สงสัยมากครับ การแยก-รูป-นาม-จะแยกไปเพื่ออะไร..ในเมื่อ..

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ใครบรรลุธรรม, 26 ตุลาคม 2018.

  1. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    จิตด้วย เวทนาด้วย เกิดดับบังคับไม่ได้ทั้งหมด
     
  2. แสน1

    แสน1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +161
    การเจริญปัญญาคิอ
    ให้มีญาณได้แก่
    ปัญญาเห็นความเป็นไตรลักษณ์ของจิต
    (หมายรวมถึงเจตสิกหรือธรรมที่ประกอบจิต ได้แก่เวทนา สัญญา และสังขารด้วย)

    โดยเห็นความเกิดดับหรือการทำงานของจิตตามสภาพธรรมของจิตและเจตสิก ไม่ใช่การเอาสติเพ่งจิตหรือประคองจิตให้นิ่งว่างหยุดการทำงาน
     
  3. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    รูป-นาม แยกเพื่ออะไร?
    เพื่อดู
    ดูเพื่ออะไร?
    เพื่อให้เห็น
    เห็นเพื่ออะไร?
    เพื่อให้รู้
    รู้เพื่ออะไร?
    เพื่อให้หายสงสัย เพื่อจะได้ละความยึดมั่นถือมั่นในรูป-นาม
    ละความยึดมั่นถือมั่นเพราะอะไร? ทำไมต้องละ? ก็เพราะมันเป็นของไม่เที่ยง มันจึงเป็นทุกข์ ทุกข์ก็เพราะมันเป็นของไม่ใช่ตัวตน เมื่อมันไม่เที่ยงเป็นทุกข์ไม่ใช่ตัวตน ควรแล้วหรือที่จะยึดมั่นถือมั่น!จากนั้น!...ถ้าเมื่อใดจิตมารู้แจ้งชัดเหตุและผลด้วยปัญญาอันชอบเองแล้ว จิตจะปล่อยวางความสำคัญมั่นหมายในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง จากจิตที่เคยหลงจึงไม่หลง จากจิตที่เคยยึดจึงไม่ยึด จากจิตที่เคยปรุงแต่ง จับ ต้อง ข้อง ติด จึงไม่หลงเข้าไปปรุงแต่ง จับ ต้อง ข้อง ติด กับมันอีกต่อไป เพราะมาเห็นมารู้มาแจ้งชัดในความเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปของสังขาร(รูปธรรม-นามธรรม) ด้วยปัญญาธรรมอันชอบ ๛
    ดูให้เป็น ดูให้ถูก ดูให้ตรง เป็นวิธี
    เห็นให้ชัด เห็นให้ถ่องแท้ เห็นให้แจ่มแจ้ง เป็นวิชา
    รู้ให้จริง รู้ให้ยิ่ง รู้ให้ละ เป็นปัญญา ๛
     
  4. เส้นทางยาวไกล

    เส้นทางยาวไกล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +206
    ส่วนตัวก็ไม่เคยคิดแยกรูปนามน๊ะครับ แต่พอเจริญสติกำหนดรู้ไปสักระยะ มันก็เข้าไปพิจารณาโดยแยกพิจารณาไปทีละอย่างเอง
    พิจารณารูป คือ กายที่เป็นเพียงการประกอบกันของธาตุสี่ แล้วก็ไปพิจารณานาม ที่ประกอบด้วย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    บางขันธ์ก็เห็นตระหนักชัด บางขันธ์ก็สารภาพว่ายังเบลอๆ คงเพราะผมไม่มีความสามารถในการที่จะพิจารณา รูป และ นาม ไปพร้อมๆกันกระมังครับ
     
  5. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    จะฟังธรรม ไหวหรือเปล่า

    ต้องตั้งจิตให้ตรง ว่า จะออกจากภพ ชาติ ....และ ต้องมั่นใจว่า หนทางของ
    พระพุทธองค์ เป็น หนทางเดินคนเดียว แน่นวล ไม่มีเรื่อง สะกดจิต หรือ ฟัง
    ตามๆกันไป เด็ดขวด

    พอตั้งจิตให้ตรง ....เอาเฉพาะ กองสัญญาขันธ์ กองเดียว ไปชิมลาง

    สัญญานั้น ดับแน่นวล

    พอฟังธรรมเสร็จ จะลุกไปไหน สัญญาดับไปแล้ว ธรรมหล่นจากหน้าตักหมด ไม่มีเหลือ

    ถ้า สัญญาค้างเติ่ง ก็จะเกิดอาการ ปฏิบัติตามๆกันไป เทียบๆ เคียงๆ
    เดี๋ยวเบลอ เดี๋ยวชัด เดี๋ยวสว่างโล่ เดี๋ยวทะลุทะลวงภูเขา จักรยาน ไปโน้น.....

    สัญญาเสีย....

    สัญญาไม่เสีย คือ เห็นสัญญาดับทันที ดั่งพยับแดด

    สัญญาปุถุชน ส่วนใหญ่ไม่ดับ หากไม่สัญญาค้างเติ่งที่กาย ก็ไป ค้างเติ่งที่จิต
    เห็นจิตเที่ยง จิตสะสมบุญ บาป สะสมบริกรรม กรรมฐาน

    สัญญาดับแน่นวล ดับไปพร้อมจิต ...นะ หาก กล้าสดับธรรม ตั้งจิตให้ตรง
    จะไม่ ตั้งธงจิตเที่ยง จิตปูเสฉวน หิ้วหวีไป หิ้วหวีมา ตามภพ ชาติ

    ในมิลินทปัญหา ...พระนาคเสน อุปมา จิต ไม่ใช่ดวงเดียวกัน

    พยามิลิน ยิ้ม สันติ ก็ ซัดเปรี้ยง ......ขออุปมา

    พระนาคเสน เลยอุปมา ทางเกวียนในป่ามีอยู่ เกวียนเล่มที่สองผ่านมา
    จะเดินไปทางใหม่ เอาดาบฟันไม้ถางทางใหม่ หรือ จะเห็น ร่องรอย
    แล้วเดินทางซ้ำ ..........พยามิลิน ยิ้ม เกา สันติ นิดนึง

    พระนาคเสนเลยรีบตัดบท เกวียนสองเล่ม ใช่ คนเดียวกันไหม
    อุปมา จิตสองดวง มีปัจจัยเหมือนกัน เดินทางซ้ำรอย ในสังสารวัฏ
    เดิมๆ ก็จะ ประมาณอย่างนั้น

    พยามิลิน เอา สันติ เป็นใหญ่ รู้ว่า ขอแค่การ อุปมา ......ไม่ใช่ การรู้ชัด
    เห็นได้ชัด เพราะ ใครก็ชี้ให้เห็นไม่ได้ พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสไว้
    ก็เอาก็เอา อุปมา อุปมัย ....

    ลองดูฮับ

    อย่าไปเชื่อ อะไรที่มันค้างเติ่ง

    แต่ พิจารณา ความดับของทุกสรรพสิ่ง เนืองๆ

    ไม่ต้องกลัว ถูกสะกดจิต หรือ ทำตามๆกันไป พระพุทธองค์ทรง
    บันลือสีหนารถ หากปฏิบัติถูก มะพร้าวนาฬิเก ต้นเดียวโนเน กลาง
    ทะเลขี้ผึ้ง......แน่นวล


    ถ้า รู้ช้า ค้างเติ่ง เป็นจุด เป็นดวง ตึงๆ เบาๆ เกิดน้ำหนัก ก็ไม่ต้องตำหนิจิต
    ยกมันขึ้น กำหนดรู้ไปซื่อๆ ไม่ต้องอยากเห็นชัดๆ ก็ได้
     
  6. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    งง เป่า ฮับ

    ไม่ได้ ให้ไปทำอะไรใหม่ นะขอรับ

    ภาวนาอย่างเดิม ....

    เพียงแต่ ตั้งจิตให้ตรง แยบคาย ไม่เชื่ออะไร ง่ายๆ แม้นแต่ สิ่งที่กระซิบมาจาก......

    ถ้ายังมี เสียงกระซิบ ภพ มันก็ยังมี .......

    ภพดับ ไม่ต้องกลัวว่า จะไม่เกิด .....ตามเห็น ความดับ ไปซื่อๆ


    อูยยย์ พูดแล้ว ขนหัวลุก ไปดีก่า....
     
  7. &เมฆา

    &เมฆา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2017
    โพสต์:
    262
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +610
    ตอบ แบบไม่เกรงใจว่า เจ้าของกระทู้ ปฏิบัติธรรมจน" ฟุ้ง'
    ตั้งคำถามในโลกียะ แต่ต้องการคำตอบ ในโลกุตระธรรม
    ถ้าเป็นการสอบอารมณ์กรรมฐาน
     
  8. เส้นทางยาวไกล

    เส้นทางยาวไกล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +206
    เข้าใจคับ ขอบคุณคับ อย่าขนหัวลุกสิคับ ชอบ ตั้งจิตให้ตรง ไม่ใฃ่ตั้งจิตให้เที่ยง มากครับ สาธุครับ
     
  9. ใครบรรลุธรรม

    ใครบรรลุธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +268
    :):):)..อยากเห็นการเกิด-ดับ-ของจิต ก็ใช้สมาธิแค่ปฐมฌาน ก็สามารถสังเกตุเห็นแล้วครับ ไม่ต้องไปแยกรูป-นาม-อะไรเลย..
    :):) ตามวงจรปฏิจจะสมุปบาท..แค่เฝ้าดูประสบการณ์ เกิด-ดับ-ตรง ผัสสะ เท่านั้น ไม่ต้องใช้ปัญญา นี่เป็นวิปัสสนา อีกแบบหนึ่งครับ .."เฝ้าดูประสบการณ์" ไม่ต้องใช้คิด-ไม่ต้องแยกรูป-นาม อะไร ปริยัติ แค่นึก ก็เห็นแล้ว รูป-นาม ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2018
  10. ใครบรรลุธรรม

    ใครบรรลุธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +268
    :):):) เขาเรียกตั้งคำถาม มีปริยัติ..รองรับ ไม่ใช่คิดเอง-เออเอง-เพ้อฝัน-แล้วมาบอกเป็น โลกุตระธรรม..
     
  11. &เมฆา

    &เมฆา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2017
    โพสต์:
    262
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +610
    ช่วยยกตัวอย่าง ปริยัติที่รองรับมาให้ดูหน่อย(ถ้ามี)
     
  12. ใครบรรลุธรรม

    ใครบรรลุธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +268
    :):):) นั่งอยู่ตอนนี้ ใช้สติโลกๆก็เห็นแล้วครับ รูป-(กาย ลืมตาก็เห็น) นั่งไปนิดเดียว เจ็บ-ปวด- เวทนาก็มา (นาม)..แล้วคุณจะแยกไปทำไม
    เราก็เห็นมันชัดเจน..ในปัจจุบัน ที่เรานั่งลืมตาอยู่นี่..ตามหัวกะทู้ไปอ่านอีกครั้งนะครับ..ไม่ต้องใช้สมาธิขั้น อะไรเลย เราก็สามารถเห็น-แยกรูปนามได้เองทันที ..แยกแล้วก็กลับไปรวมเหมือนเดิม
    ;);)เพราะสมมุติบัญญัติ-มาจากสัญญาบัญัติ-มาจากรูป-นาม..เขาคู่กันอยู่แล้ว..มีรูปเป็นปัจจัย จึงมีนาม-มีนามเป็นปัจจัยจึงมีรูป..แล้วจะไปจะแยกมันทำไมครับ มันแยกไม่ได้..แล้วจะแยกเพื่ออะไรครับ

    ;) อ่านดีๆแล้วค่อยตอบนะครับ จะได้ความรู้กันทุกฝ่ายครับ
     
  13. ใครบรรลุธรรม

    ใครบรรลุธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +268
    อ่านข้างบนครับ
     
  14. ใครบรรลุธรรม

    ใครบรรลุธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +268
    รูป-นาม-เกิด..วิญญาณ ย่อมก้าวลงสู่รูป-นาม ทันที..ตามวงจรปฏิจจะสมุปบาทเลยครับ

    ;););) แล้วคุณจะไปแยก รูป-นาม-ก็ต้องแยกวิญญาณ ด้วไหมครับ-แยกไปเพื่อต้องการเห็นอะไรให้ชัดเจน ก็สมาธิ ซิครับ แต่ละขั้น-ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุถฌาน..ฯล
     
  15. ใครบรรลุธรรม

    ใครบรรลุธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +268
    "Norlnorrakuln, ถ้าเมื่อใดจิตมารู้แจ้งชัดเหตุและผลด้วยปัญญาอันชอบเองแล้ว จิตจะปล่อยวางความสำคัญมั่นหมายในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง จากจิตที่เคยหลงจึงไม่หลง:).

    ."จิต คุณรู้อะไรครับ-ยกเมฆทั้งเพ"..

    :):) ที่คุณโพสต์ มาทั้งหมดนี้ ทำง่ายๆได้ด้วยการ "ตัดผัสสะ-ตรง วงจรปฏิจจะสมุปบาท" เห็นการเกิด-ดับ ของจิต..จะทำให้เรารู้ว่า จิต ไม่ใช่เรา-แล้วเราจะเห็น "สัตตนัง" ตัวที่ครอบงำ จิต-วิญญาณ อยู่ครับ ..ไม่ใช่ไป-แยกรูป-นาม-อะไรเลย ..!

    :):) รูปเกิด-เป็นปัจจัยให้ -นาม ต้องเกิดทันที..

    :)รูป-นามเกิด -วิญญาณ ย่อมต้องก้าวลงสู่รูปนามทันที..(ชีวิตเกิด)
    สัญญา-สังขาร-ช่วยขยาย ปรุงแต่ง จดจำ-หมายรู้ เพื่อให้รูปและนาม กลายเป็น "บัญญัติ" ของโลกหมด เรียก ขันธ์5..

    :)เขาแยกของเขาอยู่แล้วตามปริยัติ ..ไปสอนให้แยกอีก-ยากจนไม่สามารถจะปฏิบัติได้ ผู้คนเลยท้อแท้กันหมด ..ไหนๆใครแยกได้มั่งครับ ตั้งแต่มีคำสอนนี้มา..ขอหลักฐานครับ

    แล้วคุณ จะไปแยกรูป-นาม-เพื่ออะไรครับ-แยกไปเขาก็ต้องรวมกันอยู่ดี เขาเกิดมาเป็นปัจจัยในการเกิดคู่กัน..
    มันได้ประโยชน์อะไรครับ..ให้คุณหลุดพ้น ศาสนาพุทธ ต้องใช้ ปัญญาครับ ไม่ใช่ไปนั่งฝึกแยกรูป-นาม..ผมไม่เห้นด้วยกับ หลักสูตรนี้ครับ
     
  16. &เมฆา

    &เมฆา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2017
    โพสต์:
    262
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +610
    ไปแบบน้ำขุ่นๆ ตัดธรรมบางบทมาผสมปนเปกัน
    ทิฐิแรงกล้า ย่อมยากที่จะได้ผลลัพท์ในที่ที่ควรจะได้ เปรียบเหมือนปลูกต้นมะม่วง แต่จะไม่รดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย แต่จะได้ลูกผลของมัน
    มีแต่ต้นมะม่วงนั้นจะแคระแกรนและยืนต้นตาย
     
  17. ใครบรรลุธรรม

    ใครบรรลุธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +268
    เมฆา..

    :):):) พอ พอ ๆๆๆ..วาทะศิลป์ แก้ทุกข์ไม่ได้ ถ้าไม่มีเหตุผลมาอ้าง ก็ควรไปอ่านให้เข้าใจ.. ในวงจรปฏิจจะสมุปบาท..
    ฉลาดแบบ.. ของจริงต้อง "นิ่ง-ใบ้" ไปแสดดงที่กะทู้อื่นครับ ..ผมรับเหตุผลนี้ไม่ได้ครับ
     
  18. เส้นทางยาวไกล

    เส้นทางยาวไกล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +206
    ไม่ได้ถาม แต่ก็ขอบคุณครับ ขอเรียนว่าอาการหรืออารมณ์ทางจิต วิธีการพิจารณาของแต่ละคนแตกต่างกันตามจริตและสัญญาครับ ผมก็อ่าน ศึกษาปริยัติอยู่บ้างแต่ไม่เอามาคอยคิดตอนปฏิบัติครับ กำหนดเจริญสติอย่างเดียว ส่วนการพิจารณาอะไรสุดแต่จิตจะไปพิจารณาแค่ตามดู ไม่ใส่ใจมานั่งคิดมาเป็นปัญหาอะไรกับแยกรูปแยกนามหรือไม่ครับ
     
  19. ใครบรรลุธรรม

    ใครบรรลุธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +268
    :):):) พระองค์นี้ ข้างบนที่เทศน์.. มาทั้งหมดนั้น ปริยัติ-เขาแยกของเขาอยู่แล้ว กายนี้ไม่ใช้เรา-พระมาสอนวิธีแยก รูป-นาม-ตรงไหนนี่ เขาแยกตามปริยัติ เขาอยู่แล้วครับ..มีแต่น้ำไม่มีเนื้อเลย..

    :):):) พระองค์นี้ แยกบัญชีเมีย กับบัญชีวัด และบัญชีเช็ค ของคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง 3ล้านบาท ไปเข้าบัญชีเมียตนเองได้ยังไง..แยกรึยังครับ วานไปถามด้วยครับ
    :):) เอ้อ..แล้วไปแกล้งตัด น้ำ-ไฟ-บ้านแม่คุณ ฐิตินาถ เขาทำไม เขาบริจาคเป้นล้านๆๆๆให้วัดนะ
     
  20. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    จริงๆเรื่องแยกรูปนาม เป็นส่วนผลงาน
    ฝึก สติปัฏฐานไป ในหมวดใดหมวดนึง
    เมื่อชำนาญ จิตมันจะแยกรูปแยกนามโดยอัตโนมัติ

    เอาตำรามาพูดเพียงแต่พอทำความเข้าใจ ในหมวดปัญญาญาณต่างๆ
    แต่วิธีทำไม่ได้ไปนั่งแยก นั่นคือรูป นี่คือนาม มันอาศัยเจตนาไปแยกไม่ได้

    ในส่วนปัญญาญาณ มันเป็นส่วนผลงาน เป็นส่วนที่พ้นเจตนาเข้าไปทำ

    วิธีทำอยู่ในสติปัฏฐาน มีอานาปานะสติ กายคตาสติเป้นต้น

    หากไปเน้นเอาแต่ส่วนผลงานมาพูด มันจะไปไม่ถึงฝั่ง เพราะไม่สนใจวิธีทำ


    พูดหล่อๆเท่ห์ๆ ตามตำราตามศัพย์อะได้อยู่

    กิจญาณ กตญาญ สัจจะญาณ รูปนามปริเฉท อะไรทำนองบลาๆนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...