ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

;aa25

 

หนังดีที่น่าดู.......​

The Day the Earth Stood Still : วันพิฆาตสะกดโลก​

​

​

The Day the Earth Stood Still เป็นการนำภาพยนตร์ไซไฟสุดคลาสสิกปี 1951 กลับมาตีความให้ทันสมัยเข้ายุค เรื่องราวของ ดร. เฮเลน เบนสัน (เจนนิเฟอร์คอลเนลลี่) นักวิทยาศาสตร์สาวชื่อดังที่ได้เผชิญหน้าตัวต่อตัวกับมนุษย์ต่างดาวชื่อคลาตู (คีอานู รีฟส์) ที่เดินทางข้ามจักรวาลมาเพื่อเตือนว่าโลกกำลังจะมีภัย

เฮเลน ไม่อาจต้านทานกองกำลังที่มุ่งจับตัวมนุษย์ต่างดาว เพื่อเค้นหาความจริงและไม่อาจตอบคำถามของเขา ที่พยายามเฟ้นหาตัวผู้นำโลกได้ เธอและเจค็อบ (เจเด้น สมิธ)ลูกเลี้ยงที่ดูห่างเหินของเธอ ค้นพบสิ่งที่อยู่เบื้องหลังคำกล่าวอ้างของ คลาตูที่บอกว่าเขาเป็น ''มิตรต่อโลก''

ความคลาสสิกจากต้นฉบับ

มนุษยชาติสนใจความเป็นไปได้ที่ว่า น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในจักรวาลนอกจากโลกใบนี้มานานแล้ว นิยายวิทยาศาสตร์และหนังไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิงแต่ยังเปิดประเด็นตอกย้ำ คำถาม, ความหวัง และความกลัวต่อสิ่งมีชีวิตนอกโลก ด้วยการคาดเดาเหล่านั้นตอบสนองจินตนาการ ที่เราสั่งสมมานานและสร้างแรงบันดาลใจให้มนุษย์พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสำรวจหาโลกที่ห่างไกลไปในจักรวาลและค้นหาความเป็นไปได้สูงสุดที่ว่า เราอาจไม่ได้อยู่เพียงลำพังในจักรวาลนี้

1. ในหนังที่มีแบบฉบับเป็นของตัวเอง และมีความแปลกใหม่ที่สุดในบรรดาหนังแนวนี้ของ The Day The Earth Stood Still ได้พลิกวงการและสร้างอิทธิพลต่อผู้ที่สนใจในเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์, นักเขียนและผู้สร้างหนังหลายๆ รุ่นถัดมา ผลงานของ โรเบิร์ต ไวส์ ผู้กำกับฯระดับตำนานบอกเล่าเรื่องราวของ คลาตู มนุษย์ต่างดาวที่หน้าตาเหมือนมนุษย์โลก ยานอวกาศของเขาเดินทางมาลงที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ด้วยเจตนาดีมีเป้าหมายที่จะพบผู้นำโลกเพื่อเตือนให้รู้ว่า ความรุนแรงที่มนุษย์โลกกระทำต่อกันนั้น ส่งผลกระทบต่อความคงอยู่ของเผ่าพันธุ์อื่นในเอกภพเช่นกัน

ด้วยความช่วยเหลือของหุ่นยนต์ยักษ์ผู้พิทักษ์ที่ชื่อ กอร์ท คลาตูหลบหนีจากการตามล่า ของเจ้าหน้าที่ที่พยายามจับกุมตัวเขา ก่อนจะข้าไปใช้ชีวิตปะปนกับผู้คนเพื่อจะทำความเข้าใจเผ่าพันธุ์ ที่หมกมุ่นกับการก่อความขัดแย้งและมุ่งทำลายกันนี้ให้มากขึ้น เขาผูกมิตรกับแม่ม่ายและลูกชาย มิตรภาพระหว่างพวกเขาทำให้คลาตูเข้าใจมนุษย์ชาติมากขึ้น และในท้ายที่สุดก็ได้ท้าทายให้มนุษยชาติก้าวสู่การ เป็นเผ่าพันธุ์ที่ดีขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะพัฒนาได้

หนังฉบับดั่งเดิมไม่เพียงแต่ปฏิวัติวงการ ในเรื่องแนวคิดเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว, ยานอวกาศ และหุ่นยนต์ที่แปลกใหม่ในช่วงเวลานั้น แต่ยังรวมถึงความหลากหลายของแนวคิดเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ที่น่าตื่นเต้น โดยเฉพาะประเด็นความตึงเครียดของยุคสงครามเย็น ที่เพิ่งจะเริ่มต้นและกำลังทวีความรุนแรงขึ้น

''นิยายวิทยาศาสตร์ดังๆ ทั้งหลายในอเมริกาช่วงทศวรรษที่ 50 มักกระตุ้นความกลัวของชาวตะวันตกที่มีต่อกลุ่มประเทศตะวันออก'' เออร์วิน สต๊อฟผู้อำนวยการสร้างหนังอธิบาย ''นิยายเหล่านี้จะตีกรอบให้ผู้อ่านกลัว 'คนอื่น'' ซึ่งก็คือพวกลัทธิคอมมิวนิสต์ The Day the Earth Stood Still โดดเด่นตรงที่มันกระจายความกลัวให้ทุกคนแบกรับไปเท่าๆ กัน 'คนอื่น'' ที่เราต้องกลัวกลับเป็นตัวเราเอง กลับเป็นธรรมชาติของเราและความสามารถในการก่อความรุนแรงที่เราทำกันเอง"

ความยอดเยี่ยมอีกประการของหนังเรื่องนี้ก็คือ การดำเนินเรื่องที่ค่อยๆ คลายปม ''เอกลักษณ์ของเรื่องอยู่ตรงเรื่องราว ที่เล่าผ่านสายตาของมนุษย์ต่างดาวเราดูหนังมนุษย์ต่างดาวมาแล้วหลายเรื่อง แต่ก็ไม่ค่อยจะได้เห็นตัวเราเองเป็นมนุษย์ต่างดาวในหนังทั้งเรื่องอย่างนี้''

จุดเริ่มต้นของหนังเวอร์ชั่นใหม่

สต๊อฟ เริ่มมีความคิดที่จะนำ The Day the Earth Stood Still กลับมาสร้างใหม่ ตั้งแต่เมื่อตอนที่เขาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับ คีอานู รีฟส์เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้น Speed กลายเป็นหนังฮิตและทำรายได้สูงสุดแห่งปี 1994

ในระหว่างประชุมที่ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ สต๊อฟเห็นโปสเตอร์หนังสุดคลาสสิกเรื่องนี้ติดอยู่บนกำแพง ''ผมพูดขึ้นว่าลืมโปรเจกต์ที่ผมจะเข้ามาคุยกับพวกคุณไปก่อน สิ่งที่เราจะสร้างต่อไปคือ The Day the Earth Stood Still ที่มีคีอานูเล่นเป็นคลาตู มันเป็นไอเดียที่เยี่ยมมากแต่ด้วยเหตุผลกลใดไม่รู้ หนังเรื่องที่ว่าก็ไม่ได้สร้าง แต่เหมือนชะตาฟ้าลิขิตในที่สุดโปรเจกต์นี้ก็ถูกส่งมาที่สำนักงานของผม ทิ้งห่างกันกว่า 12 ปีทีเดียว''

เดวิด สคาร์ปา ร่วมกับผู้กำกับฯ สก็อตต์ เดอร์ริคสันได้ช่วยกันเรียบเรียงบทหนังขึ้นมาใหม่ โดยเจตนาให้ The Day the Earth Stood Still ไม่เพียงตอกย้ำความรุนแรงที่มนุษย์ กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น หากยังเพิ่มเติมเรื่องของการทำลายสภาพแวดล้อมของโลกใบนี้ ด้วยน้ำมือของมนุษย์เอาไว้ด้วย

''ผมเป็นแฟนของหนังต้นฉบับนะ'' เดอร์ริคสัน ยืนยัน ''มันน่าสนใจ และมีเอกลักษณ์ในตอนนั้นก็ถือว่าก้าวล้ำยุคสุดๆ ทั้งเทคนิคภาพเรื่องของความตึงเครียดจากสงครามเย็นและวิธีการเล่าเรื่อง ของมนุษย์ชาติผ่านสายตาของมนุษย์ต่างดาว มันเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ผู้ชมรุ่นใหม่ส่วนใหญ่คงไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ ผมรู้สึกว่าพวกเขาน่าจะได้รับรู้เรื่องราวในหนังเรื่องนี้ ซึ่งผมมีโอกาสที่ดีที่จะได้นำมันกลับมาเล่าใหม่ โดยนำเสนอประเด็นปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ทุกวันนี้''

การเริ่มถ่ายทำ

งานสร้างหนังเรื่องนี้ยังทำให้เดอร์ริคสันมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับ โรเบิร์ต ไวส์อย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อน หลังจากที่เขาเคยเป็นนักศึกษาหนังที่ได้ทำหนังสั้นและนำไปฉายในเทศกาลหนังในอินเดียน่า ที่ซึ่งผู้กำกับฯ ระดับตำนานท่านนี้ได้รับการเชิดชูเกียรติด้วยคณะผู้จัดงาน เชิญเขาร่วมทานอาหารเย็นเป็นการส่วนตัวกับไวส์ ซึ่งเดอร์ริคสันเอ่ยปากขอคำแนะนำ จากผู้กำกับหนังเจ้าของสองรางวัลออสการ์

''ไวส์ ถามก่อนว่าผมสนใจหนังแนวไหน แล้วจึงแนะนำว่าผมควรสร้างหนังสยองขวัญเป็นเรื่องแรก เพราะหนังสยองขวัญจะแสดงให้เห็นว่าผมเป็นผู้กำกับฯ ที่มีความสามารถขนาดไหน'' เดอร์ริคสัน เล่าอย่างตื่นเต้น ''ผมจำคำแนะนำของเขาได้ขึ้นใจทำให้ตัดสินใจสร้างหนัง The Exorcism of Emily Rose เป็นเรื่องแรกแต่ผมก็ไม่เคยคิดเลยนะว่า จะมีโอกาสมานั่งคุยกันที่นี่ว่าจะนำ The Day the Earth Stood Still กลับมาสร้างใหม่''

คลาตู เป็นตัวแทนของมนุษย์ต่างดาว ที่มีความเจริญแล้วแต่ต้องทนทุกข์จากวิวัฒนาการที่เลวร้ายของพวกเขาเอง เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ที่เผ่าพันธุ์ของเขากระตุ้นให้เกิดขึ้น เขาจึงเดินทางข้ามจักรวาลมายังโลกใบนี้ด้วยความตั้งใจจะทำลาย สิ่งที่เขาและพวกพ้องเห็นว่าเป็นอันตรายต่อโลกซึ่งเป็นดวงดาวที่สมบูรณ์เกินกว่าจะปล่อยให้พินาศลงได้

''สถานการณ์ได้ก้าวมาถึงขั้นวิกฤติ เมื่อสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์แห่งนี้ต้องเสี่ยงภัยที่เกิดขึ้น เนื่องจากมนุษย์เป็นผู้ทำร้ายโลกที่พวกเขาอาศัยอยู่'' รีฟส์ กล่าว ''คลาตูเดินทางมายังโลกเพื่อประเมินว่า มนุษย์มีความสามารถพอจะเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองหรือไม่ หรือ ''ตัวก่อปัญหา'' จะต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก''

ความตั้งใจของคลาตู คือมาบอกให้ผู้นำของโลก ณ ที่ประชุมสหประชาชาติให้รับรู้ ก่อนที่เขาจะลงมือทำเรื่องรุนแรงลงไป มันตอกย้ำว่าคลาตูมองมนุษย์ว่าเป็นเผ่าพันธุ์ ที่รับเอาความป่าเถื่อนและต่อต้านการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

''คลาตู เดินทางมายังโลกพร้อมด้วยทัศนคติต่อมนุษยชาติที่ติดลบเอามากๆ'' เดอร์ริคสัน เล่า ''เขามีความคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับการทำลายล้างตัวเองของมนุษย์ รวมไปถึงความลังเลที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งความรู้สึกของเขาผ่านประสบการณ์ระยะเริ่มต้น ก็ยิ่งไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของเขาที่มีมนุษย์ได้เลย''

รีฟส์ ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับสต๊อฟ, เดอร์ริคสัน และ สคาร์ปาเพื่อพัฒนาและสร้างความลึกซึ้ง ให้กับการเปลี่ยนแปลงของคลาตู ผ่านความสัมพันธ์ระหว่างเขากับม่ายสาวและลูกชาย ''เมื่อคลาตูเริ่มมีความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ อย่างลึกซึ้งและมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เขาเริ่มเห็นว่ามนุษย์มีด้านที่ดีอยู่ในตัวเองเช่นกัน'' เดอร์ริคสัน อธิบาย ''ขณะเดียวกันการอยู่ในร่างมนุษย์ทำให้เขาเริ่มมีประสบการณ์ เกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ เมื่อเรื่องราวดำเนินไป คลาตูได้เรียนรู้ความเป็นมนุษย์มากขึ้นกว่าที่เขาเคยรู้ในตอนแรก''

ดร. เฮเลน เบนสัน นักวิทยาศาสตร์สาขาดาราชีววิทยา ซึ่งเป็นคนหนึ่งในคณะทำงานเฉพาะกิจ ที่ประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่ได้รับมอบหมายให้ดูแล การมาเยือนของมนุษย์ต่างดาวครั้งนี้ มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ประสบการณ์บนโลกใบนี้ของคลาตู ตลอดจนการตัดสินชะตากรรมของมนุษย์

''ในฐานะนักวิทยาศาสตร์สาขาดาราชีววิทยา เฮเลนมีโอกาสศึกษาลักษณะของชีวิตที่คุณอาจพบในโลกอื่น'' เซ็ธ โชสแต็กนักดาราศาสตร์อาวุโสแห่งสถาบัน SETI Institute ในเมืองเมาน์เท่นวิว รัฐแคลิฟอร์เนียและเป็นที่ปรึกษาด้านดาราศาสตร์ของหนังเรื่องนี้กล่าว ''มันไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มายืนคุยกับคุณหรอก นักวิทยาศาสตร์สาขาดาราชีววิทยาอาจศึกษาประเภทของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ประเภทเซลล์เดียวที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อม ซึ่งมีองค์ประกอบบางด้านแบบสุดขั้วอย่างสัตว์ประหลาด ที่อาจอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อม ซึ่งไม่เอื้อต่อการมีชีวิตใต้พื้นทรายของดาวอังคาร หรือบนดวงจันทร์ของดาวพฤหัสก็ได้''

''สำหรับฉันแล้ว เฮเลนในหนังเวอร์ชั่นใหม่นี้ แตกต่างไปจากเดิมที่ แพทริเซีย นีลเคยแสดงไว้แยะ'' เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี่ พูดถึงแคแรกเตอร์ของเธอ ''หน้าที่การงานของเฮเลน ทำให้เธอต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับคลาตูโดยตรง มากกว่าเดิมและเธอมีบทบาทในเรื่องมากกว่าเดิม รวมทั้งยังมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้เรื่องมนุษย์โลกของคลาตูด้วย''

ขณะที่ เฮเลน พยายามจัดการกับภัยต่อโลกที่คลาตูกระทำขึ้น เขาได้รู้เห็นความสัมพันธ์ในครอบครัวระหว่างเฮเลนกับเจค็อบ ลูกเลี้ยงวัย 11 ขวบของเธอ การจากไปของสามี ซึ่งเป็นพ่อของเจค็อบ ทำให้ทั้งคู่รู้สึกสูญเสียไร้จุดหมาย และถูกความเศร้าครอบงำต่างคนต่างเป็นเสมือนสิ่งที่คอยย้ำเตือนให้อีกฝ่าย นึกถึงความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนที่รัก ยิ่งเฮเลนพยายามช่วยให้เจค็อบที่เต็มไปด้วยความโกรธ รู้สึกดีขึ้นก็ยิ่งเหมือนผลักไสให้เขาถอยห่างออกไปจากเธอมากขึ้น

เจเด้น สมิธ ลูกชายของ วิลล์ สมิธพระเอกคนดังได้พิสูจน์ความสามารถให้รีฟส์เห็นกับตาเมื่อเขามารับบทเป็นเจค็อบ ''เขามีฉากที่เล่นยากอยู่เยอะเหมือนกัน ฉาก ที่ต้องแสดงอารมณ์เจ็บปวด ซึ่งเขารับมือกับความท้าทายระดับนั้นได้เป็นอย่างดี '' รีฟส์ เอ่ยชมอันที่จริงเจเด้นเคยพบกับรีฟส์เป็นครั้งแรก ตอนที่เขาติดสอยห้อยตาม เจด้าแม่ของเขาไปกองถ่ายหนังภาคต่อของ The Matrix

จอห์น คลีส ผู้รับบทเป็นศาสตราจารย์บาร์นฮาร์ดต์ นักฟิสิกส์เจ้าของรางวัลโนเบลที่เฮเลนพาคลาตูไปรู้จัก มีปริศนาคาใจอยู่เหมือนกัน ''ผมไม่สนใจหรอกว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวดวงอื่นหรือเปล่า ผมสนใจแต่ว่าทำไมเราจึงติดแหงกอยู่บนโลกใบนี้เสียมากกว่า มีเหตุผลอะไรที่โดนใจเลยหรือเปล่ามีหนังสือที่บอกกฎเกณฑ์อะไรในเรื่องนี้อยู่บ้างไหม แล้วคุณจะหาไข่ปลาคาเวียร์ดีๆที่ราคาไม่แพงเกินไปได้ที่ไหนบ้าง''

ขณะที่บาร์นฮาร์ดต์พยายามทำให้คลาตูยอมรับว่า มนุษย์เป็นสิ่งที่ควรจะได้รับการรักษาไว้หน้าที่ ในการเตรียมพร้อมรับมือกับการจู่โจมจากมนุษย์ต่างดาว ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า เป็นความรับผิดชอบของ เรจิน่า แจ็คสัน รัฐมนตรีกลาโหม ''เรจิน่าเป็นหญิงแกร่งเธอทำงานหนักมาก กว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่เป็นโตอยู่ทุกวันนี้ และเธอก็มีผู้ใต้บังคับบัญชาที่ให้ความเคารพยำเกรงมากมาย'' เคธี่ เบ็ตส์ ผู้รับบทเรจิน่า บอก ''เธอสงสัยตั้งแต่คลาตูเริ่มปรากฏตัวแล้วว่าคงไม่ใช่ความผิดพลาดอย่างโง่ๆ ถ้าคนของคลาตูเก่งขนาดป่วนระบบป้องกันภัยทางดาวเทียม ของกองทัพเพื่อเปิดทางให้เขาเข้าสู่น่านฟ้าสหรัฐฯได้ เธอจึงสั่งเตรียมการป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ และเลือกที่จะควบคุมสถานการณ์ให้ดีที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้''

The Day the Earth Stood Still จะเต็มไปด้วยเรื่องของภัยอันเกิดจากน้ำมือมนุษย์ ที่ย่ำยีโลกใบนี้แต่ยังคงมีทัศนคติดีๆ แฝงอยู่ด้วยเช่นกัน ''เราล้วนอยากจะหนีให้พ้นจากความรู้สึกที่ว่า มนุษยชาติกำลังเผชิญหน้ากับหายนะชนิดไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ หรืออย่างน้อยๆ ก็อยากจะคิดว่า เราสามารถลิขิตชะตากรรมของเราได้ เราตั้งใจที่จะคงประเด็นที่หนังเก่าทำเอาไว้ ทั้งเรื่องของความหวังและความสามารถของคน ที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายต่อวิวัฒนาการและความคงอยู่ของเผ่าพันธุ์'' สต๊อฟให้ความเห็นทิ้งท้าย

ที่มาhttp://www.siamdara.com/movie/00015501.html

 

จังหวัดที่น้ำท่วมแล้วเจอภัยหนาวอีก คงไม่มีเสื้อผ้าใส่ ช่วยกันบริจาคเครื่องกันหนาว เพราะหนาวน่าดูเลย

 

ชาวบ้านแห่ชื่นชมหิ่งห้อยนับแสนปากอ่าวบางปะกง​

​

​

ฉะเชิงเทรา ข่าว – ชาวบ้านแห่ชื่นชมหิ่งห้อยนับแสนปากอ่าวบางปะกง หลังสูญหายไปนานนับสิบปี ชาวบ้านแห่ชื่นชมหิ่งห้อยเรือนแสนเกาะกิ่งต้นลำพู-โพธิ์ทะเล เป็นพวงระย้า เปล่งแสงแวววาววับระยิบระยับ บริเวณปากอ่าวแม่น้ำบางปะกง หลังจากสูญหายไปนานหลายสิบปี เผยถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่เกิดขึ้นหลังบ้านเมืองสงบ และในช่วงของการเฉลิมฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 81 พรรษา 5 ธันวามหาราช วันที่ 7 ธ.ค.51 เวลา 19.30 น.

บรรยากาศที่บริเวณปากอ่าวแม่น้ำบางปะกง พื้นที่ ม.1 ต.ท่าข้าม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นไปอย่างคึกคักกว่าในช่วงค่ำคืนก่อนๆ ที่ผ่านมา หลังจากชาวบ้านได้ทราบข่าว ถึงการหวนกลับคืนมาของฝูงหิ่งห้อยนับแสนๆ ตัว ที่บินมาเกาะกิ่งใบที่ต้นลำพู และต้นโพธิ์ทะเล พร้อมเปล่งแสงสุกใสเรืองรองที่บั้นท้าย เป็นแวววาวระยิบระยับ ห้อยตัวเรียงกันเป็นพุ่มช่อ สร้างความตื่นเต้นประหลาดใจต่อผู้ที่ได้พบเห็นเป็นอย่างมาก

โดยนางบุญช่วย สุวรรณ์ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 ม.1 ชาวบ้านในพื้นที่เล่าว่า เมื่อหลายสิบปีก่อนที่บริเวณปากอ่าวแม่น้ำบางปะกงแห่งนี้ มีหิ่งห้อยมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เกาะอยู่ตามต้นไม้ป่าชายเลน โดยเฉพาะบนต้นลำพู และต้นโพธิ์ทะเล แต่ได้สาปสูญหายไปจากพื้นที่เป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว โดยที่ชาวบ้านไม่ทราบว่าฝูงหิ่งห้อยที่เคยมีอยู่เดิมนั้นหายไปไหน ประกอบกับไม่มีใครให้ความสนใจหรือและให้ความสำคัญอย่างจริงจัง และมาในปีนี้ได้เกิดปรากฏการณ์ความแปลกประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีหิ่งห้อยฝูงใหญ่เกิดขึ้นมา เกาะตัวอยู่บนต้นไม้ป่าชายเลนริมลำน้ำบริเวณปากอ่าวแม่น้ำบางปะกงอีกครั้ง

พร้อมกับเปล่งแสงแวววาววับเป็นประกายระยิบระยับออกมา โดยทราบจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวชมโลมา และแวะเข้าชมฝูงหิ่งห้อยยังบริเวณปากอ่าวบางปะกงในยามใกล้พลบค่ำแห่งนี้ ทราบว่า หิ่งห้อยที่นี่ไม่เหมือนกับหิ่งห้อยที่อาศัยอยู่ยังบริเวณลุ่มน้ำแม่กลอง เนื่องจากหิ่งห้อยที่นี่จะเกาะเรียงตัวกันเป็นช่อ อยู่แต่กับต้นไม้ จนเห็นเป็นแสงแวววาวห้อยระย้า เรียงตัวกันลงมาตามแนวกิ่งก้านของต้นลำพู โดยที่ไม่บินวนขึ้นลงเหมือนกับที่อื่น จนมองดูคล้ายกับต้นคริสต์มาส และที่อัศจรรย์ใจไปกว่านั้นก็คือ ปรากฏการณ์นี้ได้เกิดขึ้นในช่วงที่บ้านเมืองเริ่มสงบลงแล้ว และยังอยู่ในช่วงของวันหยุดเทศกาลเฉลิมฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 81 พรรษา 5 ธันวามหาราช อีกด้วย นางบุญช่วย กล่าว -จบ-

สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา

ที่มา http://76.nationchannel.com/playvideo.php?id=17858

 

สัญญาณเตือนภัยจากบ่อน้ำพุร้อน






​

อ้างอิงจากคำเตือนของหลวงพ่อถาวร จิตฺตถาวโร

ตอนที่เรียนถามหลวงพ่อถาวร เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติต่างๆในช่วงนี้ หลวงพ่อท่านบอกว่า "น้ำ" ยังไม่น่ากลัว "ไฟ" ต่างหากที่น่ากลัวกว่า ที่ว่าไฟนั้นคือภูเขาไฟใต้น้ำระเบิด ท่านบอกว่าตอนนี้ภูเขาไฟทั่วโลก กำลังอยู่ในระยะอุ้มท้อง ท่านให้สังเกตว่าเมื่อตอนภูเขาไฟระเบิดใกล้จะคลอด ให้สังเกตดูตามสถานที่ๆมีบ่อน้ำพุร้อนนั่นแหละ มันจะปะทุขึ้นมาอย่างผิดปกติ บอกให้รู้ล่วงหน้าก่อน

-ข่าวจากคุณน้ำใส
​

********************************************
น้ำพุร้อนในประเทศไทย


​

น้ำพุร้อน เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีน้ำร้อนไหลขึ้นมาจากใต้ดิน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภายในโลกยังคงมีความร้อนอยู่ ปัจจุบัน พบแหล่งน้ำพุร้อน 112 แหล่ง กระจายอยู่ทั่วไปตั้งแต่ทางภาคเหนือ ภาคตะวันตก ภาคกลาง และภาคใต้ วัดอุณหภูมิน้ำร้อนที่ผิวดินอยู่ในช่วง 40​

 

งดโพสต์ประเด็นร้อนทางการเมือง
(แต่ถ้าเป็นเรื่องของกีฬาคงไม่ว่ากันนะ)





เหวอ!!....แล้วมันจะพยายามเอาชนะกันไปทำไมหว่า.......?​

 

พระประธานวัดดังเมืองพัทยาถูกน้ำกรดเสียหาย​

​

ชลบุรี 7 ธ.ค.- พระครูสุวัฒน์ชนธาร เจ้าอาวาสวัดบางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า พบความเสียหายขององค์พระประธานปางสุโขทัย หน้าตักกว้าง 108 นิ้ว ภายในโบสถ์ถูกน้ำกรดเป็นรอยด่างตั้งแต่องค์พระตลอดแขนและนิ้วข้างขวา รวมทั้งองค์อัครสาวกซ้าย-ขวา และบริเวณพื้นหินอ่อนกับพื้นไม้สัก ประเมินรวมกว่า 100,000 บาท

โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นตรวจพบเมื่อเย็นวานนี้ (6 ธ.ค.) ขณะเข้าไปตรวจความเรียบร้อยพร้อมกับนายบุญส่ง รักษ์มิตร ช่างทำและตกแต่งโบสถ์ หลังจากจัดกิจกรรมทางศาสนาในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. มีชาวบ้านกว่า 50 คน มาร่วมสวดมนต์ภาวนา ซึ่งทุกอย่างภายในโบสถ์เป็นปกติ อย่างไรก็ตาม ทางวัดแจ้งความ สภ.บางละมุง เพื่อสืบหาเบาะแสผู้ทำลายทรัพย์สินของวัด ส่วนการซ่อมแซมจะต้องทำฝ้าเพดานและรอบผนังโบสถ์ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนบูรณะองค์พระ. - สำนักข่าวไทย

2008-12-07 14:46:29

ชาวเชียงรายตั้งจิตอธิษฐานให้พระเจ้าอยู่หัวทรงหายจากพระอาการประชวร​

​

เชียงราย 8 ธ.ค. - พระสงฆ์และประชาชนชาวไทยภูเขาทุกชนเผ่าใน จ.เชียงราย ร่วมใจจุดเทียนชัยถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งตั้งจิตอธิษฐานขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว

บริเวณลานธรรมวัดถ้ำป่าอาชาทอง ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย เมื่อคืนที่ผ่านมา (7 ธ.ค.) พระครูบาเหนือชัย โฆสิโต นำพระภิกษุและสามเณรเจริญพระพุทธมนต์บนหลังม้า โดยสวดคาถาชินบัญชรและยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 81 พรรษา

ขณะที่พุทธศาสนิกชนชาวเชียงราย และชาวไทยภูเขาทุกชนเผ่า ร่วมกันจุดเทียนชัย สวดมนต์ และนั่งสมาธิ ทั้งตั้งจิตอธิษฐานขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวร และมีพระพลานามัยแข็งแรงโดยเร็ว. - สำนักข่าวไทย

2008-12-08 04:22:12

แม่ฮ่องสอน-ลำพูน ประสบภัยหนาวทั้งจังหวัด​

​

ภูมิภาค 8 ธ.ค.- อุณหภูมิภาคเหนือยังคงเย็นจัด จังหวัดแม่ฮ่องสอน-ลำพูน ประกาศพื้นที่ประสบภัยทั้งจังหวัด ขณะที่ราษฎรขาดเครื่องกันหนาวร่วม 200,000 คน

นายธงชัย วงศ์เหรียญทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประกาศให้ 7 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบพิบัติภัยหนาว เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว เนื่องจากอุณหภูมิลดลงอย่างต่อเนื่องกว่า 15 องศาเซลเซียส เกิน 3 วัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด รายงานข้อมูลล่าสุดของราษฎรที่เดือดร้อนขาดแคลนเครื่องกันหนาว 90,000 ราย หากการช่วยเหลือของหน่วยงานท้องถิ่นยังไม่เพียงพอสามารถประสานขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากจังหวัด

ด้านนายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ประกาศพื้นที่ประสบภัยหนาวเช่นกันทั้ง 7 อำเภอ แม้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะเร่งแจกจ่ายผ้าห่มกันหนาวมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยบรรเทาในเบื้องต้น แต่ยังไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ประสบภัยที่เพิ่มขึ้นเป็น 80,000 ราย เพราะปีนี้อากาศหนาวเย็นกว่าปีที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

2008-12-08 11:17:16

ชาวบ้านพิษณุโลกเผชิญภัยหนาว ​

​

พิษณุโลก 8 ธ.ค. - หลายพื้นที่ของ จ.พิษณุโลก โดยเฉพาะบนภูเขาสูง ประสบภัยหนาว และมีผู้รอความช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก

ชาวบ้านในพื้นที่ จ.พิษณุโลก โดยเฉพาะผู้ที่อยู่บนดอยสูง และที่ อ.นครไทย ซึ่งมีพื้นที่ติดกับเทือกเขาเพชรบูรณ์ และภูหินร่องกล้า ต่างผิงไฟอาศัยไออุ่นไล่ความหนาวเย็น ซึ่งอุณหภูมิลดต่ำเหลือเพียง 7-8 องศาเซลเซียส ติดต่อกันมานานนับสัปดาห์ ทั้งยังประสบปัญหาขาดแคลนเสื้อผ้ากันหนาวจำนวนมาก เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่มีฐานะยากจน และหน่วยงานราชการมีงบประมาณจำกัด ทำให้ความช่วยเหลือทำได้อย่างจำกัดและไม่ทั่วถึง โดยพบว่ายังมีผู้รอความช่วยเหลืออีกมากกว่า 5,000 ครัวเรือน ขณะที่อุณหภูมิในพื้นที่ยังคงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน แพทย์มีคำเตือนสำหรับนักท่องเที่ยวที่นิยมชมชอบการกางเต็นท์รับลมหนาวบนยอดดอย ต้องทำร่างกายให้อบอุ่น ดื่มน้ำอุ่น หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือเข้าใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ เพราะควันบุหรี่จะส่งผลต่อโพรงจมูก ทำให้เกิดการระคายเคือง และมีโอกาสติดเชื้อหวัดได้ง่าย หากมีอาการเจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยตามร่างกาย ให้นอนพักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานยาลดไข้ ดื่มน้ำมาก ๆ. - สำนักข่าวไทย

2008-12-08 05:06:07

มะลิ-ดอกรักที่เชียงใหม่ราคาพุ่งเกือบ 2,000 บาท/กก.​

​

เชียงใหม่ 8 ธ.ค. - มะลิและดอกรักที่ จ.เชียงใหม่ ราคาพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละเกือบ 2,000 บาท จนแม่ค้าต้องหันมาใช้ดอกปลอมใส่แทน

ผลจากอากาศที่เย็นจัด ทำให้มะลิและดอกรักในแหล่งปลูกที่ จ.นครสวรรค์ ออกดอกน้อยกว่าปกติ และขาดตลาดในบางพื้นที่ ส่งผลให้ราคาดอกมะลิพุ่งขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 2,000 บาท ขณะที่ดอกรักราคาอยู่ที่ 1,500 บาท ทำให้ราคาพวงมาลัยต้องปรับขึ้นตามไปด้วย จากพวงละ 8 บาท เป็น 20 บาท
ขณะที่พวงมาลัยดอกมะลิราคาสูงถึง 250 บาท จากเดิมราคาเพียง 90 บาทเท่านั้น บางรายต้องแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนมาใช้ดอกปลอมร้อยแทน รวมถึงนำสบู่มาแกะเป็นพวงมาลัย. - สำนักข่าวไทย

2008-12-08 05:14:24

นักท่องเที่ยวแห่ไปสัมผัสอากาศหนาวเย็นที่เชียงใหม่คึกคัก​

​

เชียงใหม่ 8 ธ.ค. - นักท่องเที่ยวแห่ไปสัมผัสอากาศหนาวเย็นที่จังหวัดเชียงใหม่กันอย่างคึกคัก โดยเช้าวันนี้ อุณหภูมิที่ดอยอินทนนท์ ลบ 1 องศาเซลเซียส

มีน้ำค้างแข็งขาวโพลนไปทั่วบริเวณยอดดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ที่วันนี้อุณหภูมิบนยอดหญ้าติดลบ 1 องศาเซลเซียส ส่วนอุณหภูมิพื้นล่างที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ วัดได้ 16.2 องศาเซลเซียส

นักท่องเที่ยวจำนวนมากยังได้ไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนสันกำแพง อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้แช่เท้าในบ่อน้ำอุ่นเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น คลายความเมื่อยล้า นอกจากนี้ ยังได้ซื้อไข่ไปต้มในบ่อน้ำร้อนจัด สร้างรายได้ให้กับพ่อค้าแม่ค้า.-สำนักข่าวไทย

2008-12-08 10:09:06

ที่มา http://news.mcot.net/local/

 

52เสียใจทั้ง เทศ

 

*** ภัยวันนี้ ****

คือ ....ผลจากตัวกระทำเมื่อวันก่อน ย้อนกลับมา
ตัวกระทำไม่ตาย ... กำลังส่งผลตอบแทน
การกระทำโหดร้าย....ตัวกระทำโหดร้าย ผลโหดร้ายก็ย้อนกลับมา
การกระทำฆ่าคน...ตัวกระทำฆ่าคน ผลกลับมาจึงโดนฆ่า
การกระทำศาสนา....ตัวกระทำทำลายศาสนา ผลกลับมาทำลายความสุขเป็นวิบัติ
การกระทำไม่เจตนา...ตัวกระทำไม่เจตนา ผลย้อนกลับมาแบบไม่เจตนาให้เกิด

การทำลายศาสนาโดยไม่รู้ตัว....ตัวกระทำทำลายศาสนาไม่รู้ตัว เหมือนทวนคอยทิ่มแทงตัวเอง
การทำลายศาสนาโดยไม่เจตนา...ตัวกระทำทำลายศาสนาโดยไม่เจตนา เหมือนไฟเผาตัวเอง

ศาสนาพุทธ คือ ความจริงของพระพุทธเจ้าทุกองค์ที่สอนไว้
ความจริง ของการหลุดพ้นทุกข์
คือ สัจจะทำ ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
คือ สัจจะทำ ของพระกุกุกสันโท พระโกนาคม พระกัสสปะ พระโคดม
คือ สัจจะทำ ของพระพุทธเจ้าที่พยายามตัดนิสัยสันดาน โลภะ โทสะ โมหะ ตัญหากามคุณ ราชาทิษฐิ มานะชั่วให้หมดสิ้น
สัจจะพระพุทธเจ้า เมื่อกล่าวแล้วทำ ก็เกิดเป็นตัวกระทำที่ไม่ตาย
เกิดเป็นตัวศาสนา เป็นตัวหลุดพ้นทุกข์
การทรงศาสนา คือ ทำเยี่ยงอย่างพระพุทธเจ้า
ทำได้มีผลอนันต์

ทุกวันนี้
ตัวของเราทำตามเยี่ยงอย่างพระพุทธเจ้า แล้วหรือยัง ???
สิ่งที่ตัวเรากล่าวพยากรณ์ไปแล้ว แต่ทำไม่ได้
ก็เสมือน เราไปทำลายสิ่งที่เราได้พยากรณ์เอาไว้
ความจริง จึงไม่เกิดขึ้นกับตัวของเรา
ตัวกระทำของการทำลายความจริง จึงย้อนกลับมาหาตัวเอง
เพราะอะไร ...ก็เพราะ ตัวกระทำไม่ตาย
เป็น สัจจะธรรม ความจริง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** สัจจะ ****

กล่าวสัจจะอธิษฐานที่เราพูดๆ...คือ การกล่าวพยากรณ์

เช่น การกล่าวสัจจะว่า ...ไม่ฆ่ามนุษย์ในครรภ์และนอกครรภ์ ตลอดชีวิต
ก็คือ.... พยากรณ์ว่าต่อไปจะเป็นผู้ที่ไม่ฆ่ามนุษย์ในครรภ์และนอกครรภ์ตลอดชีวิตนี้
เมื่อทำได้จริงในแต่ละวัน...ก็คือ ทำความจริงขึ้นมาให้กับตนเองในแต่ละวัน

สัจจะทำ...คือ ทำความจริงให้กับตนเอง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ศีลเป็นสิ่งเลิศวิไล ****

ความจริง ศีลล้ำเลิศประเสริฐยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ถ้าทำได้
แต่ ศีลเป็นเรื่องใหญ่กว้างมาก ที่มนุษย์เราไม่รู้กัน
เกิดเป็นมนุษย์ทำได้ยาก ท่านลองพิจารณาดู

อย่างเราไปรับศีลว่า ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต วันหนึ่งคืนหนึ่ง
ก็คือ เราพยากรณ์ให้ตนเองว่าไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต วันหนึ่งคืนหนึ่ง
แต่ เดี๋ยวเราก็ต้องไปโน้น มานี้
แล้วสัตว์ที่มันเล็กกว่าขนตา เราก็มองไม่เห็น
แล้วสัตว์พวกนี้มันต้องเจ็บมาล้มตายเพราะตัวของเราก็มี
จึงกลายเป็นว่าศีลนั้นทำไม่ได้จริง เหมือนเราไปทำลายศีลที่เรารับไว้

แต่ถ้าเรารับศีลว่า ไม่ฆ่ามนุษย์ หนึ่งวัน หนึ่งคืน
แล้วเราไปฆ่าควาย ถามว่าเสียศีลไหม
ศีลไม่เสีย แต่มันบาป

จึงเป็นตัวอย่างให้เราพิจารณาว่าจริงไหม
ลองพิจารณาดูภาพจากกล้องจุลทรรศน์ที่เขาขยายใหญ่
จะเห็นสัตว์บนผิวหนังเรา บนเครื่องใช้ในบ้านในที่ทำงาน
สัตว์เล็กสัตว์น้อยมีชีวิต ที่เรามองไม่เห็น ยังมีอีกมากคณานับ

ศีลเป็นสิ่งที่เลิศ ประเสริฐสูงล้ำสุดจะบรรยาย
แต่ ศีลนี้กว้างใหญ่กว่าประเทศไทยที่เราเดินนี่อีก
ถ้าทำไม่ได้ก็เหมือนกับไปทำลายศีล นั้น
เกิดเป็นตัวกระทำที่ไม่เจตนาทำลายศีล หรือสิ่งที่พยากรณ์ไว้
ผลตอบแทนจึงย้อนกลับมาเป็นทวนทิ่มแทงตนเอง
ต้องเจ็บป่วยโอดโอย

สัจจะทำ นั้นมันไม่ใหญ่ แคบๆ
เพราะพระพุทธเจ้ากำหนดระบุขึ้นมาชัดเจน พอทำได้จริง
สัจจะทำ จึงสามารถนำมาประหัตประหารกิเลสทั้งปวง
ลาคะ โทสะ โมหะ กิเลส นิสัยสันดาน ตัญหา ราชาทิษฐิ มานะชั่ว
สัจจะทำ

 

โลกุตตระ ...ไม่ได้มาทำลายศาสนาใดๆ ความเชื่อความเห็นใดๆ
แต่โลกุตตระ .... นำศาสนามาให้พิจารณาซึ่งกันและกัน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

การ์ตูน วันละฮา กับ อาวัฒน์

ในการ์ตูนเขาไม่ประมาทนะครับเกี่ยวกับภัยพิบัตินะครับ

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

*** พิจารณาตรงๆ หาความจริง ****

พระพุทธเจ้าเข้าไปทำอะไรในป่าคนเดียว จึงได้ห่างไกลกิเลส ???
เราควรนำมาพิจารณาเพื่อนำมาเป็นเยี่ยงอย่าง

นิกายของคถาคต มีแต่ตัด ลด ทอน ไม่มีเพิ่ม
แล้วเหตุใด ยิ่งสังคยานา ยิ่งเพิ่มพูน ????

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

... (cry) ...

 

<TABLE style="FILTER: progidXImageTransform.Microsoft.Gradient(startColorStr=#C0FFFFCC, endColorStr=#10FFFFFF, gradientType=0)" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-RIGHT: gray 1px solid; BORDER-LEFT: gray 1px solid" align=middle width="100%" colSpan=3>[SIZE=+1]ประกาศเตือนภัย[/SIZE]

ฉบับที่ 17 (460/2551) ลงวันที่ 08 ธันวาคม 2551​

[SIZE=+1][/SIZE]​

[SIZE=+1]"อากาศหนาวเย็นปกคลุมประเทศไทยตอนบน และคลื่นลมแรงในอ่าวไทย" [/SIZE]​

</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: gray 1px solid; PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; BORDER-LEFT: gray 1px solid; PADDING-TOP: 10px" align=middle width="100%" colSpan=3>

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นโดยอุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศา

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทยยังมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีฝนหนาแน่น และมีฝนหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยตามภูเขาสูงและริมแม่น้ำบริเวณดังกล่าว ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนัก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ ในระยะนี้ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยสูง 2-4 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 8-9 ธันวาคม 2551ไว้ด้วย​

</TD></TR><TR><TD class=c3 width=4 height=4></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: gray 1px solid" width="97%"></TD><TD class=c4 width=4></TD></TR></TBODY></TABLE>​

ที่มา http://www.tmd.go.th/list_warning.php

 

ทำนายทายทัก : ส่องดวงดูปีวัว 2552 เศรษฐกิจ-สังคม-การเมืองระส่ำ​

​

รายงานโดย :วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ / อนุสรา ทองอุไร:

ทันทีที่ปีชวด-หนูไฟคล้อยหลัง ปีฉลู-วัวดุก็ควบกระชั้นเข้ามาชิด โอ้...ชีวิตคนไทยในปีหน้า ดูตามดวงบ้านดวงเมืองแล้วไม่มีอะไรดีไปเสียสิ้น

รีบจับเข่าเข้าหาหมอดู ปรึกษาปัญหาชีวิต-กิจการงาน-ความรัก-ความลุ้น แต่ท่านหมอไม่ว่าสำนักไหนๆ ก็ดูจะพร้อมใจส่ายหน้าเหมือนกันหมด

เศรษฐกิจแย่ การเมืองไม่ลงตัว สังคมระส่ำระสาย ผู้คนทั้งหลายชายหญิงที่ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีเหลืองหรื อว่าเสื้อสีแดง ไม่แน่ว่าจะจับกลุ่มชุมนุมได้อย่างมีความสุขเหมือนปี นี้อีกหรือไม่? ท่ามกลางความตีบตัน ทางรอดพึงเดินคือทางใด หมอดูดวงดังช่วยกันส่องกล้องพยากรณ์ ส่งผ่านคำทำนายที่อ่านแล้วจะหนาวยิ่งกว่าหนาว อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความวุ่นวายและปัจจัยลบนานา ทุกวิกฤตมีโอกาสสำหรับผู้มองเห็นเสมอ

หมอไพศาล ​

ปีแห่งการแก้ไข ​

“หมอไพศาล พิบูลเวศม์” โหราอาวุโสแห่งวงการ กล่าวว่า ทิศทางปีหน้าก็มาจากปีนี้ ซึ่งตำราจีนว่าเป็นปีหนู หมายถึงการแทะ การกัดกินทำลาย ทำให้เสียหาย หลักเกณฑ์ต่างๆ รวมทั้งวินัยของทหารก็เสียหายหมด แม้กระทั่งความเชื่อถือในวงการกฎหมายก็เสียหาย ส่วนปีนี้คือวัว หมายถึงความซื่อสัตย์ เพราะฉะนั้นคนที่ไม่ซื่อสัตย์อยู่ลำบาก สำคัญที่สุดความซื่อสัตย์นี้จะทำให้ประเทศไทยเดินต่อไปได้

ดวงชะตาประเทศไทยเป็นดวงปีขาล ความเป็นอิสระและทำตามใจของเสือกับปีวัวไม่เข้ากัน เพราะความซื่อสัตย์ของวัวอีกนัยหนึ่งคือความไม่ฉลาด ประชาชนในปีหน้าจะเกิดบรรยากาศของความรู้สึกที่อยากเป็นอิสระ อยากเป็นตัวของตัวเอง และไม่ฉลาด แล้วแต่คนจะจูงไป ทำให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมากได้

“ปีที่ผ่านมาเป็นปีแห่งการทำลาย แต่ปีหน้าจะเป็นปีแห่งการแก้ไข เป็นปีแห่งการแบกภาระ ในเมื่อเสียไปแล้วก็ต้องอดทนสร้างมันขึ้นมาใหม่ ส่วนปีถัดไป 2553 เป็นปีแห่งการอนุรักษ์ เดินหน้าความต่อเนื่องของปัญหาที่แก้ไขไว้ นำมาซึ่งการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น” หมอไพศาลเล่า

ประเทศไทยปี 2552 จากดวงเมือง อ.ไพศาล กล่าวว่า มีดาวที่เดินพักตร์ โดยเฉพาะราหู ซึ่งเป็นเงามืด เข้ามาอยู่ในราศีที่ 10 ของบ้านเมือง ทำให้คนไทยส่วนใหญ่โกรธแค้นและเต้นเป็นฟืนไฟอยู่ในความมืด ไม่รู้ผิดไม่รู้ถูก ชนกันเองจนกว่าราหูจะย้ายไป ส่วนดาวพฤหัส ซึ่งเป็นดาววิชาการจะโคจรเข้ามาในราศีมังกร ซึ่งจะทำให้เริ่มมีแสงสว่างขึ้น และความมืดจะค่อยๆ หายไป ซึ่งก็คือหลังจากเดือน ก.พ. เป็นต้นไป จะมีการปฏิวัติครั้งใหญ่ ใครที่ยังเป็นเสี้ยนแผ่นดินอยู่ จะถูกถอนถูกเปลี่ยนออกไป

“จะมีการคลีนอัพครั้งใหญ่ประมาณเดือน ม.ค.-ก.พ. ผู้คนจะกลับสู่สถานที่ของตน บ้านเมืองตกระกำลำบากมา 2 ปีครึ่งแล้ว แต่เมื่อเลย ก.พ. ไปจะคลี่คลาย แต่ก็ยังเป็นปีแห่งการแก้ไขและยังต้องเหนื่อยยากอยู่ ” หมอไพศาลกล่าว แม้จะยังเหนื่อย แต่สบายใจได้ว่า ในปีหน้าจะไม่มีการนองเลือดและไม่มีภัยธรรมชาติร้ายแรง

ส่วนเศรษฐกิจต้องเดือน มี.ค. ไปแล้ว จึงจะค่อยๆ ดีขึ้น ตลาดหุ้นตั้งแต่ 26 ม.ค. หลังตรุษจีนไปแล้ว จึงจะเริ่มดีขึ้น แต่จะยังสวิงอยู่ ช่วง ม.ค.-ก.พ. หุ้นจะขึ้นเร็วลงเร็ว เข้าไปซื้อช่วงนี้จะมีความเสี่ยงสูง โดยตั้งแต่ ก.พ.-มิ.ย. ให้ขายทุกวันที่ 1-15 ซึ่งจะพีกสูงสุด เมื่อได้กำไรมาก็ให้ทยอยซื้อเก็บในช่วงปลายเดือนช่วง วันที่ 16-30 ของทุกเดือน และหลังจาก มิ.ย. ไปแล้วคราวนี้หุ้นจะปรับตัวขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ ซื้อเก็บลองเทอมได้ หรือถ้าไม่ลงทุนในหุ้น จะซื้อลงทุนในทองคำ หรืออสังหาริมทรัพย์ก็มีเกณฑ์ใช้ได้เหมือนกัน

สำหรับนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หมอดูไพศาลบอกมาว่า คือสุชาติ ธาดาธำรงเวช ซึ่งดวงมีเกณฑ์ “ถึง” และ “คลีน” ที่สุดเมื่อเทียบดวงกับคนอื่นๆ

หมอลักษณ์​

รอเสาร์ยก ก.ย. ปีหน้า ​

โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ กล่าวว่า ดวงเมืองขณะนี้เหมือนตอนกรุงศรีอยุธยาใกล้จะเสียกรุง ด้วยเสาร์ทำมุมร้ายกับดวงเมือง โคจรอยู่ในกลุ่มดาวลีโอ ตั้งแต่ 10 ส.ค. 2550–ปลายปี 2552 ซึ่งในทางโหราศาสตร์แล้ว บ้านเมืองจะร้อนเป็นไฟ ประชาชนจะเดือดร้อน แตกความสามัคคี รอจนเสาร์ยก 30 ก.ย. ปีหน้า ทุกอย่างจึงจะคลี่คลาย ​

หมอลักษณ์ กล่าวว่า ปีหน้าจะมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งจะเป็นช่วงที่ดาวพฤหัสย้ายเข้าสู่ราศีธนู ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. 2550- 4 ธ.ค. 2551 หลังจากนี้จะย้ายเข้าสู่ราศีมังกร ซึ่งเป็นนิจ หมายถึงต่ำต้อย เสื่อมถอย อยู่มังกรได้ไม่กี่เดือนก็เสริด (โคจรเดินหน้าอย่างรวดเร็ว) แล้วยกเข้าสู่ราศีกุมภ์ในวันที่ 20 เม.ย. 2552 โคจรอยู่ในราศีกุมภ์ถึงวันที่ 11 มิ.ย. ก็โคจรกลับ จนถึง 22 ต.ค. 2552 ก็เข้าสู่ราศีมังกรอีกครั้ง ​

“การเดินหน้าถอยหลังแบบนี้ ส่อเค้าถึงนักปราชญ์ราชบัณฑิต ปุโรหิตาจารย์ ผู้มีคุณธรรมจะมิได้อยู่ในร่องในรอยที่ควรอยู่ อะไรที่ไม่ควรจะเป็นก็เป็น อะไรที่ไม่ควรจะมีก็มี” หมอลักษณ์ กล่าว ​

ดวงเมืองด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะดวงตลาดหลักทรัพย์ซึ่งอยู่ราศีกรกฎ แม้ปีนี้จะวินาศสันตะโร แต่หลังจาก 4 ธ.ค. ปีนี้ไปแล้ว ดาวพฤหัสซึ่งเป็นดาวแห่งโชคชั้นใหญ่ จะยกไปเล็งตลาดหุ้น ให้จับตาเป็นพิเศษช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. ที่ดาวพฤหัสโคจรมาเล็งตลาดหุ้น และได้องค์เกณฑ์ด้วย ขณะเดียวกันก็มีราหูที่ไปรออยู่ ราหูกับพฤหัสเป็นคู่ค้าขาย เศรษฐกิจปีหน้าจึงไม่ถึงกับแย่นัก ​

“ธุรกิจนำเข้า-ส่งออกบางประเภท โดยเฉพาะไฮเทคโนโลยี 3 จีจะมาแรงมาก รวมถึงธุรกิจเคเบิล ถ้าเจาะไปที่หนัง หนังผีจะมา หนังตลกจะมา” หมอลักษณ์ มองว่า เสาร์ที่จะโคจรโยกย้ายปลายปีนี้ ยังหมายถึงช่อง 7 ดาวเสาร์ย้ายแบบนี้ ช่อง 7 จะต้องมีการขยับครั้งใหญ่ การย้ายของดาวนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง และมุมที่รุนแรง อาจถูกรื้อสัมปทานหรือปรับใหญ่ ธุรกิจเคเบิลได้รับความนิยม ราหูมีตำแหน่งที่เด่น การสถาปนาช่องใหม่เกิดแน่ ​

ขุนทอง อสุนี​

เงินหายไปครึ่งต่อครึ่ง

หมอดูไพ่ยิปซี ขุนทอง อสุนี ทำนายดวงประจำปี 2552 หยิบไพ่ใบแรกคือ Knight of Cup หมายถึงภาวะนิ่ง ทรงตัว ใบที่ 2 เป็นสถานการณ์ที่จะเข้ามากระทบ เหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งแย่มาก เพราะได้ไพ่แฮงแมน หมายถึงการสูญเสีย ถ้าเป็นธุรกิจก็หมายถึง เจ๊ง การขาดทุน กรณีเป็นเหตุการณ์ทางการเมือง หมายถึงการยุบสภา ส่วนใบที่ 3 หมายถึง สถานการณ์การเงินในปีหน้า ได้ไพ่ 4 เหรียญ เปรียบเทียบกับไพ่ใบที่ 4 และ ใบที่ 5 หมายถึงเงินในปัจจุบัน ซึ่งเป็นไพ่แปดเหรียญ กับเด็กถือเหรียญ (ไพ่เงินเล็ก)

“ไพ่สะท้อนให้เห็นอย่างน่ากลัวว่า ปีหน้าเงินจะหายไปครึ่งต่อครึ่ง อีกอย่างที่บอกได้แน่คือ ปีหน้าอัตราการว่างงานจะสูงมากและจะเป็นปัญหาเกิดขึ้นแน่” หมอดูไพ่ยิปซี กล่าว เนื่องจากไพ่ใบที่ 6 เป็นไพ่ 8 ถ้วย คนจะตกงานเยอะ ประกอบกับไม่ปรากฏมีไพ่ไม้เท้าหรือไพ่การงานขึ้นมาแม ้แต่ใบเดียว สะท้อนภาวะธุรกิจที่จะฝืดเคืองอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม มีไพ่ที่ดี 10 เหรียญ อันหมายถึง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การซื้อขายบ้านที่ดินอาจพอจะขยับขยายได้ แต่ภาพรวมคือ ภาวะฤาษี (Hermit) หมายถึง นิ่ง

ไพ่ใบที่ 9 คือเลิฟเวอร์ หมายถึง ภาวะปกติของผู้คน ได้แก่ ปัญหาของคน ปัญหาชีวิต การเลิกราหย่าร้างจะเป็นไปตามปกติ ขณะที่ภาพรวม ได้ไพ่ 2 ดาบ หมายถึง ความขัดแย้งของ 2 ขั้วที่ยังมีอยู่เหมือนเดิมในปีหน้า อย่างไรก็ตาม อุณหภูมิการเมืองจะลดลง ส่วนตลาดหุ้นยังไม่ฟื้นตัวมากนัก

สำหรับรัฐบาลเปิดได้ไพ่ตึกพังหรือไพ่ Tower คือ วงแตก ล่มสลาย นับจากไพ่แล้วประมาณเดือน มี.ค. 2552 จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ยุบสภาได้ช่วงนี้ ส่วนพันธมิตร ได้ไพ่วีล ออฟ ฟอร์จูน, เดอะ ฟูล, 2 ถ้วย, แชริออต และไพ่ Page Sword พันธมิตรต้องระวังอย่างเดียวคือ บริวารก่อเหตุ ก็น่าจะเป็นกลุ่มองครักษ์อะไรทั้งหลาย

อย่างไรก็ตาม ยังมีวีล ออฟฟอร์จูน เรียกได้ว่า ยังมีทุนทรัพย์ และเป็นไพ่โชคดีด้วย เดอะ ฟูล ก็คือเลขศูนย์ เท่ากับยังคงความเป็นพันธมิตร ยังคงอำนาจต่อรองอยู่ แต่บทบาทอาจจะน้อยหน่อย ส่วนตัวแชริออตนี่สำคัญ เพราะตัวแชริออต หมายถึง ตำรวจ หรือ ทหาร จะเป็นตัวที่จะมาคานกันอยู่

พลังประชาชน ปีหน้าอาจเปลี่ยนรูปแบบไป เพราะได้ไพ่เมจิกเชียน เป็นเลข 1 ตีความได้ว่าในนามของพรรคใหม่ มีไพ่เงิน มีไพ่งาน แล้วยังได้ไพ่เอ็มเพอเรอร์ แม้พลังประชาชนจะยุบพรรคไป แต่จะมาในนามของพรรคอื่น เอ็มเพอเรอร์ คือไพ่ใหญ่สุด หมายถึงก็ยังมีสิทธิได้กลับมาเป็นพรรครัฐบาล ขณะที่ประชาธิปัตย์ เปิดได้ไพ่เดวิล ทุกอย่างคงเดิม และได้ 6 ดาบ 8 ดาบ 8 เหรียญ ดาบเยอะคืออุปสรรคที่ขวางกั้น 8 เหรียญ คือ ยังมีที่ยังมีทุนสนับสนุน

หมอกฤษฎ์ คอนเฟิร์ม ​

วงการบันเทิงยังร้อนแรง

หากจะกล่าวถึงหมอดูสุดฮอตของปีนี้ ก็หนีไม่พ้น หมอกฤษฎ์ คอนเฟิร์ม ที่มาแรงด้วยการทำนายดวงดาราตามถนัดของเขาที่ว่าปี 2009 ปีฉลูที่เป็นวัวดุทีเดียว วงการบันเทิงก็ยังมีเรื่องร้อนแรงอยู่เสมอ สำหรับดาราที่จะดังเปรี้ยงปร้างก็คือ อ๊อฟ-ชนะพล สัตยา พระเอกดาวรุ่งช่อง 7 ที่จะดังกระฉ่อนแซงดารารุ่นพี่หลายช่วงตัว ส่วนฟากดาราสาวแพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ ยังคงมาแรงยากที่ใครจะแซงเธอได้ ส่วนขวัญ-อุษามณี ยังคงอยู่ในตลาดเรื่อยๆ แต่ก็จะมีข่าวฉาวตามมาตลอด ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีตลกผิวขาว จะป่วยด้วยโรคมะเร็งขั้นรุนแรง อาจถึงขั้นเสียชีวิต นอกจากนั้นภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีสถานีโทรทัศน์แบบฟรีทีวีเปิดเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งช่องเป็น 7 ช่อง จากที่ขณะนี้มีอยู่เพียง 6 ช่อง

สำหรับทางด้านเศรษฐกิจปี 2552 ยังเป็นปีที่ทรงๆ ตัว เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ไม่แย่ไปกว่าเดิมมากนัก คนทำงานทั้งหลายก็พยายามประคองตัวให้พ้นปีนี้ไปให้ได ้ และเศรษฐกิจจะเริ่มดีเอากลางปี 2553 ด้านตลาดหุ้นต้นปี 2552 ยังคงซบเซา ต้องรอลุ้นไตรมาส 2 ของปีไปแล้ว ตลาดหุ้นจะเริ่มดีขึ้น และหุ้นในกลุ่มบันเทิงยังไปได้ดี ส่วนปัญหาชายแดนเขมรจะลุ่มๆ ดอนๆ อยู่อีก 2 ปี จะเริ่มคลี่คลายขึ้นในปี 2554 และคอนเฟิร์มว่าประเทศไทยจะไม่เสียพื้นที่ทับซ้อนที่ เป็นปัญหาอยู่อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับสถานการณ์ภาคใต้กว่าจะคลี่คลายลงตัวต้อง รอจนถึงปี 2554 แต่ราวกลางปี 2552 จะมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเสียชีวิต

หมอคฑา ​

สูญเสียเพื่อเริ่มต้นใหม่

ทางด้าน หมอคฑา ชินบัญชร หมอดูไพ่ยิปซีชื่อดังของเมืองไทย กล่าวถึงดวงปีหน้าว่าเป็นปีวัวธาตุดิน แต่ดวงประเทศไทยเป็นธาตุไฟ จึงเป็นปีที่มีการถ่ายเทพลังซึ่งกันและกัน ทางด้านการเมืองจะยังคงมีปัญหาต่อเนื่องอยู่อาจจะมีการปะทะชน เป็นการแตกหักเพื่อเกิดสิ่งที่ดีขึ้นสูญเสีย เพื่อกำเนิดใหม่และอาจจะมีการรัฐประหารเกิดขึ้นในปีนี้ รวมทั้งจะมีการสูญเสียผู้ใหญ่ในบ้านเมือง

ตลาดหุ้นจะดีขึ้นในเดือน เม.ย.-ก.ค. โดยเฉพาะผู้ที่ชอบลงทุนในระยะยาว สามารถช้อนซื้อหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสาธารณูปโภคต่างได้ในราคาที่น่าพอใจสุดๆ รวมไปถึงหุ้นในกลุ่มพลังงาน และช่วงเดือน ส.ค. เป็นต้นไปธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดิน การเกษตร ผลไม้ จะดี ราคาดอกเบี้ยจะถูกลง ดีสำหรับผู้ที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ ส่วนปัญหาภาคใต้ยังคงเลวร้ายในช่วงต้นปีถึงกลางปี จะเบาบางลงช่วงปลายปีไปแล้ว

มนุษย์เงินเดือนควรตั้งรับและดูแลค่าใช้จ่าย อย่างระมัดระวัง ใช้ชีวิตแบบพอเพียง จะไปรอด หากใครที่มีเงินเก็บคิดจะซื้อบ้านในช่วงนี้จะเป็นเวลาที่ดีสำหรับดอกเบี้ยขาลง หากมีเวลาก็ไปไหว้พระ สวดมนต์ กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะได้พลังชีวิตที่ดีขึ้นเป็นการเสริมบารมีรับต้นปีเพื่อเป็นการเริ่มต้นปีให้งดงามสดใสชื่นใจไปตลอดปี 2552

ขอบคุณข้อมูล : โพสต์ ทูเดย์

ที่มา http://webboard.playpark.com/showthread.php?t=20832
<!-- / message --><!-- sig -->

 

มาตามนัด

9 พ.ย.51

ภาพผลไม้เมืองนอก

ผลไม้ที่เพื่อนผมนำมาแจกแล้วผมไม่รับ กลับเดินหนี หลายท่านได้ทานกันไปแล้ว ทานมากท้องก็แตก ทานน้อยก็หามส่งโรงพยาบาลเพราะผลไม้เป็นพิษ

16 ก.ย.51

เรื่องเล่าจากภาพ

การทะเลาะวิวาท ผู้นำจากคนนอกที่เก่งด้านการเงิน แผ่นดินไหว

เมื่อได้ผู้นำจากคนนอกแล้ว ขอให้ระวังเรื่องพื้นดิน ถ้ามาตามนัดก็ขอให้เตรียมปัจจัยสี่สำหรับภาคสนามให้พร้อม เน้นช่วงกลางคืนเป็นพิเศษ

 

<TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>จลาจล"กรีซ"ลามเยอรมัน-ยึดกงสุล</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อ 8 ธ.ค. เอพีรายงานว่า กลุ่มนักเรียน-นักศึกษาในประเทศกรีซยังคงก่อจลาจลเผาเมืองต่อต้านอำนาจรัฐต่อเนื่องเป็นวันที่สาม

เพื่อล้างแค้นกรณีตำรวจยิงนายอเล็กซานดรอส กริกอโรปูลัส นักเรียนวัย 15 ปี เสียชีวิตเมื่อวันเสาร์ เหตุวุ่นวายส่อเค้าบานปลายยิ่งขึ้น เมื่อพรรคการเมืองฝ่ายค้านประกาศระดมผู้สนับสนุนมาเดินขบวนต้านรัฐบาลด้วย ส่วนกลุ่มวัยรุ่นกรีซราว 15 คน บุกเข้ายึดสถานกงสุลกรีซ ในย่านช็อปปิ้งใจกลางกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงเยอรมนี พร้อมติดป้ายจากหน้าต่างตึกลงมาด้านนอกอาคารว่า "กริกอโรปูลัสถูกฆ่าโดยรัฐบาล" ขณะที่เจ้าหน้าที่เยอรมันเข้าไปเจรจาไกล่เกลี่ย

ส่วนเหตุการณ์ในกรุงเอเธนส์ เมืองหลวงกรีซ ลุกลามไปยังอีกหลายเมือง จุดที่ตำรวจปะทะกับม็อบนักเรียน-นักศึกษารุนแรงที่สุดในวันจันทร์

คือที่เมืองทริคาลา ซึ่งฝ่ายม็อบพยายามปิดกั้นทางรถไฟ กับใจกลางเมืองเทสซาโลนิกิ เมืองใหญ่อันดับ 2 ซึ่งนักศึกษาก่อหวอดปาระเบิดขวดและก้อนหินใส่ตำรวจที่ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ นอกจากนั้น ยังเผารถและทุบทำลายร้านค้าที่อยู่รอบๆ จุดเกิดเหตุอีกด้วย

ด้านพรรคคอมมิวนิสต์กรีซและพรรคเปซ็อกแถลงว่าจะระดมผู้สนับสนุนออกเดินขบวนใน 5 เมืองใหญ่ๆ เพื่อโค่นรัฐบาลเนื่องจากแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้

ขณะที่กลุ่มสหภาพแรงงานกรีซประกาศรวมตัวหยุดงานประท้วงในวันพุธที่ 10 ธ.ค. เพราะไม่เห็นด้วยกับนโยบายปฏิรูประบบจ่ายเงินชดเชยผู้เกษียณอายุ นายโพรโคพิส ปาฟลอปปูลัส รมว.มหาดไทยเปิดประชุมฉุกเฉินและสั่งให้ตำรวจปรับแผนรับมือให้สอด คล้องกับเหตุการณ์ ส่วนนายกรัฐมนตรีคอสตาส คารามันลิส เขียนจดหมายแสดงความเสียใจส่งไปถึงพ่อแม่ของวัยรุ่นที่เสียชีวิต พร้อมรับปากจะลงโทษตำรวจที่ลงมือลั่นไก และป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้อีก

สำหรับต้นตอของเหตุการณ์นี้เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายอเล็กซานดรอสไปร่วมงานเลี้ยงที่บ้านเพื่อนในย่านเอกซาร์เคีย กรุงเอเธนส์

เขตซ่องสุมของกลุ่มวัยรุ่นคนหนุ่มสาวชาวกรีซที่มีแนวคิดต่อต้านอำนาจรัฐและลัทธิทุนนิยม โดยเรียกตัวเองว่าเป็นพวก "อนาธิปไตย" พยานฝ่ายเหยื่อยืนยันว่าผู้ตายถูกยิงโดยไม่มีเหตุผล แต่ตำรวจอ้างว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นในบริเวณดังกล่าวปิดล้อมและพยายามยึดรถสายตรวจจึงต้องยิงขู่ ไม่ตั้งใจยิงให้ตาย
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>