โครงการ “บัญชีรายชื่อเจ้าภาพล้านบุญมหากุศล บุญละ 20 บาท”

สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้

ให้คำนึงถึงความจริงของชีวิต ทุก ๆ ขณะจิตมีความตายแฝงอยู่ในความทรงอยู่ของร่างกายนี้ ให้เห็นธาตุ ๔ กายคตา - อสุภกรรมฐานตามความเป็นจริง จิตจักได้คลายจากความเกาะติดร่างกายนี้ลงไปได้ ยิ่งเห็นความไม่เที่ยง เห็นความทุกของการมีร่างกายนี้มากเท่าไหร่ จิตจักคลายจากอารมณ์เกาะติดได้มากขึ้นเท่านั้น ความอาลัยในชีวิต อันเป็นความอยากที่จักให้ร่างกายทรงอยู่ ก็คลายลงไปได้มาก การอยากให้อายุยืนยาวก็ดี การอยากให้ร่างกายไม่ป่วย ไม่เจ็บ ไม่ไข้ก็ดี เป็นการฝืนธรรม ซึ่งส่วนใหญ่กระแสของจิต มักจักเป็นเยี่ยงนี้เสมอ จึงเป็นจิตที่มากไปด้วยกิเลส หากหวังการก้าวหน้าของจิต ให้วัดอารมณ์ของตนเองเข้าไว้เสมอ แล้วให้ย้อนดูอารมณ์เกาะกิเลสในอดีต พิจารณาเปรียบเทียบกับปัจจุบัน จะได้มากน้อยสักแค่ไหน หรือยังละไม่ได้เลย นี่จุดนี้จักต้องรู้เอาไว้ด้วย มิใช่ทำกันไปเรื่อย แต่อารมณ์ไปถึงไหนไม่รู้ ก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน การรู้อารมณ์ก้าวหน้าหรือเสื่อมลง จุดนั้นจักทำให้มีกำลังใจในการปฏิบัติ บางคนท้อแท้เพราะมัวแต่ย่ำเท้าอยู่ในปัจจุบัน มองไม่เห็นความก้าวหน้าหรือถอยหลังของจิต แต่ถ้าพิจารณาย้อนไปย้อนมา ก้าวหน้าก็จักได้มีกำลังใจ ถ้าถอยหลังก็ได้รู้จุดบกพร่องอยู่ตรงไหน ก็จักได้แก้ไขอารมณ์ของจิตได้ และก้าวหน้าอย่างไร ก็เอาจุดนั้นแหละมาเป็นหนทางปฏิบัติให้ก้าวหน้าต่อ ๆ ไป

จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๙ รวบรวม
โดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร

 

สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้

เรื่องของกรรม เป็นเรื่องวิสัยของแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องกรรมใครกรรมมันอย่างแท้จริง จุดนี้ให้พวกเจ้าได้ดู ได้เห็น ได้ศึกษากันไว้เป็นบทเรียน ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมมีอุปสรรคเข้ามาทดสอบกำลังใจของจิตอยู่เสมอ สอบได้ สอบไม่ได้ ผ่านไม่ผ่านก็อยู่ตรงนี้ อย่างเจ้าเวลานี้ถูกทอสอบด้วยอาการเจ็บไข้ได้ป่วย วางเวทนาได้หรือไม่ได้ก็ดูกันที่ตรงนี้ อย่างคุณหมอก็เช่นกัน ปัญหาครอบครัวทางบ้านก็เป็นข้อสอบ ละวางได้แค่ไหน นั่นแหละเป็นของจริง สิ่งเหล่านี้จักเป็นครูวัดผลของการปฏิบัติในแต่ละบุคคล ว่าจักสามารถปล่อยวางจากภาระของโลกได้แค่ไหน จักไปพระนิพพานมีกำลังใจตัดวางได้สักแค่ไหน ให้มีสติกำหนดรู้รักษากำลังใจอย่าให้ท้อถอยกับครูผู้เข้ามาทดสอบ หรือเหตุการณ์ที่เข้ามาทดสอบ ตั้งจิตแน่วแน่ลงไปว่าจักมีเหตุการณ์ร้ายแรง มีความเป็นความตายเข้ามาถึงชีวิตและร่างกายขนาดไหน เราก็จักปักหลักแน่วแน่อยู่จุดเดียว คือ มุ่งตัด ลด ละ กิเลสเพื่อไปพระนิพพาน จุดนั้นแหละจึงจักชนะได้

จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๙ รวบรวม
โดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร

 

สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้

อารมณ์ใด ๆ มากระทบจิตแล้วปลดไม่ได้ ก็ถือว่าอารมณ์นั้นเป็นกิเลส เป็นเหตุให้เศร้าหมองทางอายตนะ ถือว่ายังมีอารมณ์ปลดไม่พอ จักต้องใช้ความเพียรมากกว่านี้ และมีสติให้มากขึ้นยิ่งกว่านี้ จุดนี้รวมไปถึงอารมณ์เกาะขันธ์ ๕ ของตนเอง และเกาะขันธ์ ๕ ของผู้อื่น เกาะงาน เกาะกังวลถึงความเป็นอยู่ของชีวิตด้วย ยิ่งประการสุดท้ายร่างกายที่ป่วย ๆ อยู่ในขณะนี้ นี่แหละเป็นเครื่องวัดอารมณ์ปลดได้เป็นอย่างดี

ให้ใช้อารมณ์กระทบเป็นเครื่องวัดจิต ธรรมของตถาคตจักต้องถูกกระทบก่อน จึงจักเป็นของจริง ว่าสอบได้หรือสอบไม่ได้ ให้สังเกตดูกระแสอารมณ์ของจิตในแต่ละวันมีตั้ง ๑๐๐ ครั้ง ๑,๐๐๐ ครั้ง ที่สัมผัสได้จากการกระทบของอายตนะ ๑๒ นั่นแหละเป็นของจริง

จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๙ รวบรวม
โดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร

 

(อัพเดตล่าสุด เวลา ๑๕.๐๕ น. วันที่ ๒๖ ก.พ. ๖๑ )

รายชื่อผู้ร่วมทำบุญโครงการ ล้านบุญ มหากุศล (เพิ่มเติม) ค่ะ

นายเรืองภิสิทธิ์ พรหมสุด และคณะ ๒๐ บุญ

สุจิราพัชร โกมารทัต , แม่ดำรงค์โกมารทัต , ด.ช พีรดนย์ โกมารทัต ๑ บุญ

สุรีรัตน์ มีไชย ๑๐ บุญ
เทวฤทธิ์ ชำนาญศิลป์ พร้อมครอบครัว ๕ บุญ
นิตยา ปลงจิตร , วิทูร นุตตะละ ๕ บุญ
ชไมพร ยุวานนท์ ๒๕ บุญ

น.ส.พัชรดา เหล่ากิจรุ่งเรือง , น.ส.ภัคธีมานันท์ จันทร์อิ่ม และครอบครัว ๕ บุญ

น.ส. วรารัตน์ ปั้นส่ง ๕ บุญ

สามเณร ธีร์ธัญกรณ์ ณัฐอริยโชค พร้อม บรรพบุรุษ และ เจ้ากรรมนายเวรให้อโหสิ ๑ บุญ

นาง อัญณกร วัฒนกิจรุ่งโรจน์ พร้อมบรรพบุรุษ และเจ้ากรรมนายเวรให้อโหสิ ๑ บุญ

น.ส. จิตราวดี ณัฏฐ์สิริเลิศพงศ์ พร้อมบรรพบุรุษ และเจ้ากรรมนายเวรให้อโหสิ ๑ บุญ

น.ส. กรีชาภัสร์ ณัฐอริยโชค พร้อมบรรพบุรุษ และเจ้ากรรมนายเวรให้อโหสิ ๑ บุญ

น.ส. อัญญาธรน์ ณัฏฐ์สิริเลิศพงศ์ พร้อมบรรพบุรุษ และ เจ้ากรรมนายเวรให้อโหสิ ๑ บุญ

น.ส. นันทิกร ณัฏฐ์สิริเลิศพงศ์ พร้อมบรรพบุรุษ และเจ้ากรรมนายเวรให้อโหสิ ๑ บุญ

ด.ช. ณัฎฐบูรณ์ ณัฐอริยโชค พร้อมบรรพบุรุษ และเจ้ากรรมนายเวรให้อโหสิ ๑ บุญ

นางนวลพรรณ ลิ้มวัฒนา และครอบครัว ๑ บุญ
นายศักดิ์ณชัย เลิศเชาวพัฒน์ และครอบครัว ๑ บุญ

อุทิศให้ นายอาภรณ์ แซ่กัง พร้อมบรรพบุรุษ และ เจ้ากรรมนายเวรให้อโหสิ ๑ บุญ

อุทิศให้ น้องสอง ณัฐอริยโชค พร้อม บรรพบุรุษ และเจ้ากรรมนายเวรให้อโหสิ ๑ บุญ

อุทิศให้ ทุกกายจิตในตระกูล แซ่กัง แซ่ล้อ แซ่จู วัฒนกิจรุ่งโรจน์ แซ่ลิ้ม แซ่ลี้ ลาภประกอบกิจ ๑ บุญ

ศรีคเณศ สุคำ ๑ บุญ
อรอุมา สุคำ ๑ บุญ
นาย ดี สุคำ ๑ บุญ
นาง ผอ่งศรี จันทรา ๑ บุญ
นาง บัวบาน มะโนสาร ๑ บุญ
ม.ล. พิศณุรักษ์ ชุมสาย ๑ บุญ
วรางคณา วนวิชาเยนทร์ ๑ บุญ
มาณวิกา ชเนลล์ ๑ บุญ
จักราวุธ ชุมสาย ณ อยุธยา ๑ บุญ
ปรมาภรณ์ ชุมสาย ณ อยุธยา ๑ บุญ

สกุณา ศรีตุลารักษณ์ พร้อมครอบครัว และ ผู้มีคุณทุกท่าน ๒๕ บุญ

นายสมนึก รุจิดามพ์ ๑๕ บุญ
ตอนนี้ รวมเป็น ๑,๗๗๗ บุญ ค่ะ

รวมเป็นเงินที่โอนให้หลวงพ่ออึ่งแล้ว ๓๕,๕๔๐ บาท

ที่มา : Facebook ด.ญ. ปุณยนุช ขจรนิธิพร เล้ง
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561

 

ร่วมบุญ 100 บาท โอนแล้ว 27 กพ 61เวลา 9.03 น.
ณิตชาธร ภาโนมัย และครอบครัว

 

สาธุ ขออนุโมทนาครับ
ร่วมบุญแล้ว รบกวนส่งหลักฐาน และแจ้งชื่อไปที่
Facebook
ด.ญ. ปุณยนุช ขจรนิธิพร เล้ง
เพื่อที่จะได้รวบรวมรายชื่อและจัดพิมพ์เป็นเล่มครับ
ขอบคุณครับ

 

(อัพเดตล่าสุด เวลา ๑๔.๔๙ น. วันที่ ๒๗ ก.พ. ๖๑ )

รายชื่อผู้ร่วมทำบุญโครงการ ล้านบุญ มหากุศล (เพิ่มเติม) ค่ะ

พระธงชัย ฐิติสัมปันโน ๑ บุญ
นาง รจนา แสงชู ๑ บุญ
นาง ยุพา แสงชู ๑ บุญ
นาง ศิริขวัญ แสงชู ๑ บุญ
ตาพาน แสงชู , ยายบุญช่วย แสงชู , นายนิง แสงชู ๑ บุญ
นางสาวอรวี สังข์ช่วย และครอบครัว ๕ บุญ
คุณ เกงบุ้ง แซ่ลี้ ๑ บุญ
คุณแม่งิ้ม แซ่ลิ้ม ๑ บุญ
คุณสมพล วีระวิทย์ ๑ บุญ
คุณวัฒนา วีระวิทย์ ๑ บุญ
คุณธนกร ศุภชวาลพร ๑ บุญ
คุณเกษร สันติภาวะกุล ๑ บุญ
คุณธนวรรณ สันติภาวะกุล ๑ บุญ
เดชชาติ จันทร์ศรี และครอบครัว ๑๐ บุญ
นายเรวัตร นันทะสิงห์ ๑ บุญ
ครอบครัวสมประดีกุล และคณะ ๕ บุญ
ชลีทิพย์ จริวัฒน์เมธี พร้อมครอบครัว ๕ บุญ
นายวิชาญ วิเศษศรี และครอบครัว ๒๕ บุญ
วรวุฒิ นาคฤทธิ์ และคณะ ๕๐ บุญ

นางบุญช่วย เกิดจั่น , นส ศศภัทร์ เกิดจั่น , นส ฤดีภรณ์ เกิดจั่น และ นส ชญาภา บุญขาว ๕ บุญ

สมหมาย มานะสุขเจริญ และครอบครัว ๕ บุญ
พระอาจารย์ รพีรัฐ ธีรวํโส และ ครอบครัวมุขแก้ว ๕ บุญ
นาย เบญจพล คล้ายมุข ๑ บุญ
นาง วรสุรีย์ คล้ายมุข ๑ บุญ
ด.ช. สืบมงคล คล้ายมุข ๑ บุญ
น.ส. วรางคณา ศรีกำเหนิด ๑ บุญ
นาย วีระ คล้ายมุข ๑ บุญ
นาง อัมพรพรรณ คล้ายมุข ๑ บุญ
นาย สุรพงษ์ คล้ายมุข ๑ บุญ
นางสายใจ มิ่งเมือง ๕ บุญ
นายบุญเชิด สังข์รุ่ง ๕ บุญ
นส.มธุลดา สังข์รุ่ง ๕ บุญ
ดญ.ภัสส์ลดา โพธิศรีทอง ๕ บุญ
นายฉันฑพัฒน์ โพธิ์ศรีทอง ๕ บุญ
วราวุธ ภัทโรพงศ์ และครอบครัว ๑๕ บุญ
ฤทธิชัย ไกยแสง ๕ บุญ
ตอนนี้ รวมเป็น ๑,๙๕๗ บุญ ค่ะ

รวมเป็นเงินที่โอนให้หลวงพ่ออึ่งแล้ว ๓๙,๑๔๐ บาท

ที่มา : Facebook ด.ญ. ปุณยนุช ขจรนิธิพร เล้ง
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

 

ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะอธิฐาน หากแม้นท่านทั้งหลายที่ร่วมล้านบุญมหากุศลในครั้งนี้ ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่เข้านิพพานฉันใด หากได้มาเกิดในสมัยข้าพเจ้าตรัสรู้ ขอให้ท่านทั้งหลายได้เข้านิพพานในสมัยนั้นเถิด

 

ท่านใดที่ร่วมทำบุญแล้ว
อย่าลืมส่งหลักฐาน และแจ้งชื่อ ไปที่ Facebook ด.ญ. ปุณยนุช ขจรนิธิพร เล้ง ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ

 

สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้

เรื่องของกรรม เป็นเรื่องวิสัยของแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องกรรมใครกรรมมันอย่างแท้จริง จุดนี้ให้พวกเจ้าได้ดู ได้เห็น ได้ศึกษากันไว้เป็นบทเรียน ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมมีอุปสรรคเข้ามาทดสอบกำลังใจของจิตอยู่เสมอ สอบได้ สอบไม่ได้ ผ่านไม่ผ่านก็อยู่ตรงนี้ อย่างเจ้าเวลานี้ถูกทอสอบด้วยอาการเจ็บไข้ได้ป่วย วางเวทนาได้หรือไม่ได้ก็ดูกันที่ตรงนี้ อย่างคุณหมอก็เช่นกัน ปัญหาครอบครัวทางบ้านก็เป็นข้อสอบ ละวางได้แค่ไหน นั่นแหละเป็นของจริง สิ่งเหล่านี้จักเป็นครูวัดผลของการปฏิบัติในแต่ละบุคคล ว่าจักสามารถปล่อยวางจากภาระของโลกได้แค่ไหน จักไปพระนิพพานมีกำลังใจตัดวางได้สักแค่ไหน ให้มีสติกำหนดรู้รักษากำลังใจอย่าให้ท้อถอยกับครูผู้เข้ามาทดสอบ หรือเหตุการณ์ที่เข้ามาทดสอบ ตั้งจิตแน่วแน่ลงไปว่าจักมีเหตุการณ์ร้ายแรง มีความเป็นความตายเข้ามาถึงชีวิตและร่างกายขนาดไหน เราก็จักปักหลักแน่วแน่อยู่จุดเดียว คือ มุ่งตัด ลด ละ กิเลสเพื่อไปพระนิพพาน จุดนั้นแหละจึงจักชนะได้

จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๙ รวบรวม
โดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร

 

สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้

ให้คำนึงถึงความจริงของชีวิต ทุก ๆ ขณะจิตมีความตายแฝงอยู่ในความทรงอยู่ของร่างกายนี้ ให้เห็นธาตุ ๔ กายคตา - อสุภกรรมฐานตามความเป็นจริง จิตจักได้คลายจากความเกาะติดร่างกายนี้ลงไปได้ ยิ่งเห็นความไม่เที่ยง เห็นความทุกของการมีร่างกายนี้มากเท่าไหร่ จิตจักคลายจากอารมณ์เกาะติดได้มากขึ้นเท่านั้น ความอาลัยในชีวิต อันเป็นความอยากที่จักให้ร่างกายทรงอยู่ ก็คลายลงไปได้มาก การอยากให้อายุยืนยาวก็ดี การอยากให้ร่างกายไม่ป่วย ไม่เจ็บ ไม่ไข้ก็ดี เป็นการฝืนธรรม ซึ่งส่วนใหญ่กระแสของจิต มักจักเป็นเยี่ยงนี้เสมอ จึงเป็นจิตที่มากไปด้วยกิเลส หากหวังการก้าวหน้าของจิต ให้วัดอารมณ์ของตนเองเข้าไว้เสมอ แล้วให้ย้อนดูอารมณ์เกาะกิเลสในอดีต พิจารณาเปรียบเทียบกับปัจจุบัน จะได้มากน้อยสักแค่ไหน หรือยังละไม่ได้เลย นี่จุดนี้จักต้องรู้เอาไว้ด้วย มิใช่ทำกันไปเรื่อย แต่อารมณ์ไปถึงไหนไม่รู้ ก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน การรู้อารมณ์ก้าวหน้าหรือเสื่อมลง จุดนั้นจักทำให้มีกำลังใจในการปฏิบัติ บางคนท้อแท้เพราะมัวแต่ย่ำเท้าอยู่ในปัจจุบัน มองไม่เห็นความก้าวหน้าหรือถอยหลังของจิต แต่ถ้าพิจารณาย้อนไปย้อนมา ก้าวหน้าก็จักได้มีกำลังใจ ถ้าถอยหลังก็ได้รู้จุดบกพร่องอยู่ตรงไหน ก็จักได้แก้ไขอารมณ์ของจิตได้ และก้าวหน้าอย่างไร ก็เอาจุดนั้นแหละมาเป็นหนทางปฏิบัติให้ก้าวหน้าต่อ ๆ ไป

จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๙ รวบรวม
โดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร

 

สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้

ไม่ว่าจักเป็นอารมณ์โกรธ - โลภ - หลง มีแต่ตนเองเท่านั้นที่จักแก้ไขอารมณ์กิเลสเหล่านี้ลงได้ อย่าไปหวังให้บุคคลอื่นช่วยแก้ไข แม้แต่ตถาคตเองก็เป็นเพียงผู้บอก แก้ไขได้ก็ไปพระนิพพานได้ แก้ไขไม่ได้ก็ไปพระนิพพานไม่ได้ วัดจิตกันที่ตรงนี้ ไม่มีใครช่วยวัดได้ นอกจากตนเองจักต้องมีกำลังใจวัดด้วยตนเอง ตัดละ สละให้ได้ด้วยตนเองเท่านั้น และยิ่งร่างกายป่วยมากเท่าไหร่ ให้เห็นเวลาของชีวิตเหลือน้อย ถ้าไม่แก้ไขเสียตอนนี้ ก็อาจจักสายเกินไป อย่าลืมความเป็นพระอรหันต์เขาตัดกันได้ก่อนตายนะ เพราะฉะนั้นจงอย่าประมาทเป็นอันขาด

จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๙ รวบรวม
โดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร

 

(อัพเดตล่าสุด เวลา ๐๖.๒๔ น. วันที่ ๒๘ ก.พ. ๖๑ )

รายชื่อผู้ร่วมทำบุญโครงการ ล้านบุญ มหากุศล (เพิ่มเติม) ค่ะ

น.ส.อภัสรา นิลประดับ ๑ บุญ
นายนพพร นิลประดับ ๑ บุญ
นางทัศนีย์ นิลประดับ ๑ บุญ
น.ส.ปิยนาฎ แซ่เหง่า ๑ บุญ
ครอบครัว นิลประดับ ๑ บุญ
นาย สรรเพชร ฮะสุน และครอบครัว ๕๐ บุญ
นิกร ปิติพิพัฒน์ และบุตร ๑๐ บุญ
สมเจต สุขเกษม และครอบครัว และคณะ ๓๕ บุญ
พัฒนพงษ์ ศรีทองภิรมย์ , สุกัญญา สุขเกษม ๑๕ บุญ
ด.ญ อินทิรา สายอินทร์ , นางวันดี อบเชย , นายวิสุทธิ สายอินทร์ ๕ บุญ
คุณ พรักษา อนุสรณ์นรการ ๒ บุญ
คุณ จิรวุฒิ อนุสรณ์นรการ ๒ บุญ
คุณ วรกานต์ อนุสรณ์นรการ ๒ บุญ
คุณ ภพธร อนุสรณ์นรการ ๒ บุญ
คุณ นวลอนงค์ อนุสรณ์นรการ ๒ บุญ
อาภา สกลพิเชียร ๑ บุญ
สุรลักษณ์ สกลพิเชียร ๑ บุญ
วัชรี สกลพิเชียร ๑ บุญ
นาย ภูเบศ ธนพิพัฒ ๕ บุญ

ตอนนี้ รวมเป็น ๒,๐๙๕ บุญ ค่ะ

รวมเป็นเงินที่โอนให้หลวงพ่ออึ่งแล้ว ๔๑,๙๐๐ บาท

ที่มา : Facebook ด.ญ. ปุณยนุช ขจรนิธิพร เล้ง
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561

 

พระพุทธเจ้าทรงสะเดาะเคราะห์ให้พระสาวก (มาฆบูชา)

อย่างกับพระประมาณ ๖๐ องค์เศษพวกนั้น ต้องฆ่าตัวตายบ้าง จ้างคนอื่นเขาฆ่าตัวบ้าง พระพุทธเจ้าออกมาบอกว่าห้ามไม่ได้กรรมอันนี้ เพราะพวกนี้ในชาติก่อนเกิดเป็นพราหมณ์ฆ่าเนื้อ ฆ่าปลา ฆ่าสัตว์มาก่อน กรรมที่เป็นบาปอันนั้นเข้ามาสนอง แต่ในเมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบว่า พระพวกนี้จะต้องตายด้วยอาการอย่างนี้ ตอนนั้นองค์สมเด็จพระชินศรีจึงแสดงพระธรรมเทศนาเทศน์ คือสอนเรื่อง กายคตานุสสติ กับ อสุภกรรมฐาน

ให้ทุกคนเห็นว่า ร่างกายนี้มันเป็นของสกปรกโสโครก อันนี้เป็นสมถภาวนา และให้พิจารณาต่อไปว่า นอกจากมันจะสกปรกโสโครกแล้ว มันยังมีความไม่เที่ยง ไม่มีการทรงตัว แก่ลงไปทุกวัน ความสุขไม่มีประจำวัน สุขแล้วก็ทุกข์ ทุกข์แล้วก็สุข นี่เป็นทุกขังในที่สุด ร่างกายก็เป็นอนัตตา มันต้องพังเหมือนกันหมด

สมเด็จพระบรมสุคตทรงแนะนำว่า เธอทั้งหลายจงอย่าสนใจ อย่าถือว่าร่างกายนี้มันเป็นเรา เป็นของเรา หรือว่าเรามีในร่างกาย ร่างกายมีในเรา ถ้าถืออย่างนั้นผิด สมเด็จพระธรรมสามิสรแสดงตามความเป็นจริงว่า ร่างกายเหมือนกับเสื้อเหมือนกางเกงที่เราสวม และจิตใจก็เหมือนกับร่างกาย เสื้อกางเกงมันเก่าได้ขาดได้ เราก็เปลี่ยน ร่างกายนี้เปลี่ยนไม่ได้ ข้อนี้ฉันใด สำหรับจิตใจเราเปลี่ยนไม่ได้ แต่เปลี่ยนร่างกายได้ ถ้าตายจากชาตินี้ ถ้าเราทำชั่ว ความชั่วเขามาสนองใจก็ไปอบายภูมิ เปลี่ยนจากร่างกายคนเป็นร่างกายสัตว์นรก พ้นอำนาจจากร่างกายสัตว์นรกก็เป็นร่างกายเปรต พ้นจากร่างกายเปรตก็เป็นร่างกายอสุรกาย พ้นจากร่างกายอสุรกายเป็นร่างกายสัตว์เดรัจฉาน

ขึ้นมาเป็นร่างกายมนุษย์ที่เต็มไปด้วยโทษ เต็มไปด้วยความทุกข์ ถ้าจิตใจประกอบด้วยมหากุศล ตายจากความเป็นคน พ้นจากร่างกายของความเป็นคนใจก็ไปสวมร่างเทวดา ถ้าอย่างต่ำ ถ้ามีฌานสมาบัติก็ไปสวมร่างกายของพรหม ถ้าจิตสะอาดถึงที่สุดก็ไปสวมร่างกายของนิพพาน ร่างกายมันเปลี่ยนได้

พอองค์สมเด็จพระจอมไตรเทศน์อย่างนี้ ก็ปรากฏว่าบรรดาพระทั้งหลายเบื่อหน่ายในร่างกาย มีความรู้สึกว่า ร่างกายนี้คล้ายกับสุนัขเน่า หรือเหมือนกับงูเน่า ๆ ที่มาคล้องคอชายหนุ่มหรือหญิงสาวที่อาบน้ำแต่งตัวมาสวย ๆ ความจริงเขาอาบน้ำแต่งตัวชำระร่างกายดี ๆ แล้วเอาของเน่าไปพันคอ เขาก็รังเกียจ ความรังเกียจของเธอมีขนาดนี้

หลังจากเทศน์แล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วก็เข้าถ้ำ สั่งพระทั้งหลายว่า ตั้งแต่เวลานี้ไปฉันจะอยู่ในถ้ำ ๑๕ วันไม่ออก ห้ามคนอื่นเข้าพบ พระก็ไม่ได้ ฆราวาสก็ไม่ได้ พระราชาที่ไหนมาก็ไม่ได้ทั้งหมด ฉันจะอยู่เฉพาะในถ้ำ ๑๕ วัน คนที่จะเข้าได้องค์เดียวคือพระนำอาหารไปถวาย หลังจากองค์สมเด็จพระจอมไตรเข้าไปแล้ว บรรดาพระทั้งหลาย ๖๐ องค์เศษ ก็นั่งพิจารณาร่างกาย รังเกียจร่างกายขึ้นมาก เขาเรียกว่า นิพพิทาญาณ หลังจากนั้นเธอก็ตัดสินใจ ในเมื่อร่างกายสกปรกอย่างนี้ องค์สมเด็จพระชินศรีก็ตรัสว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ร่างกายเป็นเครื่องแต่งกายเหมือนเสื้อกางเกงเปลี่ยนจากร่างกายนี้ ถ้าจิตดีไปเป็นเทวดา จิตเป็นฌานเป็นร่างกายของพรหม ถ้าจิตเราไม่นิยมทั้งเทวดาและพรหมก็ไปนิพพาน เธอทั้งหลายจึงตัดสินใจละทิ้งร่างกายนี้ด้วยการฆ่าตัวตายบ้าง จ้างคนอื่นมาฆ่าบ้าง

เมื่อครบ ๑๕ วัน องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาออกมาจากถ้ำ มีคนเข้าไปถามว่า ภันเต ภควา ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญพระพุทธเจ้าข้า พระพวกนั้นต้องตายเพราะธรรมเทศนาของพระองค์ เทศน์อย่างนั้น พระองค์ทรงทราบไหมว่า เวลาเทศน์อย่างนั้น พระพวกนั้นต้องฆ่าตัวตายเองบ้าง จ้างเขาฆ่าบ้าง พระพุทธเจ้าทรงตอบว่าทราบ เขาถามว่าถ้าทราบทำไมยังเทศน์ ท่านก็เลยบอกว่า ฉันจะเทศน์อย่างนั้น หรือไม่เทศน์อย่างนั้น พระพวกนี้เคยเป็นพราหมณ์ฆ่าสัตว์มาในกาลก่อน กรรมนั้นมันเข้ามาถึง เขาต้องตายด้วยสภาพนี้แน่ แต่ว่าก่อนที่เขาจะตาย ฉันก็เทศน์ให้เขาเป็นพระอนาคามีบ้าง เป็นพระอรหันต์บ้าง จะไม่ดีกว่าหรือ

นี่รวมความว่า พระพุทธเจ้าทรงสะเดาะเคราะห์พระพวกนั้น ไม่ใช่สะเดาะให้หมดเคราะห์ สะเดาะให้เคราะห์ร้ายผ่านไป เหลือแต่เคราะห์ดี คือตายแล้ว การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตในชาติก่อนมันต้องนำลงนรก แต่พระพุทธเจ้าทรงสะเดาะให้บรรดาพระพวกนั้นตายแล้วไปเป็นพรหมบ้าง คือเป็นพระอนาคามี บางท่านก็เป็นพระอรหันต์ไปนิพพานเลยดีกว่า ก็เป็นอันว่าเรื่องการสะเดาะเคราะห์ก็มีความสำคัญแก่บรรดาท่านพุทธบริษัท จะต้องสะเดาะให้ถูกต้อง ถ้าสะเดาะไม่ถูกไม่ต้องเราเป็นคนเพิ่มเคราะห์ แต่หมอเป็นคนหมดเคราะห์

ฉะนั้น การสวดของพระที่ให้สวดนี่ เป็นที่พระพุทธเจ้าท่านบอกเมื่อทำพิธีรับพระเคราะห์วาระที่สาม นั่นก็หมายความว่า คนเขาทำกัน เขาเดือดร้อน ต้องทำตามพระพุทธเจ้าท่านบอก เอ้า.. ทำ ทำได้ ถ้าเป็นอุปฆาตกรรมเราตัดรอนได้ ถ้าเป็นอสัญกรรม เราตัดรอนไม่ได้ อุปฆาตกรรม หมายถึงว่า ชีวิตจะต้องตายก่อนอายุขัย เราช่วยได้ ถ้าเป็นอายุขัยใคร ๆ มันก็ตาย พระพุทธเจ้ายังต้องนิพพาน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องช่วยกันนะ ประการแรกก็คือ หนึ่ง ให้คนเสียสตางค์น้อย ประการที่สอง สตางค์ที่เสียไปเป็นบุญเป็นกุศล บุญที่เป็นบุญกุศลนี่ ถ้ากำลังมันสูงบาปมันตามไม่ทัน

ฉะนั้น สมเด็จพระภควันต์ก็ตรัส ทรงบอก ก็ทำ ทำครั้งที่สามแล้วนะ ว่าต่อไปนี้ทำพิธีรับพระให้ทำตามนี้

อันดับแรก บวงสรวงเชิญท้าวมหาราชมาก่อน แล้วถามท้าวมหาราชว่า คนที่กำลังจะสะเดาะเคราะห์หรือรับพระเคราะห์นี่ มีโทษพิเศษ มีกรรมพิเศษอะไรบ้าง ท่านจะบอก แล้วมีวิธีแก้ไขอย่างไรเป็นกรณีพิเศษ จะบอกเฉพาะบุคคล ถ้าเหมือนกันเล็กน้อยให้ทำเหมือนกัน หลังจากนั้นสมเด็จพระภควันต์ก็ทรงแนะนำ ว่าให้ทุกคนรับศีลก่อน

หลังจากนั้นก็ชุมนุมเทวดา เมื่อชุมนุมเทวดา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จเป็นประธานเอง ตอนนั้นก็จะทรงบอกถึงกฎของกรรมต่าง ๆ ของบุคคลและจะช่วยด้านการสงเคราะห์ หมายความว่าบรรเทาเคราะห์ และก็เพิ่มความดี หมายความถ้าพระเคราะห์เข้ามาเสวยอายุ ท่านบอกว่า จะตัดลงได้อย่างต่ำก็คือว่าเหลือประมาณ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ และต่ำกว่า ๑๐ เปอร์เซ็นต์ อย่างสูงจะเหลือไม่เกิน ๒๐ เปอร์เซ็นต์ อีก ๘๐ เปอร์เซ็นต์หายไป รับโทษเพียงแค่นั้น แต่ส่วนด้านความดีให้รับเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าผลจะพึงมีมา นี่เป็นคำแนะนำของท่าน ท่านยังบอกว่าเวลารับพระเคราะห์ ต่อไปให้พระ ๒๑ องค์สวดให้เต็มกำลัง ทำเต็มพิธีของพระพุทธเจ้า

บทที่หนึ่ง อิติปิ โสฯ พรรณนาความดีของพระพุทธเจ้า ของพระธรรม ของพระอริยสงฆ์ ครบถ้วน บทนี้ถ้าฟังด้วยความเคารพจริง ๆ นึกน้อมไปตามท่านจะมีคุณประโยชน์มาก

บทที่สอง พาหุงฯ เป็นบทที่พระพุทธเจ้าทรงชนะมารและศัตรูทุกประเภท ถ้าเวลาเราฟังตั้งใจฟังด้วยความเคารพ น้อมจิตไปตามนั้นว่าพระพุทธเจ้าชนะเขาประการใด เราขอชนะบ้าง บทต้นน่ะหมายความว่าพระพุทธเจ้าบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว มีพระธรรม มีพระอริยสงฆ์ พระองค์เสด็จไปที่ไหน สุคโต เสด็จไปดีแล้ว ไม่แพ้ใคร ไม่พลาด อันนี้เราก็น้อมจิตไปตามนั้น

บท อุเทตยัญจักขุมาฯ บทนี้เป็นบทที่พระพุทธเจ้าเกิดเป็นสัตว์นกยูง นกยูงทุกตัวน่ะ ส่วนใหญ่เขาไปติดบ่วงนายพราน แต่ตอนเช้าองค์สมเด็จพระพิชิตมารสวดอุเทตยัญจักขุมาฯ แคล้วคลาดจากบ่วงร้ายที่ทำอันตรายชีวิต สมเด็จพระธรรมสามิสรบอกว่าจากการ สะเดาะเคราะห์ คำสวดบทนี้ ถ้าเขาฟังด้วยความเคารพ เคราะห์อาจจะยังมีอยู่ จะต้องตายเพราะเคราะห์อันนั้นไม่ได้ คือแคล้วคลาดจากความตาย

และเคราะห์ใหญ่สำหรับบทต่อไป อเปตยัญจักขุมาฯ พระจะสวดต่อเลย เพราะมันเป็นบทเดียวกัน อันนี้เป็นการตัดบ่วงในเวลากลางคืน ปลอดภัยจากบ่วงเคราะห์

สำหรับบท มหาการุณิโกฯ นี้เป็นบทชนะอีกบทหนึ่ง

ทีนี้ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทเวลาฟังละก็อย่างฟังเฉย ๆ ให้รู้ความหมายของการสวดของพระ วันนี้ก็เลยสั่งพระบอกว่า เอ้า.. ทุกวันพระเราก็ไล่เคราะห์คนไปทีละเล็กละน้อย อย่างน้อยที่สุดละอองนิด ๆ ทุก ๆ วันพระก็ยังดี ทั้งนี้บุคคลผู้ฟังฟังด้วยความเคารพนะ ถ้าฟังแบบนกแก้วนกขุนทองก็เลยหัวไป ไม่ได้ติดไม่ได้ทั้งหัวทั้งผม อันนี้เป็นเรื่องของบุคคล เวลาฟังพระสวด ฟังพระสวดนี่จริง ๆ แล้วนะ รู้จักคำว่าพระ และรู้จักคำว่าสวด

จากหนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๖ หน้าที่ ๘๓ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร

 

สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้

เวลาร่างกายไม่ดี ก็ให้รู้ว่าจุดนี้เป็นการทดสอบจิตได้ดีที่สุดว่า จิตยังติดอุปาทานขันธ์ ๕ เพียงใด ให้พิจารณาถึงจุดที่เกาะติดนั้นเป็นโทษ เพราะเป็นการหน่วงเหนี่ยวจิตให้เกาะติดกับขันธ์ ๕ เป็นเหตุให้มีอันต้องไปจุติอีก คนที่ต้องการไปพระนิพพานจักต้องกวดขันถึงอารมณ์จุดนี้ให้มาก ๆ ให้สังเกตอารมณ์ของเราไว้ให้ดีว่าจุดไหนบ้างที่จิตไปเกาะติดอยู่ในอารมณ์นั้น

จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๙ รวบรวม
โดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร

 

ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะอธิฐาน หากแม้นท่านทั้งหลายที่ร่วมล้านบุญมหากุศลในครั้งนี้ ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่เข้านิพพานฉันใด หากได้มาเกิดในสมัยข้าพเจ้าตรัสรู้ ขอให้ท่านทั้งหลายได้เข้านิพพานในสมัยนั้นเถิด

 

สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้

ไม่ว่าจักเป็นอารมณ์โกรธ - โลภ - หลง มีแต่ตนเองเท่านั้นที่จักแก้ไขอารมณ์กิเลสเหล่านี้ลงได้ อย่าไปหวังให้บุคคลอื่นช่วยแก้ไข แม้แต่ตถาคตเองก็เป็นเพียงผู้บอก แก้ไขได้ก็ไปพระนิพพานได้ แก้ไขไม่ได้ก็ไปพระนิพพานไม่ได้ วัดจิตกันที่ตรงนี้ ไม่มีใครช่วยวัดได้ นอกจากตนเองจักต้องมีกำลังใจวัดด้วยตนเอง ตัดละ สละให้ได้ด้วยตนเองเท่านั้น และยิ่งร่างกายป่วยมากเท่าไหร่ ให้เห็นเวลาของชีวิตเหลือน้อย ถ้าไม่แก้ไขเสียตอนนี้ ก็อาจจักสายเกินไป อย่าลืมความเป็นพระอรหันต์เขาตัดกันได้ก่อนตายนะ เพราะฉะนั้นจงอย่าประมาทเป็นอันขาด

จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๙ รวบรวม
โดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร

 

(อัพเดตล่าสุด เวลา ๐๗.๒๓ น. วันที่ ๑ มีนาคม ๖๑ )

รายชื่อผู้ร่วมทำบุญโครงการ ล้านบุญ มหากุศล (เพิ่มเติม) ค่ะ

น.ส.เบญจมาศ ไชยหนองแข้ และครอบครัว ๖ บุญ
กำธร คงชู และครอบครัว ๑๐ บุญ
น.ส.จุฑาทิพย์ สุขขุม ๑ บุญ
นางจุฬารัตน์ สุขขุม ๑ บุญ
นางนึก สุขขุม ๑ บุญ
น.ส.บุญสิตา ลายลักษณ์ ๑ บุญ
นายจีรศักดิ์ เย็นวัฒนา ๑ บุญ
น.ส. ภรณ์ทิพย์ ม่วงเกิด และครอบครัว ๕ บุญ
นายถวัลย์ศักดิ์ กลัดเขียว ๕ บุญ
นายศิริชัย คงมาก ๑ บุญ
นางวรรณฤดี คงมาก ๑ บุญ
นายสุรเชษฐ์ คงมาก ๑ บุญ
นายมนตรี คงมาก ๑ บุญ
นางสาวพนิดา คงชูศรี ๑ บุญ

ตอนนี้ รวมเป็น ๒,๑๕๒ บุญ ค่ะ

รวมเป็นเงินที่โอนให้หลวงพ่ออึ่งแล้ว ๔๓,๐๔๐ บาท

ที่มา : Facebook ด.ญ. ปุณยนุช ขจรนิธิพร เล้ง
วันที่ 1 มีนาคม 2561

 

พระขุนแผนเนื้อรวมแร่
หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์ อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร

รุ่นนี้ หลวงพ่อลงมือลงแรงทำเอง ทั้งเทเบาหลอม ทั้งนั่งจารยันต์
(เหนื่อยกว่าทุกรุ่นที่ทำมา)



ที่มา Facebook วัดนาเดื่อ บ้านนเดื่อ

 

สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้

ชีวิตที่อยู่ในโลกนี้มีแต่ทุกข์ ขึ้นชื่อว่าสุขจริง ๆ ไม่มีสำหรับการมีชีวิตอยู่ในโลก ให้พิจารณาไปตามนี้โดยเห็นเป็นปกติธรรม คิดให้ลงตัวธรรมดา จิตจักได้ไม่เศร้าหมอง และให้เห็นคุณค่าของการไปพระนิพพาน ถ้าหากละจากโลกนี้เสียได้ขึ้นชื่อว่ามีความสุข เตสังวูปะสะโม สุขโข) คำว่าละจากโลกมิใช่ว่าตายจากโลกนี้แต่เพียงร่างกาย เพราะถ้าตายอย่างนั้น จิตก็ยังไม่หมดเชื้อของการติดโลก การไปพระนิพพานจักต้องอาศัยจิตที่ละได้จากโลกนี้จริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขันธโลก ที่จิตของเราอาศัยอยู่นี้ ดังนั้นจงอย่าห่วงร่างกายของตนเอง และจงอย่าห่วงร่างกายของคนอื่น มีหน้าที่ก็สักแต่ว่าทำหน้าที่เพียงเท่านั้น เพราะที่สุดร่างกายของเราก็ดี ร่างกายของคนอื่นก็ดี สัตว์ก็ดี วัตถุธาตุต่าง ๆ ในโลกก็ดี ต่างก็อนัตตาสลายตัวเหมือนกันหมด และการตายของท่านผู้ที่สมารถจักไปพระนิพพานได้ ก็พึงยินกับท่าน เพราะท่านมีความสุข

จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๙ รวบรวม
โดย พล.ต.ท.นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน คัดลอกโดย ด.ญ.ปุณยนุช ขจรนิธิพร