กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

ขอร่วมอ่านด้วยคนนะคะ ไม่รู้ทำไม
ถึงไงก็อยากรู้ อยากค้นหา
ยิ่งห้าม เหมือนยิ่งยุ (บอกใจตัวเอง)

อ่านเพลินสนุกมากคะ

 

"ดวงตาแห่งรา" คืออะไรครับท่าน
"อยากทราบว่ายืนใกล้ๆปิรามิดรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างไหมครับ"

 

*สนใจมากครับ*
...5 อย่างมีอะไรบ้างครับท่าน ช่วยเจาะลึกครับ

ส่วนจานข้าว จานบินจานผี มนุษย์ต่างดาว
...อ.นพเชื่อว่า"มีจริงไหม"
สิ่งลี้ลับเหล่านี้เห็นในมิติได้ไหม

อีกเรื่องที่อยากรู้คือ...
ช่วงที่อ.นพหลงมิติไปเจออะไรบ้างครับ

ขอบคุณมากครับ

 

เล่าได้ถ้าถาม คืองี้นะครับ เรื่องการหลงมิติ
ต้องเล่าให้ฟังก่อนนะครับว่า มันไม่ใช่ความเท่ห์
มันไม่ใช่เรื่องของการได้สัมผัสอะไรที่พิเศษเลย
มันไม่เรื่องของการมีความสามารถในการเข้าไปใน
หลุมดำได้ แล้วไปเห็นโน้นนี่นั้นนะครับ

มันเป็นเรื่องที่ฟ้องว่า กำลังสติทางธรรมของเรามัน
ยังอ่อน อ่อนที่จะควบคุมตัวจิตเราไม่ให้เข้าไปข้างในได้
และการที่เข้าไปได้ แล้วไปเที่ยวหลงอยู่กับสถานที่ๆเราไป
นั่นก็ฟ้องว่า เราขาดการควบคุมสติอย่างแรง.....
ถ้าพูดง่ายๆ ตามที่ท่านที่สอนบ้างท่านก็จะบอกว่า
มะรึง มันกระจอก นั่นเอง อาจจะงงๆ
หรือ สมมุติว่า ถ้าข้าพเจ้ามีเพื่อนสนิท
แล้วมาเล่าให้ข้าพเจ้าฟังอย่างนี้
ข้าพเจ้าก็จะขำ แล้วบอกว่า สมนะหน้ามะรึง
ไม่จักเจริญสติในชีวิตประจำวันให้ต่อเนื่อง ๕๕๕

เปรียบเหมือนกับเด็กที่หัดปั่นจักรยาน
แล้วก็ล้มลง แต่เด็กคนนั้นมีท่าล้มที่สวยงาม
และเด็กกลับภูมิใจ เอาไปอวดคนอื่นๆว่า
ตัวเองล้มได้สวยงาม ไม่เป็นอะไรเลย.....
ตัวเองไม่ใช่ธรรมดา เป็นนักปั่นระดับชาติ....

ทั้งๆที่การล้ม มันฟ้องถึงความประมาท
ฟ้องถึงทักษะที่ไม่ดีพอ การควบคุมจักรยานที่ไม่ดี
การขาดประสบการณ์ในการรักษารถไปให้
เสียสมดุลย์ ท่านๆก็จะสอนเทคนิคต่างๆ
ในการควบคุมรถให้ในเวลาต่อมา

แต่ที่สอนกันไม่ได้ เพราะมัวแต่ไปโม้
ว่าตัวเองล้มสวย และ ภาคภูมิใจกับการล้ม
อย่างคาดไม่ถึง ประมาณนี้


ส่วนนิทานปนโม้มาอีกแล้ว.....
ดวงตาแห่งรา ความจริงส่วนตัวไม่เข้าใจว่า
มีนัยยะอะไรซ่อนเร้นลึกๆนะครับ...
เพียงแต่ช่วงที่ ครั้งหนึ่ง หลงเข้าไปในปิรามิด
แล้วไปแห่งดวงตานี้ อยู่ที่ยอด ปิรามิด เฉยๆ
คล้ายเหมือนในรูป หาดูได้ในเนท
เพียงแต่ ดวงตานี้ จะไม่อยู่ที่ปลายเหมือนในเนทเลย
แต่จะลอยอยู่โดดๆ ความสูงประมาณยอดปิรามิด
พูดง่ายๆ ถ้าเราอยู่ใจกลางปิรามิด.
เราจะมองเห็นดวงตานี้ลอยอยู่บนสุด

ตอนนั้นที่เข้าใจว่า เห็นได้ อาจจะเพราะว่า
ฝึกเกี่ยวกับเรื่องพลังงานอยู่ ตอนนั้น เล่นพวก
พลังงานที่ได้จากกรรมฐานพวกกสิณและอรูปฯอีก ๓ กองอยู่
เพื่อเป็นพื้นฐานอะไรบางอย่าง ณ ช่วงเวลานั้น
ที่พูดเนี่ยผ่านมาหลายปีแล้วนะครับ ถ้าไม่ถาม
ปกติก็ไม่ได้สนใจอะไร......
เพราะมองว่ามันเป็นเรื่องสุดแสนธรรมดาที่จะเจอได้
เหมือนเราปั่น จักรยานเสือภูเขา ธรรมดาที่จะต้อง
เจอเส้นทางที่มีรากไม้โผ่ล เจอก้อนหินบ้าง อะไรประมาณนี้
จึงไม่ใช่เรื่องแปลอะไร ไม่ใช่ว่า เจอก้อนหิน เจอรากไม้
มันจะเป็นเรื่องอะไรที่วิเศษวิโสอะไร เพราะใครถ้าปั่น
ไปเส้นทางเดียวกัน ก็ต้องเจอเหมือนๆกัน
พอมองภาพออกนะครับ

ส่วนเรื่องจานลอยได้ เด่วว่ากันต่อ
และเรื่องอาวุธทิพย์ ไว้เป็นนิทานตอนต่อไปครับ

 

นิทาน ตอนต่อมา เริ่มด้วยเรื่องอาวุธ
อย่างแรก คือ ๑.อะไรไม่รู้คล้ายๆจักร
อาวุธแบบนี้ สำหรับฆารวาส สามารถสร้างได้
อย่างน้อย กสิณยืนพื้น ๑ กอง แต่ ๕ กองจะดีกว่า
แล้วก็เมตตาผ่าน..คือเอาพลังงานพวกนี้
มาปั่นเหนือหน้าอกจนกว่ามันจะใส
ก็จะกลายเป็นอะไรคล้ายๆจักรขึ้นมาได้
ฆารวาส จะมี ๗ ถึง ๙ เขี้ยว
แต่ในพระเกจิ มักจะมี ๑๒ เขี้ยวเป็นปกติ
ส่วนของสมเด็จที่เป็นองค์ต้นๆ มีมากกว่านี้เยอะไม่ได้นับ
จะแตกต่างใน ส่วนกลางของจักร ว่าข้างในมีอะไรบ้าง
เช่นมี ดอกบัวบาน มีตรี มีดอกบัวและอื่นๆ
ขององค์ต้นๆมีเยอะ เคยได้ยิน บางคนเล่าให้ฟังว่า
สมเด็จองค์ต้นๆท่านให้ไว้ บอกว่าเอาไว้ทำโน้นนี่นั้น
แต่ส่วนมากที่เล่าให้ข้าพเจ้าฟัง ประมาณว่า เอาไว้ป้องกัน
(เป็นมันเบสิคธรรมดาของจักรอยู่แล้วไม่แปลก
ที่อยากรู้คือ เอาไว้ทำประโยชน์อะไรบ้าง แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ)

ปกติ เราจะใช้ในการตัดสายใยวิญญานที่เข้ามาครอบจิต
ดวงอื่นๆนั่นหละครับ ปกติเราจะไม่ใช้กสิณกองใดกองหนึ่ง
หรือการสวดมนต์ไล่ การเฆี่ยนตี การทรมาณ
เพราะถ้าไปเจอกรณีสืบเชื้อ หรือกรณีที่เค้ามีวิบากร่วมกันมา
พวกวิญญานที่มาครอบร่าง จะทำให้ร่างกายที่ครอบนั้น
ใช้ไม่ได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง พูดง่ายๆ คือ หายแต่ตายนั่นหละครับ
มีตัวอย่างเยอะในประเทศนี้ครับ....และปกติ ถ้าห่มเหลืองท่าน
จะทำน้ำพุทธมนต์ เพราะเป็นวิธีที่ครอบคลุมที่สุดนั่นหละครับ...
ส่วนการใช้ในการปรับธาตุพวกนี้เป็นเรื่องปกติครับ....

๒.ธนู จะมีสองแบบ ๑.แบบมีคันศร สาย และลูกธนู
และ ๒.แบบมี แต่คันศร เวลาใช้จะมีสายและลูกธนูมาเอง
แบบแรก พวกที่กายทิพย์มีปลีก หรือพวกดวงจิตที่เคยเกิด
ในแอตแลนตู๊ด เห้ย ! แอตแลนติส จะมีปกติกันทุกคน
แต่เคยถามว่า ใช้ทำอะไร เค้าบอกเอาไว้ ยิงผี
เลยขี้เกียจคุยต่อ....
แบบที่ ๒ ถ้ามีคล้ายจักรได้ เด่วแบบ ๒ มาเอง
การใช้งาน เช่น ตามคนหาย ยิงเปิดทางกรณีเข้าป่า
เพื่อกันถูกบังตา ยิงขอฝน ยิงเข้าหน้าอก
กรณีถูกภูมิระดับอสูรกายมาแทรก โดยเฉพาะ
พวกที่มาทางสายพลังงานจักรยาน เห้ย ! จักรวาลมักจะเจอกัน
กรณีที่รู้ตัวว่า พวกที่มาแทรกไม่ใช่ระดับที่ดี..
หรือขอให้เกิดสุริยะคลาส
ฆารวาสอย่างน้อย ๒ วันถึงจะเกิด
รู้แค่ประมาณนี้ครับ..

๓.สังข์ ใช้ประกอบพิธีมงคลต่างๆครับ ด้วยการน้ำลงดินครับ
แล้วแต่จะนึกออกว่าจะขออะไรครับ
๔.ตรี จะมีสองแบบ ๑.แบบคล้ายๆทางพราหม์ ที่ด้านข้างจะโค้งๆ
กับแบบ ที่ได้มาจากการสร้าง คือ ด้านข้างทั้งสองจะค่อนข้างตรง
คือ ใช้เพื่อขอเชื่อมตัวยา สำหรับดึงมารักษาโรค ในกายของ
บุคคลที่กำลังรักษา ขอจากใคร ใบ้ให้ว่า ท่านเหล่านั้น
อยู่อาศัยแถวตีนเข้าพระสุเมรุครับ เป็นพระมหาฤาษีครับ
แต่มีใครบ้างไม่ทราบครับ และไม่รู้จักชื่อซักท่านครับ
ส่วนเรื่องเอาไว้ป้องกัน เป็นเรื่องพื้นฐานของอาวุธเหล่านี้
อยู่แล้วไม่ใช่เรื่องแปลก เหมือนจักรยาน สามารถปั่นได้
ทุกคันนั่นหละครับ ไม่มีอะไรมากครับ...

ส่วน จานลอยได้ กับ มะนาวต่างตู๊ด กำลังจิตสูง
และหลงมิติค่อยว่ากันอีกทีนะครับ
จบ นิทานโม้อมตะนิรันดร์กาล..

 

เปรียบเทียบได้เห็นภาพมากครับพี่ สติทางธรรม ผมคงต้องสร้างและสังเกตอีกเยอะเลย

ปล.นิทานสนุกมากครับ อ่านทีไรหึกเหิมในการฝึก55555 ...น้ำใสกิ๊ง ไม่มีสีและฟอง มีคลื่นเล็กน้อย เข้าถึงให้บ่อยๆ ... ไม่หลงตัวเอง ไม่ต้องการการยอมรับจากใคร ... นับถือทุกภพภูมิไม่แย่งแยก ...

 

แอตแลนติส อยู่ที่ไหนเหรอครับ

 

แอตแลนติส เป็นเมืองๆหนึ่งบนอากาศ มีวิวัฒนาการสูง
เคยเห็นในการ์ตูนฝรั่งไหม ที่มีปลีกที่รองเท้า
มีตามข้อศอก มีที่หลัง ไม่ใช่แบบว่า ใส่สูทป่านบอดี้การ์ด รมต.อย่างเดียวนะครับ
พวกที่เขื่อว่าตัวเองมาจากที่นั้นเค้าว่าอย่างนี้
เหมือนเค้าว่าจะมาจากชิ้นส่วน ของท่านที่เป็นใหญ่ที่นั้น
ไม่ทราบว่าชื่ออะไร...จำไม่ได้ เพราะฟังมานานแล้ว
ถ้าตามอากู๋ ตามสารคดี มันจะจมอยู่ใต้น้ำครับ...

จริงๆมันก็คล้าย ป่าเม็ดมะม่วง(หิมพานต์) บ้านเรานั่นหละครับ
ต้องเคยเห็นจากด้านนอก ถึงจะอ่อ ว่ามันลอยอยู่
ถ้าแบบว่า เข้าไปในป่าเลย จะไม่เห็นมุมแบบนี้
แล้วจะคิดว่า มันอยู่บนพื้นดิน อะไรประมาณนี้
พวกนี้เป็นอีกมิติหนึ่ง คือยังไม่หลุดพ้นนะครับ
ปล. นิทาน...

 

ส่วนจานบิน บ้านเราพระอาจารย์บางท่าน
ที่เก่งๆ พวกมะนาวต่างๆตู๊ด เอาจานบินมาให้ก็มีนะครับ
คือ ตาปกติมองไม่เห็นหรอก เลยพอโม้ได้
แต่ท่านคงไม่มาพูดบอกใครหรอกครับ
เดินผ่านได้เวลาขับ ใช้จิตในการขับเคลื่อน
ลองประมาณดูว่า ท่านจะความมีสามารถประมาณไหน

เพราะภายใน มันดูเหมือนไม่มีอะไร ผนังอะไรก็ดูเรียบๆ
มีแต่คล้ายๆ เคาน์เตอร์ บาร์เบียร์ เรียบๆ
มองภายในไปภายนอกปกติไม่เห็นอะไร
แต่ว่าเคาน์เตอร์ มันจะโล่งๆ และออกโค้งๆหน่อย
มะนาวต่างตุ๊ด เค้าก็นั่ง ทำตาปิบๆ กระพริบตา
แบบเปลือกตาบนลงมาข้างล่างอย่างเดียว
(มนุษย์เราเปลือกตาบนล่างจะขยับเข้าหากัน)
ตาโตกว่าลูกกอฟล์ แต่เล็กว่า ลูกเบสบอล
หูก็มองไม่ค่อยเห็น กระโหลกใหญ่ๆ
ใบหน้าพอมาตรงแก้ม มันก็ตัดแหลมลงมาเลย
เสื้อก็ไม่ใส่ เพราะร่างกายเหมือนเป็นชุด ดูหยาบๆ
ประมาณนี้หละ ...
อยากรู้ก็ไปพิสูจน์เองแล้วกันนะครับ ๕๕๕
ปล. นิทาน...

 

จิตจักรวาล(ไม่ใช่แบบที่
ลป ชื่อย่อ ด สระอุ กล่าว
เรื่องต้นกำเนิดจิตนะคนละแนว)
เป็นภาษาสมมุติที่บางกลุ่ม
พยายามสื่อว่าต้นกำเนิดของ
จิตเราว่าแท้จริงแล้วมัน
มันมีต้นกำเนิดหรือเหมือนๆกัน
หรือมาจากแหล่งเดียวกัน
มีความเป็นพุทธะอยู่แล้ว
(เพราะตรงนี้ที่เอาไปเอามาหลงตัวเอง)
ความรู้พวกนี้มาจากกลุ่มทางสายมหายาน
ที่เข้าถึงในเรื่องพลังงานหรือเกี่ยว
ข้องกับเรื่องพลัง แนวๆจักระครับ
ถ้าในรายละเอียดปลีกย่อยไม่ทราบ
ส่วนตัวเฉยๆ ฟังได้ รู้ได้ แต่ไม่ค่อยสนใจเพราะมองว่า
มันยังติดอยู่ในระบบภาคทิพย์
หรือมิติที่ ๔ อยู่ครับ
พูดง่ายๆมันเป็นเหตุที่ทำให้ไกล
การหลุดพ้นอยู่ครับ
น่าจะเป็นเรื่องปัจจัยตังหน่อยครับ

ปล เหมือนคนเห็นผีคุยกันแต่เรื่องผี
แต่ไม่รู้จักปล่อยวาง เลยยึดไม่รู้ตัว
สุดท้ายกลายเป็นผีซะเองนั่นหละครับ
พอมองภาพออกเนาะ

 

เด่วจะเล่าอะไรให้ฟังเล่นๆนะครับ....
รู้ไหมว่า ซาตาน กับ อสูรกาย
นิสัยต่างกันอย่างไร.....
พวกซาตาน ประกาศชัดเจนว่า อยู่ตรงข้ามกับพระเจ้า
เหตุเพราะมั่นใจว่าตนเอง เก่งกว่า มีพลังเหนือกว่า....
เรียกว่า พอมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่บ้าง
คล้ายๆกับว่า ตรูเป็นโจรก็คือโจร
ตรูเลว ตรูก็ยอมรับว่าตรูเลว...
และพวกนี้ไม่กลัวตายนะ
พร้อมบู้แหลก แต่ก็แพ้ตลอดนั่นหละ ๕๕๕
ไม่ยึดตัวตนด้วยนะ...
ประมาณคิดว่า ถ้าตายแล้ว ตัวเองจะกลายเป็นสุด
แต่พอตายแล้ว ก็ต้องมาใช้วิบากที่ปฏิเสธพระเจ้าอีก ๕๕๕๕
กลายเป็นภูมิกึ่งๆอสูรกายที่จะต้องใช้วิบาก
โค ตะ ระนานมาก (เพราะปากดี) จบ......

ที่นี้มาพวกอสูรกายนะ....พวกนี้สังเกตุง่ายๆ
ชอบอ้างผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ ภพ ชอบอ้างคำสอน
แต่ว่า ข้อเสีย หรือกมลสันดานที่จะแก้ไม่ได้เลย
ก็คือ การอยากได้รับการยอมรับ...
และเป็นการอยากได้รับการยอมรับ
โดยวิธีใช้ปาก โฆษณา
พูดง่ายๆว่า คือโม้สร้างภาพนั่นหละ ๕๕๕
คล้ายๆพวกนักการเมืองยุคโบราณ ประมาณ
คนอื่นๆเลวหมด ตรูนี่หละ ดีที่สุด ดีอยู่คนเดียวอะไรประมาณนี้
แต่ให้สังเกตุง่ายๆว่า ภูมิธรรม การสอน
การปฏิบัติที่ตนโม้ไว้ จะไม่รู้เรื่อง
แต่โม้ประมาณว่า ตนเองเก่งระดับโลก ๕๕๕
หรือการพูดอะไร
ยังไงๆ ก็ไม่เหมือน บุคคลที่มีครูบาร์อาจารย์
หรืออยู่ใต้การควบคุมของครูบาร์อาจารย์
หรือบุคคลที่เคารพพระรัตนตรัยเป็นทุน
เหตุเพราะภูมิจิตเหล่านี้ ถูกตัดขาดจากข้างบนนั่นเองครับ

ส่วนเรื่องการเข้าถึงพลังงาน มันเข้าได้
ทั้งพวกซาตานและพวกอสูรกายนั่นหละครับ
หรือคนทั่วไป ใครๆก็เข้าถึงครับ
แค่มีสมาธิเล็กๆน้อย มันเป็นเรื่อง
ที่สุดแสนจะโค ตะ ระ ธรรมดา
แต่พวกนี้ จะพูดประหนึ่งว่า
โค ตะ ระ ไม่ธรรมดา
โค ตะ ระ วิเศษ
แต่ถ้าถามว่า ฝึกอย่างไร
จะตอบไม่ได้ ๕๕๕๕๕๕

แต่ประสิทธิภาพในการใช้งาน
หรือความสามารถทำได้
มันไม่ใช่ว่าจะเข้าถึงพลังงานได้อย่างเดียว
มันต้องอาศัยกำลังสนับสนุน จากครูบาร์
อาจารย์ และหลายๆฝ่ายในการสนับสนุน....
ซึ่งภูมิจิตเหล่านี้ ไม่มีทางเข้าถึงเพราะจะถูกตัด
เราจะสังเกตุได้ ง่ายๆในเรื่องความเข้าใจทางนามธรรม
บางครั้งจะเหมือน ออกนอกระบบกาแลคซี่
ออกนอกอวกาศ แถมยังมั่นใจตัวเองอีก...
แต่ก็ยังอ้างพระพุทธฯ(แค่ช่วงแรกๆ)
พวกนี้ลึกๆแล้วจะคิดว่า ตนเองเป็นพระพุทธเสียเอง
หรือเก่งกว่าพระพุทธเสียอีกครับ.....
ถ้าไม่เชื่อ แอบตั้งเครื่องดักฟัง
เวลากลุ่มนี้คุยกันได้เลยครับ ๕๕๕๕๕


แม้ปากจะพยายามพูดเหมือนไม่มีอะไร
แต่คำพูด ถ้าสังเกตุ ก็คือ พยายามเติมแต่ง
ให้ตัวเองดูเท่ห์ นั่นหละครับ ๕๕๕ คุณเข้าใจถูกแล้ว ๕๕๕

สังเกตุได้ ภูมิอสูรกาย แม้จะพูดประหนึ่งว่า
ตัวเองเก่งระดับจักรวาล......
แต่ถ้าให้มาเพียวกำลังจิต....
หรือให้มาแสดงออก...จะไม่กล้าหรอกครับ
แต่ก็ไม่รู้ทำไม ว่าถึงได้ขึ้โม้เหลือเกิน.......

ไม่ใช่ว่าคนนั้นไม่กล้า
แต่ไอ้พวกภูมิอสูรกายที่มันชอบหลอก
ให้ร่างที่มันไปแฝง
ว่าเป็นระดับ สุดยอด อภิมหาระดับโลก กระโหลกกระลา
เหล่านั้น มันกลัวจะถูกดึงออก
จากดวงจิตที่มันไปแฝงครับ

เพราะกำลังสนับมันต่างๆกันครับ
เครื่อง ๑๕๐ cc ถึงจะแต่ง ทำเป็นเร่ง
เครื่องเสียงดัง ยังไงมันก็สู้บิ๊กไบด์
เครื่อง ๙๐๐ cc ไม่ได้หรอกครับ

แต่เรื่องเสียงดัง(การใช้ปาก การพูด)
เครื่อง ๙๐๐ cc. คงไม่ไปแข่งด้วยหรอกครับ
มันคนละกลุ่ม คนละประเภทกันครับ....
มันเหมือนไปแข่งวิ่งกับเด็กๆ
แต่เด็กก็จะคุย บอกคนทั่วไปว่า
ตนเองวิ่งระดับ ชาติ ๕๕๕ พอเข้าใจอารมย์ไหม.....


ปล. เอาจริงแล้วน่าสงสารนะครับ....
วิบาก เรื่องการอยากดี อยากเด่น อยากดัง
มันเป็นวิบากตัวเป้งครับ......

พอมีวิบากตัวนี้ พอถูกหลอกหล่อ
จากสายพลังงานว่า ตนเองเป็นระดับ
บุคคลสำคัญลงมาเกิด
เข้ามาแล้ว จะมีคนชอบมากมาย
จะมีกายทิพย์พิเศษไม่มีอาวุธใดๆทำร้ายได้
หลอกว่า มีแต่พระโพธิฯ เท่านั้นที่จะเข้ามา...

สังเกตุไหม ว่าอยู่ในเรื่อง ลาภ ยศ สุข สรรเสริญทั้งนั้น
พุทธฯเราสอนให้ไม่มี แต่พวกนี้ ยิ่งเข้าไปยิ่งมี
มีตัวตน มีตัวกู เป็นโน้นนี่นั้นไปเรื่อย....

ถ้าเอาเรื่องกิริยาทางจิต คือกลุ่มดวงจิต
ที่สัญญาวิปลาสนั่นหละครับ......

สังเกตุง่ายๆ จะเป็นลักษณะ ๒ บุคลิก
และแต่ละบุคคลิก จะจำกันไม่ได้....

เช่น เดินไปเตะสุนัข ทั้งๆที่เรายืนมองและเห็นๆอยู่
แต่เค้าจะบอกว่า ไม่ได้เตะ
และเผลอๆจะสร้างภาพว่า เป็นคนรักสัตว์
และก็จะพยายามพูดให้คนอื่นๆเข้าใจว่า
ตัวเราที่ยืนๆมองอยู่นั่นหละเป็นคนไร้เมตตา
และไปเตะสุนัข. อ่านดูแปลกไหม
แต่มันก็เกิดได้ปกติ. ประหลาดดีไหมครับ......


พวกนี้เวลาปกติ ก็เหมือนคนที่ใช้ชีวิตธรรมดานี่หละครับ
แต่เวลาโดนครอบงำ จะเหมือนคนที่ทำอะไรไป
แล้วจำไม่ได้ ขาดตรรกะ เหมือน
คนพูดไม่รู้เรื่องแบบไม่มีเหตุผลนั่นหละครับ

ทางสายปฏิบัติ จะเรียกว่า กลุ่มดวงจิต
วิปลาส แน่นอนไม่ใช่ร้อยเปอร์เซนต์นะครับ
ล้านเปอร์เซนต์ครับ.....

ดังนั้น อุเบกขารับรู้จะดีกว่าครับ......
บางทีแค่คุยด้วย
เค้าก็หาว่า ไปดูดพลังเค้า ๕๕๕๕๕
ป่านนั่นโม้ว่าเก่งระดับจักรวาล
เห็นความขัดแยังตรรกะตรงนี้ไหม......

ปล.เป็นนิทาน เรื่องเล่า ซาตานกับอสูรกายนะครับ.....
ย้ำว่า นิทานนะครับ......เอาจริงๆนะ
พวกนี้ กำลังจิต อ่อนกว่ากลุ่มที่เป็น หมอธรรม
หมอผีอีกนะครับ....

 

เรื่องหลอกเด็ก เข้ากระบวนการยุติธรรมแล้วนะครับ
ศาลชั้นต้นสั่งฟ้องไปแล้วมีแต่คดีเกี่ยวกับผู้เยาว์นะ
เลยไม่สามารถพูดอะไรออกสื่อได้

ต้นเรื่องประมานปลอมตัวเป็นผี(แต่บอกเหมือนว่ายิ่งใหญ่
ประมานพระเจ้า
จริงๆก็น่าจะคิดได้บ้าง ผู้ยิ่งใหญ่. ส้น บาทาที่ไหน
จะเลือกแต่เด็กบริสุทธิ์ แต่อย่างว่าหละเด็กถูกชักจูงง่าย)
มาหาเด็กๆบอกอย่าขัดขืน คือเค้าหลอกเด็กอย่างนี้
ในสถานที่ในป่าเปลี่ยว
พอดีวิกผมหลุด ๕๕๕ เข้าใจกิริยาล้นลานเพราะหื่นไหม
เหมือนพวกบ้ากาม
เลยความแตก ๕๕
ป่านนั้นพวกสาวก ก็ยังเข้าข้างกัน
ป่านเป็นผู้บริสุทธิ์.
ถ้าเป็นสมัยยุคพระเจ้าเสือ
คงโดนตบบ้องหูไปแล้ว

ปล เหมือนเค้าจะคุยกับพวกผีระดับล่างได้ เพราะว่าเหมือน
เค้าเคยมีสัมพันธ์กันมาก่อน ในอดีตชาติ
ผีพวกนี้ก็ประมานผีขี้โม้นั่นหละ

แต่เค้าเอามาโม้ประมานว่า
คุยกับพระเจ้าได้.
จริงๆคือพวกผีที่ตายและอยู่มานานแล้ว
แค่นั่นเอง พวกนี้ปฎิเสธศาสนาถึงรับบุญไม่ได้
มีกำลังเพราะอยู่มานานจริงๆ

สรุปไม่มีอะไรหรอกครับ
เรื่องคนชอบกินเด็กต่ำกว่าที่กฏหมายกำหนด
แต่ติดการสรรเสริญ
มันเป็นโรคชนิดหนึ่งทางจิตครับ

 

จากที่ท่านอ.นพเล่าให้ฟังข้างบน

ชวนให้ผมสงสัยว่า...

เมื่อหลายปีก่อนพี่ใหญ่มะกันเคยตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจ
เพื่อเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของจานบินUFOนอกโลก
ผลาญงบไปเกือบพันล้านบาท ในที่สุดแห้วปิดตัวลง

...แต่ปัจจุบันก็ยังมีหน่วยงานย่อๆปฎิบัติงานด้านนี้ต่อไป
ช่วงนั่นบรรดามวลชนสายวิทย์ต่างออกมาพูดว่า....
“มีแต่จานบินลวงโลก มนุษย์ต่างดาวหรือเอเลี่ยน
เป็นจินตนาการในนวนิยายหลังสงครามโลก”


แต่จากการที่ได้อ่านที่ท่านอ.นพเล่าข้างบน....

ผมเกิดปุจฉาในใจว่า....
“หรือUFO ที่เห็นๆกัน อาจเป็นจานบินที่มาจากบ้านเรา”
โดยอาศัยพลังจิตขับเคลื่อนจานในบางครั้งให้ได้เห็นแว๊บๆ
...พอให้พี่ใหญ่มะกันตกใจเล่นเป็นพักๆ

อะไรๆที่คิดว่า “เป็นไปไม่ได้”
แต่บ่อยครั้งกลายเป็น “เรื่องเป็นไปได้”


*อีกหน่อยสยามประเทศของเราคงจะครองโลก*

**ด้วยปัญญาทางธรรม ทางฌาน ทางญาณ**

5555 นิทานเหมือนกัน

 

...ไม่ได้ถามให้ขำและโก้นะครับ(ถามจิงๆ)

อยากรู้เหมือนกันว่า...
**พญานาคต่างดาว"มีไหม**

ในเมื่อจานUFO กับมนุษย์ต่างดาว “สุดลึกลับ”

ตำนานพญานาคซึ่งมีเรื่องราวเรื่องเล่าไม่แตกต่างกันนัก

บางครั้งจะเห็นเป็นมนุษย์
บางครั้งเห็นเป็นเทวดานางฟ้า
บางครั้งเห็นเป็นอ่ายเข้
บางครั้งเห็นเป็นงูใหญ่ งูหลาม
บางครั้งเห็นเศียรเดียว
บางครั้งเห็นหลายเศียร
และอื่นๆ...อย่างนี้เป็นต้น

*ถือเป็นความลึกลับที่ไม่แตกต่างกับจานบิน*


5555 นิทาน"พญานาคกับจานบิน"

 

อย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟังในกระทู้หนึ่ง
*ขออนุญาตฉายซ้ำย่อๆอีกครั้งนะครับ*

...เช้าหลังวันออกพรรษา 1 วันปี 60
...ผมขับรถไปงานตักบาตรเทโว
ระหว่างทางไปชนไก่ตาย

คืนเดียวกันประมาณ 2 ทุ่ม
ขณะจะกลับที่พัก
เจองูใหญ่นอนขวางถนนบริเวณกับที่ชนไก่ตาย

ผมเห็นเป็น "งูเขียว" แต่ภรรยาเห็นเป็น "งูขาว"
นอนขวางถนนประมาณล้อซ้ายยันล้อขวา

กลัวและไม่ทันจะเบรคจึงวิ่งผ่านไป(ดูจากสายตาคงไม่รอด)

สักครู่รู้สึกว่าตัวเองทำผิดมาก...แม้จะสุดวิสัย

ซึ่งเป็นช่วงงานบุญใหญ่วันออกพรรษาด้วย
...ไม่สบายใจจึงย้อนกลับไปดู
...ปรากฏว่าไม่มีร่างงูตามที่เห็น

ทุกวันนี้ภรรยายังรู้สึกคาใจว่า.....

“น่าจะเป็นภาพลวงตาหรือพรางตา”

ผมบอกว่า...
“อาจจะใช่...ถ้าเป็นงูธรรมชาติร่างต้องอยู่"
...แต่ที่สงสัยคือทำไมเห็นชัด
เห็นท่อนลำตัวกลมๆด้วยสิ
และเห็นพร้อมกันทั้ง 2 คน
ไฟรถก็สว่างจาก20ม.10ม.2ม.จนจ่อหน้ารถ


**ที่น่าแปลกใจ**
คือเพื่อนที่อาสาบินถ่ายโดรมให้วัด
ก็เจองูใหญ่งูหลามนอนขวางถนนในคืนที่ 2
...ระหว่างทางขับรถเพื่อไปค้างคืนที่วัด


...วัดป่ามีบันไดพญานาคราชคู่
ทอดลำตัวขึ้นสู่โบสถ์วิหารมัจจุลินท์ ??




(รูปที่เพื่อนจอดรถลงไปเก็บภาพไว้)
เขาบอกงูเลื่อยออกจากข้างทางมาไว
...แต่กลับแช่นิ่งๆอยู่กลางถนน

 

จึงเป็นเรื่องราวบังเอิญที่...
**ประหลาดและยังคาใจ**

ที่สำคัญเกิดขึ้นในงานบุญวันออกพรรษา

ทุกวันนี้พอผมขับรถผ่านบริเวณชนไก่และเจองูใหญ่
ผมจะเกิดความรู้สึกว่า
บริเวณนี้ “เป็นศาลเจ้า”

ทั้งที่ความจริงเป็นบ้านอยู่อาศัยของชาวบ้าน

(ผมเคยรับปากว่า)...จะส่งภาพให้ดู
แต่ไม่ได้ส่ง วันนี้จึงขอลงไว้ที่นี่

“รบกวนท่านอ.นพชี้แนะเรื่องนี้ด้วยครับ”
รวมทั้งช่วยพิจารณาสถานที่เกิดเหตุครับ

ขอบคุณมากครับ

 

อืมมมม ในที่สุด นิทาน ก็มาถึงจุดที่ว่า
พยานาคกับจานบิน กลายเป็นเรื่องเดียวกันได้ ๕๕๕๕๕๕๕๕
สงสัย อากาศมันจะร้อน ๕๕

เออ ที่งูมันนิ่ง เพราะว่า มีผีเด็กน้อย
ไปเล่นกับงูอยู่ คือ เอามือสองข้างไปจับแบบ
จะยกมันเล่น ไม่มีไรหรอก ๕๕๕
งูคงเห็น อยากรู้อะไรมากกว่านี้ต้องไปคุยกับงูเองนะ ๕๕๕


ส่วนจานร่อนเนี่ย ที่เราเห็นคล้ายๆจานข้าว
เป็นแค่ ๑ ใน ๒๐ กว่าเองนะครับ...
ที่ อ. ชื่อ ย่อ อ และ อ นามสกุล มี ณ ด้วยเคยเห็น
คือด้วยพื้นฐาน กำลังจิต ที่ค่อนข้างสูงเป็นปกติ
หากเทียบกับมนุษย์อย่างเรา
ก็คงจะคาดเดาได้ว่า วิวัฒนการของเค้าจะขนาดไหน
เปรียบเหมือน ชาวเผ่าอเมซอน มาเห็น เมืองซิคาโก้
หรือรัฐเทกซัส พอได้บ้าง..

จานร่อน ประเทศไทยมีเยอะ วันที่ พระราชทานเพลิง
พ่อของเราทุกคน แถวบนเทือกเขาทางเหนือ บินกันเป็นว่าเล่น
จานเห็นแสงสีส้มๆติดตลอดนะ
ไม่ใช่แบบเครื่องบินพาณิชย์หรือขนส่งนะครับ
เห็นบินกันเร็วประมาณเราวางนิ้วตามได้
และก็เงียบนะ เสียงไม่ดัง
ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ กับ ตะวันออกเฉียงเหนือ
คือไปยืนดูตอน ตีสองหรือตีสามนี่หละ
คิดว่า คนคงเห็นกันเยอะ...

 

ส่วนภูมิที่เป็นทิพย์ จะปรากฏตัวอย่างไรก็ได้
ตามแต่สัญญาในจิตเรา ณ เวลานั้น
หรือสัญญาที่เค้าส่งมาเชื่อมกับจิตเรา....
เคยเจอใหญ่สุด คือ ลำตัวเท่ารถสิบล้อ(พยานาคทหาร)
ถ้าหน้าเหลี่ยมๆ คือสมัยพระเจ้าชัยวรมันโน้น
เป็นคนก็มี แต่งชุดขาวๆหลวม (แต่ไม่เคยเห็นแบบชุดคนปกตินะ)
ชุดในหนังแบบ ออเจ้าก็มี แต่หน้าตาดูเคร่งขรึม...
เป็นแบบพยานาคก็มี ต้องสังเกตุดีๆว่า
จะไม่มีหนวด ถ้ามีหนวดจะเป็นพวกมังกร...

แต่ครีบบนจะเคลื่อนไหวได้ และข้างล่างก็จะเหมือนๆงูนี่หละ
แต่ว่าเป็นนามธรรมพิสูจน์ยาก....

ส่วนถ้าปรากฌเป็นคน จะไม่รวมธาตุดิน แต่จะรวม
ธาตุอื่นๆที่ออกสี แล้วรวมๆดูคล้ายคน..
เหมือน อาจารย์ โอบีวัล ในสตาร์วอล ภาคล่าสุด ตอน
ที่สลายตัวนั่นหละ ได้ดูเป่า ๕๕๕
หรือจะมาเป็นคล้ายงู มีกี่เศียรก็ได้

ดังนั้น จะเห็นเป็นอะไร แบบไหน ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร
สำคัญคือ เป็นมิตรกับเราก็พอ ๕๕๕


งูเนี่ย จะเป็นงูเจ้าที่ ก็ได้...ที่ถ่ายรูป ยังยาวน้อยกว่า
ที่เคยเจอสองเท่า แถมหันมามองหน้า ยิ้มให้ด้วยนะ
(มันคงสงสัยว่า พี่คนนี้สายพันธ์ไหน ทำไมมีหลายหัวจัง ๕๕๕๕)
คล้ายๆว่า มาทักทาย....
เอ่อ ให้สังเกตุนะ ถ้าทะเบียน 1234 ถ้าหันหน้าไปทางไหน
เลขมันออกฝั่นตรงข้าม เช่น เรื่อยมาทาง 4 จะออก 123
ตรงนี้เล่าให้ฟังเฉยๆนะ ขำๆ

ส่วนตามริมทาง เค้าจะมีภพภุมิเจ้าถิ่น
หมายถึง ดวงจิตที่ยังติดค้างอยู่บริเวณนั้น
และก็กำลังสร้างบารมียกพัฒนาตนเองอยู่
สร้างจากอะไร สร้างจากเวลาที่ช่วยชาวบ้าน
แล้วเค้าทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้นั้นหละครับ
ถ้าแถวนั้นหน้าคมๆ จมูกเป็นสัน ไว้เคราพอเท่ห์
และชอบใส่หมวก คล้ายๆหมวกพวกคาร์บอย..

ปล.นิทานครับนิทาน

 

มาติดใจตรงเลข 1234 นี้ละคะ เพราะเคยฝันมีคนมาบอก ไอ้ตัวเจนก็ชอบจัง(เล็กน้อยน๊า) จัดเลยคะ มั่นใจมาก 123 แต่ออก 234 ช้ำ

 

ทุกครั้งที่อ่านเรื่องเร้นลับของท่านอ.นพ
ผมเกิดคำถามมากมายเลยครับ
คงเป็นเพราะอากาศร้อนมากด้วยครับ 5555
ขนาดเรื่องจานบินที่อยู่อวกาศ
ยังสามารถเชื่อมโยงมาถึงเรื่องพญานาคได้

ผมขออนุญาตถามท่านนะครับ
(ท่านเคยบอกว่า "ถ้ามีคนถามจะตอบ")
ข้อ 1.

ผมอยากรู้ครับ...ว่าคือท่านใด หรือขอคำตอบที่เดาได้ง่ายๆ