ร่วมแลกเปลี่ยนเคล็ดลับในการประคองศีล 5 กันคะ่

น้องชมพู ต้องแยกระหว่างปัญญาญาณ กับ อารมณ์วิปัสสนา ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน

ปัญญาญาณ ต้องใช้จิตมีกำลังรองรับ ไม่งั้นสู้ธรรมอีกด้านหรือธรรมอัตตาไม่ได้

อารมณ์วิปัสสนา ที่รู้ตามอายตนะนี่นั่น เป็นการสร้างเหตุ นำไปสู่จิตมีกำลัง > ไปสู่ปัญญาญาณ << อารมณ์วิปัสสนา จิตยังไม่เห็นไตรลักษณ์ ยังไม่เห็นอะไร พี่เรียกขั้นป้อแป้ ...<< ขั้นนี้เอาแค่ "รู้" อย่างเดียวพอ พยามให้รู้ส่วนของจิตผู้รู้ อย่าเลยไปส่วนของจิตผู้คิด ..จิตเขาจะสะสม ความรู้สึกตัวไปเรื่อยๆ เอง (แต่จิตจริงๆ ไม่สะสมนะ แต่ขอใช้คำว่าสะสมให้พอมองภาพออก)

เมื่อจิตแยกรูปนามได้ จะเห็นจิตสองชนิดมาชนกัน (แต่ไม่ปนกัน) คือจิตผู้รู้ กับจิตผู้คิด << อันนี้ปัญญาญาณทำงาน จิตทำธุรกรรมไปเอง เราทำอะไรไม่ได้ แยกอยู่ทั้งวันก้ออยู่ได้ และไม่มีอุปทานอะไรในนั้นด้วย

 

ศีลก็เปรียบเสมือนเรือ
ถ้าศีลไม่รั่ว
เรือมันก็ไม่จม

 

ผู้รู้ ก็จิต
ผู้คิดก็จิต
ผู้หลงก็จิต

จิตที่ตั้งมั่นเป็นกลาง เป็นผลงานที่เกิดตามมาทีหลังในการกำหนดรู้
ไม่ได้เกิดมาก่อนการฝึก ในการกำหนดรู้

เมื่อจิตตั้งมั่นขึ้นมา แล้วดับไป มีองค์ประกอบ มาพร้อม ปิติ สุข เกิดขึ้นมาแล้วดับไป
ชั่วแว๊ป นี่จึงเรียก ขนิกสมาธิของสัมมาสมาธิ ส่วนนี้เป็นผลงานที่สั่งไม่ได้
กำหนดให้ทรงอยู่ ตั้งอยู่ด้วยเจตนาไม่ได้
เป็นจุดนัดพบ ที่นักภาวนาจะต้องมาเจอ
และ วิปัสนาญานจะเริ่มเดินตั้งแต่ ตรงนี้ พ้นเจตนาควบคุม
ขนิกสมาธิ ในส่วนนี้ ก็เพียงพอในการบรรลุธรรม
ฉะนั้น สัมมาสมาธิ มันจึงต่างจาก สมาธิความตั้งมั่นของสมถะแบบฟ้ากะเหว
นักภาวนาที่แยกไม่ออก จะเอามาปนเปกันไปหมด พูดวกวนไปวนมา

ฌาน4ของสมถะ แม้จะได้ไปถึงฌาน 8
ก็ สู้ ขนิกสมาธิของสัมมาสมาธิไม่ได้ต่างกันราวฟ้ากะเหว

ที่สู้ไม่ได้เพราะว่า ขนิกสมาธิ ของสัมมาสมาธิ เกิดขึ้นมา
จะเป็นไปในส่วนโลกุตระถ่ายเดียว

แต่ฌาน4ของสมถะแม้ไปจนถึงฌาน8 จะอยู่แค่เพียงโลกียะถ่ายเดียว

แต่ครูบาอาจารย์ นมแท้ๆ ท่านไม่ห้าม ใครทำได้ ใครเหมาะ ในจังหวะไหน
ก็เป็น วิบากของแต่ละบุคคล



แม้จะบอกว่า ตามรู้ตามดู จิต ด้วยจิตตั้งมั่นเป็นกลาง จิตมันก็ไม่เป็นกลางจริงหรอก
เพราะมันยังอยู่ในส่วนการฝึก
แต่ที่ต้องบอกว่า ดูจิตด้วยจิตตั้งมั่นเป็นกลาง
เพราะ
ไม่ให้เกิดการพาก การแทรกแซงเข้าไป
พวกนี้จะทำให้จิต ไม่ได้เอาสภาวะที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง
มาเป็นเครื่องรู้เครื่องระลึก ของสติ

แถม
ผู้รู้ ก็จิต
ผู้คิดก็จิต
ผู้หลงก็จิต

ความหลง ความคิด เป็นเจตสิก
ที่เกิดขึ้นพร้อมกับจิต ดับไปพร้อมกับจิต
เกิดดับ เกิดดับ
เร็ว จนหาช่องว่างแทบไม่ได้ ส่งต่อ สืบต่อ ที่เรียกว่าสันตติ
ดวงหนึ่งเกิดขึ้นดวงนึงดับไป สืบทอดทายาทอสูร

จากจิต 89 พิศดารไป จน 121 ดวง หรือ เรียกว่า จิตประกอบด้วย 121 อารมณ์

 

จิตไม่ใช่หลอดไฟ
เดี๋ยวก็เปิดเดี๋ยวก็ปิด
เดี๋ยวก็ติดเดี๋ยวก็ดับ
จิตไม่เคยหยุดพักแม้แต่นอนหลับ
จิตก็ยังทำงานไม่เคยหยุด
จิตจะหยุดพักก็ต่อเมื่อ
จิตเข้าฌาณนิ่งเป็นตอไม้
จิตจะดับก็ต่อเมื่อเป็นพระอรหันต์
แม้แต่พระอรหันต์ถ้ายังไม่ตาย
จิตก็ยังไม่ดับ
จิตดับคือพระอรหันต์ที่ตายแล้ว

 

มีจิต 121 ดวง.ไม่ผีเข้าผีสิง.ก็ร่างทรง

 

พ่อรูปหล่อ จะเอาหลอดไฟมาอุปมา

อะไรทำให้เกิดแสงออกมา ไหน เรียน วิทย์มามั่งป่าว

สมัยประถมเลยนะ เอดิสันหรือป่าววะเห้ย ที่ผลิดหลอดไฟ


ไส้หลอดที่มันร้อนได้ มันอาศัยอะไร
ความเกิดดับ ถี่หรือเปล่า ที่ทำให้ใส้หลอดมีแสง

ทีนี้ พอไล่ไปอีก แม้ใส้หลอด อะไรเป็นเหตุให้ใส้หลอดมีแสง ไฟฟ้าหรือเปล่า

และไฟฟ้า มันมี + กับ - เป็นกระแส สลับ หรือป่าว

พ่อรูปหล่อว่าไง เดี๋ยวบวก สลับไปลบ บวกลบ สลับไปสลับมา นี่เขาเรียกว่าเกิดดับ

 

พระไตรปิฎก บัญญัติไว้ ในอภิธรรมปิฎก และก็ สอดคล้องกับการปฏิบัติด้วย

ถ้าจะบอกว่า ตัวเองศึกษามาน้อย
ก็ให้หัดศึกษาเพิ่มเติม จะได้ มีความรู้กว้างขวางขึ้น

ยิ่งหากเป็นผู้ฝึกฝนมาบ้างแล้ว อ่านอภิธรรม ยิ่งแต่ สนุก

 

ลบหรือบวกก็มาจาก
อนุภาคควอนตัมมิใช่ครับ
เพราะอนุภาคควอนตัมทำให้เกิดสมการ

 

ประทานโทษ เล่นเกินวุฒิประถมแล้วนี่ ล่อไปควอนตั้ม


ว่าแต่ว่า อนุภาค ควอนตั้ม มันเป็นไงฮับ

 

มีอยู่ทุกที่ และเป็นได้ทุกอย่างครับ

 

121.คืออารมณ์อันนี่ใช่ครับ
จิต.121.ดวงในร่างเดียวอันนี่ผีเข้าสิงครับ

 

ถึงได้บอกไง ไปอ่านสะ

จะได้เข้าใจถูก

จิต 121 ดวงก้เหมือนกับ จิต 121 อารมณ์

ภายในชั่วคาบลม มันเกิดดับ ไปเป็น แสน เป็นล้านครั้งไปแล้ว
สลับไป สลับมา ภายในจิต 89พิศดารไปจน 121ดวง ซ้ำไปซ้ำมา หมักดองเป็นอนุสัยเป็นสันดานสันดร ส่งต่อเป็นสันตติไปเรื่อย

 

แล้วมันเป็นไง มันเกิดดับไหมฮับ ควานตั้ม

 

ชั่วคาบลม.ไนโตรเจน.
ออกซิเจนดับ
แล้วเกิดคาร์บอนไดออกไซด์ครับ
ไม่ใช่จิตเก่าดับจิตใหม่เกิด

 

เอาๆ ขอไปที่ชอบก่อนละกัน

 

มีแต่จะด้อยค่าสมถะ.....
หารู้ไม่ว่า....
ตัวเนื้อสมาธิ....องค์ประกอบของฌาน
ทั้ง 2 อย่างนี้
เป็นตัวเดียวกัน
.....ต่างกันแค่หน้าที่....นำไปใช้
....อย่างหนึ่ง....เพื่อสงบดำดิ่ง
....อีกอย่างหนึ่ง....
เพื่อความตั้งมั่นเห็นความจริง

ถ้าเคยผ่านมาทั้ง 2 อย่างมา
จะรู้ว่า....มีองค์ฌานเดียวกัน...
เนื้อในของสมาธิเหมือนกัน

สัมมาสมาธิ.....เพื่อความตั้งมั่น
ปฐมฌาน....มีองค์ประกอบ
...วิตก... วิจาร... ปิติ... สุข... เอกัคคตา

สมาธิ......เพื่อความสงบ
ฌานที่หนึ่ง....
ก็มีองค์ประกอบเดียวกับ....สัมมาสมาธิ
...วิตก... วิจาร... ปิติ... สุข... เอกัคคตา
จิตยังไม่ทิ้งคำบริกรรม
...มีวิตก...วิจารอยู่
อีกทั้ง...มีปิติอิ่มเอิ่ม ...มีสุข...อยู่ในนั้น
และยังมีความตั้งมั่นในอารมณ์เดียว
...เช่นกัน

และในฌานอื่นๆ....ขึ้นไป
ก็มีองค์ของสมาธิ....เป็นแบบเดียวกัน
ทั้งสองสงัด....จากอกุศลจิตทั้งนั้น

แล้วมันต่างกันที่ไหน?
มันต่างกันที่...ความมุ่งหมาย....
ต่างกันที่คนภาวนา.....
....จะนำไปใช้งานแบบไหน

อย่างนึง.....เพื่ออาศัยความตั้งมั่นนั้น
.....ใช้.....เห็นความจริง

อย่างนึง....เพื่อความสงบ...
.....ใช้....เพื่อเสพสุขจากสมาธิ

เปรียบเหมือน...
มือถือ...ยี่ห้อเดียวกัน...รุ่นเดียวกัน
2 เครื่อง

ทั้ง 2 เครื่องนี้
ใช้ซีพียู snapdragon 888.... แรม 8 กิ๊ก
รอม 256 กิ๊ก... จอ 6.95 นิ้ว 120 เฮริธ์
....กล้อง 8 ตัว 48 ล้าน....พร้อมเลนส์ไวด์
..... ส่วนประกอบของมือถือเหมือนกัน

ต่างกันที่ผู้ใช้....
....บางคนใช้....แค่โทรออก..รับสาย...ถ่ายรูป
....บางคนใช้....แชทข้อความ... ท่องโซเชียล
....ต่างกันที่ตัวคนนำไปใช้งาน

เมื่อมือถือ 2 เครื่องนี้มีส่วนประกอบเดียวกัน
คุณสมบัติเหมือนกัน....
.....จากที่ใช้แค่...โทรออกรับสาย...ถ่ายรูป
ก็เอามา....ท่องโซเชียล...ดูยูทูป....
.....ได้เช่นกัน

ถึงคนนั่งสมาธิ....เพื่อความสงบ...นั้น
ถ้ามีปัญญา....รู้จักพลิก
ก็สามารถ....
ดูความความจริง....
....ของนามธรรมภายในได้เช่นกัน
พลิกไปสังเกตุ....ปิติ...
ปิติก็มีปัจจัย...ปรุงแต่งขึ้นมา...จึงเกิด
.....เมื่อหมดเหตุ....ก็ดับไปได้เช่นกัน
พลิกไปสังเกตุ...
แม้ตั้งจิตในความสงบนั้น
....ก็เห็นความคิดแทรกเข้ามา....
แม้จะแผ่วเบา
...บังคับ...ควบคุมไม่ได้
เห็นความจริง...ของธรรมชาติภายใน
....ได้เช่นกัน

บางคนไม่เคยผ่านสมาธิ...
...อย่างใดอย่างนึง...
เลยหลงไปคิดว่า....
เป็นสมาธิคนละตัวกัน...โดยสิ้นเชิง
ไปด้อยค่าคนฝึกสมถะ
....ด้วยความไม่รู้

แต่ความจริง คือ
มันมี feature เดียวกัน....
.....ต่างกันแค่ function ที่เอาไปใช้งาน
......แค่นั้น

......................

 

แอดต้องส่ง...ภาษาไทยมาครับ
....อ่านไม่ออก

แปะเพลง....ไม่ได้....
แต่โลกของความเป็นจริง....ขับรถก็ฟัง
....นั่งแท๊กซี่ก็ใส่หูฟัง....ฟังเพลง

ตอน...
สมาชิกโพสปรามาสครูบาอาจารย์
....โชว์หลาา...ไม่กล้าลบ

สมาชิกใช้คำหยาบ...กล่าวร้ายกัน
....ก็โชว์หลาา...แต่ไม่กล้าลบ

 

5555
โดนเตือนเฉยเลย พี่ไปข่มขู่ใครเค้าหรอครับ

 

เท่าที่อ่าน เหมือนว่าที่เตือน ไม่ได้เกี่ยวกับเพลงนะ

เกี่ยวกับการใช้คำพูด และ ลักษณะพฤติกรรม ค่ะ

ช่วงนี้ทางเว็บคงเข้มงวดเรื่องพวกนี้ หลายๆคนเลยหายไปเยอะเลย