พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คิดทึ้ง คิดถึง ไม่ได้มานานแล้วนะครับ

    ช่วงนี้ไม่ค่อยสบายนัก เหนื่อยมากๆ ทั้งงานหลวง(งานที่ทำงาน) ,งานราษฎร์(งานบุญ) แถมยังไม่ค่อยมีเวลาพา ผบทบ.ไปเที่ยวเลยครับ

    คุณอ้อยสบายดีนะครับ

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ pucca2101 [​IMG]
    ขอโทษนะคะเพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ หากไม่สามารถไปร่วมงานได้ จะขอร่วมทำบุญโดยโอนเงินไปให้ได้หรือเปล่าคะ ถ้าได้ขอรายละเอียดเลขที่บัญชีธนาคารด้วยนะคะ
    ขอบคุณค่ะ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขอโมทนาบุญกับคุณpucca2101ด้วยนะครับ แต่เนื่องจากงานนี้จะเป็นงานภายในซึ่งตั้งใจจะทำกันทุกๆปี ปีนี้เป็นปีที่ 2 เรื่องของงานบุญต่างๆก็จะเป็นงานภายในกันเอง

    ส่วนจะร่วมทำบุญเพื่อสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง หมายเลขบัญชีจะมีอยู่ที่ลายเซ็น(ด้านล่าง)นะครับ

    โมทนาสาธุครับ
    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    <TABLE class=tborder id=post1055001 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] เมื่อวานนี้, 01:36 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#16055 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1055001", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 03:07 PM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 20,457 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 1,628 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 119,183 ครั้ง ใน 16,456 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 13627 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]




    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1055001 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->เรียน พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน

    ผมมาแจ้งข่าวเพิ่มเติมเรื่องของการไปร่วมทำบุญและพบปะสังสรรค์กันในครั้งหน้า ผมได้รับข่าวดีมาก เนื่องจากพระอาจารย์รูปหนึ่งที่ผมได้ติดต่อนิมนต์มาร่วมในงาน ทางพี่ท่านนึงแจ้งข่าวมาว่า พระอาจารย์จะลงมา เพื่อแจ้งข่าวงานบุญสร้างศาลาปฎิบัติธรรมที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งยังขาดงบประมาณในการก่อสร้าง ประมาณหนึ่งแสนกว่าบาท

    ดังนั้น ผมจึงมาเรียนพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน ว่า ผมจะนำล็อคเก็ตหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ด้านหลังเป็นหลวงพ่อเงิน 1 องค์ ไปมอบให้กับผู้ร่วมทำบุญ 7,777 บาท ,ล็อคเก็ตหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ด้านหลังเป็นหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก 1องค์ มอบให้กับผู้ร่วมทำบุญ 6,666 บาท ,พระสมเด็จ(เนื้อปูนเพชรผสมพระธาตุ) มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 4,444 บาท ,สมเด็จกลักไม้ขีด มอบให้กับท่านที่ร่วมทำบุญ 5,000 บาท และพระสมเด็จอกครุฑ(รุ่น2) มอบให้กับผู้ที่ร่วมทำบุญ 2,000 บาท ,พระสมเด็จ(ที่สร้างก่อนปี พ.ศ.2415 และทันสมเด็จพระพุฒจารย์โต พรหมรังสี ซึ่งแต่เดิมผมจะแจกฟรี) มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 300 บาท อีกทั้งยังมีตะกรุดซึ่งพระอภิญญาใหญ่ท่านอธิษฐานจิต(เช่นหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ,หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าฯลฯ) แจกฟรี ซึ่งหลังจากงานในวันนั้น ผมจะเก็บแล้ว และคงไม่นำออกมาแล้วจนกว่าจะถึงวาระและเหตุอันควร

    และขอเรียนเชิญพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านไปร่วมงานบุญนี้กัน ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดนะครับ

    ส่วนท่านใดจะมาและมากันกี่ท่าน โปรดแจ้งผมก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2551 นี้นะครับ ผมจะได้เตรียมเรื่องอาหารให้เพียงพอกับจำนวนท่านที่จะไปร่วมงานกัน

    สำหรับท่านที่แจ้งเข้ามาแล้วที่จะไปร่วมงานบุญและพบปะสังสรรค์กัน
    1.คุณตั้งจิต 4 ท่าน
    2.คุณพุทธันดร 2 ท่าน
    3.พี่ตุ่น 1 ท่าน
    4.คุณปุ๊ 1 ท่าน
    5.น้องเอ 1 ท่าน
    6.จาน chaipat 2 ท่าน
    7.เพื่อนผม(รัช) 1 ท่าน
    8.คุณkaicp 2 ท่าน
    9.คณะพี่แอ๊ว 3 ท่าน
    10.คุณnongnooo 2 ท่าน
    11.คุณtawatd 1 ท่าน
    12.คุณkwok 1 ท่าน
    13.คุณkhongbeng 1 ท่าน
    14.คุณdrmetta 2 ท่าน
    รวม 24 ท่าน

    ส่วนท่านอื่นๆที่ประสงค์จะไปร่วมงานบุญและพบปะสังสรรค์กัน ผมรบกวนแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ (โพสลงบอร์ดก็ได้หรือโทร.หาผมก็ได้ครับ)

    เรื่องของอาหารที่จะถวายพระภิกษุ 2 รูป และอาหารที่จะเลี้ยงผู้ที่ไปร่วมงาน ผมจะขอให้ทุกๆท่านที่ไปร่วมงาน ช่วยกันเฉลี่ยค่าใช้จ่ายนะครับ ผมไม่อยากจะรบกวน 2 -3 ท่านที่นำอาหารมาให้เราทานกันทุกๆครั้ง

    ขอขอบคุณและโมทนาสาธุครับ



    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผมคิดว่า พี่แอ๊ว เป็นพี่ผู้รับผิดชอบภัตตราหารของพระสงฆ์ที่มาโปรดญาติโยมที่บ้านของอาจารย์ปู่เป็นประจำอยู่แล้ว ผมไม่ได้หมายถึง"หน้าที่" แต่เป็น"ศรัทธาจริต"ที่ปฏิบัติมาทางด้านนี้โดยเฉพาะ การดูแลปฏิบัติต่อพระสงฆ์ของพี่แอ๊ว ผมคิดว่าเพื่อนๆหลายท่านต่างเห็นตรงกันว่า พี่แอ๊วน่าจะเป็น"ชาววัง"มาก่อนเป็นแน่แท้ อาจารย์ปู่ก็มักจะบอกกล่าวเช่นนั้น คือปราณีตทั้งรสชาด และหน้าตา หลากหลาย ครบถ้วนบริบูรณ์ทั้งของมังสวิรัติ ของคาวหวาน ผลหมากรากไม้ที่หลายท่านนำมาร่วมกัน...

    ผมเห็นว่าไหนๆก็ดำเนินกิจกรรมนี้กันมาต่อเนื่องจนเป็นปีๆแล้ว ก็น่าจะใช้วิธีโอนปัจจัยถวายค่าภัตตราหารสงฆ์เข้าไปยังบัญชีพี่แอ๊วเลยจะสะดวกกว่า สมทบกันเรื่อยไป พี่แอ๊วเลี้ยงพระที่ไหน เราก็ขอร่วมด้วยทุกครั้ง และทุกงาน อย่างนี้ดีไม๊ครับเพื่อนๆ

    ผมประเดิมก่อนเลย
    -ทำบุญเลี้ยงพระ ๕๐๐ บาท (รบกวนพี่แอ๊ว แจ้งเบอร์บัญชีเข้ามาด้วยครับ)
    -สร้างศาลาปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์รูปหนึ่ง ๕๐๐ บาท
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เรื่องอาหาร นอกจากพี่แอ๊วแล้วก็ยังมีอาหารที่พี่จิ๋วที่เป็นผู้รับภาระเรื่องของอาหารอีกท่านนึงนะครับ

    ผมว่าจะทำเป็นกองทุนเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งก็แล้วแต่ว่า ใครจะมีความศรัทธาร่วมมือร่วมใจกันคนละเท่าไหร่ พอกองทุนจะหมดก็สมทบกันใหม่ ส่วนเงินนั้น ผมว่าจะมอบให้พี่จิ๋วเป็นผู้ที่ดำเนินการดีไหมครับ หรืออาจจะทำเป็นกล่องไว้ที่บ้านท่านอาจารย์ประถม เรื่องของอาหาร หรืออาจจะใช้วิธีการเปิดบัญชี หรือจะเป็นอย่างอื่นกัน

    ผมขอให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆทุกๆท่าน ร่วมกันแสดงความคิดเห็นกันและหาข้อสรุป ผมจะได้ไปคุยกับพี่จิ๋วอีกครั้ง ก่อนที่จะไปร่วมงานบุญกันครับ

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับท่านที่มีความประสงค์ที่มีความต้องการจะไปร่วมงานซึ่งงานต่างๆที่เป็นงานภายในกลุ่มนั้น ผมแนะนำอย่างนี้

    ผมอยากจะให้เข้ามาร่วมทำบุญกันไปเรื่อยๆ และเข้ามาคุยกัน คุณnongnooo เป็นคนนึงที่ร่วมทำบุญกับผมตั้งแต่ที่ร่วมบุญกันที่ สนส.บ่อเงินบ่อทอง กว่าที่ผมจะpm ไปขอเบอร์โทรศัพท์คุณnongnooo น่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 8 เดือน แต่บางท่านก็ใช้ระยะเวลาน้อยกว่านี้ แต่ก็มีบางท่านที่ใช้ระยะเวลาที่มากกว่านี้เช่นกัน

    ผมเจอปัญหาที่เกี่ยวกับคนมามากพอสมควร ดังนั้น ผมและคณะจะเป็นผู้ที่พิจารณาในการที่รับคนใหม่ๆเข้ามาพอสมควร มิใช่ว่าคณะผมจะเก่ง จะเด่น จะดัง สิ่งต่างๆเหล่านี้คือความเก่ง ,ความเด่อน และความดังไม่จีรังยังยืน แต่สิ่งที่ยังยืนจริงๆ คือมีความรัก ความเห็นใจ ความจริงใจ และการช่วยเหลือกัน ผมเคยบอกกับหลายๆท่านว่า ผมดีใจที่ตั้งกระทู้นี้ กระทู้นี้มิใช่เพียงเป็นกระทู้ทำบุญอย่างเดียว แต่เป็นกระทู้ที่ทำให้เจอสิ่งที่ดีที่งามในหลายๆเรื่อง ทั้งๆที่เมื่อก่อนความคิดผมและคนทั่วๆไป จะหาสิ่งที่ดีที่งาม ทั้งความรัก ความเห็นใจ ความจริงใจ และการช่วยเหลือกัน สำหรับคนที่พบ ที่เจอกันบนเว็บไซด์นั้น หาได้ยาก

    โมทนาสาธุครับ
     
  5. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    I did not mention you. When I call you I will call Mr. big tank.5555555555(deejai)
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    เรื่องอาหาร นอกจากพี่แอ๊วแล้วก็ยังมีอาหารที่พี่จิ๋วที่เป็นผู้รับภาระเรื่องของอาหารอีกท่านนึงนะครับ

    ผมว่าจะทำเป็นกองทุนเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งก็แล้วแต่ว่า ใครจะมีความศรัทธาร่วมมือร่วมใจกันคนละเท่าไหร่ พอกองทุนจะหมดก็สมทบกันใหม่ ส่วนเงินนั้น ผมว่าจะมอบให้พี่จิ๋วเป็นผู้ที่ดำเนินการดีไหมครับ หรืออาจจะทำเป็นกล่องไว้ที่บ้านท่านอาจารย์ประถม เรื่องของอาหาร หรืออาจจะใช้วิธีการเปิดบัญชี หรือจะเป็นอย่างอื่นกัน

    ผมขอให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆทุกๆท่าน ร่วมกันแสดงความคิดเห็นกันและหาข้อสรุป ผมจะได้ไปคุยกับพี่จิ๋วอีกครั้ง ก่อนที่จะไปร่วมงานบุญกันครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ยกมือไปตามนั้น นั่นตามข้อไหนครับ

    (ping-love
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    วันนี้ อาจานน้อง ก้าวเท้าไหน ออกจากบ้านล่ะครับ โดน แต่เช้าเลย5555555:'(
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณร บช.ออมทรัพย์ 2030-06304-5 บัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม

    <TABLE class=tborder id=post1055664 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">22-03-2008, 06:08 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1937 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>พสภัธ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1055664", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 12:43 AM
    วันที่สมัคร: Nov 2005
    สถานที่: //////////////
    ข้อความ: 3,523 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 37 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 30,704 ครั้ง ใน 3,370 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 3486 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1055664 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ พสภัธ [​IMG]
    กำลังจะมีงานบุญใหญ่อีกแล้ว คุณแม่คุณพ่อและครอบครัวโต จะสร้างพระธาตุทันใจและพระเจ้าทันใจ สร้างที่บ่อเงินบ่อทอง โดยมีน้องPlamnaraksและเพื่อนมาช่วยกันสร้างด้วย และมีพระ+เณร และนายช่างใหญ่(บอย ช่างกรมศิล)เป็นคนเก็บงาน และหลวงพ่อแผนเป็นผู้คุมก่อสร้าง เพื่อถวายเป็นพทธบูชา-ธรรมบูชา-สังฆบูชา และเพื่อเป็นกานต่ออายุบวรพุทธศาสนา เป็น"อนุสติ" แก่ผู่กราบไหว้ต่อไป ..

    พระบรมสารีริกธาตุเป็นพระบรมธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่องค์สมเด็จพระสังฆราชทรงประทานมา จึงเป็นเนื้อนาบุญโดยแท้เป็นที่พึ่งแก่ผู้กราบไหว้บูชาอีกทั้งเป็นที่บันจุแก้วสารพัดนึกที่หลวงปู่"คำพัน"และหลวงปู่ดาบศได้ให้ไว้เมื่อหลายปีก่อน...

    มีเรื่องแปลกพิศดานที่ไม่หน้าจะเป็นไปได้ก็คือ....เมื่อคุณแม่และโตได้ตกลงกันที่จะสร้างพระเจดีย์และพระเจ้าทันใจ ในครั้งนี้จึงได้โทรไปรายงานท่านพระอาจารย์มหาแผน และได้รายงานท่านพอท่านทราบท่านก้อนุญาติ และ จะช่วยในการก่อทร้างทุกอย่างโดยมีพระ-เณรช่วยกัน พอวางสายไปสักพักนึง ท่านก็โทรกลับมาหาที่บ้านแล้วถามว่า"คุณโตรู้ไหมว่าฉันอยู่ไหน....? โตตอบไปว่าไม่ทราบ.... ท่านว่า"ตอนนี้ฉันกำลังอยู่หน้าพระเจ้าทันใจและพระเจดีย์ทันใจที่ทางเหนือ....ฉันมาธุระเกี่ยวกับเรื่องเณรที่จะมาบวชเรียนในปีนี้....."
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เสริมอีกนิด....เนื่องจากวัดบ่อเงินบ่อทองยังไง่มีโบสถ์ ตอนวันสำคัญทางศาสนาอย่างเช่นวันวิสาขะเป็นต้น มีกิจกรรมทางศาสนา พระสงฆ์-สามเณร ยาติโยมที่มาถือศีลจะได้มีที่"เวียนเทียน" ทำความดีสืบต่อไป.....ดีจังเลย สาธุๆๆ(นี้ทางวัดเค้าไม่มีเราเลยทำถวาย) ชิตังเมๆๆๆ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    โมทนาสาธุครับคุณโต
    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณรบช.ออมทรัพย์ 2030-06304-5 บัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม
    http://palungjit.org/showthread.php?t=21733&page=97
    <TABLE class=tborder id=post1056734 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 09:03 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1938 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>พสภัธ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1056734", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 12:43 AM
    วันที่สมัคร: Nov 2005
    สถานที่: //////////////
    ข้อความ: 3,523 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 37 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 30,704 ครั้ง ใน 3,370 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 3486 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1056734 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->โต(กุมารน้อย) 18/3/51 พระ อ. ท่านได้เดินทางไป จ. เชียงราย มีเด็กๆ ชาวเขาจะมาบวชเรียนพระ อ. ท่านจึงต้องเดินทางไป..ปกติเด็กๆ จะมาจากภาคอิสาน...ปีนี้ท่านก็อยากจะมีเด็กๆ ทางภาคเหนือบ้าง..ก็ดี..นะ..หลายๆ ภาค...ก็นำเอาภาพมาฝากสมาชิก...
    [​IMG]

    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    กราบนมัสการพระคุณเจ้าครับ

    โมทนาสาธุครับ
    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระเจดีย์ธาตุทันใจ-พระเจ้าทันใจ"ภาคกลาง"(บ่อเงินบ่อทอง)
    http://palungjit.org/showthread.php?t=119759

    <TABLE class=tborder id=post1055773 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">22-03-2008, 07:24 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>พสภัธ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1055773", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 12:43 AM
    วันที่สมัคร: Nov 2005
    สถานที่: //////////////
    ข้อความ: 3,523 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 37 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 30,720 ครั้ง ใน 3,372 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 3486 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1055773 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->พระเจดีย์ธาตุทันใจ-พระเจ้าทันใจ"ภาคกลาง"(บ่อเงินบ่อทอง)
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->งานบุญครั้งนี้ไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน เนื่องจากเมื่อวานได้โทรติดต่อน้องปารม์(Plamnaraks)ถามเรื่องการก่อสร้างพระธาตุทันใจที่น้องเค้าทำอยู่ ได้ความว่าน้องเค้ามีความปราถนาอยากจะหาที่สร้างพระธาตุทันใจในภาคกลางเพราะต้องการสร้างให้ครบสี่ภาค จึงบอกน้องเค้าไปว่าถ้าจะให้มาช่วยกันสร้างที่วัดบ่อเงินบ่อทองจะเป็นไปได้ไหมเพราะอยู่ภาคกลางพอดี อีกอย่างที่วัดบ่อเงินบ่อทางนี้เราส่วนใหญ่ก็ได้มีส่วนร่วมสร้างกันมาตั้งแต่ต้น เมื่อน้องปารม์ทราบความต้องการก็ตอบตกลงทั้นที่ แต่ก็บอกน้องเค้าไปว่างานบุญคราวนี้คุณแม่พี่โตและครอบครัวขอเป็นเจ้าภาพสร้าง เพราะจะได้ตัดความกังวลเรื่องค้าใช้จ่ายต่างๆ แต่ก็จะเปิดโอกาสให้ทุกๆท่านได้มาร่วมกันสร้างกับครอบครัว เหมือนเช่นงาน"สร้างพระสีวลี"ครั้งที่แล้ว ทุกๆท่านก็จะได้บุญเต็มสมบูรณ์บริบูรณ์ เช่นเดียวกัน การก่อสร้างพระเจดีย์ก็จะไม่สะดุดจะได้ราบรื่น.....

    หล้งจากที่ได้คุยกับน้องบารม์เสร็จ คุณแม่ก็เข้ามาบอกว่า...."ในเมื่อจะสร้างพระธาตุทันใจก็ควรที่จะสร้างพระเจ้าทันใจด้วย..." ท่านว่าเมื่อคืนก็มีนิมิต(แต่ขออุบเอาไว้) นี่เลยทำให้เรา"ฟู"มากๆ เพราะทุกอย่างลงตัว คุณแม่จึงได้โทรกราบเรียนพระอาจารย์มหาแผนท่าน พอท่านทราบท่านก็เห็นดีด้วยทุกอย่างเพราะตรงกับความปราถนาของท่านที่อยากจะสร้างพระเจดีย์ไว้เพื่อให้พระ-เณรญาติโยมที่มาถือศีลได้กราบไหว้บูชาเพราะที่ผ่านมาเวลาวันพระใหญ่หรือวันสำคัญทางศาสนา ไม่มีที่ใช่เวียนเทียนต้องเวียนกันที่พระชำละหนี้สงฆ์....รวมความว่าท่านโมทนาและจะช่วยในครั้งนี้ทุกๆอย่าง

    มีเรื่องแปลกพิศดานที่ไม่หน้าจะเป็นไปได้คือ....หลังจากวางสายไปสักพักนึง ท่านก็โทรกลับมาหาที่บ้านแล้วถามว่า"คุณโตรู้ไหมว่าฉันอยู่ไหน....? โตตอบไปว่าไม่ทราบ.... ท่านว่า"ตอนนี้ฉันกำลังอยู่หน้าพระเจ้าทันใจและพระเจดีย์ทันใจที่ทางเหนือ(เชียงราย)....ฉันมาธุระเกี่ยวกับเรื่องเณรที่จะมาบวชเรียนในปีนี้.....ฉันอยู่กับช่างบอย(ช่างกรมศิลที่ปั้นพระให้พระอาจารย์)..."


    ส่วนพระบรมสารีริกธาตุที่จะนำมาบันจุเป็นพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่องค์สมเด็จพระสังฆราชทรงประทานมา จึงเป็นเนื้อนาบุญโดยแท้เป็นที่พึ่งแก่ผู้กราบไหว้บูชาอีกทั้งเป็นที่บันจุแก้วสารพัดนึกที่หลวงปู่"คำพัน"และหลวงปู่"ดาบศ"ได้ให้ไว้เมื่อหลายปีก่อนๆที่ท่านจะมรณะภาพและของสำคัญต่างๆที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานและครูบาอาจารย์ทุกๆรูปได้มอบให้ครอบครัวโตมา.....

    วันและเวลาในงานบุญครั้งนี้จะต้องทำกันอย่างรอบครอบมากๆเรื่องฤกษ์ยามเป็นสึ่งจำเป็นมากๆในการสร้างพระธาตุเจดีย์-ทันใจ(พระพุทธรูป) ฤกษ์ ต้องสัมพันกันและต้องเสร็จใน24ชั่วโมงและทำพิธียกฉัตรและฉลองหลังจากท่านพระอาจารย์กลับมาแล้วจะเรียนให้ทุกท่านทราบหมายกำหนดการที่แน่นอนอีกที ท่านที่จะร่วมทำบุญโอมมาร่วมกันได้ที่...
    สำนักสงฆ์บ่อเงินบ่อทอง
    ต.หนองแหน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
    (01-9408541 พระมหาแผน)
    สำนักสงฆ์บ่อเงินบ่อทองประเภทบัญชี : ออมทรัพย์
    หมายเลขบัญชี : 203-0-06304-5
    ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม
    ชื่อบัญชี : ร.ร.ปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง
    <!-- / message --><!-- sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    เรื่องอาหาร นอกจากพี่แอ๊วแล้วก็ยังมีอาหารที่พี่จิ๋วที่เป็นผู้รับภาระเรื่องของอาหารอีกท่านนึงนะครับ

    ผมว่าจะทำเป็นกองทุนเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งก็แล้วแต่ว่า ใครจะมีความศรัทธาร่วมมือร่วมใจกันคนละเท่าไหร่ พอกองทุนจะหมดก็สมทบกันใหม่ ส่วนเงินนั้น ผมว่าจะมอบให้พี่จิ๋วเป็นผู้ที่ดำเนินการดีไหมครับ หรืออาจจะทำเป็นกล่องไว้ที่บ้านท่านอาจารย์ประถม เรื่องของอาหาร หรืออาจจะใช้วิธีการเปิดบัญชี หรือจะเป็นอย่างอื่นกัน

    ผมขอให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆทุกๆท่าน ร่วมกันแสดงความคิดเห็นกันและหาข้อสรุป ผมจะได้ไปคุยกับพี่จิ๋วอีกครั้ง ก่อนที่จะไปร่วมงานบุญกันครับ

    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เรียน พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน

    เรื่องของค่าอาหาร ผมเสนอแนะวิธี 3 วิธีนะครับ
    1.ให้ทำตู้ไว้ที่บ้านท่านอาจารย์ประถม
    2.มอบเงินให้พี่จิ๋วเก็บไว้ ถ้าใช้เมื่อไร ก็ไปเบิกกับพี่จิ๋ว
    3.เปิดบัญชีในนามของบุคคลใดบุคคลหนึ่งและมอบหมายให้ท่านนั้นเป็นผู้ที่ดูแล
    4.หรือวิธีอื่นๆ (เสนอแนะวิธีอื่นๆได้)

    รบกวนทุกๆท่านด้วยนะครับ

    ขอบคุณและโมทนาสาธุครับ
    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียน พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน

    ผมมาแจ้งข่าวเพิ่มเติมเรื่องของการไปร่วมทำบุญและพบปะสังสรรค์กันในครั้งหน้า ผมได้รับข่าวดีมาก เนื่องจากพระอาจารย์รูปหนึ่งที่ผมได้ติดต่อนิมนต์มาร่วมในงาน ทางพี่ท่านนึงแจ้งข่าวมาว่า พระอาจารย์จะลงมา เพื่อแจ้งข่าวงานบุญสร้างศาลาปฎิบัติธรรมที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งยังขาดงบประมาณในการก่อสร้าง ประมาณหนึ่งแสนกว่าบาท


    ดังนั้น ผมจึงมาเรียนพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน ว่า ผมจะนำล็อคเก็ตหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ด้านหลังเป็นหลวงพ่อเงิน 1 องค์ ไปมอบให้กับผู้ร่วมทำบุญ 7,777 บาท ,ล็อคเก็ตหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ด้านหลังเป็นหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก 1องค์ มอบให้กับผู้ร่วมทำบุญ 6,666 บาท ,พระสมเด็จ(เนื้อปูนเพชรผสมพระธาตุ) มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 4,444 บาท ,สมเด็จกลักไม้ขีด มอบให้กับท่านที่ร่วมทำบุญ 5,000 บาท และพระสมเด็จอกครุฑ(รุ่น2) มอบให้กับผู้ที่ร่วมทำบุญ 2,000 บาท ,พระสมเด็จ(ที่สร้างก่อนปี พ.ศ.2415 และทันสมเด็จพระพุฒจารย์โต พรหมรังสี ซึ่งแต่เดิมผมจะแจกฟรี) มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 300 บาท อีกทั้งยังมีตะกรุดซึ่งพระอภิญญาใหญ่ท่านอธิษฐานจิต(เช่นหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ,หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าฯลฯ) แจกฟรี ซึ่งหลังจากงานในวันนั้น ผมจะเก็บแล้ว และคงไม่นำออกมาแล้วจนกว่าจะถึงวาระและเหตุอันควร

    และขอเรียนเชิญพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านไปร่วมงานบุญนี้กัน ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดนะครับ

    ส่วนท่านใดจะมาและมากันกี่ท่าน โปรดแจ้งผมก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2551 นี้นะครับ ผมจะได้เตรียมเรื่องอาหารให้เพียงพอกับจำนวนท่านที่จะไปร่วมงานกัน

    สำหรับท่านที่แจ้งเข้ามาแล้วที่จะไปร่วมงานบุญและพบปะสังสรรค์กัน
    1.คุณตั้งจิต 4 ท่าน

    2.คุณพุทธันดร 2 ท่าน
    3.พี่ตุ่น 1 ท่าน
    4.คุณปุ๊ 1 ท่าน
    5.น้องเอ 1 ท่าน
    6.จาน chaipat 2 ท่าน
    7.เพื่อนผม(รัช) 1 ท่าน
    8.คุณkaicp 2 ท่าน
    9.คณะพี่แอ๊ว 3 ท่าน
    10.คุณnongnooo 2 ท่าน
    11.คุณtawatd 1 ท่าน
    12.คุณkwok 1 ท่าน
    13.คุณkhongbeng 1 ท่าน
    14.คุณdrmetta 2 ท่าน
    รวม 24 ท่าน

    ส่วนท่านอื่นๆที่ประสงค์จะไปร่วมงานบุญและพบปะสังสรรค์กัน ผมรบกวนแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ (โพสลงบอร์ดก็ได้หรือโทร.หาผมก็ได้ครับ)

    เรื่องของอาหารที่จะถวายพระภิกษุ 2 รูป และอาหารที่จะเลี้ยงผู้ที่ไปร่วมงาน ผมจะขอให้ทุกๆท่านที่ไปร่วมงาน ช่วยกันเฉลี่ยค่าใช้จ่ายนะครับ ผมไม่อยากจะรบกวน 2 -3 ท่านที่นำอาหารมาให้เราทานกันทุกๆครั้ง

    ขอขอบคุณและโมทนาสาธุครับ

    .

    <!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  14. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    เปลี่ยน ตอนนี้เลยก็ได้ ท่าน อาจาน ท่านปา-ทานพร้อมส่งไม้ให้แล้วครับ5555555(ไม้คมแฝกมั้งครับ5555)(deejai)
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.heritage.thaigov.net/religion/cardinal/index2.htm

    <CENTER>[SIZE=+2]สมเด็จพระสังฆราช (ด่อน)[/SIZE]</CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><CENTER><TABLE cellSpacing=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER></TD><TD>[SIZE=-1]<DD>สมเด็จพระสังฆราช (ด่อน) เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษด์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็นพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2365 ดำรงตำแหน่ง 20 พรรษาสิ้นพระชนม์ เมื่อปี พ.ศ. 2395 มีพระชนมายุได้ 81 พรรษา <DD>พระประวัติในตอนต้นไม่พบรายละเอียด มีแต่เพียงว่าประสูติในรัชสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ แห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2304 ได้เป็นที่ พระเทพโมลี อยู่ที่วัดหงส์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ฯ และได้เป็นที่ พระพรหมมุนี ในรัชสมัยสมเด็นพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ต่อมาได้เลื่อนขึ้นเป็นที่ พระพิมลธรรม เมื่อปี พ.ศ. 2359 ต่อมาได้เลื่อนเป็น สมเด็จพระพนรัตน์ ในรัชกาลเดียวกัน ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์สุดท้ายที่สถิต ณ วัดมหาธาตุ <DD>ทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ซึ่งทรงผนวชเมื่อปี พ.ศ. 2367[/SIZE] </DD></TD></TR></TBODY></TABLE>[SIZE=-1]<DDได้มีการส่งสมณฑูตไปลังกา 8 เมื่อปี พ.ศ. 2385 เพื่อสืบสวนความเป็นไปของการพระพุทธศาสนาใน ลังกา เนื่องจากไม่ได้ไปสืบสวนมานานแล้ว นอกจากนั้นหนังสือพระไตรปิฎกฉบับของไทยยังบกพร่อง ควรจะสอบสวนกับฉบับของลังกาซึ่งมีอยู่หลายคัมภีร์ การเดินทางไปลังกาครั้งนี้ เป็นการเดินทางโดยเรือจากกรุงเทพ ฯ ใช้เวลา เดือน ได้ยืมคัมภีร์ พระไตรปิฎกมาด้วย 40 คัมภีร์ ซึ่งได้เกิดประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาในประเทศไทยอย่างมาก  เพราะได้พระไตรปิฎกจากลังกา มาสอบสวนกับพระไตรปิฎกของไทยในส่วนที่บกพร่องสงสัย ให้เกิดความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น< dd>
    <DD>ในช่วงปลายสมัยของสมเด็จพระสังฆราช ได้มีการชำระความพระสงฆ์ที่ประพฤติอนาจารครั้งใหญ่ ได้ตัวมาชำระสึกเสียจำนวนมาก ประมาณถึง 500 รูปเศษ ที่หนีไปก็มีจำนวนมาก และพระราชาคณะก็เป็น ปาราชิกหลายรูป นับเป็นการชำระสะสางอลัชชีในคณะสงฆ์ครั้งใหญ่ที่สุดของกรุงรัตนโกสินทร์ แสดงให้เห็นถึงความเสื่อมโทรมของคณะสงฆ์ในยุคนั้น และในขณะเดียวกัน ก็แสดงให้เห็นถึงความเอาพระทัยใส่ในการคณะสงฆ์ของพระมหากษัตริย์อย่างจริงจัง[/SIZE]


    <CENTER>[SIZE=+2]สมเด็จพระสังฆราช (นาค)[/SIZE]</CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><CENTER><TABLE cellSpacing=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER></TD><TD>[SIZE=-1]<DD>สมเด็จพระสังฆราช (นาค) เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดราชบูรณะราชวรวิหาร ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2386 ทรงดำรงตำแหน่งอยู่ 6 พรรษา สิ้นพระชนม์เมื่อปี พ.ศ. 2392 เมื่อพระชนมายุได้ 86 พรรษา <DD>พระประวัติตอนต้นไม่พบรายละเอียด มีแต่เพียงว่าประสูติในรัชสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ แห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2301 เป็นพระราชาคณะที่ พระนิกรมุนี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ฯ ได้เลื่อนเป็น พระพรหมมุนี เมื่อปี พ.ศ. 2359 ต่อมาเป็น พระธรรมอุดม และได้เลื่อนเป็น สมเด็จพระพนรัตน เมื่อปี พ.ศ. 2373 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว <DD>เนื่องจากในระยะเวลาที่ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช วัดมหาธาตุกำลังอยู่ระหว่างการปฏิสังขรณ์ พระองค์จึงสถิต ณ วัดราชบูรณะตลอดมาจนสิ้นพระชนม์ ทำให้ธรรมเนียมการแห่สมเด็จพระสังฆราชมาสถิต ณ วัดมหาธาตุ เป็นอันเลิกไปตั้งแต่นั้นมา และสมเด็จพระสังฆราชเคยสถิตอยู่ ณ พระอารามใด เมื่อครั้งก่อน เป็นสมเด็จพระสังฆราช ก็ยังคงสถิตอยู่ ณ พระอารามนับสืบต่อไป เป็นแบบธรรมเนียมมาจนถึงปัจจุบัน [/SIZE]</DD></TD></TR></TBODY></TABLE>[SIZE=-1]<DD>ได้มีการส่งสมณทูตไปลังกาเป็นครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2387 โดยทางเรือและเดินทางกลับในปีเดียวกัน พร้อมกับ ได้ยืมหนังสือพระไตรปิฎกมาอีก 30 คัมภีร์ พร้อมทั้งมีภิกษุสามเณร และคฤหัสถ์ชาวลังกา ติดตามมาด้วยกว่า 40 คน การที่มีพระสงฆ์ชาวลังกาเดินทางเข้ามาประเทศไทยบ่อยครั้ง จึงได้โปรดเกล้า ฯ ให้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ขณะทรงผนวชและเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร รับภาระต้อนรับดูแลพระสงฆ์ชาวลังกา ดังนั้นวัดบวรนิเวศ ฯ จึงมีหมู่กุฎีไว้รับรองพระสงฆ์ลังกาโดยเฉพาะ เรียกว่า คณะลังกา[/SIZE]

    <CENTER>[SIZE=+2]สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส[/SIZE]</CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><CENTER><TABLE cellSpacing=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER></TD><TD>[SIZE=-1]<DD>สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และทรงเป็น พระมหาสมณเจ้า ฯ พระองค์แรก กับเป็นพระราชวงศ์พระองค์แรก ที่ทรงได้รับสถาปนาให้ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ทรงสถิต ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ดำรงสมณศักดิ์เมื่อปี พ.ศ. 2394 ถึงปี พ.ศ. 2396 รวม 2 พรรษา สิ้นพระชนม์เมื่อพระชนมายุได้ 64 พรรษา <DD>สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 28 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2333 มีพระนามว่า พระองค์เจ้าวาสุกรี ทรงผนวชเป็นสามเณรเมื่อพระชนมายุได้ 12 พรรษา เมื่อปี พ.ศ. 2345 ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ เมื่อทรงผนวชแล้ว เสด็จไปประทับ ณ วัดพระเชตุพน ฯ ทรงศึกษาหนังสือไทย และภาษาบาลีตลอดทั้งวิชาอื่น ๆ จากสมเด็จพระพนรัตน์ จนทรงมีพระปรีชาสามารถ ทั้งทางคดีโลก และคดีธรรม มีผลงานอันเป็นพระราชนิพนธ์เรื่องต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก[/SIZE]</DD></TD></TR></TBODY></TABLE>[SIZE=-1]<DD>ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า ฯ ให้รวมวัดในแขวงกรุงเทพ ฯ ขึ้นเป็นคณะหนึ่งเรียกว่า คณะกลาง แล้วได้สถาปนากรมหมื่นนุชิตชิโนรสให้ดำรงสมณศักดิ์เสมอเจ้าคณะรอง และทรงตั้งเป็นเจ้าคณะกลาง <DD>พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ได้โปรดเกล้า ฯ ให้เลื่อนพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นนุชิตชิโนรส ขึ้นเป็นกรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงสมณศักดิ์เป็นพระมหาสังฆปริณายก ทั่วพระราชอาณาเขต ให้จัดตั้ง พระราชพิธีมหาสมณุตมาภิเษก ที่วัดพระเชตุพน ฯ มีทั้งพิธีสงฆ์ และพิธีพราหมณ์ คล้ายกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกของคณะสงฆ์ไทย <DD>สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ ทรงมีพระอัจฉริยภาพหลายด้าน ได้ทรงพระนิพนธ์เรื่องพระปฐมสมโพธิกถา ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก หรือร่ายยาวมหาชาติ ซึ่งนับเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกทางพระพุทธศาสนาในสมัยรัตนโกสินทร์ <DD>ในทางพระพุทธศิลป์ ได้ทรงคิดแบบพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า ฯ โดยทรงเลือกพระอิริยาบทต่าง ๆ จากพุทธประวัติเป็นจำนวน 37 ปาง เริ่มตั้งแต่ปางบำเพ็ญทุกขกิริยา จนถึงปางห้ามมาร พระพุทธรูปปางต่าง ๆ เหล่านี้ได้ทรงพระนิพนธ์เรื่องต่าง ๆ ไว้มากเช่น ลิลิตตะเลงพ่าย พระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส เทศนาพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ลิลิตกระบวนพยุหยาตราพระกฐินสถลมารค และชลมารค เป็นต้น <DD>[SIZE=-1]ในทางอักษรศาสตร์ ก็ได้นิพนธ์เรื่องฉันท์มาตราพฤติ และวรรณพฤติ ตำราโคลงกลบท คำกฤษฎี เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้นิพนธ์บทกวีอีกเป็นจำนวนมาก ที่ล้วนมีคุณค่าเป็นเพชรน้ำเอกทางวรรณกรรมของไทยตลอดมา ในปี พ.ศ. 2533 องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ประกาศยกย่องสมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ เป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรมระดับโลก ประจำปี พ.ศ. 2533 นับเป็นพระสงฆ์รูปแรกที่ได้รับการถวายเกียรตินี้ <DD>เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชก็ว่างตลอดรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ อาจจะเนื่องจากไม่มีพระเถระรูปใด มีคุณสมบัติอยู่ในฐานะที่จะทรงสถาปนา ตามหลักเกณฑ์ กล่าวคือ ตามพระราชประเพณีนิยมที่มีมาแต่โบราณ พระเถระที่จะทรงตั้งเป็น สมเด็จพระสังฆราช และสมเด็จพระราชาคณะ นั้น ก็เฉพาะผู้ทรงคุณสมบัติพิเศษ คือเป็นพระอุปัชฌาย์ เป็นอาจารย์เป็นที่ทรงนับถือเหมือนอย่างพระอุปัชฌาย์ หรือพระอาจารย์ หรือเป็นผู้ใหญ่ ผู้เฒ่า มีอายุแก่กว่าพระชนมพรรษา แม้ว่าจะว่างสมเด็จพระสังฆราช แต่การปกครองคณะสงฆ์ ก็สามารถดำเนินไปได้ด้วยดี เนื่องจากแต่โบราณมา พระมหากษัตริย์ทรงถือเป็นพระราชภาระในการปกครองดูแลคณะสงฆ์ โดยมีเจ้านาย หรือขุนนางผู้ใหญ่ในตำแหน่ง เจ้ากรมสังฆการี เป็นผู้กำกับดูแลแทนพระองค์ สมเด็จพระสังฆราชมิได้ทรงบัญชาการคณะสงฆ์โดยตรง ทรงดำรงฐานะปูชนียบุคคล การปกครองในลักษณะนี้ ได้มาเปลี่ยนแปลงไปในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ [/SIZE]

    <CENTER>[SIZE=+2]สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์[/SIZE]</CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><CENTER><TABLE cellSpacing=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER></TD><TD>[SIZE=-1]<DD>สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 8 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ประทับอยู่ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ได้รับมหาสมณุตมาภิเษก เมื่อ ปี พ.ศ.2434 เมื่อพระชนมายุได้ 82 พรรษา เป็นพระมหาสมณเจ้า ฯ ได้ 10 เดือน ก็สิ้นพระชนมเมื่อปี พ.ศ. 2435 พระชมมายุได้ 83 พรรษา <DD>เมื่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรสสิ้นพระชนม์ เมื่อปี พ.ศ. 2396 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ มิได้ทรงสถาปนาพระเถระรูปใด ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช อีกจนตลอดรัชกาล เป็นเวลา 15 ปี ในระหว่างนั้น สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศ ฯ ทรงดำรงพระอิศริยยศ เป็น พระจ้าวรวงศ์เธอกรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ ทรงดำรงสมณฐานันดร เป็นที่สองรองจากสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส[/SIZE] </DD></TD></TR></TBODY></TABLE>[SIZE=-1]<DD>เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ขึ้นครองราชย์ ก็ยังมิได้ทรงสถาปนาพระเถระรูปใดเป็นสมเด็จพระสังฆราช เป็นระยะเวลาถึง 23 ปี จึงได้ทรงสถาปนาสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศฯ ขณะดำรงพระอิศริยยศเป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระ เป็นสมเด็จพระสังฆราช <DD>สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ ประสูติปี พ.ศ. 2352 เมื่อพระชนมายุได้ 13 พรรษา ได้ทรงผนวชเป็นสามเณร ณ วัดมหาธาตุ ฯ ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ เมื่อปี พ.ศ. 2372 ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ณ สำนักวัดมหาธาตุ ฯ ทรงแตกฉานในภาษาบาลี พระนิพนธ์ที่แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถในภาษาบาลีคือ พระนิพนธ์เรื่อง สุคตวิทัตถิวิธาน ซึ่งทรงนิพนธ์เป็นภาษาบาลี นอกจากนี้ยังได้ทรงนิพนธ์เรื่องเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ เป็นภาษาบาลีอีกหลายเรื่อง นับว่าพระองค์ทรงเป็นปราชญ์ทางภาษาบาลี ที่สำคัญพระองค์หนึ่ง ทรงเป็นพระราชาคณะ มีสมณศักดิ์เสมอพระราชาคณะสามัญ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2394 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ได้ทรงสถาปนา พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าฤกษ์ เป็นกรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ ทรงอิศริยยศเป็นประธานาธิบดีแห่งพระสงฆ์ธรรมยุตินิกาย นับว่าทรงเป็นเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุติพระองค์แรก ทรงดำรงสมณฐานันดรเป็นที่สอง รองจากสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จ พระมหาสังฆปรินายก คือ สมเด็จพระสังฆราช[/SIZE] <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><CENTER><TABLE cellSpacing=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER></TD><TD>[SIZE=-1]<DD>เมื่อปี พ.ศ. 2416 ทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ซึ่งในปีเดียวกันนี้ ทรงได้รับโปรดเกล้า ฯ ให้เป็นสมเด็จพระเจ้าบรมวงเธอกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ การที่เลื่อนพระอิศริยยศครั้งนี้ แม้ว่าพระองค์จะไม่ทรงรับถวาย มหาสมณุตมาภิเษกในที่สมเด็จพระสังฆราช แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ก็ถวายพระเกียรติยศในทางสมณศักดิ์สูงสุด เท่ากับทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช <DD>สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ ทรงรับถวายมหาสมณุตมาภิเษก ในปี พ.ศ. 2438 เมื่อพระชนมายุได้ 82 พรรษา ด้วยเหตุผลที่ว่า เจ้านายชั้นเดียวกันสิ้นพระชนม์แล้วทั้งสิ้น มีเจ้านายผู้ใหญ่เจริญพระชนมายุเหลืออยู่แต่พระองค์เพียงพระองค์เดียว[/SIZE] </DD></TD></TR></TBODY></TABLE>[SIZE=-1]<DD>สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ นอกจากจะเป็นปราชญ์ทางภาษาบาลีแล้ว ยังทรงมีพระปรีชาสามารถ ในด้านต่าง ๆ พอประมวลได้ดังนี้ คือ <DD>ด้านสถาปัตยกรรม ทรง ออกแบบพระปฐมเจดีย์ องค์ที่เป็นอยู่ปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ. 2396 <DD>ด้านโบราณคดี ทรงเป็นนักอ่านศิลาจารึกรุ่นแรกของไทยได้ศึกษาและรวบรวมจารึกต่าง ๆ ในประเทศไทยไว้มาก และได้ ทรงอ่านจารึกสุโขทัยหลักที่ 2 ที่เป็นอักษรขอม เป็นพระองค์แรก <DD>ด้านประวัติศาสตร์ ทรงนิพนธ์ลิลิตพงศาวดารเหนือ เรื่องพระปฐมเจดีย์ และพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ เป็นต้น <DD>ด้านดาราศาสตร์ ทรงพระนิพนธ์ ตำราปักขคณนา (คำนวนปฏิทินทางจันทรคติ) ไว้อย่างพิสดาร <DD>ด้านวิทยาศาสตร์ ทรงบันทึกจำนวนฝนตกเป็นรายวัน ติดต่อกันเป็นเวลาถึง 45 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2389 ถึงปี พ.ศ. 2433 เพื่อเป็นการเก็บสถิติน้ำฝนในประเทศไทย เรียกบันทึกนี้ว่า จดหมายเหตุบัญชีน้ำฝน <DD>ด้านกวี ทรงพระนิพนธ์เรื่องต่าง ๆ ทั้งที่เป็นภาษาไทยและภาษาบาลี ไว้เป็นจำนวนมาก ที่เป็นภาษาไทย ทรงนิพนธ์ไว้จำนวนมาก เช่น ได้ลงพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ กาพย์เสด็จนครศรีธรรมราช ลิลิตพงศาวดารเหนือ เป็นต้น <DD>ทรงให้กำเนิดพระกริ่งในประเทศไทย ทรงสร้างพระกริ่งที่เรียกกันว่า พระกริ่งปวเรศ ซึ่งเป็นต้นแบบของพระกริ่ง ในยุคต่อมาของไทย <DD>ด้านพระศาสนา ทรงเป็นองค์ประธานชำระและแปลพระไตรปิฎก พิมพ์พระไตรปิฎกฉบับภาษาไทยขึ้นเป็นครั้งแรก ทรงกำหนดพระราชบัญญัติ และประกาศคณะสงฆ์ต่าง ๆ[/SIZE]
    </DD>[/SIZE]
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.bu.ac.th/NewsandInform/bunews/2546/Jul23/history.html

    <TABLE cellSpacing=10 width=630 background=images/blockbg.gif><TBODY><TR><TD background=images/blockbggray.gif>[FONT=MS Sans Serif, thonburi, Verdana]เพลงชาติไทย[/FONT]

    </TD></TR><TR align=middle><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffcc66 height=24><DD>เพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติแสดงถึงความเป็นเอกราชที่ไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร เพลงชาติเป็นแหล่งรวมใจของชาวไทยทุกคนให้รู้สึกเป็นหนึ่งเดียว สำนึกในความเป็นพี่น้อง สร้างความภูมิใจในศักดิ์ศรี สิทธิเสรีภาพ และยังปลุกใจให้เกิดความรักชาติ </DD></TD></TR><TR><TD><DD>[FONT=MS Sans Serif, thonburi, Verdana]ความคิดเรื่องเพลงประจำชาติเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2414 โดยได้รับอิทธิพลจากประเทศตะวันตก ซึ่งมีเพลงประจำชาติมาก่อน โดยเฉพาะอิทธิพลจากประเทศอังกฤษ ด้วยในปลายรัชกาลที่ 4 ปี พ.ศ. 2395 นายทหารของประเทศอังกฤษ 2 นาย คือ ร้อยเอกอิมเปย์ (Impey) และร้อยเอกน๊อกซ์ (Thomas G. Knox) ได้เข้ามาเป็นครูฝึกทหารเกณฑ์ในวังหลวงและวังหน้า และได้นำเพลงกอดเซฟเดอะควีน (God Save the Queen) ซึ่งเป็นเพลงประจำชาติของอังกฤษมาใช้เป็นเพลงฝึกทหารแตร และเนื่องจากในการฝึกทหารของไทยสมัยนั้นจะยึดรูปแบบการฝึกของอังกฤษเป็นต้นแบบ ดังนั้นเพลง God Save the Queen จึงใช้เป็นเพลงเกียรติยศถวายความเคารพต่อพระมหากษัตริย์สำหรับกองทหารไทยในระหว่างปี พ.ศ. 2395-2414 เรียกกันว่า "เพลงสรรเสริญพระบารมีอังกฤษ" ต่อมาพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ได้ประพันธ์เนื้อร้องขึ้นมาใหม่โดยใช้เนื้อเพลง God Save the Queen เดิม และตั้งชื่อเพลงขึ้นใหม่ว่า จอมราชจงเจริญ นับเป็นเพลงชาติฉบับแรก ของประเทศสยาม [/FONT]<DD>[FONT=MS Sans Serif, thonburi, Verdana]ในปี พ.ศ. 2414 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จประพาสเมืองสิงคโปร์ ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นเมืองขึ้นของประเทศอังกฤษ และกองดุริยางค์ทหารสิงคโปร์ได้บรรเลงเพลง God Save the Queen เพื่อถวายความเคารพ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ทรงตระหนักดีว่าประเทศไทยมีความจำเป็นที่จะต้องมีเพลงชาติเป็นของตัวเอง เพื่อแสดงถึงความเป็นเอกราชของชาติ ครั้นเมื่อทรงเสด็จกลับถึงพระนครจึงได้โปรดเกล้าฯให้ตั้งคณะครูดนตรีไทยขึ้น เพื่อทรงปรึกษาหาเพลงชาติที่มีความเป็นไทยมาใช้แทน คณะครูดนตรีไทยได้เลือก เพลงทรงพระสุบัน หรือเรียกอีกอย่างว่า เพลงบุหลันลอยเลื่อน ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) โดยนำมาเรียบเรียงใหม่ ให้มีความเป็นสากลขึ้นโดยเฮอุดเซน (Heutsen) นับเป็นเพลงชาติไทยฉบับที่สอง ใช้บรรเลงในระหว่างปี พ.ศ. 2414-2431 [/FONT]<DD>[FONT=MS Sans Serif, thonburi, Verdana]สำหรับ เพลงชาติไทยฉบับที่สาม คือ เพลงสรรเสริญพระบารมี (ฉบับปัจจุบัน) ประพันธ์โดย ปโยตร์ สชูโรฟสกี้ (Pyotr Schurovsky) นักประพันธ์ชาวรัสเซีย คำร้องเป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระนริศรานุวัตติวงศ์ ใช้บรรเลงเป็นเพลงชาติ ในระหว่างปี พ.ศ. 2431-2475 เพลงชาติไทยฉบับที่สี่ คือ เพลงชาติมหาชัย ใช้เป็นเพลงชาติในระหว่างการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี พ.ศ. 2475 โดยอาศัยทำนองเพลงมหาชัย ส่วนคำร้อง ประพันธ์โดยเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เพื่อใช้ขับร้องและบรรเลงปลุกเร้าใจประชาชน ก่อให้เกิดความรักชาติและสร้างความสามัคคีในระหว่างที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง [/FONT]<DD>[FONT=MS Sans Serif, thonburi, Verdana]เพลงชาติไทยฉบับที่ห้า คือ เพลงชาติฉบับพระเจนดุริยางค์ เป็นผู้ประพันธ์ทำนอง และ คำร้องประพันธ์โดยขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) ใช้เป็นเพลงชาติระหว่างปี พ.ศ. 2475-2477 เพลงชาติฉบับที่หก คือ เพลงชาติฉบับพระเจนดุริยางค์มีการเพิ่มคำร้องโดยนายฉัน ขำวิไล ใช้เป็นเพลงชาติระหว่างปี พ.ศ. 2477-2482 เป็นเพลงชาติที่เป็นฉบับของ "ราชการ"ฉบับแรก ในปี พ.ศ. 2482 ได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อประเทศจาก สยาม เป็น ไทย เป็นเหตุให้มีการแก้ไขบทร้องเพลงชาติกันอีกครั้งหนึ่ง โดยมิใช่แก้ชื่อประเทศเท่านั้น แต่ต้องการให้เป็นบทร้องที่ร้องจบได้ในเที่ยวเดียว ซึ่งแต่เดิมเพลงชาติจะร้องกันหลายเที่ยวทำให้รู้สึกยืดยาว ครั้งนั้นทางรัฐบาลจึงได้ประกาศประกวดเพลงชาติขึ้นใหม่ ผลประกวดปรากฏว่าเนื้อร้องของนายพันเอกหลวงสารานุประพันธ์ (นวล ปาจิณพยัคฆ์) ซึ่งส่งในนามของกองทัพบกเป็นผู้ชนะเลิศ รัฐบาลจึงได้ประกาศผลการประกวดในรัฐนิยมฉบับที่ 6 ออกเมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ มีใจความสำคัญสรุปว่า ทำนองเพลงชาติให้ใช้ทำนองเพลงของพระเจนดุริยางค์และใช้ คำร้องของนายพันเอกหลวงสารานุประพันธ์ ซึ่งเพลงชาติไทยฉบับนี้เป็นเพลงชาติที่ใช้สืบมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน [/FONT]</DD></TD></TR><TR><TD><HR width="100%" SIZE=0></TD></TR><TR><TD vAlign=top><DD><DD>
    เรียบเรียงจาก : http://www.banfun.com/

    หนังสือเรื่อง
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.guidescenter.com/message_board.php?msg_type=2&msg_id=6293

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#006699><TD class=newsHeader height=37>ศาลหลักเมือง </TD></TR><TR bgColor=#ffbb00><TD class=news vAlign=top height=111>

    ตามประเพณีโบราณ การสร้างเมืองสำคัญจะต้องมีพระราชพิธียกหลักเมือง การสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ก็เช่นเดียวกัน เมื่อจะสร้างปราสาทราชมณเฑียรก็ได้มีการประกอบ พระราชพิธียกเสาหลักเมืองก่อน เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 แล้วจึงเริ่มการสร้างพระราชวัง หลักเมืองในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเป็นอย่างไรไม่มีใครอธิบายไว้ แต่เข้าใจกันว่า ในชั้นเดิมคงเป็นเพียงศาลาปลูกกันแดดกันฝนแบบธรรมดา เพราะเป็นการรีบด่วน บ้านเมืองยังไม่สงบเรียบร้อย ครั้นถึงปี พ.ศ. 2395 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริว่าหลักเมืองชำรุด จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพร้อมกับได้บรรจุดวงชะตาเมืองใหม่ และมีการฉลองสมโภชเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2395

    จัดให้มีการเฉลิมฉลองจัดงานรอบๆพระนคร พระราชทานเลี้ยงยาจกวนิพกทั้งปวง แล้วให้ตั้งต้นกัลปพฤกษ์ตามวงกำแพงพระนคร ทิ้งทานต้นละชั่ง 3 วัน สิ้นพระราชทรัพย์เป็นอันมาก ให้มีการมหรสพต่างๆ และมีละครผู้หญิงโรงใหญ่ อีกทั้งยังเป็นการสมโภชวัดพระศรีรัตนศาสดารามอีกด้วย จนกระทั่งครบกำหนด 3 วันงานจึงเลิก

    ครั้นการเฉลิมฉลองเสร็จสิ้นลงแล้ว จึงได้ทรงพระราชทานนามพระนครใหม่อีกด้วย ทั้งนี้เพื่อให้ต้องกับนามพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรว่า "กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร มหินทรอยุธยา มหาดิลกภพ นพรัตราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศมหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์" ซึ่งต่อมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงแปลงสร้อยที่ว่า บวรรัตนโกสินทร เป็นอมรรัตนโกสินทร นอกนั้นคงเดิม

    ในรัชกาลปัจจุบัน องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลศาลาหลักเมืองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 ได้ปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมมาตามลำดับ จนในที่สุดได้เปลี่ยนแปลงลักษณะรูปศาลให้เป็นแบบจัตุรมุข ขยายบริเวณให้กว้างออกไป เมื่อการปฏิสังขรณ์สำเร็จบริบูรณ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาประกอบพิธีสังเวยสมโภชเมื่อวันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2513

    ครั้นถึงพุทธศักราช 2525 รัฐบาลจัดงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯสยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร มีพระราชปรารภว่า ควรจักได้พิจารณาบูรณะปรับปรุงศาลหลักเมืองให้งดงามสมบูรณ์ สมกับเป็นที่สถิตแห่งพระหลักเมือง และองค์เทพารักษ์ที่ได้ปกปักรักษาพระนครให้มีเอกราชเจริญรุ่งเรืองมาช้านาน จึงได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ศาลหลักเมืองเป็นการใหญ่อีกครั้ง และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีสมโภชพระหลักเมือง เมื่อ ณ วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2529

    พิมพ์มาจากตำราแต่ดิฉันเองไม่เข้าใจว่าเป็นพิธีกรรมของศาสนาพราหมณ์หรือพุทธศาสนากันแน่ค้ะ ใครทราบช่วยตอบหมวยด้วยค่ะ


    </TD></TR><TR bgColor=#999999><TD class=news height=32>จาก : น้องหมวย 07/17/05 - 07: 17 </TD></TR><TR bgColor=#999999><TD class=news height=33>อีเมล์ : </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่า ผมเข้าใจว่าคุณเพชรคงหมายรวมถึงถ้าพี่แอ๊วไปทำบุญที่อื่นด้วยมั้งครับ แต่ในกรณีนี้คงแยกได้เป็น 2เรื่อง คือ
    1.ทำกับพี่แอ๊วซึ่งหมายถึงเป็นค่าอาหารทุกครั้งที่พวกเราไปและที่พี่แอ๊วจะไปทำบุญที่อื่นๆ ครับ
    2.เป็นค่าอาหารตามที่ทุกครั้งที่เราไปนั่นหมายความว่า เรานำเงินไปใส่กล่องที่นั่นเลยก็น่าจะเหมาะสมครับ
    ก็แล้วแต่ท่านอื่นด้วยครับผมก็ยังสรุปไม่ได้รออ่านจากท่านอื่นครับ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.watindharaviharn.org/vhcs2/aiweb/modules.php?name=Page_View&page=buddha.html

    สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี

    พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

    ชาติภูมิ

    เดิมชื่อ โต เป็นบุตรของนาง งุด บิดาไม่เป็นที่ปรากฏ ตา ชื่อ ผล ยายชื่อนางลา ถือกำเนิดในแผ่นดินรัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อวันพฤหัสที่ 17 เมษายน พ.ศ.2331 สัมฤทธิศก จุลศักราช1150 เวลา ประมาณ 06.54 น. ตรงกับเดือน 5 ขึ้น 12 ค่ำ ปีวอก เดิมแม่เป็นชาวบ้านท่าอิฐ อำเภอบ้านโพ (อำเภอเมือง*-ปัจจุบัน) จังหวัดอุตรดิตถ์
    ต่อมาเกิดฝนแล้งติดต่อกันหลายปีทำนาไม่ได้ผลจึงย้ายมาอยู่ที่เมืองกำแพงเพชร (และน่าจะได้พบกับพ่อของท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ(โต) ณ เมืองนี้) พอตั้งท้องก็ได้ไปอยู่กับยายที่เรือนแพหน้าวัดไก่จ้น และวัดสะตือ ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แม่งุดเมื่อคลอดเด็กชายโตแล้ว ขณะยังนอนเบาะอยู่ก็ได้ย้ายไปอยู่บริเวณวัดไชโยระยะหนึ่ง ต่อมามารดาก็ได้ย้ายไปตั้งถิ่นฐานไปอยู่ที่ตำบลบางขุนพรหม และสอนยืนได้ที่บริเวณ ตำบลบางขุนพรหมนี้ เมื่อโตขึ้นแม่ได้มอบตัวให้เป็นศิษย์ของท่านเจ้าคุณอรัญญิก เจ้าอาวาสวัดอินทรวิหาร เพื่อศึกษาอักขรสมัย เมื่ออายุ 12 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อปีวอก พ.ศ.2342 โดยมีพระบวรวิริยเถระ(อยู่) เจ้าอาวาสวัดบางลำภูบน(วัดสังเวชวิศยาราม-ปัจจุบัน) เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบรรพชาแล้วได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่ ณ วัดอินทรวิหาร จนหมดความรู้ของครูอาจารย์ มีความประสงค์ที่จะศึกษาภาษาบาลีต่อท่านเจ้าคุณอรัญญิกจึงได้นำไปฝากอยู่กับสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(นาค เปรียญเอก) วัดระฆังโฆสิตาราม
    สามเณรโต เป็นผู้มีความวิริยะอุตสาหะในการศึกษาเป็นอย่างดี มีวัตรปฏิบัติที่งดงามน่าเลื่อมใส จนปรากฏว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็นสมเด็จ ฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ทรงโปรดปรานมาก ทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้พระราชทานเรือกราบกัญญาหลังคากระแชงให้ท่านไว้ใช้สอยตามอัธยาศัย เมื่ออายุ 20 ปี ตรงกับปีเถาะ พ.ศ.2350 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้เป็นนาคหลวง อุปสมบท ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) โดยมีสมเด็จพระสังฆราช(สุก) วัดมหาธาตุ เป็นพระอุปัชฌาย์ให้ฉายาว่า "พฺรหฺมรํสี" และเรียกว่า มหาโต ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    สมณศักดิ์

    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) ไม่ติดในยศศักดิ์ได้ปฏิเสธเรื่อยมาจนกระทั่งไม่สามารถหลีกได้จึงจำใจยอมรับ
    - เป็นพระธรรมกิตติ สถาปนาพร้อมกับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปีชวด พ.ศ.2395 ขณะอายุ 65 ปี
    - เป็นพระเทพกวี เมื่อปีขาล พ.ศ. 2397
    - เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) สถาปนาในคราวสมเด็จพระพุฒาจารย์(สน) วัดสระเกศมรณภาพลง ซึ่งตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 9 ค่ำ เดือนยี่ ปีชวด พ.ศ.2407 นับเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ รูปที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
    ในปีที่ 5 แห่งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พฺรหฺมรํสี) ได้ไปดูงานก่อสร้างพระโต วัดบางขุนพรหมใน(วัดอินทรวิหารปัจจุบัน) ได้มรณภาพที่บนศาลาการเปรียญวัดบางขุนพรหมในด้วยโรคลมปัจจุบัน เมื่อวันเสาร์ ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2415 ตรงกับ แรม 2 ค่ำ เดือน 8 (ต้น) ปีวอก จัตวาศก จุลศักราช 1234 เวลา 24.00 น. คิดทดหักเดือนตามอายุโหราจารย์ ตามสุริยคตินิยม จึงเป็นสิริอายุรวม 84 ปี พรรษา 64

    .
     
  20. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ผมติดงานที่อยุธยา ไปร่วมด้วยไม่ได้ ก็ขอให้มีความสุขสนุกสนานกันทุกท่านนะครับ...

    ถึงไม่ได้ไป ก็ขอฝากคะแนนเสียงไปด้วยละกันครับ..

    ผมไม่เห็นด้วยที่จะตั้ง"กล่องรับบริจาค"ที่บ้านอาจารย์ปู่ เนื่องจากว่า เกรงว่าจะมี"ผู้ใหม่(newcomer)"เข้าใจว่าปู่เรี่ยไร แบบนี้กระทบภาพลักษณ์ที่รักษากันมานานครับ ครั้นจะไม่ใส่ใจ ทำแบบเดิมก็เป็นภาระให้กับอีก ๒-๓ ท่าน และเป็นท่านเดิมๆจนกลายเป็นหน้าที่ไป หากแต่ท่านผู้เสียสละเหล่านี้เลือกกระทำด้วยศรัทธาจริตมากกว่าครับ ระหว่าง"หน้าที่" และ"การปฏิบัติที่เกิดจากศรัทธา" จึงต่างกันที่ตรงนี้...

    ทำอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดภาพของการเรี่ยไร?
    ทำอย่างไรที่ผู้ไปร่วมงาน รู้สึกอยากทำบุญภัตตราหาร?
    ทำอย่างไรที่ผู้จัดอาหารเลี้ยงพระไม่รู้สึกเดือดร้อนตนเอง?
    ทำอย่างไรที่จะให้เกิดความสะดวกสบายกับทุกฝ่าย?
    ทำอย่างไรจึงจะไม่เป็นการรบกวนเจ้าบ้านมากจนเกินควร?

    "คนไทย"ทุกคนล้วนมีความรู้สึก"เกรงใจ"กันทุกคนอยู่แล้ว และเท่าที่ผมสังเกตจากคณะของเราในทุกงานที่ผ่านมา ความเกรงใจ เป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันมานาน หากนำเรื่องความเกรงใจที่เป็น"จุดเด่น"ที่มีอยู่นี้ มาพิจารณาในการกำหนดวิธีการที่เหมาะสมในการร่วมปัจจัยในการถวายภัตตราหารแด่พระสงฆ์ที่มาโปรดแล้ว ผมคิดว่า ทุกท่านน่าจะเห็นด้วย อยู่ที่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้ดูแลปัจจัยนี้ พี่จิ๋ว หรือพี่แอ๊ว อยู่ที่ว่าท่านใดมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาภัตตราหารมากที่สุด ควรต้องคุยกันในรายละเอียดครับ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...