของวัตถุดิบ เช่น เปอร์เซ็นต์น้ำตาลหรือแป้งต่ำ ในกรณีใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบยังมีอุปสรรคจาก พรบ.อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ.2527 เรื่องการแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างชาวไร่กับโรงงาน หากมีการก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอลขึ้นมามาก วัตถุดิบที่มีอยู่จะไม่เพียงพอป้อนโรงงาน

    ดังนั้น การหาวัตถุดิบทางเลือกอื่นจึงเป็นเรื่องจำเป็น ซึ่งข้าวฟ่างหวานเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้านักธุรกิจที่จะลงทุนสร้างโรงงานผลิตเอทานอลจากข้าวฟ่างหวาน ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่าควรสร้างเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่อยู่ในบริเวณเดียวกันกับอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่น ๆ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านการป้อนวัตถุดิบให้กับโรงงานผลิตเอทานอล เช่น อาจอยู่ในบริเวณเดียวกันกับโรงงานน้ำตาล เพื่ออาศัยกากน้ำตาลมาเป็นวัตถุดิบ หรืออาจอยู่บริเวณเดียวกันกับโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง เพื่อใช้กากแป้งที่เหลือจากกระบวนการผลิตมาเป็นวัตถุดิบผลิตเอทานอล และควรก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าชีวมวล เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับไฟฟ้า.- สำนักข่าวไทย

    2008-12-14 10:18:39

    ภูเก็ตเพิ่มชุดตำรวจม้าดูแลนักท่องเที่ยวเริ่มแรกหาดป่าตอง

    [​IMG]

    [​IMG]

    ภูเก็ต 14 ธ.ค.- พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงษ์ทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ฤดูท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต หรือไฮซีซั่นปีนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด นอกจากมีสายตรวจดูแลตามพื้นที่

    ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตสนับสนุนงบประมาณกว่า 2 ล้านบาท จัดจ้างตำรวจอาสาสมัครมาร่วมตรวจตราตามชายหาด และเพื่อให้การดูแลนักท่องเที่ยวได้ทั่วถึง จะมีตำรวจม้ามาช่วยเสริมอีกทางหนึ่ง โดยจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่แรกวันพรุ่งนี้ (15 ธ.ค.) ที่หาดป่าตอง อ.กะทู้ หากผลเป็นที่น่าพอใจจะนำมาใช้ตลอดไปเช่นเดียวกับเมืองใหญ่ที่ประเทศอังกฤษ

    [​IMG]

    [​IMG]

    นอกจากมีตำรวจม้าแล้วยังมีตำรวจจักรยาน ซึ่งสามารถเข้าไปดูแลได้ทุกชุมชน ส่วนการติดตั้งกล้องวงจรปิดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หลายแห่งมีนโยบายติดตั้งเพิ่มเติม เช่น เทศบาลตำบลราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต จะติดเพิ่ม 30 ตัว ในพื้นที่ราไวย์ เชื่อว่าถ้าดำเนินการแล้วเสร็จจะทำให้ประสิทธิภาพการดูแลความปลอดภัยด้านท่องเที่ยวดียิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย

    2008-12-14 13:53:59

    ที่มา http://news.mcot.net/local/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2008
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ความสำคัญของผ้าปิดปาก-จมูก

    [​IMG]

    ช่วงนี้มีคนป่วยเป็นไข้หวัด เนื่องจากอากาศหนาวเย็นกันมาก ผมจึงขออนุญาตินำบทความที่น่าสนใจ ของคุณเจี๊ยบจากบล๊อค okanemochi มาให้ได้อ่านกันนะครับ

    ผ้าปิดปาก-จมูกป้องกันเชื้อหวัด โดยคุณเจี๊ยบ

    <!-- Main -->[SIZE=-1]ดิฉันป่วยมาสี่วันแล้ว ตั้งแต่เริ่มเกาะติด และตามอ่านข่าวสาร สถานการณ์บ้านเมืองของไทย นอนดึก ตื่นสาย บวกกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นที่โตเกียวตอนนี้ เลยทำให้เดี้ยงไปเลยค่ะ ไปหาหมอมาเมื่อวานนี้ คนเป็นหวัดกันเยอะมากๆเลย ไอค๊อกไอแค๊ก ทั้งจาม ทั้งสั่งน้ำมูก

    [SIZE=-1]คนป่วยล้นโรงหมอ เพราะไข้หวัดใหญ่กำลังระบาดหนักช่วงนี้ ก็อย่างว่า ประชากรในประเทศนี้มีเยอะมาก จนดูอยู่กันอย่างแออัดคับแคบ เพราะพื้นที่ประเทศเป็นเกาะและขนาดเล็กกว่าพื้นที่ของประเทศไทยตั้งเยอะ[/SIZE]

    [SIZE=-1]ไปไหนมาไหน คนก็เยอะ ใครเป็นหวัด ก็ติดๆกันมา ทั้งจากในรถไฟและรถเมล์ กลับถึงบ้านต้องล้างมือให้สะอาด พร้อมกลั้วคอด้วย ขนาดดิฉันระมัดระวังตัวอย่างดี ก็ยังโดนหวัดเล่นงานเข้าจนได้ และเคยปอดบวม(น้ำท่วมปอด)มาแล้ว ช่วงหน้าหนาวอย่างนี้แหล่ะยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ[/SIZE]

    [SIZE=-1]อาการป่วยไข้ของวันนี้ ดูท่าจะแย่ลงกว่าเมื่อวาน เพราะตั้งแต่เป็นหวัดก็ออกมานอนข้างนอก บริเวณ living room เพราะพื้นและอุณหภูมิห้องอุ่นกว่าในห้องนอน อากาศก็โปร่งกว่า [/SIZE]

    [SIZE=-1](สามีของดิฉันชอบปิดประตูห้องนอนค่ะ อึดอัดเหลือเกิน คนญี่ปุ่นนี่ชอบปิดประตูห้องนอนกันทุกคนหรือเปล่านะ? ดิฉันกลับชอบเปิดประตูห้องมากกว่า เพราะอากาศจะได้หมุนเวียนถ่ายเท)[/SIZE]

    [SIZE=-1]นอนที่ living room ได้คืนเดียว อาการป่วยที่ทำท่าว่าจะดีขึ้นอยู่แล้วเชียว สามีตัวดีของดิฉันนึกอย่างไรไม่ทราบ จัดแจงย้ายที่นอนของดิฉันให้ดิฉันไปนอนในห้องสมุดแทน ห้องก็เล็กๆแคบๆ แถมอากาศก็หนาวเย็นยะเยือก หนาวมากทั้งๆที่เปิดฮีตเตอร์แล้ว [/SIZE]

    [SIZE=-1]หลับๆตื่นๆทั้งคืน เพราะลมเย็นๆพัดเข้ามากระทบศีรษะตลอด หายใจก็ไม่ออก เพราะจมูกมีน้ำมูกอุดตัน เวรกรรมจริงๆ จากอาการที่ทำท่าว่าจะดีขึ้น วันนี้แย่ลงกว่าเดิมมากค่ะ เพราะมีบริการเสริมเพิ่มอาการไอเข้ามาให้อีก[/SIZE]

    [SIZE=-1]ตอนนี้ดิฉันยกที่นอน หมอน ผ้าห่ม มากองไว้ที่ living room เหมือนเดิมแล้ว ถึงแม้ว่าจะต้องทะเลาะวิวาทกับสามีเรื่องที่หลับที่นอนนี่ก็ยอมล่ะค่ะ เพราะดิฉันจะไม่กลับไปนอนในห้องสมุดอีกแล้ว เพื่อสุขภาพของตัวเอง (เรื่องของเรื่องคือกลัวจะเป็นปอดบวมอีก ใครไม่เคยเป็นไม่รู้หรอกว่ามันทรมานมากแค่ไหน ไอ้โรคน้ำท่วมปอดเนี่ย ดิฉันเคยเกือบตายมาแล้ว)[/SIZE][/SIZE]
    [SIZE=-1]
    [SIZE=-1][​IMG][/SIZE]​

    [SIZE=-1]ซื้อผ้าปิดปาก-จมูกมาใช้ ยี่ห้อนี้เขาว่าใช้ดี ป้องกันเชื้อไวรัสก็ได้ ป้องกันละออง เกสรดอกไม้ 花粉 ก็ได้เหมือนกัน[/SIZE][/SIZE]​

    โดยคุณ เจี๊ยบ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2551 เวลา 8:32:09 น.

    ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=okanemochi&month=11-2008&date=30&group=4&gblog=7
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 10064-MA001.jpg
      10064-MA001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.1 KB
      เปิดดู:
      70
    • 1228008466.jpg
      1228008466.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.8 KB
      เปิดดู:
      1,781
  12. The Shadow

    The Shadow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +1,732
    ทุกคนมีสิทธิที่จะเขียนสิ่งที่ตนเชื่อนะครับ (เข้าใจว่าพี่เกษมไม่พอใจผม)

    ส่วนว่าจะเขียนแล้วคนอ่านรู้สึกอย่างไรคงไปตอบแทนไม่ได้

    เหรียญมี2ด้านเสมอ เชื่อมากก็หลง



    จำได้ว่าเคยถามคุณคณานันท์ไปว่า เมื่อพระท่านให้มาช่วยคน ทำไมไม่ขอตังค์ท่านมาด้วย
    รางวัลที่1 ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าท่านจะให้

    แต่คุณคณานันท์ตอบผมคล้ายๆกับว่า เป้นเรื่องของกำลังใจ ผมก็เออออไปงั้นแหละ คงบารมีต่ำเกินไป เลยไม่เข้าใจเรื่องกำลังใจ รู้แต่ว่าของแท้ต้องให้ได้ ใช้ให้ไปทำงานแต่ไม่ให้ตังค์ มันก็ต้องทบทวนกันหน่อย (ต้องขออภัยด้วยที่อ้างถึง)




    ทุกวันนี้ผมก็รอทดสอบนิมิตอยู่นะ เริ่มจะเลิกเชื่อแล้ว ไม่ถูกสักอย่าง กำหนดวันครั้งสุดท้ายถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก ผมจะทบทวนการปฎิบัติใหม่ทั้งหมด
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ก็อย่างที่คุณคนไกล ได้บอกเอาไว้ครับ เราทุกคนมีหน้าที่ ที่ได้รับอาสาลงมาทำหน้าที่ของแต่ละคนครับ ซึ่งบางคนก็อาจจะลืมพันธะสัญญาที่ตนเองได้ให้ไว้ไปแล้ว

    กระผมมีหน้าที่ให้มาแจ้งข่าวสาร การเสด็จมาของพระเจ้าจักรพรรดิ์ เพื่อปูทางให้คนที่รับอาสาลงมาทำหน้าที่ ร่วมงานกับพระเจ้าจักรพรรดิ์ ในการมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้อยู่ยั่งยืนไปจนครบ 5,000 ปี จะได้ระลึกถึงพันธะสัญญาของตัวเองขึ้นมา และผมยังมีหน้าที่ให้ความรู้ว่าพระเจ้าจักรพรรดิ์ท่านจะมาทำหน้าที่อะไร ให้กับโลกเราในยุคนี้ได้รับรู้รับทราบกันครับ

    ทุกท่านมีสิทธิ์ที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ เพราะผมไม่สามารถจะไปบังคับใจของใครได้ เพื่ยงแต่ผมได้พยายามรวบรวมข้อมูลทุกอย่าง ที่เกี่ยวกับเรื่องของพระเจ้าจักรพรรดิ์ มาแจ้งให้ชาวโลกรับทราบอย่างดีที่สุดแล้ว ก็ถือว่าเป็นอันว่าผมได้ทำตามพันธะสัญญาที่ได้ให้ไว้กับพระเจ้าจักรพรรดิ์(พระศรีอาริย์) เรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว

    แต่ทุกท่านที่ได้เคยมีพันธะสัญญากับพระเจ้าจักรพรรดิ์ ได้ทำหน้าที่ของตัวท่านเองแล้วหรือยัง?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2008
  14. ธีรยุทธ

    ธีรยุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +750
    ผมคิดว่า ท่านทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น พระโพธิสัตว์ ผู้ปราถนาพุทธภูมิ สาวกภูมิ เทพ พรหม พระญาณ ต่างๆ ฤาษี ผู้ที่นับถือศาสนาต่างๆ หากท่านทั้งหลายต่างช่วยกันทำสิ่งที่ดีๆ ให้กับโลก ให้กับตัวเองและผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา การสร้าง สถานที่ต่างๆ ที่เป็นพลังด้านดี สีขาว หรือด้านบวก ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น เพราะเราก็อยู่ในสถานที่ที่เดียวกัน เขาให้เราไม่ต้องแตกแยกกันก็พอครับ ขึ้นชื่อว่าทำดี ดีหมดครับ สิ่งไหนที่ดี เป็นความดี เราก็บอกต่อๆกัน เพราะว่าสิ่งนั้น มีเจตนาความปราถนาดีแฝงอยู่แล้วครับเป็นอย่างแรก การกระทำถ้าเป็นสิ่งที่ดี ไม่ต้องหวังผล ไม่ต้องรอ ไม่ต้องคิดเป็นอย่างอื่นครับ ถ้าเป็นสิ่งที่ดี แล้วทุกอย่างก็ดีเองครับ
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    หน้าที่หลักของพระศรีอาริย์ ที่จุติลงมาบนโลกมนุษย์ในยุคนี้ก็คือการมายกยอพระพุทธศาสนาให้กลับมารุ่งเรือง เหมือนในสมัยพุทธกาลอีกครั้งหนึ่ง และวางรากฐานของพระพุทธศาสนาให้มั่นคง อยู่ยืนยาวไปจนครบ 5,000 ปี ตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงอธิษฐานเอาไว้ครับ แต่ท่านมาในฐานะพระเจ้าจักรพรรดิ์ ปกครองโลกนี้ทั้งโลก ไม่ได้มาในฐานะพระพุทธเจ้าเพราะยังเป็นยุคสมัยของพระพุทธเจ้านามว่า"พระสมณะโคดม" อยู่นะครับ

    ถ้าจะถามว่าผมรู้ได้อย่างไร ก็ตอบว่ารู้จากตำนานพระศรีอาริย์ที่ถูกบันทึกไว้ในใบลานและกระดาษข่อย อายุเกินกว่า 100 ปี มีทั้งที่เป็นภาษาพม่า ไทยใหญ่ ไทยเขิน ไทยเหนือ ไทยอีสาน ฯลฯ รวมคำทำนาย 50 กว่าผูก รวบรวมโดยรหัสยญาณ (นามปากกาผู้เขียนหนังสือ"พระศรีอาริย์เจ้าโลก")

    ถ้าจะถามว่าท่านจะมาช่วยเหลือชาวโลก ให้พ้นจากกลียุคได้อย่างไร ก็ขอตอบตามที่ตำนานได้กล่าวไว้ว่าท่านจะมาสร้างอาณาจักรแห่งสัมมาทิฎฐิ รวบรวมผู้คนที่เป็นคนดี มีศีลธรรม เอาไว้ในอาณาจักรแห่งนั้น และอัญเชิญเหล่าพระอริยะเจ้าทั้งหลายให้มาร่วมกันสังคยานาพระไตรปิฎกขึ้นมาใหม่ และส่งพระธรรมทูตเหล่านี้ออกไปเผยแผ่พระธรรมไปทั่วโลก

    อีกทั้งยังใช้อำนาจอิทธิฤทธิ์และบุญญาธิการของท่าน ออกไปทำการยุติสงครามทั้งหลายที่กำลังดำเนินอยู่ให้สงบราบคาบ

    ถ้าจะถามว่าเอาอะไรเป็นเครื่องตัดสิน ชี้ขาดว่า ผู้ใดเป็นพระศรีอารย์ ก็ตอบตามที่ตำนานได้ระบุไว้ว่า การแสดงอิทธิฤทธิ์ของท่านเองนั่นแหละจะเป็นตัวชี้ขาดว่าใช่ตัวจริงหรือไม่ ตามตำนานการมาปรากฎตัวของพระศรีอารย์กล่าวไว้ดังนี้

    เมื่อปรากฏภัย ๑๐ ประการหนาแน่นขึ้นก็จะปรากฏผู้เฒ่าผมขาวหนวดเครายาวขี่ม้าขาวเหาะลอยมายังท่ามกลางเมืองเชียงใหม่ นั่นคือองสมเด็จพระศรีอริยะเมตไตรยมาปรากฏเป็นที่พึ่งแก่โลกแล้ว อย่าสงสัยเลย

    ในคัมภีร์ทางศาสนาคริสต์ก็ได้กล่าวไว้ดังนี้

    "ภายหลังเมื่อคราวลำบากนั้นพ้นไปแล้ว ดวงอาทิตย์จะมืดไป และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสงดวงดาวทั้งปวงจะตกจากฟ้า และบรรดาสิ่งซึ่งมีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน เมื่อนั้นเขาจะเห็น บุตรมนุษย์เสด็จมาในเมฆ ทรงฤทธานุภาพ และพระสิริเป็นอันมาก เมื่อนั้นพระองค์จะทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ทั้งสี่ทิศนั้น ตั้งแต่ที่สุดปลายแผ่นดินโลกถึงที่สุดของฟ้า......"
    <!-- / message -->
     
  16. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +2,752
    ...โอ้...น่าตื่นเต้น และ ถูกใจจริงๆ ที่ท่าน มีหน้าที่ ดังกล่าว.. และหาก ทราบว่า พระเจ้าจักรพรรดิ พระองค์นั้น เป็นใคร และ จะเสด็จมาเมื่อไร โปรด ประกาศให้ทราบด้วยครับ....ผมก็ป้วนเปี้นนในเวปนี้มานานแล้ว จะได้วางใจ และ เลิกค้นหาเสียที.. หากไม่สะดวกใจ จะฝากข้อความเป็นการส่วนตัว ก็ได้ครับ...แต่ต้องเรียนให้ทราบก่อนว่า...ผมรับฟังข้อมูลของท่านได้...โดยความเคารพนับถือในสิ่งที่ท่านรู้...แต่ ..ขอสงวนสิทธิ์ที่จะเชื่อ หรือไม่เชื่อ ด้วยเอง....

    ...ผม..ก็ เพียงคนแก่ๆ คนหนึ่ง ที่สนใจ เรื่องราวแปลกๆ ...ไม่เป็นพิษภัยกับใครหรอกครับ....ก็แค่ อยากรู้อยากเห็นตามประสามนุษย์...หากจะกรุณาอนุเคราะห์ให้ความรู้บ้าง..ก็ จะ เป็นพระคุณยิ่ง...การทำตนให้รอบรู้มากๆนี้..สำหรับผม..ก็ ถือเป็นการลดกิเลส ได้ประการหนึ่ง...
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ยังไม่มีใครจะสามารถบอกได้หรอกครับ ว่าพระเจ้าจักรพรรดิ์ท่านเป็นใครและจะเสด็จมาเมื่อไหร่ นอกจากเมื่อถึงเวลาแล้วท่านก็จะปรากฏตัวออกมาเองครับ ในลักษณะที่ทำให้ชาวโลกต้องตกตะลึงดังที่ได้บอกเอาไว้แล้ว

    ตอนนี้ต่อให้พบปะเจอตัวกัน ก็ไม่มีทางที่จะรู้ได้ เพราะตอนนี้ท่านก็เป็นมนุษย์เดินดินธรรมดาๆ เหมือนกับเราๆ ท่านๆ นี่แหละครับ ซ้ำยังมีหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่อีกด้วย(ตามที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านได้บอกเอาไว้) และผมยังได้ฟังท่านผู้รู้บางท่านบอกเอาไว้ว่าพระศรีอาริย์ท่านอธิษฐานปิดบังตัวท่านเองเอาไว้ด้วย ต่อให้คนที่มีตาทิพย์ชั้นสูงสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถมองดูรัศมีภายในของท่านได้

    ที่ผมบอกเรื่องพันธะสัญญาที่ผมมีต่อพระเจ้าจักรพรรดิ์นั้น มันเป็นความรู้สึกอยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจ ที่ไม่สามารถจะอธิบายได้ ไม่ใช่เพราะผมสามารถระลึกชาติได้หรือมีญาณวิเศษอะไรหรอกนะครับ เพียงแต่มันเป็นความรู้สึกผูกพันกันมาอย่างยาวนานกับพระศรีอาริย์ท่าน เท่านั้นเองครับ

    ถ้าท่านเชื่อในคำทำนายที่ว่าต่อไป พระพุทธศาสนาจะกลับมารุ่งเรืองเหมือนเมื่อในสมัยพุทธกาลแล้ว ก็ขอให้คิดดูเอาเถิดว่า ผู้ที่จะสามารถทำเช่นนั้นได้ ต้องเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีมากที่สุดในขณะนี้เท่านั้น จึงจะสามารถทำเรื่องยิ่งใหญ่แบบนี้ได้ นั่นก็คือพระเมตไตรยโพธิสัตว์ที่บารมีจะได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปนั่นเองครับ

    สุดท้ายนี้ผมขอนำพุทธทำนายของพระพุทธเจ้า ที่กล่าวถึงเรื่องของพระศรีอาริย์ที่จะมาปรากฎเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ เพื่อยกยอพระพุทธศาสนาในช่วงกึ่งพุทธกาลนี้ มายืนยันกับท่านทั้งหลายอีกครั้งดังนี้ครับ

    พุทธทำนาย: ถอดความจากศิลาจารึก เชตมหาวิหาร สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย

    เริ่มแต่พุทธศาสนาล่วงเลย ๒,๕๐๐ ปี เป็นต้นไป ไฟจะรุกรามมาทางทิศตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม สมชีพรามณ์จะอดอยากยากเข็ญ ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้า จะทะยานจากน้ำ มหาสมุทธจะชอกซ้ำ สงครามจากทั่วทิศศึกจะติดเมือง ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมือง ทรงเมือง จะหนีเข้าไพร ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจ จะเรียกแมลงผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ ยักษ์หินที่ถูกสาบเป็นเวลานาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาดโลก ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน ตลิ่งจะพัง แผ่นดินจะถล่มเป็นทะเล โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะนักปราชญ์จะถูกทำร้ายให้สิ้นสูญ

    ในระยะนั้นศาสนาของตถาคตจะเสื่อมลงมาก เพราะพุทธบริษัทไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม เชื่อคำคนโกง กล่าวคำเท็จ ไม่เคารพรักธรรมนิยม คนประจบสอพลอได้รับความเชื่อถือในสังคม ผู้ที่มีศีลธรรม ประพฤติดี ประพฤติชอบ กลับไม่มีใครเคารพยำเกรง

    พระธรรมจะเริ่มเปล่งรัศมี ฉายแสงส่องโลกอีกวาระหนึ่งก็ต่อเมื่อมี ธรรมิกราชโพธิญาณ (พระเจ้าจักรพรรดิ์)บังเกิดขึ้น อยู่ในความอุปถัมภ์ของ พระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ทั้งสองพระองค์สถิตย์ ณ เบื้องต้นตะวันออกของมัชฌิมประเทศ จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคต ให้รุ่งเรืองสืบไปถึง ๕,๐๐๐ พระวัสสา

    ที่มา http://www.ete25.com/webboarddetail.php?webboard_id=319
     
  18. strongblack

    strongblack Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +38
    นานแล้ว เคยฝันว่า พบพระภิกษุรูปหนึ่ง มีอายุแล้ว ท่านนั่งอยู่บนแท่น และแนะนำว่า ท่านคือ พระธรรมราชา ถ้าจำไม่ผิดนะ เพราะนานแล้ว ไม่ค่อยได้ใส่ใจเท่าไร ชื่อคล้าย ๆ กับที่คุณเกษมบอกเลย เห็นแปลกดี เลยมาเล่าสู่กันฟัง
     
  19. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    การได้ล่วงรู้ว่าพระศรีอาริยะเมตตรัยจะมาเมื่อนั่นเมื่อนี่ซึ่งอาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ทำให้เราเกิดความอยากจะพบพระองค์ก็เป็นกิเลสแบบหนึ่งหรือไม่ก็อาจจะไม่อยากพบด้วยเหตุผลใดก็ตามก็เป็นกิเลสอีกอย่างหนึ่ง ทำอยางไรตัวเราถึงจะไม่เกิดกิเลสทั้งสองแบบได้อันนี้สำคัญครับลองคิดกันดูนะครับ ผมเชื่อว่าคุณ OLDMAN AND A CAR รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 ธันวาคม 2008
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คำทำนายอีสานโบราณ
    โดยคุณแกะน้อย

    [​IMG]
    นาจะเป็นบ้าน เกียจคร้านจะอดตาย

    ภูเขาจะย้าย แผ่นดินจะเดิน

    พระจะไม่เชื่อสมภาร พญามารจะสู้ผู้ครองเมือง

    เสือเหลืองจะปล้นบ้าน ห้วยหนองคลองจะแคบ

    แกลบจะมีราคา หมูหมาคนตายไม่ต้องเป็นไข้

    โรคใหม่จะมากินคน ไอ้ตีนมนจะออกเขา

    เสาจะกินเงิน มนุษย์เดินดินจะกินน้ำพญานาค

    คนทุกข์ยากจะแห่เข้าเมือง คนนุ่งผ้าเหลืองจะเอาเมีย

    คนจะเกิดเหลือน้อยลง สัตว์ป่าดงพงพีจะสูญพันธุ์

    คนคุยกันจะชักหาง ขุนนางจะขอทาน

    ชาวบ้านจะออกรบ ศพจะเกลื่อนเมือง
    .........................................................................................

    นาจะเป็นบ้าน หมายความว่า เกษตรกร(ไร่,นา)จะไม่มีอีกต่อไป เพราะคนสมัยนี้หันไปเรียนทางด้านวิทยาการ เป็นพนักงานบริษัท(บ้าน) โดยลืมไปว่า ประเทศไทย เป็นประเทศเกษตรกรรม เมื่อคนไทยหันมาเป็นผู้บริโภคในขณะที่การผลิตข้าวและพืชผลทางการเกษตรลดลง พืชผลจะแพงหูฉี่ ตอนนี้ยังไม่เป็นไรเพราะยังมีสัดส่วนการผลิตครึ่งต่อครึ่ง แต่เมื่อใดคนทำนาลดลงมากกว่านี้ เราอาจได้เห็นข้าวถุงละห้าร้อย.

    เกียจคร้านจะอดตาย หมายความว่า เมื่อสังคมมีแต่เงิน มีเงินเป็นพระเจ้า ต่างคนต่างต้องแก่งแย่งชิงดี เพื่อได้มาทุกวิถีทางซึ่งชื่อเสียง เกียรติยศ และอาหารการกิน แน่นอนว่าผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ผู้พิกลพิการ ตลอดจนถึงคนขี้เกียจทำงาน อาจต้องอดตายสักวันเมื่อข้าวแพงถึงจุดสูงสุด

    ภูเขาจะย้าย แผ่นดินจะเดิน หมายความว่า .........แก้ไขเพราะข้อความไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่......................

    พระจะไม่เชื่อสมภาร พญามารจะสู้ผู้ครองเมือง หมายความว่า ลูกน้องจะไม่เชื่อเจ้านาย ผู้ใต้บังคับบัญชาจะไม่เชื่อฟังหัวหน้า เมื่อมีวุฒิการศึกษาสูงต่ำทัดเที่ยมกัน ย่อมจะเกิดทิฐิมานะว่า ตูก็เก่ง จะไปฟังทำไม ประชาชนจะไม่เชื่อรัฐบาล นักเรียนจะไม่เชื่ออาจารย์ พระจะไม่เชื่อเจ้าอาวาส ความวุ่นวายจะแผ่ซ่านไปทั่วทุกหัวระแหง ด้วยกำลังแห่งทิฐิมานะของมนุษย์

    เสือเหลืองจะปล้นบ้าน ห้วยหนองคลองจะแคบ หมายความว่า เมื่อประชาชนในชาติทะเลาะกัน ชาวต่างชาติย่อมกอบโกยผลประโยชน์จากการทะเลาะกันของคนในชาติ ห้วยหนองคลองบึง เป็นตัวแทนแห่งความเอื้ออารีย์ของคนไทย เมื่อห้วยหนองแคบ หมายความว่า คนไทยจะไม่เอื้ออารีย์กันเหมือนเมื่อก่อน เมื่อต่างฝ่ายต่างมีมานะทิฏฐิ ไม่ยอมลดราวาศอกกันเพราะกลัวเสียหน้า ความหายนะย่อมมาเยือน

    แกลบจะมีราคา หมายความว่า แกลบ หมายถึง คนชั้นต่ำ มีวุฒิการศึกษาแต่ไม่มีหัวคิด ไร้สำนึกรับผิดชอบต่อสังคม อาศัยอำนาจของตนเองจะเป็นใหญ่ครองบ้านครองเมืองโดยไม่สนกฏหมาย ไม่สนหลักประชาธิปไตย ไม่สนใจความเดือดร้อนของใคร อาศัยทิฐิของตนเองจะเป็นใหญ่ สร้างเครดิตให้ตัวเอง ความหายนะย่อมมาเยือน

    หมูหมาจะตายโดยไม่เป็นไข้ โรคใหม่จะมากินคน หมายความว่า เมื่อเกิดภาวะโลกร้อน เชื้อโรคที่หลับใหลอยู่ใต้ดิน เป้นเชื้อโรคโบราณสมัยยุคดึกดำบรรพ์ ย่อมกลับมาระบาดอีกครั้ง คร่าชีวิตผู้คนในทันทีโดยไม่มีอาการป่วย ดังที่เราได้เห็นได้ยินกันในปัจจุบันนี้

    ไอ้ตีนมนจะออกเขา หมายความว่า อันนี้ไม่รู้ความหมาย แต่เท่าๆที่คิดดูน่าจะหมายถึง คนที่มีความสามารถ ทนเห็นบ้านเมืองวุ่นวายไม่ไหว จึงต้องออกมาแก้วิกฤติชาติ เพราะตีนมน เป็นลักษณะเท้าของคนมีความคิดและมีความสุขุมด้วยปัญญา.

    เสาจะกินเงิน หมายถึง ตู้เอทีเอ็ม มนุษย์จะเปลี่ยนจากการใช้เบี้ยในสมัยก่อน มาเป็นแบบ E-money แทน ระบบเงินจะใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลัก

    มนุษย์เดินดินจะกินน้ำพญานาค หมายถึง ซึนามิ

    คนทุกข์ยากจะแห่เข้าเมือง ก็เห็นกันอยู่

    คนผ้าเหลืองจะเอาเมีย อันนี้เห็นประจำ

    คนเกิดจะเหลือน้อยลง ด้วยการคุมกำเนิด

    คนคุยกันจะชักหาง หมายถึง การยกหาง หรือการยกตนข่มท่าน เมื่อมีความรู้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีการอวดโอ่ ดูถูกคนที่ต้อยต่ำกว่าตน

    ขุนนางจะขอทาน หมายถึง ข้าราชการดีๆจะถูกปลด ข้าราชการเลวๆจะถูกบรรจุ คนดีไร้ที่พึ่งพิง

    ชาวบ้านจะออกรบ ศพจะเกลื่อนเมือง (หวังว่าข้อสุดท้ายคงไม่จริง)

    ที่มา http://xchange.teenee.com/index.php?showtopic=67023
    ...................................................................................

    ลองอ่าน การแปลของผมบ้าง....
    โดยคุณ OLDMAN AND A CAR<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1732151", true); </SCRIPT>

    นาจะเป็นบ้าน เกียจคร้านจะอดตาย

    หมายถึง พื้นที่ทำการเกษตรกรรมน้อยลง เพราะทุนนิยม หรือ ผู้ถือครองที่มีเงินมาครอบครองกรรมสิทธิ์ แล้วก็ทำรีสอรซ์ท หรือบ้านจัดสรร เกษตรกรก็ทยอยขายที่ทาง ใครขี้เกียจก็อาจอับจนได้ง่ายๆ

    ภูเขาจะย้าย แผ่นดินจะเดิน

    หมายถึง จะเกิดแผ่นดินไหว บ่อยๆ ตลิ่งจะพังทะลาย พื้นดินจะ ยุบหรือทรุดตัว

    พระจะไม่เชื่อสมภาร พญามารจะสู้ผู้ครองเมือง

    หมายถึง ผู้ใหญ่ทำตัวไม่ดี อยู่ใต้อิทธิพลเหล่ามาร ไม่เป็นที่รักนับถือ ของผู้น้อย

    เสือเหลืองจะปล้นบ้าน ห้วยหนองคลองจะแคบ

    คนพาลจะเป็นใหญ่ มีการบุกรุกที่สาธารณะ คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น

    แกลบจะมีราคา หมูหมาคนตายไม่ต้องเป็นไข้

    ข้าวของจะแพงขึ้นทุกอย่าง ไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เดินอยู่ดีๆ ก็อาจตายได้ง่ายๆ ดูตัวอย่างหมาที่ถุกรถชนตายตามท้องถนน

    โรคใหม่จะมากินคน ไอ้ตีนมนจะออกเขา

    หมายถึงโรคเอดส์และโรคร้ายแรงต่างๆ ที่รักษายากจะแพร่ระบาด คนที่มีสติปัญญาจะปลีกตัวออกไปอยู่นอกๆเมือง หรือหลีกลี้สังคมเมืองที่วุ่นวาย ทำดีไม่ขึ้น หรือไม่มีส่วนร่วมในการทำดี

    เสาจะกินเงิน มนุษย์เดินดินจะกินน้ำพญานาค

    บ้านเมืองเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้าง และตึกระฟ้า..เข้าไปอยู่มีแต่เสียเงิน มนุษย์ธรรมดาอยู่ลำบาก เพราะภัยธรรมชาติหรือดินฟ้าอากาศที่แปรปรวน

    คนทุกข์ยากจะแห่เข้าเมือง คนนุ่งผ้าเหลืองจะเอาเมีย

    ข้อนี้ไม่ต้องแปลเพราะ ชัดเจนดีแล้ว

    คนจะเกิดเหลือน้อยลง สัตว์ป่าดงพงพีจะสูญพันธุ์

    ข้อนี้ไม่ต้องแปลเพราะ ชัดเจนดีแล้ว

    คนคุยกันจะชักหาง ขุนนางจะขอทาน

    ที่แปลเดิม ก็ดีอยู่แล้ว

    ชาวบ้านจะออกรบ ศพจะเกลื่อนเมือง

    ที่แปลเดิม ก็ดีอยู่แล้ว


    ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=164651
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • es017uw4.jpg
      es017uw4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.1 KB
      เปิดดู:
      1,626
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...