พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

คลายๆก็สนใจครับคุณตั้งใจ ....

 

เย็นๆไว้โยม

 

วันที่นัดหมายกันนี้ผมอยู่ที่อยุธยา เลยไม่สามารถจะไปร่วมด้วยได้ อย่างไรก็ตามขอมอบพระธาตุโมคคัลลานะพระอัครสาวกเบื้องซ้าย - พระธาตุอนุรุทธอรหันต์เถระเจ้า - พระธาตุสิวลีอรหันต์เถระเจ้า - น้ำพระพุทธมนต์จากพระพระเมาลีของพระอุ่นเมือง วัดน้ำฮู อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ให้คุณหนุ่มเพื่อร่วมการสรงน้ำพระในครั้งนี้ด้วยครับ

 

พี่โอนเงินให้เณรแล้วจ้า เมื่อวานเย็น
500 บาท โมทนาบูญกับทุกท่านค่ะ

 

ถวายพระนามว่า พระแก้วอุปคุตอรหันต์เถระเจ้า ปางฉันตกิจพิชิตมาร

 

พระนามตามลำดับดังนี้

พระอานนท์อรหันต์เถระเจ้าพระพุทธอุปฐาก - พระสารีบุตรพระอัครสาวกเบื้อขวา - พระโมคคัลลานะพระอัครสาวกเบื้องซ้าย

 

โมทนาบุญด้วยครับ อีกไม่นานเกินรอครับ กำลังเตรียมการบางอย่างอยู่ เมื่อวาระมาถึงคงได้ร่วมบุญนี้กัน แต่ไม่ใช่การบูรณะเพราะติดเงื่อนไขของทางการเอง เราก็ไม่ไปแตะต้องตรงนั้น ถือว่าขอบเขตของใครของมัน แต่เราจะทำให้สมเกียรติของท่านอย่างแน่นอนครับ...

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
ในครั้งหน้าที่จะได้เจอกัน ผมจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ,พระธาตุพระอุปคุต ,พระธาตุพระสารีบุตร ,พระธาตุหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ ไปร่วมกันสรงน้ำเพื่อความเป็นสิริมงคลกัน

นอกเหนือจากการทำบุญเลี้ยงพระ ,สรงน้ำพระ(พระอาจารย์นิล)

และขอพรจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาครครับ

โมทนาสาธุครับ
โมทนาสาธุครับ
โมทนาสาธุครับ
มหามุทิตาโมทนาสาธุครับ
มหามุทิตาโมทนาสาธุครับ
มหามุทิตาโมทนาสาธุครับ

.
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ขอบคุณคุณเพชรมากครับ
ขอโมทนาบุญด้วยครับ

.

 

มาดูโพลsithiphong กันครับ

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=alt2>
54.6 KB, ดาวน์โหลด 34 ครั้ง
</TD><TD class=alt1>ชื่อกระทู้: พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....
ส่งข้อความ: «ไม่มีข้อมูล»

</TD><TD class=alt2>วันนี้ 08:52 AM
</TD><TD class=alt1 style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px" align=middle><INPUT type=checkbox value=yes name=deletebox[291842]></TD></TR><TR><TD class=alt2>
54.9 KB, ดาวน์โหลด 36 ครั้ง
</TD><TD class=alt1>ชื่อกระทู้: พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....
ส่งข้อความ: «ไม่มีข้อมูล»

</TD><TD class=alt2>วันนี้ 08:40 AM
</TD><TD class=alt1 style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px" align=middle><INPUT type=checkbox value=yes name=deletebox[291835]></TD></TR><TR><TD class=alt2>
55.2 KB, ดาวน์โหลด 37 ครั้ง
</TD><TD class=alt1>ชื่อกระทู้: พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....
ส่งข้อความ: «ไม่มีข้อมูล»

</TD><TD class=alt2>วันนี้ 08:40 AM
</TD><TD class=alt1 style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px" align=middle><INPUT type=checkbox value=yes name=deletebox[291834]></TD></TR><TR><TD class=alt2>
61.7 KB, ดาวน์โหลด 49 ครั้ง
</TD><TD class=alt1>ชื่อกระทู้: พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....
ส่งข้อความ: «ไม่มีข้อมูล»

</TD><TD class=alt2>วันนี้ 08:16 AM
</TD><TD class=alt1 style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px" align=middle><INPUT type=checkbox value=yes name=deletebox[291828]></TD></TR><TR><TD class=alt2>
70.5 KB, ดาวน์โหลด 52 ครั้ง
</TD><TD class=alt1>ชื่อกระทู้: พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....
ส่งข้อความ: «ไม่มีข้อมูล»

</TD><TD class=alt2>เมื่อวานนี้ 07:55 PM
</TD><TD class=alt1 style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px" align=middle><INPUT type=checkbox value=yes name=deletebox[291658]></TD></TR></TBODY></TABLE>
.

 

อ้าว แก่แล้วดอกหรือพ่อหนุ่ม(deejai)

 

http://www.geocities.com/thedboon104/par.html

ประวัติความเป็นมา ​

พระพุทธรูปปางต่างๆ

เดิมพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์จะทรงบำเพ็ญพระราชกุศลให้เหมือนอย่างโบราณกษัตริย์ครั้งกรุงศรีอยุธยาได้เคยทรงบำเพ็ญ ด้วยมีความปรากฏในหนังสือพระราชพงศาวดารว่าสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ได้เคยทรงสร้างรูปพระโพธิสัตว์ตามเรื่องนิบาตชาดกทั้ง 550ชาติ แต่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรังเกียจว่ารูปพระโพธิสัตว์ตามนิบาตชาดกนั้น เป็นรูปเทวดาก็มี มนุษย์ก็มี สัตว์เดียรัจฉานก็มี ไม่สมควรจะสร้างขึ้นเป็นเจดีย์วัตถุ จึงโปรดฯ ให้สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส เมื่อยังดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นนุชิตชิโนรส ทรงเลือกค้นในคัมภีร์ มีเรื่องพุทธประวัติ คิดเลือกพุทธอิริยาบถปางต่างๆ เพิ่มเติมขึ้นนับรวมกับแบบเดิมเป็น 40 ปาง แล้วทรงสร้างพระพุทธเจ้าปางต่างๆ ตามระเบียบนั้นด้วยทองแดงซึ่งได้มาจาก อ.จันฑึก ดังกล่าวแล้วรวมเป็นพระพุทธรู 33 ปาง กับมีพระปางนาคปรกอันเป็นปางเกร็ดเพิ่มเข้าด้วยดังนี้ คือ

1. ปางทุกรกิริยา นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ทั้งสองประสานพระอุระ
2. ปางรับมธุปายาส นั่งห้อยพระบาท แบพระหัตถ์ทั้งสองวางบนพระชานุเป็นกิริยาคอยรับ
3. ปางลอยถาด นั่งคุกพระชานุ พระหัตถ์ซ้ายหงายบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาทรงวางถาดลงในน้ำ
4. ปางทรงรับหญ้าคา ยืน ห้อยพระหัตถ์ซ้าย ยื่นพระหัตถ์ขวาเป็นกิริยารับ
5. ปางถวายเนตร ยืน พระหัตถ์ทั้งสองประสานที่พระเพลา
6. ปางจงกรมแก้ว ยืนยกพระบาทซ้าย พระหัตถ์ทั้งสองประสานพระเพลา
7. ปางประสานบาตร นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายประคองบาตร พระหัตถ์ขวาทรงลูบปากบาตร
8. ปางฉันสมอ นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาทรงผลสมอ
9. ปางลีลา ยกพระบาทซ้าย ห้อยพระหัตถ์ซ้าย พระหัตถ์ขวายกเสมอพระอุระ กิริยาอย่างไกวพระพาหา (ตรงตามแบบอินเดีย)
10. ปางประทานเอหิภิกษุอุปสมบท นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาทรงกวัก
11. ปางปลงกรรมฐาน ยืน พระหัตถ์ซ้ายประสานพระเพลา ยื่นพระหัตถ์ขวาออกไปเป็นกิริยาจับ
12. ปางห้ามสมุทร ยืน พระหัตถ์ทั้งสองป้องเสมอพระอุระ (แบบอินเดีย เรียว่าปางประทานพร)
13. ปางอุ้มบาตร ยืน พระหัตถ์ทั้งสองประคองบาตร (พระปางอินเดียนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ทั้งสองประคองบาตร)
14. ปางภัตตกิจ นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายประคองบาตร พระหัตถ์ขวาจุ่มลงไปในบาตร
15.ปางพระเกศธาตุ นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาลูบพระเกศา
16. ปางเสด็จลงเรือขนาน นั่งห้อยพระบาทบนบัลลังก์ พระหัตถ์ซ้ายคว่ำวางบนพระเพลา พระหัตถ์ขวายกเพียงพระอุระ (พระพุทธรูปนั่งห้อยพระบาทแบบอินเดีย ทำเป็นปางประทานปฐมเทศนา)
17. ปางพระป่าเลไลย นั่งห้อยพระบาท พระหัตถ์ซ้ายคว่ำบนพระเพลา แบพระหัตถ์ขวาวางบนพระชานุ เป็นกิริยาทรงรับ
18. ปางห้ามพระแก่นจันทน์ ยืน ห้อยพระหัตถ์ขวา ยกพระหัตถ์ซ้ายป้อง
19. ปางนาคาวโลกน์ ยืน ห้อยพระบาทซ้าย ยกพระหัตถ์ขวาเสมอพระอุระ เบือนพระพักตร์ กลับมาข้างหลัง
20. ปางปลงพระชนม์ นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายคว่ำบนพระชานุ พระหัตถ์ขวาประทับพระอุระ
21. ปางรับอุทกัง นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายคว่ำบนพระชานุ พระหัตถ์ขวาทรงบาตร
22. ปางสรงน้ำ ยืน ห่มแยงผ้าอุทกสาฎก ห้อยพระหัตถ์ซ้าย พระหัตถ์ขวายกเสมอพระอุระ เป็นกิริยาลูบพระกาย
23. ปางรำพึง ยืน พระหัตถ์ทั้งสองประสานพระอุระ
24. ปางสำแดงชราธรรม นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายขวาจับพระชานุทั้งสอง
25. ปางประดิษฐานพระพุทธบาท ยืนกดปลายพระบาท พระหัตถ์ทั้งสองประสานทีพระเพลา
26. ปางสำแดงโอฬาริกนิมิตต์ นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายป้องพระอุระ พระหัตถ์ขวาคว่ำบนพระชานุ
27. ปางรับผลมะม่วง นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายคว่ำบนพระชานุ พระหัตถ์ขวาทรงผลมะม่วง
28. ปางขับพระวักกลี นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายคว่ำบนพระชานุ พระหัตถ์ขวาห้อยลงที่พระชงฆ์ เป็นกิริยาโบกพระหัตถ์
29. ปางฉันมธุปายาส นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายประคองถาด พระหัตถ์ขวาจุ่มลงในถาด
30. ปางห้ามมาร นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายหงายบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาป้องที่พระอุระ
31. ปางสนเข็ม นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ทั้งสองยกเสมอพระอุระ เป็นกิริยาจับด้ายข้างหนึ่ง เข็มข้างหนึ่ง
32. ปางชี้อัครสาวก นั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายหงายบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาชี้ เป็นกิริยาทรงเลือก
33. ปางเปิดโลก ยืน พระหัตถ์ซ้ายขวาห้อยกางออกไป และกางนิ้วพระหัตถ์หน่อยหนึ่ง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเล่าไว้ในหนังสือพระราชพิธี 12 เดือนว่า พระปางเหล่านี้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงพระราชดำริไว้ประการใดหาทราบไม่ แต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเอยู่หัว ทรงพระราชดำริเห็นว่าเป็นเค้าเงื่อนชอบกลอยู่ จึงโปรดฯ ให้หล่อเป็นฐานเขียงเติมขึ้นอีกชั้น 1 แล้วให้กาไหล่ทองคำทุกปาง เมื่อเสร็จแล้วโปรดฯ ให้จารึกทรงพระราชอุทิศแด่พระเจ้าแผ่นดินในกรุงทวาราวดีศรีอยุธยาโบราณและกรุงธนบุรี
พระโตในพระวิหารวัดกัลยาณมิตร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างตามแบบอย่างวัดพนัญเชิง และทรงสร้างพระวิหาร พระราชทานช่วยเจ้าพระยานิกรบดินทร(โต กัลยาณมิตร) ซึ่งสร้างวัดกัลยาณมิตร พระองค์นี้ถึงรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวถวายพระนามว่า พระพุทธ"ตรรัตนนายก
จากบันทึกดังกล่าวจะเห็นว่าพระมีพระพุทธรูปปางต่างๆ ถึง 40 ปาง เฉพาะสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรสทรงคิดค้นก็มีถึง 33 ปาง (คำว่าปาง หมายความว่า เมื่อ)

ความเป็นมาพระปางเกศธาตุ
ส่วนปางพระเกศธาตุที่ผู้คนพูดถึงในขณะนี้มีความเป็นมาว่า เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วได้เสวยวิมุตติสุขในสถารที่ต่างๆ 7 แห่ง หรือที่เรียกว่าสัตตมหาสถานนั้น แต่ละสถานที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่ละ 7 วัน ใน 7 วันสุดท้าย หรือสัปดาห์ที่ 7 นั้น พระองค์ประทับอยู่ที่ใต้ต้นราชาตนะ (ไม้เกต) ณ ที่นั้นตำนานกล่าวไว้ว่าพ่อค้า 2 คน ชื่อ ตะปุสสะ และ ภัลลิกะ ได้พบพระพุทธเจ้าที่นั่น เห็นพระวรกายผุดผ่องด้วยรัศมีพุทธานุภาพ เกิดความเลื่อมใสจึงถวายข้าวสัตตุก้อน และสัตตุผง อันเป็นเสบียงของตนแก่พระพุทธเจ้า แล้วปฏิญาณตนเป็นอุบาสก จึงกลายเป็นอุบาสกคู่แรกในพระพุทธศาสนา
ในขณะนั้นพระพุทธเจ้าได้ประทานพระเกศาของพระองค์แก่พ่อค้าทั้งสอง ซึ่งตำนานที่ไม่ยืนยันบอกว่า พ่อค้าทั้งสองเป็นชาวพม่า เมื่อได้พระเกศามาก็ได้สร้างพระเจดีย์บรรจุไว้ ซึ่งพระเจดีย์นี้เรียกว่า ชะเวดากอง ในพม่า ตราบเท่าทุกวันนี้

พระปางนาคปรก
ส่วนพระปางนาคปรกตามประวัตินั้น พระพุทธเจ้าทรงเสวยวิมุตติสุขในสัปดาห์ที่ 6 และประทับอยู่สรมุจรินทร์ แต่ปรากฏว่าฝนตกลงมาถึง 7 วัน ทำให้พญานาคออกมาพันตัวเป็นขนดแล้วแผ่พังพานกั้นฝนให้พระพุทธเจ้า
พระพุทธรูปปางนี้ใครเห็นก็คิดว่าสร้างแปลกจากปางนาคปรกที่รู้จักกันโดยทั่วไป แต่เมื่อศึกษาประวัติแล้วจะพบว่าเป็นพระพุทธรูปที่สร้างตรงตามพุทธลักษณะ และตามแนวคิดของสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรสในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นอย่างยิ่ง
ส่วนพระพุทธรูปปางอื่นๆ นั้นสามารถชมและบูชาได้ที่ซุ้มหน้าต่างอุโบสถวัดโพธิ์ทอง(วัดทุ่ง) สร้างไว้พร้อมกับสร้างอุโบสถเมื่อพุทธศักราช 2510

 

ปางภัตตกิจ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
<!-- start content -->ปางภัตตกิจ เป็นพระพุทธรูปอยู่ในอิริยาบถประทับ ( นั่ง ) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายประคองบาตรซึ่งวางอยู่บนพระเพลา ( ตัก ) พระหัตถ์ขวาหย่อนลงในบาตร เป็นกิริยาเสวย

ประวัติ

ในครั้งเมื่อพระพุทธเจ้าได้โปรดยสกุลบุตรผู้หนีความวุ่นวายในเรือน ออกมา ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นพระโสดาบัน ต่อมาพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโปรดบิดาของยสกุลบุตรได้แสดงตนเป็นอุบาสกขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง นับเป็นปฐมอุบาสกผู้ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งคนแรกในพระพุทธศาสนา การเทศนาครั้งที่ 2 นี้ ยังผลให้ยสกุลบุตร ผู้นั่งฟังอยู่ด้วยบรรลุอรหัตผล พระพุทธองค์ทรงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาให้ยสกุลบุตร วันต่อมาทรงรับนิมนต์ไปเสวยภัตตาหารที่บ้านบิดาพระยสะ นับเป็นครั้งแรกที่เสด็จไปเสวยภัตตาหารตามบ้านและได้ทรงแสดงธรรมโปรดมารดาและภรรยาเก่าของพระยสะ จนได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นพระโสดาบันและขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเป็นอุบาสิกาคู่แรกในพระพุทธศาสนา

ความเชื่อและคตินิยม

เป็นพระพุทธรูปประจำเดือน 9

อ้างอิง

• สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ. ตำนานพุทธเจดีย์. ธนบุรี : ศิลปาบรรณาคาร โรงพิมพ์รุ่งวัฒนา, 2513.
• เรื่องพระพุทธรูปปางต่างๆ หลวงบริบาลบุรีรัตน์ และนายเกษมบุญศรี (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์ขึ้นเพื่อพระราชทานในงานพระราชกุศลราชคฤหมงคลขึ้นพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2500)
• สกุลศิลปพระพุทธรูปในประเทศไทย อาจารย์จิตร บัวบุศย์
• ศิลปในประเทศไทย ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิสกุล
• http://www.dhammathai.org/pang/pang.php
• http://www.lekpluto.com/index02/special06.html
• http://www.banfun.com/

<TABLE style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-LEFT-WIDTH: 0px; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 100%; BORDER-RIGHT-WIDTH: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 2px; FONT-SIZE: 10pt" noWrap align=left width=150 bgColor=#8a9e49></TD><TH style="FONT-SIZE: 10pt; COLOR: #fefefe" vAlign=center align=left bgColor=#8a9e49>ปางพระพุทธรูปต่าง ๆ</TH><TD style="PADDING-RIGHT: 57px" vAlign=top noWrap align=right width=80 bgColor=#8a9e49 height=22><BIG>ด​

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ฮั่วเสอเทียนจู๋ (画蛇添足) : วาดงูเติมขา
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9510000028796
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>11 มีนาคม 2551 17:36 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=329 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=329> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> 画 แปลว่า วาด
蛇 แปลว่า งู
添 แปลว่า เติม
足 แปลว่า เท้า(ขา)

ในสมัยสงครามระหว่างรัฐ(จั้นกั๋ว) มีครอบครัวครอบครัวหนึ่งในรัฐฉู่ เมื่อทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษแล้วมักจะมอบสุราให้กับผู้ที่มาช่วยงานเป็นการตอบแทน 1 ไห แต่ในความเป็นจริงแล้วสุรา 1 ไหมีปริมาณน้อยเกินไป หากแบ่งให้ทุกคนดื่มต่างก็ดื่มได้ไม่เต็มที่ ไม่สู้ดื่มเพียงคนเดียว

ผู้ที่มาช่วยงานผู้หนึ่งจึงออกความเห็นว่า
"เพื่อความเป็นธรรม เอาอย่างนี้ดีกว่า พวกเราวาดรูปงูแข่งกัน ใครวาดเสร็จก่อนก็ได้สุราไหนั้นไป"

คนอื่นๆ ต่างเห็นด้วย จึงพากันวาดรูปงูลงบนพื้น สักพักมีคนผู้หนึ่งวาดเสร็จก่อน แต่เมื่อเขามองไปรอบๆ เห็นคนอื่นยังคงก้มหน้าก้มตาวาดกันอยู่ เขาจึงกระหยิ่มใจ และคิดว่าเพื่อเป็นการแสดงให้คนอื่นเห็นว่าตนวาดภาพเร็วมาก หากวาดขาเติมลงไปในรูปงูของตนเองอีก 4 ข้างก็ยังทัน คิดได้ดังนั้นจึงวาดต่อ แต่วาดยังไม่ทันเสร็จ มีคนอีกผู้หนึ่งวาดรูปงูเสร็จแล้ว และเดินไปหยิบไหสุรามาถือไว้ก่อนใคร ทั้งยังเดินมากล่าวกับชายที่เติมขาให้งูว่า
"ท่านจะมัวเติมขาให้งูไปทำไม ในเมื่อความจริงงูไม่มีขา งูที่มีขาย่อมไม่ใช่งู"

หลังจากกล่าวจบก็ดื่มสุราไหนั้นจนหมดเกลี้ยง

นั่นคือที่มาของสุภาษิต "ฮั่วเสอเทียนจู๋" หรือ "วาดงูเติมขา"

ปัจจุบันใช้เพื่อเปรียบเทียบกับการทำสิ่งที่เกินจำเป็น เกินพอดี ไม่มีเหตุผล ซึ่งนอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้วยังเสียเวลา และอาจจะทำให้เรื่องราวเลวร้ายลงไปอีกด้วย
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

นำมาฝากกันตอนเย็นๆ หุหุหุ








http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000029404

http://palungjit.org/showthread.php?t=117887
.

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 9 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 7 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>nongnooo, sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE>
อ้าว ไงเหลือแค่ท่าน ปา-ทานกับผมละครับ เมื่อกี้ไปทานหมูแดงย่างมาแล้วอร่อยมากกกครับ

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 10 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 6 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, เด็กวัดป่า, chaipat+, peesut </TD></TR></TBODY></TABLE>

อาจาน chaipat ไม่หิวมั่งเหรอ

มีทั้งส้มตำ ไก่ย่าง ถ้ามีข้าวเหนียวอีกกะติ๊บนึง เยี่ยมเลย
.

 

อ่า ยังไม่ได้กินอะไรเลย หิวเหมือนกัน

แต่ดันเอาไก่ย่างมาล่อน้ำลายคนอื่น หิวเองเลย

.

 

เนื้อม่ายทานคร๊าบ...นะจาบอกให้(rose)

 

นำอาหารมายั่วกระเพาะยามค่ำคืนแบบนี้ ผมมีอาหารของชาวจีนยูนนานจากการไป"เมืองปาย"เที่ยวนี้มายั่วยวน..

เวลาหิวเห็นอะไรๆก็น่าทานกันไปหมด ดังนั้นไม่ขออธิบายครับว่า แต่ละจานคืออะไร...