อาการต่างๆ ที่เกิดภายในใจคือจิต

คุณวิษณุ หากนับ 7 ขวบ เกินหลายรอบแล้วคับ

 

ถ้าเห็นถึงตรงนี้ได้
จะปราถนาพุทธภูมิ
ปัจเจก
สาวกซ้ายขวา
เป็นเลิศในด้านใด
ก็สร้างเหตุปัจจัยใก้ถึงพร้อม
กำหนดทิศทาง
ได้ตามปราถนาครับ

 

ความรู้เรื่องขันธ์ 5 กับ ความรู้ วิธีสิ้นยึดขันธ์ 5
มันมีคุณค่ามาก เพราะอยู่ภายใต้
พระอริยสัจจ์ทั้ง 4
รวมถึงมรรคมีองค์ 8
เรียนรู้ศาสนาพุทธจึงจำเป็นจะต้อง
สตาร์ท
ที่ขันธ์ 5 ที่มันเกิดมาเป็นบัดดี้ของเรา
แต่มันไม่ใข่เรา และเราก็ไม่ใช่มัน
มันเป็นก้อนพลังงาน
มันเป็นก้อนพลังงาน
มันเป็นก้อนพลังงาน

 

ขันห้า มันเป็นถ่านไฟฉายเหรอลุง

 

คุณไร้คมจะมีเราตลอดไปไหมคับ

 

คับมันก็แค่พลังงาน คุณวิษณุไม่มีวันเข้าใจหรอก
7 วิ ใช่เป่าคับพี่ หยอกๆ

 

555
มันไม่ใข่แป้ง
มันไม่ใช่แป้ง
มันไม่ใช่แป้ง
มันคือพลังงาน 555

 

เห็นขันธ์5ก็เห็นทุกคน
เพราะทุกคนก็มีขันธ์5
ขันธ์5คือเชื้อไฟ
อารมณ์จิตใจคือเชื้อเพลิงครับ

 

ท่านปราบรู้จักแต่กบมะระตัว
ดำดำ( ฮา)

 

ขันธ์ 5 คือ ตัวรถยนต์
รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
ธรรมารมย์
คือน้ำมันเชื้อเพลิง
ส่วนเราคือ ผู้รู้ (หรือธาตุรู้) ที่รู้กลไกการทำงานของรถยนต์คันนั้นและอยู่ในรถคันคันนั้น(แม่ย่านางก็ได้มั้งมีหลอนนิดนิด)555

 

เราไม่มีสิ่งใดเข้าไปตั้งได้
แต่เราเข้าไปตั้งในกายในจิตใจได้ครับ
เราไม่ใช่ธาตุ
จะว่าเรามีก็ได้
จะว่าเราไม่มีก็ได้
เรามีแต่ไม่ใช่ธาตุจึงกล่าวว่ามี
เราไม่มีเพราะเราไม่ใช่ธาตุจึงกล่าวว่าเราไม่มี
เราคือวิสังขารธรรมมีเราตลอดการเป็นอมตะ
ดินก็เป็นอมตะไม่ว่ากาลเวลา
จะผ่านไปนานเท่าใด
ดินก็จะประชุมกันขึ้นตั้งอยู่
และเสื่อมสลายดับไปวนอยู่แบบนี้
เป็นนิรันดร์ครับ

 

ตะกี้ ยังบอก ว่าเป้นถ่านไฟฉายอยุ่เลย

 

ขันธ์ 5 มันคือTransformer. เป็นอนิจจังทุกขัง อนัตตา 555

 

ไร้คมปราบเทวดา จนเจอ ธรรมแท้ว่าง สุดท้าย มันก็แค่พลังงาน
หึหึ

 

ปรับ นิ นุง ฮับ

ดิน ที่ ไร้กรม อธิบาย นั่น ดินของไอซะจนไต

ดิน ในทางพุทธ จะ ปราณีตกว่านั้น

การจะรับรู้ถึง ดิน จะต้องอาศัยเครื่องมือ "ความไม่เที่ยง"

แล้วสังเกต ความต่าง ที่มี "อ่อน" กับ "แข็ง"

เช่น น้ำ ที่เหลวๆ สามารถตัด เหล็ก ได้ ธาตุน้ำจึงมี
ธาตุดินและไฟมากกว่าเหล็ก ในบางสภาวะ

งง ไหมฮับ

การกล่าวถึง ดิน น้ำ ลม ไฟ หากไม่มี "ความไม่เที่ยง"
เป็นส่วนปลากรอบ การอธิบาน มหาภูตรูป แบบนั้น
จะเป็น มิจฉาทิฏฐิ ทันที และ จะไม่สามารถ รู้จัก"จันจิราจูแจ้ง" ได้เลย

 

ลุงแมวครับ เราไม่ได้ทำทั้งหมดเพื่อไปหาใจ(นิพพาน)
เพราะกว่าจะเข้าไปถึงมัน ก็โดนมายาหลอกอย่างลุงแมวว่าครับ อย่างในรูป สมมุติแสงนั้นเป็นใจ
มันพัวพันไปหมด อุปทานมันหลอกซ้อนหลอก เข้าไปไม่ถึง ถึงเข้าไปถึงใจนั้น ไม่เป็นประโยชน์ครับ เพราะตอนออกมายังมีอุปทานที่มันพัวพันอยู่เหมือนเดิมครับ



ที่เราทำกัน คือ จูงมือมันออกมาดูความจริง
ให้จิตมันดู นี่ๆนี่ๆดูซิความจริงเป็นไง
จูงมือจิต(สติ) พาไปดู โดยไม่ต้องอธิบายให้จิตฟังก็ได้ แต่ให้มันเห็นความจริงเป็นไง

พอจูงมือมันเห็น ซ้ำๆ ตั้งใจดูจริงๆ(จิตตั้งมั่น) จนจิตมันจะเก็ทเอง(รู้แจ้ง) ว่าทุกอย่างที่เคยหลงไปยึด มันลอยลม เปล่าๆปี้ๆ(สภาพไตรลักษณ์) จิตมันเกิดความรู้เองว่าใดใดในโลก ก็เป็นอย่างนี้ เป็นอันผ่านด่านแรกครับ ตรงเนี้ยความพัวพันของอุปาทานยังมีอยู่เหมือนในรูปนั้นครับ

จนเห็นไปซ้ำๆ ไอ้ของลอยลม(ไตรลักษณ์)นี่ล่ะครับ จนจิตมันเบื่อหน่าย ไอ้โน้นก็ดับ ไอ้นี่ก็ดับ ไอ้โน้นเดี๋ยวกผ่านมา แล้วก็ผ่านไป จิตมันสลัดของมันเองครับ เพราะมันหน่ายเหลือเกิน อุปาทานที่มันพัวพันแบบในรูป มันสลายไปเองครับ เผยให้เห็นสิ่งที่ลุงจะเข้าไปหา คือ ใจ(นิพพาน) เอง โดยไม่มีอุปทานมาพัวพันอีกแล้ว หมดภาระครับลุงแมว

 

ไร้คมปราบเทวดา
แต่ไร้คมปราบตุ๊กตาไม่เป็น
มีแต่จะโดนตุ๊กตาปราบไร้คมครับ