ร่วมแลกเปลี่ยนเคล็ดลับในการประคองศีล 5 กันคะ่

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ren, 22 กรกฎาคม 2009.

  1. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    อีกอย่างที่อยากจะทำมากๆหลังจากที่เห็นความจริงในตอนนั้น คือ อยากป่าวประกาศให้โลกรู้ ให้ครอบครัวรู้ ให้คนอื่นๆรู้ ว่า พระพุทธเจ้ามีจริง คำสอนเป็นของจริง เเละตัวเรา ตัวเขา มันไม่จริง

    เเละพยายามลองพูด ลองบอกครอบครัวเท่าที่ควรจะทำเเล้วครับ เเต่สุดท้ายไม่มีใครเชื่อผมเลย ก็เลยยอมรับว่า มันคงยังไม่ถึงเวลาของเค้า เป็นเรื่องของกรรม
    เมื่อถึงเวลาเค้าคงจะมาขวนขวายหาเอง

    เช่น อย่างผมเนี่ย เห็นชัดเลยครับ ไม่มีใครเอาธรรมมาบอก ไม่มีใครมาชวนให้ปฏิบัติ ชีวิตก็สุขสบายดี เเต่อยู่ดีๆ ก็ศึกษา ปฏิบัติเองซะงั้น

    เเต่ก็น่าเสียดายนะครับ ที่ผมก็ไม่รู้จะช่วยคนในครอบครัวยังไง น่าเสียดายที่เรารู้ความจริง เเต่ครอบครัวยังหลง ยังห่างจากพระธรรมคำสอนของจริง เเละเราก็ทำอะไรไม่ได้ด้วย เพราะมันเป็นเรื่องที่ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง
     
  2. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    หมูไม้ รู้เยอะไปหมด รู้จริงด้วย ปัญญาเยอะ แต่ไม่ยอมประกอบญาณ

    ต้องมีทั้ง สติ สมาธิ ปัญญา ถึงจะผ่านแต่ละขั้น เอาความรู้เข้าไปภายในได้ เพื่อให้สำรอกกิเลสออกมา

    ไม่งั้นอาจจะไปทาง มิจฉาญาณะ มิจฉาวิมุตติ ได้
     
  3. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    เป็นอย่างที่น้องชมพูว่า....
    และสิ่งที่เห็น...ก็เป็นสิ่งเดียวกัน
    แต่ขณะเกิด"มรรคจิต" มันเร็วมาก
    ของพี่เอง....ตอนเห็นไตรลักษณ์มันแว๊บเดียว
    น่าจะขณะจิตเดียว....
    แต่ตอนทวนมาเห็นสิ่งภายนอกด้วยตาเนื้อ
    แล้วจิตมันสรุปรวบยอด...ตอนมันสังเวช
    ตอนเห็นเหตุแท้ๆของทุกข์....
    ...น่าจะใช้เวลาไม่กี่นาที....
    อาจจะเเค่นาทีหรือสองนาที...มันเร็วมาก
    แต่ช่วงเวลาสั้นๆนี้...
    ....มันแตกความรู้...ออกมานับไม่ถ้วนเลยครับ
     
  4. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    ตรงนี้มีความเหมือนและต่างจากพี่ครับ
    หลังจากเกิด"มรรคจิต"
    พี่ไม่ได้สนใจ....สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเลย
    ใช้ชีวิตประจำวันไปเรื่อยๆ
    เพียงแต่รู้ว่า....
    ช่วงเวลานั้น...มีอะไรเกิดขึ้นภายในบ้าง
    และมุมมองที่มีต่อโลก...
    ...มีความเปลี่ยนแปลงไป
    ทิ้งเวลามาซักพักใหญ่ๆ....ถึงเริ่มทบทวนธรรม

    แต่จะเหมือนกับน้องชมพูตรงที่...
    อยากยืนยันว่า...
    มรรคผลมีจริง...พระพุทธองค์มีจริง...
    ...ทางพ้นทุกข์มีจริง
    แต่จะต่างกันตรงที่...
    คนในครอบครัว...คนรอบตัว...
    ....พี่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย
    ก่อนหน้าที่ชอบนั้งสมาธิ...
    พี่ชอบยัดเยียดให้คนในครอบครัวนั่งตาม
    ...เข้าวัดตาม
    ขึ้นรถพี่....พงเพลงไม่ได้ฟัง..
    บนรถเปิดแต่ธรรมะล้วนๆ....
    คนที่บ้านเลี่ยนกันเลยครับ55

    แต่หลังจากเห็นธรรม
    กลับไม่อยากยัดเยียดอะไรให้...
    ...ถ้ารู้ว่าเค้ายังไม่พร้อม
    ถ้าเค้ายังไม่เปิดใจ...ใส่อะไรไปก็ไม่รับ
    แต่พี่ก็มีแพลน...
    พาคนที่บ้านไปฟังธรรมต่อหน้าพระเทศน์
    คนที่บ้านอาจเกิดศรัทธา...เปิดใจรับธรรม
    พี่ค่อยตามตีขนาบ...เอาทีหลัง

    แต่ตอนนี้ช่วงโควิดอยู่...
    ...คงต้องรออีกพักใหญ่ๆครับ

    อย่างน้องชมพูนี่เป็นม้าอาชานัย
    ขวนขวายหาทางพ้นทุกข์...ตอนที่ยังไม่ทุกข์
    ส่วนของพี่....เหมือนม้ากระจอก
    ...ทุกข์บีบคั้นก่อน....
    ...ถึงจะหาทางออกจากทุกข์ครับ55
     
  5. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    เวลาเห็นผมปล่อยซิงเกิ้ล...ยาวๆ
    บางทีไม่ได้บอก...บุคคลที่สอง
    ....แต่กำลังบอกกับ....บุคคลที่สามสี่อยู่
    คราวนี้ก็อยู่ที่แต่ละคนแล้วจะ..."ตาดี"
    ...ได้เห็น...หรือแค่เห็นครับ

    มิจฉาวิมุตหรือไม่...มิจฉาทิฐิหรือไม่
    อยู่ที่คนมองครับ
    สิบคน....ก็มองเห็นผมสิบแบบ
    ร้อยคน.....ก็มองเห็นผมร้อยแบบ
    แต่ความจริง....มีอยู่...ไม่เคยเปลี่ยน
    ...."ตาดี"ถึงเห็นได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2021
  6. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    ไม่รู้ตรงนี้พี่เหมือนผมรึป่าวนะครับ เเต่คิดว่าเหมือนกัน

    ความรู้สึกเมื่อได้มรรคผล มันเหมือนกับตื่นจากฝันครับ เหมือนเราฝันมาตลอด เเล้ววันนึงตื่นขึ้น.. มาเห็นความจริง เหมือนเราถูกหลอกมาตลอด เเล้ววันนึงมารู้ความจริง

    ในช่วงเวลานั้นหลังจากได้มรรคผล เราจะเห็นโลกไปอีกเเบบเลยครับ มองไปที่ผู้คน.. เหมือนพวกเค้ากำลังอยู่ในความฝัน
    คุยกับคนในครอบครัว เหมือนกำลังคุยกับคนหลับฝันอยู่ มันฟีลประมาณนั้น
    มองไปที่ตรงไหน มันก็ว่างเปล่า มันเเบบ "Nothing" อะครับ
    ผมให้นิยามคำว่า "โลกจืด" น่าจะพอได้ครับ จะบอกว่าเบื่อโลกก็ไม่ถูก มันไม่ใช่การเบื่อ เเต่ไม่น่าใจว่าควรเอาศัพท์ไหนมานิยามให้ถูก บางทีคำว่า "น่าสังเวช" น่าจะถูกต้องครับ

    ..... ทุกวันนี้ผมขอเเค่ครอบครัว ถือศีล 5 ให้ได้ก็พอใจเเล้วครับ 555
    จริงๆผมทำหนังสือธรรมะ เขียนเล่าประสบการณ์การตัวเองไว้ด้วยเล่มนึง กับเขียนเรื่องเกี่ยวกับมรรค 8 เเบบใช้คำให้เข้าใจง่ายๆอีกเล่มนึง ส่งให้ครอบครัวครับ

    เพราะกลัวว่า ถ้าผมตายไปซะก่อนจะไม่มีโอกาสได้บอกเล่าใครอีก อย่างน้อยก็ขอทำเป็นเครื่องยืนยันการตรัสรู้จริงของพระพุทธเจ้าครับ
     
  7. Enzo Zen

    Enzo Zen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2021
    โพสต์:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +675
    หากจะลอกวิธีการของหมูไหม้ หาฟังวิธีฝึกจาก ลป. ลพ. ที่ถึงนิพพานแล้วดีกว่า เพราะนั่นของจริง

    หากสภาวะสมุทเฉท ทำให้ตัวเองเหมือนมีดีกรี ลืมไปได้เลย เป็นความทรงจำไปแล้ว

    สมุทเฉทคืออะไร "ตัวสรุปยอดรวม" มีอยู่ในชีวิตประจำ เป็นวิถีธรรมชาติที่เรียบง่ายทั้งนั้น

    เช่นซื้อของในเซเว่น10รายการ ตัวสรุปรายการยอดรวมของเงินทั้งหมด ตัวสรุปเนี่ยะแหล่ะสมุทเฉท ไม่มีอะไรพิสดารออกไปจากความเป็นธรรมชาติเลย

    อีก2ขณะจิตเสพผล ขณะแรก จิตสลด ขณะต่อมาจิตเฉย เฉยเพื่อคลายอุปทานในสมุทเฉทออก จะได้ไม่ต้องอินออกมาตั้งทู้ให้โลกรู้ เรารู้ เพื่อนรู้ ...แบบนี้เรียกวิปัสนูกิน

    แล้วก้อไม่ต้องมาเถียงระดับสมาธิ ที่ไม่ว่าระดับไหน จิตก้อไม่เคยเกินความสงบ ต่างแค่แต่ละลำดับ บอกความแน่นที่ต่างกัน

    สมุทเฉทมันบอกเราว่า อย่าให้จิตมีเจ้าของในทุกๆ สิ่งในทุกๆ สภาวะ และการไม่มีเจ้าของก้อไม่ต้องยึดด้วย

    สรุปก้อคือให้รู้สึกตัวในความคิด คือดูที่อุปทานในตัวจิตเวลาเกิดการรับอารมณ์ ง่ายๆ เท่านั้นเอง
     
  8. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    อัศวินสีชมพู มาทาง โสฬสญาณ ครับ

    ตอนนี้ถึง ญาณ 13

    อย่าไปคิดว่าได้อะไร ถ้ามีชีวิต ก็ต้องภาวนาตลอด
     
  9. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    น่าจะคล้ายๆกันครับ....
    ผมจะเห็นมันสิ่งรอบตัวไหลเรื่อยไป
    ไม่ได้เกาะเกี่ยวอยากจะคว้ามา
    ....ความรู้สึกประมาน....ดูหนังในโรง
    ....แต่เห็นภาพเปลี่ยนไป....ซีนแล้วซีนเล่า
    ....แต่ใจไม่กระโดดไปในเนื้อเรื่องของหนัง
    ภาพนั้นมันมีอยู่...
    ....แต่ไร้ค่า....ประมานนั้นครับ

    แต่ต้องบอกว่าแบบนี้ไม่ใช่ตลอดเวลา
    ....ยังมีตอนที่หลงผัสสะ...
    ยังเกิดรักโลภโกรธหลง....
    ....กิเลส...คลุกเคล้าในจิต
    ไม่ต่างจากคนธรรมดาเลยครับ
    ....แต่ไม่ได้รู้สึกอยากผลักไสกิเลส
    รู้สึกกิเลสมันก็ธรรมชาติหนึ่ง...แบบนั้น
    แต่ที่แน่ๆ...จัดการกับทุกข์ในใจได้
    .....เมื่อไหร่หลงผัสสะ....
    ...จนมีความบีบคั้นภายในจิต
    มันกระโดด....ออกมาได้ง่าย
    ไม่คร่ำครวญ...ไม่อาลัยอาวรณ์
    สลัดทุกข์ได้ทันที....

    ไม่หลงผัสสะขนาด...ตีอกชกตัว
    คือ...มันมีอยู่ภายใน....รู้ว่ายังมีอยู่
    มันเป็นเป็นแค่กิเลส...ที่อยู่แต่เพียงในจิต
    เป็นกิเลสที่มันไม่มากพอ...
    ....ที่จะออกไปเป็นการกระทำ

    อีกอย่าง....ผลพวงจากมรรคจิต
    จะเห็นทุกคนเสมอกัน...
    ไม่ใช่แค่คน...แต่เป็นธรรมชาติทั้งหมด
    ที่มันเสมอกัน...
    แต่ธรรมชาตินั้น...มีส่วนที่ขาด..
    ธรรมชาติหนึ่งเลย...เติมเต็ม...
    แต่สิ่งที่เต็มเค้านั้น...ตัวเองก็มีสิ่งที่ขาด
    เลยเป็นสิ่งนี้เติมสิ่งนี้...สิ่งนี้เติมสิ่งนี้
    ...ไม่มีจบสิ้น
    ธรรมชาติทุกอย่างเลยขับเคลื่อนกันไป
    และความรู้สึกตรงนี้เอง....
    เลยไม่เกิดการตัดสินใครดี...ใครเลว
    เพราะมันเสมอกัน...
    ....ด้วยความเป็นธรรมชาติหนึ่ง
    มันจะรู้ประมานนี้ครับ

    กับน้องชมพูคงมีต่างกันเล็กน้อย
    ถ้าเป็นอย่างในหนังจีน...
    ...คงได้กรีดเลือด....
    เป็นพี่น้องร่วมสาบานกันแล้วนะครับ55
    และคงกระดกไหสุรา...ใต้แสงจันทร์
    ...อย่างว่าล่ะครับ..
    ...เพิ่งดู...ฉู่ป้าอ๋องกับหลิวปังไป
    ....ก็ยังหลงผัสสะอยู่เลยครับ55

    #ยังไงถ้าหนังสือ เป็นอีบุ๊ค ...
    ส่งให้พี่ได้อ่านบ้างนะครับ...รออ่านครับ
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,036
    ค่าพลัง:
    +70,106
     
  11. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626

    ๙) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล แต่ทำได้พอประมาณในส่วนสมาธิ ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา เพราะทำสังโยชน์ ๓ อย่างให้สิ้นไป บุคคลนั้นเป็น โสดาบันผู้ต้อง "เที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์อีก ๗ ครั้งเป็นอย่างมาก" แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้

    สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๙ ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.

    สารีบุตร ! ปริพาชกลัทธิอื่น ยังอ่อนความรู้ ไม่ฉลาด จักรู้ได้อย่างไรกันว่า ใครมีเชื้อเหลือ ใครไม่มีเชื้อเหลือ

    สารีบุตร ! บุคคลเหล่านี้แล ที่มีเชื้อเหลือ ๙ จำพวก เมื่อตายไป ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต


    สารีบุตร ! ธรรมปริยายข้อนี้ ยังไม่เคยแสดงให้ปรากฏแก่หมู่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลายมาแต่กาลก่อน ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า? เพราะเราเห็นว่าถ้าเขาเหล่านั้นได้ฟังธรรมปริยายข้อนี้แล้ว "จักพากันเกิดความประมาท"

    อนึ่งเล่า ธรรมปริยายเช่นนี้ เป็นธรรมปริยายที่เรากล่าว ต่อเมื่อถูกถามเจาะจงเท่านั้น ดังนี้แล

    ....................

    เจอพระสูตรนี้...เอามาฝากครับ
    จุดสำคัญไม่ใช่ ... โสดาบันเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ

    แต่สาระ...ที่ทำให้คิดได้ คือ....
    เมื่อรู้ว่าพระศาสดาตรัสรับรอง
    ...ไม่มีชาติที่8
    ก็ทำให้พากันประมาท.... ไม่กระตือรือร้น
    ....เพื่อออกจากทุกข์
    ตรงนี้...
    กระตุกจิตกระชากใจเลยนะครับ
     
  12. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    อย่างออเจ้าบอกก็น่าคิดนะครับ
    แต่เวลาเกิดปัญญารวบยอด....
    ทุกสรรพสิ่ง...มีสภาพเดียวกันหมด

    ไม่เหมือนกับตอน...คิดยอดรวมบิล
    อย่าง
    1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1
    รวมเท่ากับ ...12

    เวลาจิตเกิดมรรคผล
    มันจะเท่ากับ = infinity..ไม่มีประมาน
    ไม่ใช่แค่....
    ....โกรธเกิด...โกรธดับ
    ....สุขเกิด...สุขดับ
    ....โลภเกิด...โลภดับ
    ....รูปเกิด....รูปดับ
    ....คิดเกิด....คิดดับ
    ....แต่มันคือ...
    ธรรมชาติ..."ในทุกสรรพสิ่ง"...
    มีสภาพเดียวกันหมด....

    เวลาภาวนา....
    เราไม่ได้ไล่ดูเกิดดับให้ได้จำนวนมากๆ
    เราไม่ได้ไล่ดูเกิดดับให้ครบทุกอย่าง
    เพราะมันไม่ทางดูทุกๆสรรพสิ่งได้หมด....

    แต่อาศัยความตั้งมั่นเป็นกลางของจิต
    คือ...ปัจจัยที่พร้อมนั่นล่ะ....
    เห็นจังๆครั้งเดียว.....
    จะเห็นสภาพของรูปนาม....ทั้งโลกทั้งจักรวาล

    ถ้าในขั้นภาวนา
    ....1+1+1+1+1+1
    อาจจะเท่ากับเห็นเกิดดับ 6 ครั้ง

    ส่วนในมรรคจิต....ไม่ใช่เท่ากับ..6
    แต่เป็นปัญญาที่เกิดขึ้นที่จิต...
    สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา....
    ....สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา
    และไม่ใช่การคิดนึก...ไปตามสัญญา
    ที่อาจเคยได้ยินได้อ่านมา
    แต่มันจะโพล้งขึ้น...ในจิตเองเลยครับ
     
  13. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    ใช่ครับ ต้องบอกว่า"สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นดับ"
    ทุกสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นมีสภาพเดียวกัน เสมอภาคกัน ไม่มีขาวดำ ไม่มีสูงต่ำ
     
  14. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    สิ่งที่จิตเเจ้งขึ้นได้ คือ สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นก็ดับไป..

    เหมือนจะเป็นเรื่องง่ายๆ เเต่กว่าจะรู้ได้ไม่ใช่ว่าง่ายๆนะครับ 555
     
  15. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    สงสัยเรื่องคำศัพท์ครับ

    คำว่า "กาลก่อน" ที่พระพุทธเจ้าตรัส
    หมายเอาเฉพาะกัปนี้เท่านั้นใช่มั้ยครับ
     
  16. Enzo Zen

    Enzo Zen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2021
    โพสต์:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +675
    ทำไมถึงคิดว่า อีชั้นจะคิดว่า มรรคจิตจะเกิดหลายรอบได้

    ที่ยก ตย. ยอดบิล คือยก ตย .แบบบ้านๆ ให้พอมองภาพออกว่ามันคือการสรุปรวบยอด ยอดสรุปรวมที่เป็น1เดียว นั่นแหล่ะสมุทเฉท ..ความกว้างที่สมุทเฉทสรุปมันก้อต้องทั้งสังสารวัฎสิฮับ มันจะกว้างแค่ยอดข้าวเหนียว ส้มตำ น้ำตกรึ ก่อนมันจะสรุปเป็นหนึ่ง มันก้อต้องอิงรายละเอียดในเรื่องเดียวกับมันคือเหตุ นำไปสู่ผล

    ก้อมันไม่มีอุปทาน ...สิ่งหนึ่งจึงเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นก้อย่อมดับไปเป็นธรรมดา..ธรรมด้า ธรรมดา สูงต่ำดำขาว ธรรมเปรียบเทียบที่เป็นของคู่จะมีในนั้นได้ไง

    มันไม่ใช่ รู้ทุกข์เกิด ทุกข์ดับ สุขเกิด สุขดับ หรือไป 1+1+1 < อันนี้มันใช่ตัวสรุปรวบยอดรึ อีชั้นก้อเขียนบอกไม่ใช่รึ ว่ามันคือตัวสรุป
     
  17. Enzo Zen

    Enzo Zen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2021
    โพสต์:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +675
    จิตมีกำลัง ทำบ่อยๆ มากๆ ก้อมีขึ้นได้ อันนี้เลิกพูดได้เลย ไม่เหลือวิสัยที่ทุกคนจะทำให้มีให้เกิดได้

    ความเป็นกลางอาศัยรู้รูปนามเข้าไปก่อน แล้วเด่วจิตจะเปลี่ยนเป็นนามรูปเอง อันนี้ใครขยันก้อทำได้

    อรหันต์ทันทุกเจตสิก
    อนาคาทัน 75%
    สกิทาทัน 50%
    โสดาทัน 25%
    จุดสำคัญคือความเพียร กิเลสมี24ชม. ระหว่างรู้กับหลง ควรทำอันไหนให้เจริญกว่ากันก้อไปคิดเอา

    การเห็นจังๆ ครั้งเดียวแบบหมูไหม้ แต่จิตไม่ได้ค่อยๆไต่ระดับขึ้นไป พอจบการสรุปรวบยอด จิตดิ่งเลย เพราะออกมาทำไม่ได้แบบที่เห็น ที่เอามาพูดจนถึงตอนนี้คือพูดส่วนของความทรงจำ ส่วนอานาปา ส่วนตัวคิดว่าเป็นอานาปาของสมถะ แต่จิตไม่ได้ความเป็นกลางเพียงพอจะขึ้นไปชั้นสอง เพราะถ้ามรรค8 เป๊ะเว่อร์ของจริง มันไม่แช่นานหรือหยุดอยู่กับที่เป็นปีหรอก
     
  18. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    ถ้าคิดว่าตัวเองมีดี หมั่นรักษาความดีนั้นไว้ และเพียรให้ดียิ่งขึ้นไป ก็จะเจริญขึ้นตามลำดับ

    ถ้าคิดว่าตัวเองมีดี คิดว่าบรรลุเหนือกว่าผู้อื่น(โดนกิเลสเพิ่ม ทิฐฐิ มานะ แต่ไม่รู้ตัว เพราะไม่มี สติ สมาธิ เพียงพอที่จะรู้) และไม่เพียร ก็จะเสื่อมลงตามลำดับ

    การคิดว่า บรรลุธรรม เนี่ย อัตตาตัวโตเลย ข้ามโคตรไม่น่าได้
     
  19. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626

    แม่การะเกดคงจะเลี่ยน....
    พอเจอคำว่าจิตตั้งมั่น....จิตเป็นกลางบ่อยๆ
    ...ใช่ไหมฮับ

    เวลาที่บอกว่า..ทำบ่อยๆ...มากๆ
    เดี๋ยวมีขึ้นมาเอง...
    ....บางทีมันอาจไม่เป็นแบบนั้น

    มาลองดูตัวอย่างการปฎิบัติ...ของ2คนนี้

    คนหนึ่งพยายาม...รู้ลมหายใจ
    ...เป็นเครื่องอยู่ของจิต

    ระหว่างวันหลงกับความคิดนึก
    ...เหม่อลอยอยู่....
    ...หรือไหลไปเกิด ราคะโทสะโมหะ
    จิตกำลังติดลบ
    สมมุติว่า -8

    คนนี้ตัดสินใจเดินมรรค
    เมื่อจิตระลึกได้ถึงลมหายใจ
    จิตจะยกระดับขึ้นมาจาก -8
    มาอยู่ที่ 0

    ซักพักจิตตกลงไปอีกเหม่อคิดหลงคิด
    จิตตกลงมา -6

    พอเริ่มมั่นระลึกอยู่กับลมหายใจ
    มันจะเป็นแบบนี้
    ___-7___-6__-9___000___+4__-5___+8
    -3____00___-2__+6_______-1__+1__00
    __+6___0000__-4____-6___-1____0__0
    -8_______-6_____0_____+3________+1_
    _7________0___+3__+4___-2___-6___0


    เมื่อจิตอยู่กับลมหายใจบ่อยขึ้น
    จิตจะกลับมาที่ความตั้งมั่นเป็นกลางที่ 0

    -6____00000__-2___+2__0000000
    0000___+3___-1___000000__+5__
    0000000000__+3__00000000__-1
    00000000_+8_______0000000000
    00000__-1__0000000___+9_____0


    เมื่ออยู่กับอุเบกขา....ถึงจุดนึง
    จะเกิดวิเวกภายใน...ตรงนี้คือ
    ฐานจิตมีความเป็นกลาง....
    ตั้งมั่นเพื่อรู้อยู่ภายใน.....

    00000000__+5__0000000000000
    +6_000000000000__-1___000000
    0000000000_+1_000000000+3_0
    000000_-2_000000000_+6__0000
    00000000000000_+7_000000000
    +5_000000000000000_+9_00000
    0000000000000__-1_0000000000

    แม้เกิดกุศลจิตขึ้นเป็น+ ...จิตก็ไม่เอา
    ตรงนี้จิตจะเสถียร...เป็นกลาง
    การรู้เห็นอะไร....ก็ตรงตามจริง...
    คนที่ภาวนาแบบนี้พระพุทธองค์ตรัสไว้
    เป็นพวกอินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ
    ฐานจิต...เสถียรที่0เป็นค่าปกติของจิต

    00000000000000_-1_000000000
    00000000000000000000_-2_000
    0000_+4_000000000000000000
    00000000000000000000000000
    00000000000000000000000000
    000000_+6_0000000000000000
    00000000000000000000000000
    00000000000000_-2_000000000
    00000000000000000000000000

    เพราะความที่ตั้งมั่นอยู่กับลมหายใจ
    สิ่งใดแทรก....แปลกปลอมเข้ามา
    จึงเห็นได้....
    ปราศจาก...การพยายามเข้าดู
    การเห็นธรรมชาติภายใน....
    ....อยู่บนฐานจิตที่ตั้งมั่นเป็นกลาง
    นี่คือมรรค.....ที่ตรงทาง
    อีกทั้งมรรคเข้าจัดการกับอนุสัย....ด้วย
    เพราะไล่รู้กิเลส....ทั้งชาติ...ไม่มีหมด
    ถ้าไม่ใช้มรรค....เข้าจัดการก็เชื้อ....


    ลองมาดูอีกคน....
    ทำบ่อย....ทำมากเหมือนกัน
    สองคนนี้....ความเพียรเสมอกัน

    พยายามเข้าไปรู้....โกรธก็รู้...คิดก็รู้
    ภาวนาโดยไม่มีเครื่องอยู่ของจิต

    -7___0_-6_0_4______+2_______0_+3
    +8______0_+5______+2_+3_-3_+1__
    +4______-2_____-6_____-7___0__-4__
    ______-2____0____-1____+2+4+6____
    +6____0____+4+5_____0___1_______


    เเม้มีสติเข้าไปรู้บ่อยขึ้น....
    จิตก็ยังเด้งขึ้น....เด้งลง....ไม่ได้หยุด
    จะเอาความตั้งมั่นจริงๆของจิต
    ....มาจากไหน....
    ใจยังกวัดแกว่งไปตามผัสสะ
    และอนุสัยยังนอนเนื่องอยู่สันดาร
    ไม่มีการจัดการกับเชื้อ....
    ....แต่พยายามไล่ไปรู้...ตอนกิเลสปะทุแล้ว
    จึงจัดได้ไม่มีหมด....

    +6_0_+7_0_+1_0_+8_0_____-1__-7_
    +6_____0______+7_0______+1____+2
    -5_0____+7_0_+9_0__+6__0_____-3
    -3_0_+4_0_+1_0_+5_0_____-1__-7_
    ___-7_0_-4__-9_0__0___-4__-6_0_+5
    +4_0_+5_0_+3_0_+6_0_____-1__-9_
    +6_____0______+7_0______+1____+2


    ความเพียรที่มาก..ตัดสินว่า
    จะเกิดจิตตั้งมั่นเป็นกลางจริงๆ..อาจไม่ได้
    ถ้าเดินมรรค...ไม่ถูก
    มรรคในแบบคนแรก...นั่นล่ะครับ
    อานาปานสติ....ที่ไม่ใช่แค่สมถะ...
    แต่เป็นสมถะและวิปัสสนา
    ....ทำให้เกิดจิตตั้งมั่นเป็นกลาง...

    .อย่าโทษ...
    ....ว่ามรรคนี้ไม่เพียงพอเลย
    โทษที่ความเพียร...ของผมจะดีกว่า
    ...ว่ามีไม่พอเองฮับ
     
  20. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    ตามความเห็นพี่คิดว่า
    ....พระพุทธองค์ ...ไม่อยากตรัสสิ่งนี้กับใคร
    ก่อนหน้านี้ไม่เคยตรัสกับใคร
    ทั้งพุทธบริษัท4 ....
    แต่พระองค์ตรัส...เพราะถูกถามเจาะจง
    พระองค์เลยตอบครับ

    เพราะเมื่อพระอริยะที่มีเชื้อเหลือ....
    ....อย่างโสดาบัน....
    ...พอได้เห็นพระสูตร
    พระพุทธองค์ตรัส....รับรอง
    ว่าโสดาบัน...ยังไงก็ไม่มีชาติที่8
    แถมเกิดแต่สุคติด้วย...
    ก็อาจจะไม่เร่งเพื่อในจบในชาติปัจจุบัน

    พระองค์จึงไม่อยากตรัส
    เพราะถ้าพระอริยะที่ยังเหลือเชื้อเกิด...
    ไม่ได้เห็นพระสูตรนี้....
    ...ตอนเกิดมรรคจิตแล้ว...
    ยิ่งต้องเร่งความเพียรเพื่อให้พ้นไป...
    ไม่ทอดธุระ....แน่นอน
    โดยเฉพาะโสดาบัน....ที่จิตยังมีกิเลสอยู่
    ยังหลงในผัสสะได้....เหมือนคนทั่วไป
    จากที่อาจจะจบในชาตินี้
    ...อาจจะประมาท..ไปถึง7 ชาติเลยก็ได้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...