ไม่รู้จักกัน

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย อนัตตา, 4 มกราคม 2019.

  1. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    ไม่ต้องเก่งก็ได้ครับ นั่งสวยๆอย่างเดียวพอ

    #คุณการ้องกล่าวไว้ครับ
     
  2. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    คุงหมูเริ่มน่ากลัวขึ้นถุกวันละนะครับ555
     
  3. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    #ผมสายเทาครับ
     
  4. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    ขอตัวไปภาวนาละครับเริ่มงง55
     
  5. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    สวัสดีตอนเช้าๆ กับอากาศดีๆ อารมณ์แจ่มใส:D

    นำมาฝากค่ะ

    หลักสมถวิปัสสนาของหลวงปู่เสาร์

    พิจารณากายแยกออกเป็นธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ
    หลักการสอนท่านก็สอนในหลักของสมถวิปัสสนา ดังที่เราเคยได้ยินได้ฟังกันมาแล้วนั้น แต่ท่านจะเน้นหนักในการสอนให้เจริญพุทธคุณเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเจริญพุทธคุณจนคล่องตัวจนชำนิชำนาญแล้ว ก็สอนให้พิจารณากายคตาสติ เมื่อสอนให้พิจารณากายคตาสติ พิจารณาอสุภกรรมฐาน จนคล่องตัวจนชำนิชำนาญแล้ว ก็สอนให้พิจารณาธาตุกรรมฐาน ให้พิจารณากายแยกออกเป็นธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ แล้วก็พยายามพิจารณาว่าในร่างกายของเรานี้ไม่มีอะไร มีแต่ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ ประชุมกันอยู่เท่านั้น หาสัตว์บุคคลตัวตนเราเขาไม่มี

    ในเมื่อฝึกฝนอบรมให้พิจารณาจนคล่องตัว จิตก็จะมองเห็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน คือเห็นว่าร่างกายนี้ ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ตน เป็นอนัตตาทั้งนั้น จะว่ามีตัวมีตนในเมื่อแย่ออกไปแล้ว มันก็มีแต่ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ สัตว์ บุคคลตัวตนเราเขาไม่มี แต่อาศัยความประชุมพร้อมของธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ มีปฏิสนธิ จิตปฏิสนธิวิญญาณมายึดครองอยู่ในร่างอันนี้ เราจึงสมมติบัญญัติว่า สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา
    อันนี้เป็นแนวการสอนของพระอาจารย์เสาร์ พระอาจารย์มั่น และพระอาจารย์สิงห์

    การพิจารณาเพียงแค่ว่าพิจารณากายคตาสติก็ดี พิจารณาธาตุกรรมฐานก็ดี ตามหลักวิชาการท่านว่าเป็นอารมณ์ของสมถกรรมฐาน แต่ท่านก็ย้ำให้พิจารณาอยู่ในกายคตาสติกรรมฐานกับธาตุกรรมฐานนี้เป็นส่วนใหญ่ ที่ท่านย้ำๆ ให้พิจารณาอย่างนั้น ก็เพราะว่าทำให้ภูมิจิตภูมิใจของนักปฏิบัติก้าวขึ้นสู่ภูมิแห่งวิปัสสนาได้เร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณากายคตาสติ แยกผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เป็นต้น ออกเป็นส่วนๆ เราจะมองเห็นว่าในกายของเรานี้ก็ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ตัวตน มันเป็นแต่เพียง ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูกเท่านั้น ถ้าว่ากายนี้เป็นตัวเป็นตน ทำไมจึงจะเรียกว่าผม ทำไมจึงจะเรียกว่าขน ทำไมจึงจะเรียกว่าเล็บ ว่าฟัน ว่าเนื้อ ว่าเอ็น ว่ากระดูก ในเมื่อแยกออกไปเรียกอย่างนั้นแล้ว มันก็ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนเราเขา

    นอกจากนั้นก็จะมองเห็นอสุภกรรมฐาน เห็นว่าร่างกายนี้เต็มไปด้วยของปฏิกูลน่าเกลียดโสโครกน่าเบื่อหน่าย ไม่น่ายึดมั่นถือมั่นว่าเป็นอัตตาตัวตน แล้วพิจารณาบ่อยๆ พิจารณาเนืองๆ จนกระทั่งจิตเกิดความสงบ สงบแล้วจิตจะปฏิวัติตัวไปสู่การพิจารณาโดยอัตโนมัติ ผู้ภาวนาก็เริ่มจะรู้แจ้งเห็นจริงในความเป็นจริงของร่างกายอันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณาธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ

    พิจารณากายแยกออกเป็นส่วนๆ ส่วนนี้เป็นดิน ส่วนนี้เป็นน้ำ ส่วนนี้เป็นลม ส่วนนี้เป็นไฟ เราก็จะมองเห็นว่าร่างกายนี้สักแต่ว่าเป็นดิน เป็นน้ำ เป็นลม เป็นไฟ สัตว์บุคคลตัวตนเราเขาไม่มี ก็ทำให้จิตของเรามองเห็นอนัตตาได้เร็วขึ้น เพราะฉะนั้นการเจริญกายคตาสติก็ดี การเจริญธาตุกรรมฐานก็ดี จึงเป็นแนวทางให้จิตดำเนินก้าวขึ้นสู่ภูมิแห่งวิปัสสนาได้

    และอีกอันหนึ่งอานาปานสติ ท่านก็ยึดเป็นหลักการสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรรมฐานอานาปานสติ การกำหนดพิจารณาลมหายใจนั้น จะไปแทรกอยู่ทุกกรรมฐาน จะบริกรรมภาวนาก็ดี จะพิจารณาก็ดี ในเมื่อจิตสงบลงไป ปล่อยวางอารมณ์ที่พิจารณาแล้ว ส่วนใหญ่จิตจะไปรู้อยู่ที่ลมหายใจเข้าออก ในเมื่อจิตตามรู้ลมหายใจเข้าออก กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกอยู่เป็นปกติ จิตเอาลมหายใจเป็นสิ่งรู้ สติเอาลมหายใจเป็นสิ่งระลึก ลมหายใจเข้าออกเป็นไปตามปกติของร่างกาย

    เมื่อสติไปจับอยู่ที่ลมหายใจ ลมหายใจก็เป็นฐานที่ตั้งของสติ ลมหายใจเป็นสิ่งเกี่ยวเนื่องด้วยกาย สติไปกำหนดรู้อยู่ที่ลมหายใจเข้าออก จดจ่ออยู่ที่ตรงนั้น วิตกถึงลมหายใจ มีสติรู้พร้อมอยู่ในขณะนั้น จิตก็มีวิตกวิจารอยู่กับลมหายใจ เมื่อจิตสงบลงไป ลมหายใจก็ค่อยละเอียดๆ ลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุดลมหายใจก็หายขาดไป

    เมื่อลมหายใจหายขาดไปจากความรู้สึก ร่างกายที่ปรากฏว่ามีอยู่ก็พลอยหายไปด้วย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าลมหายใจยังไม่หายขาดไปกายก็ยังปรากฏอยู่ เมื่อจิตตามลมหายใจเข้าไปข้างใน จิตจะไปสงบนิ่งอยู่ท่ามกลางของกาย แล้วก็แผ่รัศมีออกมารู้ทั่วทั้งกาย จิตสามารถที่จะมองเห็นอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายได้หมดทั้งตัว เพราะลมย่อมวิ่งเข้าไปที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ลมวิ่งไปถึงไหนจิตก็รู้ไปถึงนั่น ตั้งแต่หัวจรดเท้า ตั้งแต่เท้าจรดหัว ตั้งแต่แขนซ้ายแขนขวา ขาขวาขาซ้าย เมื่อจิตตามลมหายใจเข้าไปแล้ว จิตจะรู้ทั่วกายหมด ในขณะใดกายยังปรากฏอยู่ จิตสงบอยู่ สงบนิ่ง รู้สว่างอยู่ในกาย วิตก วิจาร คือจิตรู้อยู่ภายในกาย สติก็รู้พร้อมอยู่ในกาย ในอันดับนั้นปีติและความสุขย่อมบังเกิดขึ้น เมื่อปีติและความสุขบังเกิดขึ้น จิตก็เป็นหนึ่ง นิวรณ์ ๕ กามฉันทะ พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ วิจิกิจฉา ก็หายไป จิตกลายเป็นสมถะ มีพลังพอที่จะปราบนิวรณ์ ๕ ให้สงบระงับไป ผู้ภาวนาก็จะมองเห็นผลประโยชน์ในการเจริญสมถกรรมฐาน

    พระครูวิเวกพุทธกิจ
    (เสาร์ กนฺตสีโล)
    _/|\_ _/|\_ _/|\_
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images.jpeg
      images.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      9.4 KB
      เปิดดู:
      18
  6. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    #สาระธรรม #ส่องหาพระแท้
    ให้ส่องดูที่ "สมณสัญญา" !!?
    .
    .
    สมัยนี้ อาจดูพระสงฆ์ที่เป็นเนื้อนาบุญที่ดียาก…. แต่พระพุทธเจ้าสอนวิธีส่องพระไว้นะ!
    .
    พระพุทธเจ้าทรงตรัสวิธีส่องพระด้วยการตรวจสอบ "สมณสัญญา" สมณสัญญา คือ ความสำคัญตนหรือตระหนักในตนว่าตนเป็นสมณะ เป็นผู้ฝึกตน เป็นผู้เจริญแล้ว
    .
    สมณสัญญาที่สำคัญคือ พระต้องต่างจากพวกเรา ต้องเจริญกว่าพวกเรา เพราะเรากราบไหว้ท่าน อวัยวะส่วนที่สูงที่สุดของเรา น้อมลงกราบในส่วนที่ต่ำที่สุดของท่าน ดังนั้น ท่านต้องมีความคิดและการปฏิบัติตนต่างจากคฤหัสถ์อย่างพวกเรา
    .
    ถ้าพระรูปไหนที่เจอ มีความคิด ความเป็นอยู่เยี่ยงคฤหัสถ์บริโภคกาม มีความปรารถนาในลาภสักการะ เงินทอง กินหรู อยู่สบาย มองแล้วคล้ายมหาราชา ไม่เรียบง่าย ใช้จ่ายฟุ่มเฟีอย เจริญด้วยโทสะ พยาบาท เบียดเบียน ฟ้องร้องคดีความกันเยี่ยงโยม ไม่ว่าจะฟ้องพระด้วยกันหรือฟ้องโยม วุ่นวายเคลื่อนไหวอยู่ในสรรเสริญและนินทา ยุ่งวุ่นวายบริหารจัดการเรื่องราวนอกตนเอง ทั้งอยู่เบื้องหลังก็ดี ออกหน้าก็ดี นั่นคือไร้สมณสัญญา เราก็ไม่ต้องทำบุญด้วย หลีกให้ไกล
    .
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า... ภิกษุทั้งหลาย สมณสัญญา ๓ ประการนี้
    ที่ภิกษุเจริญทำให้มากแล้วย่อมให้ธรรม ๗ ประการบริบูรณ์
    .
    สมณสัญญา ๓ ประการ คืออะไร?
    .
    คือ สมณสัญญาว่า.

    ๑. เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์
    ๒. ชีวิตของเราเนื่องด้วยผู้อื่น
    ๓. มารยาทอย่างอื่นที่เราควรทำมีอยู่
    .
    สมณสัญญา ๓ ประการนี้แล ที่ภิกษุเจริญทำให้มากแล้ว ย่อมให้ธรรม ๗ ประการบริบูรณ์
    .
    ธรรม ๗ ประการ มีอะไรบ้าง
    .
    ธรรม ๗ ประการ คือ
    .
    ภิกษุในธรรมวินัยนี้…
    ๑. เป็นผู้มีปกติทำต่อเนื่อง ประพฤติต่อเนื่องเป็นนิตย์ในศีลทั้งหลาย
    ๒. เป็นผู้ไม่มีอภิชฌา (ความเพ่งเล็งอยากได้ของเขา)
    ๓. เป็นผู้ไม่มีพยาบาท (ความคิดร้าย)
    ๔. เป็นผู้ไม่มีมานะ (ความถือตัว)
    ๕. เป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา
    ๖. เป็นผู้มีการพิจารณาปัจจัยทั้งหลายอันเป็นบริขารแห่งชีวิตว่า ปัจจัยเหล่านี้มีประโยชน์เช่นนี้’ แล้วจึงบริโภค
    ๗. เป็นผู้ปรารภความเพียร
    .
    ภิกษุทั้งหลาย สมณสัญญา ๓ ประการนี้แล ที่ภิกษุเจริญทำให้มากแล้ว ย่อมให้ธรรม ๗ ประการนี้บริบูรณ์
    .
    เมื่อพระคุณเจ้าทั้งหลายตระหนักว่า ชีวิตของท่านต่างจากคฤหัสถ์บริโภคกาม ท่านย่อมเพียรรักษาศีลและสิกขาบททั้งหลาย ปรารภความเพียรในการปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ฆราวาส เพื่อเวลาสั่งสอนฆราวาสจะได้ไม่รู้สึกละอายแก่ใจ สอนตนได้จึงสอนคนอื่น
    .
    เมื่อพระคุณเจ้าทั้งหลายตระหนักว่า ชีวิตของท่านเนื่องด้วยการอุปถัมภ์ของผู้อื่น ท่านย่อมไม่มีความถือตัว ย่อมไม่มีความพยาบาทเบียดเบียนผู้อื่น
    .
    เมื่อพระคุณเจ้าทั้งหลายตระหนักว่า มารยาทของพระภิกษุที่ควรทำตามสิกขาบทมีอยู่ โดยเฉพาะเสขิยวัตร ดังนั้น ถ้าพระคุณเจ้าไม่สนใจเสขิยวัตร ไม่สวด ไม่สดับ ไม่ทำไว้ในใจด้วยดี ก็จะไม่มีสมณสัญญาว่า มารยาทของพระภิกษุที่ควรทำมีอยู่อย่างไร
    .
    หากท่านตระหนักแล้ว ท่านจะเป็นผู้พิจารณาบริขารทั้งหลาย ใช้สอยตามความจำเป็น และถูกต้องตามสิกขาบท ยังความงดงามในสมณธรรมให้เกิดขึ้น
    .
    ถ้าเจอพระที่ใช้ชีวิตต่างจากนี้ คือ "ไม่มีสมณสัญญา" ก็ไม่ควรเข้าใกล้ เพราะไม่ต่างจากพาลชน
    .
    ส่องหาแท้พระ ต้องส่องดูที่สมณสัญญานั้น ก็มีดังนี้แล.
    .

    .

    .
    ขอบคุณที่มา :
    .
    ดร.ณัฐนันท์ สุดประเสริฐ
     
  7. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    images (24).jpeg
     
  8. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
  9. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
  10. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ล้วนต้องผ่านขั้นตอน
    ล้วนต้องเพาะบ่ม

    เช่นเดียวกันกับปัญญาที่รู้ตาม เห็นตาม จนกว่าจะถึงปัญญาเห็นชอบ..ล้วนต้องเพาะบ่ม

    ไม่ใช่คนมีฝีมือ ไม่ได้จบศิลปะ แต่ที่มาปั้นๆๆ เพราะได้ฝึกสติให้อยู่กับตัวเอง ได้เจริญปัญญา ได้สั่งสมบารมี 10 ทัศ และยังเผื่อแผ่ไปยังผู้ร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ให้ได้ร่วมสร้างบารมีร่วมกัน แค่นั้นเอง...ก็แค่นั้นเอง

    นั่งงมไป ผสมไป คลึงไป นวดไป ติดไปทีละเกล็ด ทีละอย่าง ก็เหมือนรูปร่างกายคน ที่ต้องนำส่วนประกอบต่างๆ ของธาตุ 4 อันเป็นรูปนามมาประชุมรวมกันกำเนิดเกิดเป็นร่างกายคน มีระบบสมอง ระบบประสาท ระบบการทำงานของอวัยวะน้อยใหญ่ ที่เรียกว่าขันธ์ 5

    ไม่สวยไม่งาม...แต่ได้ใจ❤
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    พยานาคผอมจะบังแดดบังฝนได้เหรอครับ
     
  12. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ย่อได้ ขยายได้ จะแสดงฤทธิ์ตอนไหนก็ได้ สิ่งที่เห็นกับสิ่งที่จริง ไม่ต้องเหมือนกันก็ได้ เพราะมันคือมายา:cool:
     
  13. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
    ชอบตรงนี้แระ..:D:D
     
  14. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    จินตนาการต้องล้ำขนาดไหนถึงเข้าใจ
     
  15. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา มนสา เจ ปสนฺเนส ภาสติ วา กโรติ วา ตโต นํ สุขมเนฺวติ ฉายาว อนุปายินี.

    " ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ ถ้าบุคคลมีใจผ่องใสแล้ว พูดอยู่ก็ดี ทำอยู่ก็ดี ความสุขย่อมไปตามเขา เพราะเหตุนั้น เหมือนเงาไปตามตัว "
     
  16. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    เคยอมละ
    ถึงตัวไม่ใหญ่
    ใจใหญ่เป็นพอ
     
  17. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
    อันนี้ ก็ชอบ.. อีกแระ.. 555:D:D
     
  18. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    การปฏิบัติที่ได้ชื่อว่าถูกต้อง... มีอะไรเป็นเครื่องวัด !?!?

    ... มี ศีล ๕ เป็นเครื่องวัด ปฏิบัติอันใด ไม่ผิดศีล ๕ ข้อใดข้อหนึ่ง นั่นแหละเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้อง

    ทีนี้สำหรับความรู้ความเห็นอันที่ได้เกิดขึ้น ยึดมั่นถือมั่น มีอุปาทาน ทำให้เกิดปัญหาว่า นี่ คืออะไร นั่นคือ ”ตัวนิวรณ์” เป็นมิจฉาทิฏฐิ

    ... ความรู้ที่เกิดขึ้นแล้ว จิตไม่ยึดสร้างปัญหาให้ตัวเองเดือดร้อน เพราะ รู้แจ้งเห็นจริง มีแต่ปล่อยวาง ความรู้นั้นเป็น “สัมมาทิฐิ”

    #สิ่งหนึ่งที่นักปฏิบัติควรจะสังเกตทำความเข้าใจ

    ถ้าเราฝึกปฏิบัติแล้ว เราเกิดศรัทธาอยากปฏิบัติ ถ้าวันใดไม่ได้ปฏิบัติวันนั้นนอนไม่หลับ แสดงว่า ท่านได้ “ศรัทธาพละ”

    ... ในเมื่อท่านได้ศรัทธาพละ ท่านอยากปฏิบัติ ท่านก็ได้ “ความเพียร”

    ... ในเมื่อท่านได้ความเพียร ท่านก็มีความตั้งใจ คือ “สติ” เมื่อมีสติ ก็มีความมั่นใจ คือ “สมาธิ”

    ... ในเมื่อมีความมั่นใจ คือ สมาธิ นั่นก็มี “สติปัญญา”พอที่จะคิดค้นหาลู่ทางในการปฏิบัติ นี่ ให้ฝึกสังเกตอย่างนี้

    อย่าไปกำหนดหมายเอาว่า ..

    ... ภาวนา ต้องเห็น สวรรค์ ต้องเห็น นรก ต้องเห็น นิพพาน

    ภาวนาแล้วจะต้องเห็นภูติผีปีศาจ ผีสาง เทวดา อินทร์ พรหม ยม ยักษ์

    สิ่งเหล่านี้ ..แม้จะรู้เห็นก็เป็นเพียงอารมณ์ของจิตเท่านั้น ไ ม่ ใ ช่ ข อ ง ดี วิ เ ศ ษ

    ทีนี้เราจะกำหนดหมายเอาที่ตรงไหน กำหนดหมายเอาตรงที่รู้ว่า นี่คือ “จิตของเรา”

    จิตของเรา มีความธรรมไหม จิตของเรา เที่ยงธรรมไหม จิตของเรา ดูดดื่มในคุณของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไหม

    ... เมื่อออกจากสมาธิไปแล้ว จิตของเรา มีเจตนาจะงดเว้นจากความชั่ว ประพฤติความดีไหม มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อตนเองไหม ซื่อสัตย์สุจริตต่อหมู่คณะ และครอบครัวไหม ดู กั น ที่ ต ร ง นี้ ...

    ... ถ้าใครภาวนาแล้วเบื่อหน่ายครอบครัว อยากหนีไปบวช “มิจฉาทิฏฐิ” กำลังจะกินแล้ว

    ใครภาวนามีสมาธิดีแล้ว เบื่อการเบื่องาน อยากทิ้งการงานหนีออกไป อันนั้นความผิดกำลังจะเกิดขึ้น

    ... ถ้าใครภาวนาเก่งแล้ว สมมติว่า ..ครูบาอาจารย์มีลูกศิษย์รักลูกศิษย์มากขึ้น ลูกศิษย์ภาวนาเก่งแล้วรักครูบาอาจารย์ เคารพครูบาอาจารย์มากขึ้น

    สามีภรรยาภาวนาเก่งแล้วรักกันยิ่งขึ้น รักลูก รักครอบครัว รู้จักประหยัด รู้จักสิ่งที่ควรไม่ควรดียิ่งขึ้น คนนี้จึงได้ชื่อว่า ..เ ป็ น ก า ร ภ า ว น า ได้ ผ ล ดี


    .
    พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)
    วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา

    ที่มา : หนังสือ ฐานิยบูชา ๒๕๔๔ - ๘๐ ปี
    หลวงพ่อพุธ
    จัดพิมพ์โดย คณะศิษยานุศิษย์,
    พิมพ์ครั้งที่ ๒ มีนาคม ๒๕๔๔, หน้า ๔๘-๔๙

    ( ขอขอบคุณรูปภาพประกอบธรรมค่ะ )
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
    อันนี้ ok
     
  20. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
    อ่ะ.. ลุ้น.. สวัสดิ์.. ดี.. ยาม.. เช้า.. :D:D

    ลุ้นกันทุกเช้า ล่ะ.. 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2021

แชร์หน้านี้

Loading...