มีผู้กล่าวว่า ถ้าจิต เกิดความคิดอะไรขึ้นมา เกิดความรู้อะไรขึ้นมา ให้พิจารณา สิ่งนั้น

นี่เป็น ตำรา ศาสดาท่านไหน องค์ใหม่ หรืออย่างไร

 

ไม่ยึดจิตอัตโนมัตมันจะไปรู้ไปเห็น
การกระทบการปล่อยวางได้ไงครับ
ไม่เข้าไปขับรถเกียร์ออโต้
มันจะรู้ได้ไงว่าขับออโต้เกียร์อัตโนมัดเป็นยังไง
เราต้องเข้าไปขับถึงจะรู้ด้วยตัวเองครับ

 

จิตเปงกลางทีนี้ม่ายใช่ จิตพระอรหันต์ฮับ แต่เปงกลางเพื่อเหงความจิงเท่านั้นฮับ

 

ใหม่ที่ไหนในพระไตรปิฏกก็มีครับ

 

จิตพระอรหันต์จะว่างในแบบไม่ยึดตัวตน เปงว่างแบบสุญญตาฮับ

 

คุณไร้คม จิตอัตโนมัติคือจิตได้ปัญญา ทุกครั้งที่จิตรู้อารมณ์กระทบ คือจิตเริ่มรู้ความว่าง อารมณ์กระทบเหมือนคลื่น กระทบแล้วหาย แล้วหายสู่ความว่าง ไม่มีการยึดมั่นในอารมณ์กระทบ โลภ โกรธ หลงนั้น

ถ้าคุณหมายถึงจิตอวิชชา (จิตอวิชชาคือจิตอัตตา) เราต้องยึดตัวนี้เป็นหลักไว้ก่อน ยังไม่ถึง ไม่ใช่อรหันต์ค่ะ มีอรหันต์ที่ปล่อยจิตอัตตาตัวนี้ได้

 

แล้ว บุคคลใดละ ที่เห็นความจริง

 

ลองอัญเชิญ มาหน่อยครับ ตำรา ศาสดาท่านนั้น

 

ผู้รู้+ สติ = 2 ตัวนี้อยู่ด้วยกัน
ถ้าได้ปัญญา จะเป็น = ผู้รู้ + สติ+ ปัญญา

ที่คนเข้าใจผิดคิดว่าจิตคือปัญญา จริงๆ ไม่ใช่ แค่ถ้าได้ปัญญาก็ประกอบเข้ากับผู้รู้เอง

แต่จิต สติ ปัญญา ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน

 

ความจิงที่ว่าแค่เหงสภาวะเกิดดับตามความจิงฮับ ยางม่ายต้องเหงธรรมฮับ

 

พี่นุ จิตเป็นกลางในความหมายเขาคงหมายถึง อยู่ในอารมณ์พอดีๆ ที่พิจารณาไตรลักษณ์ได้มั้งคะ แต่ไม่ใช่จิตพระอรหันต์

 

พูดง่ายๆ ทางสายกลางนำไปสู่สัมมาสติ สัมมาสมาธิฮับ

 

ช่ายเบยฮับ

 

จิตอวิชชากับจิตวิชชา
ก็จิตอันเดียวกันนี่แหละครับ
จิตอวิชชาคือจิตที่ยังไม่มีความรู้
จิตวิชาคือจิตที่ได้ศึกษาจนเกิดมีความรู้ครับ
ตราบใดที่ยังมีน้ำมีลมมีฝั่ง
คลื่นกระทบฝั่งก็ไม่มีที่สิ้นสุดครับคุณปวี

 

มโนปฏิสนธิวิญญาณครับ

 

ธรรมพระพุทธเจ้ามีจุดสิ้นสุด
จิตอวิชชาคือยึด
จิตวิชชาคือไม่ยึดค่ะ
สร้างเหตุเข้าจิตคนละอย่างเลยนะคะ ผลก็ต่างกันด้วย

 

รู้ตามความเป็นจริงด้วยความเป้นกลาง
คือการไม่แทรกแซง สภาวะ
เพื่อให้จิต จดจำสภาวะตามความเป็นจริงที่เป็นปัจจุบันนั้น

แต่ในความเป็นจริงของจิต ในระหว่างนี้
จิตไม่ได้มีความเป็นกลางโดยเที่ยงธรรม

จนกว่าจิตจะเดินไปถึงขั้นสุด ตัดสินผล
เห็นความเป็นกลางโดยเที่ยงธรรม มีสติบริสุทธิ์อยู่
เป็นฌานสี่ในลักขณูปนิชฌานโดยอัตโนมัติ
เกิดความยินดี จิตก็มีความเป็นกลาง ไม่ไหลไป
เกิดความยินร้าย จิตก็มีความเป็นกลาง ไม่ไหลไป
เป็นอัตโนมัติ

พระอรหันต์ ไม่ใช่พระเก้กหล่อ

ความเป็น สุญตา คือว่างจากกิเลส

 

แล้วใครบอกเป็นสิ่งเดียวกันหรือครับ

 

เจริญสติรู้ตามความเป็นจริงครับ คำว่ารู้ตามความเป็นจริงสำหรับคุณปราบนี้ คิดว่าควรหมั่นรู้ตัวเองว่า หลงจะเอาให้ตรงเป๊ะๆเข้าไปด้วย ดูสิครับ ไม่งั้นไม่มาถามผมต่อแบบนี้หรอกครับ มันติดเป๊ะจริงๆ

 

จิตเป็นของเราไหมครับ