พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ร่วมด้วย ครับ ใน ๒ องค์หลัง
ข้อ ๑ ก
ข้อ ๒ ก
ข้อ ๓ ข

 

รู้ - รัก ภาษาไทย

http://hilight.kapook.com/view/27084

​

ปลุกทุกภาคส่วนของสังคมใช้"วันภาษาไทยแห่งชาติ" ให้คุ้มค่า


วันนี้ของทุกปี 29 กรกฎาคม คือ วันภาษาไทยแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯเป็นองค์ประธานและทรงร่วมอภิปรายในการประชุมทางวิชาการของชุมนุมภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 และคณะรัฐมนตรีมีมติให้วันดังกล่าวเป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ มาตั้งแต่ปี 2542

จนถึงวันนี้ครบรอบ 9 ปี ของการกำหนดให้วันนี้เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ และกำลังก้าวย่างสู่ปีที่ 10 แต่ปัญหาการใช้ภาษาไทยของคนไทยก็ยังอยู่ในวังวน ของปัญหาเดิม เด็กไทย พูด เขียน อ่าน ฟัง ภาษาไทยไม่คล่อง

"ทีมการศึกษา" ขอหยิบยกตัวอย่างจากผลการสำรวจปัญหาการใช้ภาษาไทยของคนไทย ซึ่งหลายหน่วยงาน หลายสำนักจัดทำกันขึ้น ในช่วงเวลาก่อนถึงวันภาษาไทย ผลวิจัยจากศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สำรวจเรื่องความรู้ความเข้าใจของประชาชนเกี่ยวกับวันภาษาไทยแห่งชาติและปัญหาการใช้ภาษาไทย ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาการใช้ภาษาไทยกำลังอยู่ในขั้นวิกฤติ เพราะคนไทยจำนวนมากยังเขียนภาษาไทยผิด พูดผิด จับใจความผิด ฟังผิด อ่านผิด

ในช่วงเวลาเดียวกัน ก็มีงานวิจัยเรื่องปัญหาการเรียนการสอนและการใช้ภาษาไทยในปัจจุบัน ซึ่งนำเสนอในงานประชุมวิชาการเพื่อเฉลิมพระเกียรติงานฉลอง 200 ปีวันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท ซึ่งมีข้อสรุปถึงปัญหาและแนวทางแก้ไขที่น่าสนใจ

โดยด้านผู้เรียนนั้น พบว่า ระดับประถมศึกษา ไม่สนใจการเรียนภาษาไทย ไม่ชอบอ่านหนังสือ ระดับมัธยมศึกษา ไม่เห็นความสำคัญของภาษาไทย เพราะไม่สอดคล้องกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งเด็กก็ยังมีปัญหาอ่านไม่คล่อง สำหรับระดับอุดมศึกษานั้น นิสิตนักศึกษา ให้ความสนใจกับภาษาไทยน้อยมาก ความรู้พื้นฐานด้านภาษาไทยก่อนเข้าเรียนระดับอุดมศึกษามีค่อนข้างน้อย ไม่รักการอ่าน ใช้สื่ออินเตอร์เน็ตในการค้นคว้าข้อมูลทำให้การเขียนบกพร่อง

หันมาดูด้านผู้สอน ทุกระดับมีปัญหาร่วมกันคือ ผู้สอนมีภาระงานมาก ไม่มีวิธีสอนที่น่าสนใจ สำหรับระดับประถมพบว่า พบอิทธิพลภาษาถิ่นทำให้ผู้สอนไม่สามารถสื่อสารกับผู้เรียนได้ หรือทำให้ผู้เรียนสับสน

สำหรับปัญหาในระดับนโยบายนั้น งานวิจัยสำรวจเรื่องเดียวกันก็พบว่า รัฐ สถาบันการศึกษา และคนในสังคมไม่เห็นความสำคัญของวิชาภาษาไทย ส่งผลให้ทั้งผู้เรียนและผู้สอนไม่ใส่ใจวิชานี้เท่าที่ควร ทำให้การเรียนการสอนประสบปัญหา ในระดับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ให้ความสำคัญกับการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้องของคนในหน่วยงาน

ข้อเสนอแนะ ระดับนโยบาย คือ นโยบายของรัฐต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติคนไทย ให้รักภาษาไทยมากกว่าภาษาต่างชาติ ให้วิชาภาษาไทยเป็นวิชาสำคัญวิชาหนึ่ง ในการตัดสินการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาในระดับต่างๆ และการรับบุคคลเข้าทำงาน ให้ผู้สอนทุกรายวิชาใส่ใจกับการใช้ภาษาไทยของนักเรียน ไม่ปล่อยให้เป็นภาระของครูภาษาไทยฝ่ายเดียว รณรงค์ให้สถาบันการศึกษาและสถานที่ราชการ ให้มีการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้องในชั้นเรียนและในเวลาทำงาน และให้เห็นความสำคัญของการใช้ภาษาไทยเป็นภาษาราชการ

นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอว่า การสอนแบบแจกลูกสะกดคำอย่างในอดีต จะทำให้นักเรียนอ่านคล่องขึ้น ทั้งควรให้เด็กท่องบทอาขยาน กรณีเด็กอ่าน เขียน ไม่ได้ ก็ควรซ้ำชั้น และปลูกฝังการรักการอ่านตั้งแต่เล็ก โดยเริ่มจากครอบครัว

ขณะเดียวกัน เมื่อดูผลการสำรวจจากอีกหลายสำนัก ก็พบว่า ปัญหาการใช้ภาษาไทยก็ไม่แตกต่างกันแต่อย่างใด แม้ว่าบางเรื่องกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเร่งแก้ไข แต่ดูเหมือนปัญหายังเป็นปัญหาซ้ำซากตามเดิม ผลสะท้อนดูได้จากคะแนนแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐานหรือโอเน็ต วิชาภาษาไทย ผ่านเส้นแดงมาเล็กน้อย ซึ่งถือว่าเลวร้ายมากสำหรับภาษาแม่ของชาติ

ล่าสุด ราชบัณฑิตยสถาน เตรียมจัดการทดสอบความรู้ภาษาไทยของคนไทยขึ้น หรือเรียกง่ายๆ ว่า โทเฟลภาษาไทย โดยกลุ่มเป้าหมายแรกที่ต้องการทดสอบในปีนี้ คือ ครูผู้สอนและ นักเรียน ซึ่งขณะนี้สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ หรือ สทศ. ออกแบบข้อสอบเรียบร้อยแล้ว พร้อมทดสอบปลายปีนี้

ทีมการศึกษา เห็นด้วยกับการทดสอบความรู้ภาษา ไทย แต่เรามองว่านั่นน่าจะเป็นตัวช่วยเพื่อให้คนไทยเห็นจุดบอด ของการใช้ภาษาไทยที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ในทักษะทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ฟัง พูด อ่าน เขียน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขจุดอ่อนได้ตรงตามเป้าหมาย แต่คงไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ในการแก้ปัญหาภาษาไทยที่กำลังเข้าขั้นวิกฤติ คงไม่สายเกินไปที่จะหันกลับมาเอาจริงเอาจังกับการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง โดยเริ่มต้นในวันนี้

วันภาษาไทยแห่งชาติ!!!



ข้อมูลและภาพประกอบจาก
​

<!-- / message --><!-- sig -->

 

ไม่มีใครรู้หมดนาคุณnongnooo ผมยังไม่รู้เลย ผมได้มาแล้วผมมานั่งส่องแล้วส่องอีก นั่งงงงงงแต่ยังไม่มาก
แต่พอนำไปเช็คดู ได้รับคำตอบ ผมเองนั่งมึน นั่งงง แต่ท่านที่เช็คให้ผม ก็อธิบายให้ผมได้ฟังว่า คืออะไร

เดี่ยวผมจะตอบแล้ว เพราะว่าคงไม่มีใครที่จะเข้ามาตอบอีก

.

 

ขอร่วมตอบด้วยคนครับ เอาแบบรวมๆเลยนะครับ

เป็นพระแท้ทั้ง 3 องค์ครับ
ผงสุพรรณ เป็นเนื้อดินเผา สมเด็จเป็นเนื้อผง ซุ้มกอ เป็นเนื้อดินเผาครับ
ส่วนผู้อธิษฐานจิต เป็น สมเด็จพุทธาจารย์โตฯ ทั้งหมดครับ

 

กราบขอบพระคุณท่าน nanodent ที่ได้เมตตานะครับ วันนี้ผมได้รับพระเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
แต่น่าเสียดายที่ผมยังมีบุญวาสนาไม่ถึง พระเศียรบาตร ที่แยกอยู่องค์เดี่ยวจึงแตกร้าวเป็นเสี่ยงๆ
ซึ่งผมกำลังตัดสินใจจะนำไปถวายให้หลวงพ่อเพื่อนำไปเป็นวัตุมงคลในการจัดสร้างพระพิมพ์ต่อๆไปเพื่อจะได้มีผู้ได้รับโอกาสร่วมบุญด้วยกันมากยิ่งๆขึ้นครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น ขออนุโมนาบุญที่จะได้รับให้กับท่าน nanodent ด้วยครับ

สำหรับพี่หนุ่ม ผมขออนุญาติเรียกว่า พี่หนุ่ม ตามที่พี่บอกไว้นะครับ ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ เพื่อจะได้รับความเมตตาจากพี่หนุ่มและท่านอื่นๆให้ความรู้ต่างๆ เผื่อว่าสักวันหนึ่งจะมีบุญได้ไปเกิดในภพชาติภูมิที่พระพุทธองค์เสด็จมาโปรดพอดีครับ

 

ผมมาตอบแล้วครับ ไม่รอเวลาแล้ว




พระผงสุพรรณ

คำถามมีอยู่ว่า
1.พระผงสุพรรณ องค์นี้ แท้หรือไม่แท้
ก. แท้
ข. ไม่แท้
ค.ไม่ทราบ

ถ้าตอบว่า แท้ ก็ให้ตอบคำถามต่อไป แต่ถ้าตอบว่าไม่แท้ หรือ ไม่ทราบ ก็หยุดแค่ข้อนี้


คำตอบ ก.แท้


2.เนื้อของพระผงสุพรรณองค์นี้เป็นเนื้ออะไร
ก. เนื้อผง
ข. เนื้อดิน
ค. เนื้อดินเผา
ง. เนื้อปูน
จ. เนื้อชิน
ฉ. เนื้อตะกั่วถ้ำชา


คำตอบ จ.เนื้อชิน (สนิมแดง) อายุไม่น้อยกว่า 700 ปี


3.ใครเป็นผู้อธิษฐานจิต
ก.หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
ข.สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี
ค.พระอภิญญาใหญ่
ง.พระฤาษี
จ.องค์ผู้อธิษฐานจิต อื่นๆ


คำตอบ ง.พระฤาษี



พระสมเด็จ


พระซุ้มกอ

คำถามมีอยู่ว่า
1.พระสมเด็จและพระซุ้มกอ ทั้งสององค์นี้ แท้หรือไม่แท้
ก. พระสมเด็จแท้ ,พระซุ้มกอแท้
ข. พระสมเด็จไม่แท้ ,พระซุ้มกอไม่แท้
ค.พระสมเด็จแท้ ,พระซุ้มกอไม่แท้
ง.พระสมเด็จไม่แท้ ,พระซุ้มกอแท้


ถ้าตอบว่า แท้ ก็ให้ตอบคำถามต่อไป แต่ถ้าตอบว่าไม่แท้ หรือ ไม่ทราบ ก็หยุดแค่ข้อนี้

คำตอบ ก.พระสมเด็จแท้ ,พระซุ้มกอแท้

2.เนื้อของพระสมเด็จและพระซุ้มกอ ทั้งองค์นี้เป็นเนื้ออะไร
ก. เนื้อผง
ข. เนื้อดิน
ค. เนื้อดินเผา
ง. เนื้อปูน
จ. เนื้อชิน
ฉ. เนื้อตะกั่วถ้ำชา

คำตอบ จ.เนื้อชิน (สนิมแดง) อายุไม่น้อยกว่า 700 ปี

3.ใครเป็นผู้อธิษฐานจิต
ก.หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
ข.สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี
ค.พระอภิญญาใหญ่
ง.พระฤาษี
จ.องค์ผู้อธิษฐานจิต อื่นๆ

คำตอบ ง.พระฤาษี

 

พระสมเด็จ


พระซุ้มกอ



พระผงสุพรรณ

ไม่ว่าจะเป็นพระสมเด็จ ที่ปัจจุบันทราบว่า พระสมเด็จมีมานานมากกว่า 700 ปีแล้ว ผมเองได้เห็นแม่พิมพ์พระสมเด็จที่มีอายุไม่น้อยกว่า 700 ปีมาแล้ว ,อีกทั้งพระผงสุพรรณ เดิมมีการสร้างที่กำแพงเพชร เมืองกำแพงเพชรเป็นเมืองที่สร้างพระพิมพ์ไว้มากพอสมควร พระผงสุพรรณที่ขุดพบที่สุพรรณบุรีเป็นการนำพระผงสุพรรณจากกำแพงเพชรไปบรรจุไว้ที่สุพรรณบุรี ส่วนพระซุ้มกอก็อย่างที่ทราบๆกันก็คือ จากกำแพงเพชรครับ

 

ไว้ผมมีคำถามมาถามใหม่ ฝึกสมองลองปัญญา "ไม่มีใครผิด" "ไม่มีใครถูก" มีแต่ "รู้" หรือ "ไม่รู้"

ไม่มีใครรู้ตั้งแต่เกิด ต้องเรียนรู้กันไป ผมเคยบอกไว้ว่า ผมเองไม่เก่ง ยังต้องอาศัยครูบาอาจารย์คอยอบรมสั่งสอนผมอีกมาก มากจริงๆ เรื่องที่ผมถามไป เป็นเรื่องเพียงนิดเดียว ที่ทำให้ผมนั่งมึน นั่งงง คนโบราณเก่งมากขนาดนี้ ทำให้ชนรุ่นหลังได้ขนาดนี้

 

อนุโมทนากับความรู้ที่พี่หนุ่มมอบให้ครับ อ่านแล้วถึงกับอึ้งครับ
ว่าแต่ว่าจะเป็นการเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนไหมครับถ้าผมจะเรียนว่า พระพุทธชินราช ก็มีมาตั้งแต่สมัยทวารวดีครับ

ส่วนพระสมเด็จนั้นนับว่าได้เปิดหูเปิดตาครับ เพราะก่อนนี้ผมทราบเพียงแต่ว่าสมเด็จสังฆราชฯสุก ท่านได้สร้างพระสมเด็จพิมพ์เดียวกับสมเด็จโต แต่ไม่ได้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
ครั้นพอท่านสร้างแจกจริงๆ พิมพ์สมเด็จอรหันต์กลับกลายเป็นอีกพิมพ์ไปที่ไม่เหมือนของสมเด็จโตฯครับ

 

หุ..หุ..เอาอย่างคุณหนุ่มดีกว่าครับ ตรวจทางรูป และนามในนี้ไม่ได้ต้องนำมาตรวจกับตา กับตา ถึงจะทราบว่าพิมพ์ทรง เนื้อหามวลสารเป็นอย่างไร และผู้เสกเป็นใคร อิ..อิ...ใช่หรือเปล่าครับคุณน้องนู๋

 

สวัสดีครับคุณเพชร ผมน้อง เอก นะครับ อย่างไรก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
ผมขอรับความเมตตามจากคุณเพชรช่วยอธิบายเกี่ยวกับรูปภาพแทนตัวของคุณเพชรได้ไหมครับ
ผมทราบว่านั่นเป็นสัญลักษณ์ของ อี้จิง แต่ผมไม่ทราบว่าทำไมจึงมีรูปทหารมากมายในนั้นครับ

 

สิ่งที่เรายังไม่รู้ ไม่เห็นยังมีอีกมากมายนัก ถ้าเราไม่ทำตัวเหมือนลิงที่ถูกล่ามโซ่ผูกไว้กับเสา จะรู้แค่ความยาวของโซ่ที่ผูกคอไว้ไปถึง แต่ ในป่ายังมีอีกมากที่ยังสามารถไปค้นคว้าหาความรู้กันได้อีกมากมาย

ผมมีพระรูปหล่อลอยองค์ ที่ผมเองดูเหมือนใหม่มากๆ แต่เนื่องจากท่านผู้ให้ผมมานั้น เป็นผู้ที่ดูพระพิมพ์หรือพระอื่นๆได้ดีมากๆ ดูทั้งรูป ทั้งนาม อีกทั้งมีผู้ที่ตรวจสอบให้อีก ผลที่ได้ตรงกัน ปรากฎว่าเป็นพระสมัยทวาราวดีครับ

เรื่องของการเรียนรู้ ในความเห็นผม ยิ่งเรียนรู้มากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งเห็นความไม่รู้ของคนในยุคนี้มากขึ้นเท่านั้นครับ

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo
ผมจะวิเคราะห์ให้นะครับว่าทำไมผมถึงบอกว่ายากครับ
1.การสังเกตุจากรูปทำให้อาจมีการประเมินผิดไปมากโดยเฉพาะในกรณีของเนื้อครับ เพราะหากเป็นเนื้อดิน ก็จะวิเคราะห์ออกมาอย่างหนึ่งเป็นเนื้อผง ก็ออกมาอีกรูปแบบหรืไม่ว่าจะเป็นเนื้อดินเผา,ปูน,ตะกั่วถ้ำช้ำ หรือแม้เป็นชิน หากดูผิดตั้งแต่ทีแรกย่อมผิดหมดครับ
2.จากข้อแรก(ในกรณีคนปกตินะครับ)หลังจากตอบแล้วความรู้ในการมาคาดคะเนอายุ อธิบายต่อเกี่ยวกับผู้เสกก็ตามนั้นซึ่งก็ยากครับ
ผมยกตัวอย่างเพื่อการเห็นภาพนะครับ เช่นผมตอบว่า แท้ สร้างจากปูน(คงไม่เก่ามาก) เพราะฉะนั้น ผู้เสกก็คงเป็น พระฤาษีไม่ได้ ก็คงได้เป็นพระอภิญญาใหญ่ หรือพระเกจิท่านอื่น แต่หากตอบ แท้เนื้อดิน หรือดินเผา(เก่าแก่มากอายุเกิน500ปี) ก็แยกผู้เสกได้อีกครับว่าเป็นพระฤาษี หรือไม่ก็พระบรมครูเทพโลกอุดร เห็นมั้ยครับว่าเวียนหัวขนาดไหนครับ
ไม่ตอบดีกว่าครับจะได้ไม่เสียฟอร์ม เหมือนที่ท่านเพชรว่าไว้ว่าไม่บอกออกมาเค้าไม่ทรายว่าเราไม่รู้ครับ 5555555
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ไว้วันที่นัดพบกันประจำเดือนหน้า ผมจะนำไปให้ชม ขอย้ำว่าให้ชมนะครับ (ต้องดักไว้ก่อน) มีอยู่เพียง พิมพ์ละองค์เท่านั้นครับ

.

 

จริงแท้ทุกประการครับ ขอเพียงเราเปิดใจให้กว้าง อย่าไปหลงเชื่อคนบางกลุ่มที่หลงคิดว่าตนรู้มากแล้วปิดกั้นสิ่งที่ตนไม่รู้ว่าไม่จริง
หากแต่ว่าการจะเชื่ออะไรนั้นก็ต้องอาศัยสติและการพิจารณาที่รอบคอบ ปรึกษาผู้รู้ที่น่าเชื่อถือและเคารพบูชา แล้วนำมากลั่นกรองต่อยอดเป็นแนวทางปฏิบัติของผมเสมอมาครับ

 

เสียดายจังครับ ผมอยู่ต่างจังหวัด แถมไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไรเลย อยากมีวาสนาได้พบปะพี่ๆเพื่อเรียนถามขอความรู้จริงๆครับ

แต่ถ้าผมมีบุญวาสนาอย่างไร ปีหน้าผมกำลังจะกลับเข้าไปอยู่ที่ศิริราชครับ วันข้างหน้าก็หวังว่าจะได้มีโอกาสพบพี่ๆบ้างครับ

 

เพียงแค่ศึกษาตามที่ครูบาอาจารย์สอนมา ก็ยังลำบากเลยครับ แต่ครูบาอาจารย์ก็สอนเสมอว่า ให้เรียนรู้ให้มากที่สุด แล้วนำสิ่งที่เรียนรู้ไป นำไปต่อยอด ออกไป

โมทนาในความเห็นที่เป็นสัมมาทิฐิกับคุณเอกนะครับ

 

ยินดีครับ

 

จริงอย่างที่พี่หนุ่มว่าครับ แค่เรียนรู้จากที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนก็เรียนไม่จบแล้วครับ
ผมเองก็อาศัยต่อยอดความรู้ที่ตนเองมีจากครูบาอาจารย์นี่แหละครับ รู้จากอาจารย์ท่านหนึ่ง ก็ออกไปค้นหาเพิ่มเติม แล้วก็ได้พบกับครูอีกท่านหนึ่ง ยิ่งเรียนก็ยิ่งซึ่ง ยิ่งทึ่งในสิ่งต่างๆครับ

 

อุ้ย สอบผ่านหวุดหวิด ถูก 3ใน 6 ได้ 50เปอร์เซนต์แน่ะครับ
;aa21

 

เดี๋ยวโดนข้อหา พระมือผี อีก หุหุหุ