สำนักวัดนาป่าพงคึกฤทธิ์และสาวกพลาด! สร้าง" พุทธวจน " ปลอม

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย เสขะปฎิสัมภิทา, 7 กรกฎาคม 2015.

  1. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    [ame]https://youtu.be/BraaBy6xAgg[/ame]
     
  2. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    หัดรู้จักมั่ง วิมุตติญานทัสสนะคืออะไร ? เพ่งธรรมโดยวิมุตติคืออะไร? นิรุตติญานทัสสนะกถาคืออะไร?

    แล้วไปตัดอรรถกถาออกจะเป็นอย่างไร?

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย นักพูด ๔ จำพวกนี้ ๔ จำพวกเป็นไฉน
    นักพูดย่อมจำนนโดยอรรถ แต่ไม่จำนนโดยพยัญชนะก็มี
    นักพูดจำนนโดยพยัญชนะแต่ไม่จำนนโดยอรรถก็มี
    นักพูดจำนนทั้งโดยอรรถทั้งโดยพยัญชนะก็มี
    นักพูดไม่จำนนทั้งโดยอรรถทั้งโดยพยัญชนะก็มี
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย นักพูด๔ จำพวกนี้แล
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่ภิกษุผู้ประกอบด้วยปฏิสัมภิทา ๔
    พึงถึงความจำนนโดยอรรถหรือโดยพยัญชนะ นี้ไม่ใช่ฐานะ ไม่ใช่โอกาส ฯ


    ก็บอกแล้วว่าการวิสัชนาธรรมต่างๆ ของ ผู้มีปฎิสัมภิทาญาน นั้นมีความสามารถสูงสุดในพระพุทธศาสนา เป็นผู้สามารถปกป้องรักษาและเปลี่ยนแปลงรักษาสังคายนาพระไตรปิฏกได้เท่านั้น


    เคยดูไหม? มิลินทปัญหา นิมนต์วิสัชนา อุปมายิ่งขึ้นไปอีก นั่นแหละ จิตวิมุตติญานทัสสนะกถา หรือ เรียกว่า อรรถกถา ของพระอรหันต์อเสกขภูมิของท่านพระนาคเสนเถระเจ้า


    [ame]https://youtu.be/l00hgn1AE-A[/ame]


    ผู้บรรลุปฎิสัมภิทาญาน ๑ ภาษิต สามารถขยายอรรถที่มีมาในภาษิต ๑ เดียวนั้นได้เป็นนับร้อยพันประโยค

    พวกไม่รู้จักปฎิสัมภิทาญานก็เลยโง่แบบคึกฤทธิ์และสาวกไง ดูหมิ่นพระพุทธเจ้าไปด้วย ไม่เอาปฎิสัมภิทาแต่ไปเอาพระไตรปิฏกที่ได้มาจากพระอรหันต์เถระผู้บรรลุปฎิสัมภิทาสังคายนาไว้มาชำแหละขายกิน





    "จงเรียนรู้"

    จงพิจารณาให้กว้างขวางไปในโลกธาตุต่าง ว่าจะมีผู้ใดที่ควรแก่ฐานะที่สมควรบอก สมควรสอน สมควรเป็นครูเป็นอาจารย์แก่เหล่าพุทธบริษัท และเหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลายมากที่สุด

    ในทางกลับกันหลังจากศึกษาธรรมต่อไปนี้ผู้มีปัญญาคงจะรู้แล้วว่า ถ้าไม่ใช้พระอรหันต์ผู้ทรงภูมิปัญญาผู้ตรัสรู้ธรรม สุกขวิปัสสโก๑ เตวิชโช๑ ฉฬภิญโญ๑ ปฏิสัมภิทัปปัตโต๑ ก็ไม่สมควรเป็นครูเป็นอาจารย์ของผู้ใด

    พระพุทธเจ้าท่านทรงเมตตาสั่งสอนไว้อย่างไรในข้อนี้


    สากัจฉสูตร
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นผู้ควรสนทนาของเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีลด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภสีลสัมปทาได้ ๑

    ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยสมาธิด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภสมาธิสัมปทาได้ ๑

    ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญาด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภปัญญาสัมปทาได้ ๑

    ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิมุตติด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภวิมุตติสัมปทาได้ ๑

    ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิมุตติญาณทัสสนะด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภวิมุตติญาณทัสสนสัมปทาได้ ๑

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ควรสนทนาของเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ฯ
    จบสูตรที่ ๕


    ก็พลาดไปอย่างหนึ่งในข้อนี้ ในปัญหาถามตอบ คือลืม พิจารณาไป ว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายฯนั้นทรงปฎิสัมภิทาญานอันเลิศยิ่งกว่า จึงคิดไปว่า ปฎิสัมภิทาญานนี้ออกมาจากการแสดงธรรมของท่านพระสารีบุตร เป็นบุคคลแรกบุคคลเดียว ถ้ารู้ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ทรง เป็นผู้มีปฎิสัมภิทาญานอันเลิศกว่าโดยทรงตรัสรู้ไว้โดย{เฉพาะ}









    องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรสนทนาด้วย

    อุ. ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแลพระพุทธเจ้าข้า?

    พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:
    ๑. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองศีล ของพระอเสขะ
    ๒. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองสมาธิ ของพระอเสขะ
    ๓. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองปัญญา ของพระอเสขะ
    ๔. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองวิมุตติ ของพระอเสขะ
    ๕. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองวิมุตติญาณทัสสนะ ของพระอเสขะ

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.


    องค์ของภิกษุผู้ควรสนทนาด้วย

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายพึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง?คือ:
    ๑. เป็นผู้ประกอบด้วยกองศีล ของพระอเสขะ
    ๒. เป็นผู้ประกอบด้วยกองสมาธิ ของพระอเสขะ
    ๓. เป็นผู้ประกอบด้วยกองปัญญา ของพระอเสขะ
    ๔. เป็นผู้ประกอบด้วยกองวิมุตติ ของพระอเสขะ
    ๕. เป็นผู้ประกอบด้วยกองวิมุตติญาณทัสสนะ ของพระอเสขะ

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายพึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.


    องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรสนทนาอีกนัยหนึ่ง

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:
    ๑. ไม่เป็นผู้บรรลุอรรถปฏิสัมภิทา
    ๒. ไม่เป็นผู้บรรลุธรรมปฏิสัมภิทา
    ๓. ไม่เป็นผู้บรรลุนิรุตติปฏิสัมภิทา
    ๔. ไม่เป็นผู้บรรลุปฏิภาณปฏิสัมภิทา
    ๕. ไม่พิจารณาจิตตามที่วิมุติ

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.

    องค์ของภิกษุผู้ควรสนทนาด้วย

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายพึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง?คือ:
    ๑. เป็นผู้บรรลุอรรถปฏิสัมภิทา
    ๒. เป็นผู้บรรลุธรรมปฏิสัมภิทา
    ๓. เป็นผู้บรรลุนิรุตติปฏิสัมภิทา
    ๔. เป็นผู้บรรลุปฏิภาณปฏิสัมภิทา
    ๕. พิจารณาจิตตามที่วิมุติ

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายพึงสนทนากับภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
    ภิกขุนีโอวาทวรรค ที่ ๘ จบ


    แล้วใคร? ที่คิดว่า พุทธวจนปิฏก ดีเลิศกว่าพระไตรปิฏกสำนักอื่นที่มีแต่คำปลอม

    แน่ใจเหรอว่าสามารถรวบรวมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าได้ทั้งหมด

    คุณสมบัติในการเป็นครูบาอาจารย์ยังไม่มีด้วยซ้ำ จะเปลี่ยนแปลงยกเลิกพระไตรปิฏก หลอกลวงเหล่าสัตว์ตาบอดให้โง่งมงายด้วย พุทธพาณิชย์

    ใครเห็นด้วยก็เชิญ แล้วแต่เวรแต่กรรม ใครไม่เห็นด้วย เราก็ยินดีด้วย

    [ame]https://youtu.be/fJ69eQETA6A[/ame]

    คงรู้แล้วนะ ฐานะผู้ที่จะเป็นครูอาจารย์สั่งสอนธรรมผู้อื่นเขา ควรมีคุณสมบัติอย่างไร? ไปหามั่วๆ ย่อม ไปได้แบบมั่วๆ ประเภทสอนลัดขั้นตอน วิสัชนาธรรมผิดพลาด ตื้นเขิน สติปัญญาของผู้เล่าเรียน ฝึก ปฎิบัติ ก็จะได้แต่ปริยัติงูพิษ ไม่มีทางที่จะเจริญไปกว่านั้นได้ในชาติ แถมชาติหน้าจะต้องตกไปอยู่ในภพภูมิต่ำกว่าที่เดิมอีกเพราะไปปรามาสพระสัทธรรม พระธรรม พระธรรมวินัยเข้า

    สิ่งที่เราไปยึดนั้นหากเป็นสิ่งที่เป็น๐สัมมาทิฐิ๐จะเป็นเส้นสายตรงดิ่ง ทอดยาวถึงจุดหมายมีผลในการเจริญเข้าถึงสรรพธรรม แต่ถ้าเป็น#มิจฉาทิฐิ# ก็จะหมุนวนพันกันไปกันมาจับต้นชนปลายไม่ถูกทำให้ไม่มีทางเข้าถึงสรรพธรรมอันเจริญกว่าที่เสวยเวทนาอยู่ได้ อรรถนี้สาธยายโดยพิสดารโดย "เผยให้เห็นวิมุตติ แต่ถ้าผู้มีปัญญาธรรมอันสั่งสมมาดีแล้ว จะทราบรส อันสืบเนื่องมาจาก วิมุตติรส

    จึงควรเลือกเฟ้นหาครูบาอาจารย์ให้ดีๆ อย่าลัดขั้นตอน ทำให้ได้ ทั้ง ปริยัติ ปฎิบัติ ปฎิเวธ ด้วยความเพียรพยายาม

    ทนฺโต เสฏฺโฐ มนุสฺเสสุ. ทันโต เสฏโฐ มะนุสเสสุ
    ในหมู่มนุษย์ทั้งหลาย ผู้ฝึกตนดีแล้วเป็นผู้ประเสริฐสุด


    “ดูก่อนอานนท์ ภิกษุเหล่าใดเหล่าหนึ่งในบัดนี้ก็ดี ในกาลที่เราล่วงไปก็ดี จักเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง ดำรงชีวิตอยู่ ภิกษุเหล่านั้นผู้ใคร่ต่อการศึกษา จักอยู่เหนือความมืด”

    อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ

    " ตนแลเป็นที่พึ่งของตน บุคคลอื่นใครเล่า พึงเป็นที่พึ่งได้ เพราะบุคคล มีตนฝึกฝนดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่ง ที่บุคคลได้โดยยาก"

    ช่วยได้เพียงเท่านี้ที่เหลือต้องพึ่งตนเอง พยายามเข้า สหชาติกัลยาณมิตรทั้งหลายฯ




    แม้นผู้ใดร้อนวิชากล้ำกลืนอยากจะสอนก็มีให้เห็นเต็มโลกธาตุในปัจจุบัน ก็จงกลั้นใจรับฟังธรรมให้ดีๆล่ะกัน ถ้าเห็นว่ามั่วนิ่มเพียงน้อยนิดก็อย่าไปหลงตาม ควรฝึกหัดพิจารณาแยกแยะให้เป็น พอรู้ตัวก็ไม่รู้ว่าใครจะสอนใคร? หาอาจารย์ไม่ได้เลย



    คึกฤทธิ์ผิดตรงไหน? การทำลายพระไตรปิฏกตัดอรรถกถาผิดตรงไหน? พระพุทธเจ้าสอนให้ฟังใคร หรือสนทนากับใคร?


    คิดสิ! แล้วใคร หมุนทวนพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2016
  3. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    พระพุทธพจน์ที่ยกขึ้นสู่แบบแผนด้วยมาคธีภาษา ยังไม่บรรลุถึงคลองแห่งโสตประสาทของพระอริยบุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทานั้น เป็นการเนิ่นช้า. แต่เมื่อโสตประสาทพอพระพุทธพจน์กระทบแล้วเท่านั้น เนื้อความก็ปรากฏตั้งร้อยนัย พันนัย. ก็พระพุทธพจน์ที่ยกขึ้นสู่แบบแผนด้วยภาษาอื่น ก็ย่อมต้องเรียนเอาแบบตีความแล้วตีความเล่า.
    อันธรรมดาว่า การเรียนพระพุทธพจน์แม้มากมายแล้วบรรลุปฏิสัมภิทา ย่อมไม่มีแก่ปุถุชน, แต่พระอริยสาวกที่จะชื่อว่าไม่บรรลุปฏิสัมภิทานั้น ย่อมไม่มีเลย.
    ความรู้แตกฉานในญาณทั้ง ๓ เหล่านั้นของพระอริยบุคคลผู้กระทำญาณอันมีในที่ทั้งปวงให้เป็นอารมณ์แล้วพิจารณาอยู่, หรือว่า ญาณอันถึงความกว้างขวางในญาณทั้ง ๓ เหล่านั้น ด้วยสามารถแห่งอารมณ์และกิจเป็นต้น ชื่อว่าปฏิภาณปฏิสัมภิทา.
    ก็บัณฑิตพึงทราบปฏิสัมภิทา ๔ เหล่านี้ว่า ย่อมถึงซึ่งประเภทในฐานะ ๒. ย่อมผ่องใสด้วยเหตุ ๕.
    ย่อมถึงซึ่งประเภทในฐานะ ๒ เป็นไฉน?
    คือ ในเสกขภูมิ ๑ อเสกขภูมิ ๑.
    ใน ๒ ภูมินั้น ปฏิสัมภิทาของพระมหาเถระ ๘๐ องค์ มีพระเถระผู้มีนามอย่างนี้ คือ พระสารีบุตรเถระ, พระมหาโมคคัลลานเถระ, พระมหากัสสปเถระ, พระมหากัจจายนเถระ, พระมหาโกฏฐิตเถระเป็นต้น ถึงซึ่งประเภทในอเสกขภูมิ, ปฏิสัมภิทาของพระอริยบุคคลทั้งหลายมีพระอริยบุคคลผู้มีนามอย่างนี้ คือพระอานนทเถระ, ท่านจิตตคฤหบดี, ท่านธรรมมิกอุบาสก, ท่านอุบาลีคฤหบดี, ขุชชุตตราอุบาสิกาเป็นต้น ถึงซึ่งประเภทในเสกขภูมิ, ปฏิสัมภิทาย่อมถึงซึ่งประเภทในภูมิ ๒ เหล่านี้ด้วยประการฉะนี้.



    ด้วยปฎิสัมภิทาญานนั้น สามารถแจกแจงแม้จะมีเพียงพุทธภาษิตเดียวก็สามารถพิจารณาออกได้ไม่จบสิ้น ใครเคยแต่งกระทู้ธรรม หรือเขียนเรียงความก็คงรู้ ครูบาอาจารย์ให้โจทย์มาข้อเดียว แล้วให้นักเรียนแต่งหรือเขียนเรียงความตามสามารถและนึกคิดของตน นั่นแหละ การฝึกฝน ญานทัสสนะกถา เป็นส่วนหนึ่งของ ปฎิสัมภิทาญาน

    แต่เมื่อเป็นเรื่องธรรมะ หรือพุทธภาษิตใดภาษิตหนึ่งมาพิจารณาตามจริตที่เพ่งโดยกองวิมุตติ หรือเรียกว่าการเสวยวิมุตติธรรม อมฤตธรรม อันไม่มีทางอิ่ม ก็จะสามารถวิสัชนาได้ไม่สิ้น ถ้าจะให้พิจารณาจริงๆ 45 เล่ม หรือ 99 เล่มก็ยังน้อยไป กระดาษทั้งโลกใบนี้ไม่พอที่จะจารึกบันทึกพระสัทธรรมทั้งหมดทั้งมวลด้วย วิมมุติญานทัสสนะโดยนิรุตติญานทัสสนกถาได้ทั้งหมดหรอก ไม่มีทาง นี่ขนาดใบประดู่ในพระหัตถ์ของพระพุทธเจ้าเพียงไม่กี่ใบเท่านั้นเองนะ

    ที่พระองค์ไม่ทรงให้แต่งใหม่หรือบัญญัติของพระองค์ใหม่ ก็เพราะเป็นหลักสูตรของพระองค์ที่ทรงถ่ายทอดไว้โดยตรง


    แต่หลักสูตรของพระมหาเถระตามจิตที่วิมุตติท่านก็มีต่างหาก อย่างเช่นพระมัณตานีบุตรที่ทรงตรัสชื่นชมและยกให้เป็นเอตทัคคะ เพราะปฎิบัติอย่างไร? ก็สอนอย่างนั้น

    พระสาวกแก้วรูปใดสามารถบรรลุธรรมได้ด้วยวิมุตติญานทัสสนะด้วยตนเอง นั่นคือบรรลุด้วยจริตธรรมของตัวท่านเองท่านจึงบันทึกการวิสัชนาธรรมและการบรรลุธรรมด้วยข้อนั้นๆไว้ด้วยก็คือ เถระคาถา

    [ame]https://youtu.be/HJd1HUlLUqI[/ame]





    รู้แล้วจงเข้าใจและใส่ใจด้วย



    เล่นไปบ้าจี้ตามคึกฤทธิ์ ไปตัดอรรถกถาออก และไปวิสัชนาแต่งเติมใหม่ ได้ซวยครั้งมโหฬาร เรียบร้อยโรงเรียนนรกแน่

    ชัดไหม? ชัดเจนไหม? เข้าใจไหม?


    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นคนทั้งหลายเอาแก่นจันทน์มีราคาตั้งแสนกษาปณ์ ขายแลกกับเปรียงเน่า.

    หากไม่มีผู้ควบคุมธาตุ สรรพสัตว์ในสหโลกธาตุทั้งหลายฯ ย่อมพินาศเสื่อมสูญฯ วัฎสงสารจึงเจริญไม่สิ้นไป ควรจะบวชอุทิศผู้ใดใครกันเล่า!


    พระธรณีปวดร้าว
    ทุกครั้งที่โลกธาตุสั่นสะเทือนหวั่นไหว ด้วยการสำเร็จในการบรรลุพระสัทธรรม นั้นจะยืดเวลารักษาสภาพของโลกธาตุต่างๆไว้

    แต่ทุกครั้งที่พระสัทธรรมถูกแต่งเติมด้วยสัทธรรมปฎิรูปและถูกย่ำยีด้วยอามิสทายาทที่เนรคุณต่อพระสัทธรรมธรณีจะหวั่นไหวพินาศ(ธาตุ๔)

    และทุกครั้งที่อสัทธรรมเจริญโชติช่วงจนถึงขีดสุดก็ถึงคราวิบัติของโลก


    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรกัสสป ข้อนั้นเป็นอย่างนี้คือ
    เมื่อหมู่สัตว์เลวลง พระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป สิกขาบทจึงมีมากขึ้น ภิกษุที่ตั้งอยู่ในพระอรหัตผลจึงน้อยเข้า สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด
    ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป และสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นในโลกเมื่อใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป ทองเทียมยังไม่เกิดขึ้นในโลก ตราบใด

    ตราบนั้นทองคำธรรมชาติก็ยังไม่หายไป และเมื่อทองเทียมเกิดขึ้น ทองคำธรรมชาติจึงหายไป ฉันใด พระสัทธรรมก็ฉันนั้น สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลก ตราบใด ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป เมื่อสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้น เมื่อใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป ฯ

    ดูกรกัสสป ธาตุดินยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ธาตุ
    น้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ก็ยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ที่แท้โมฆบุรุษใน
    โลกนี้ต่างหาก เกิดขึ้นมาก็ทำให้พระสัทธรรมเลือนหายไป เปรียบเหมือนเรือจะอัปปาง ก็เพราะต้นหนเท่านั้น พระสัทธรรมยังไม่เลือนหายไปด้วยประการฉะนี้


    "ดูก่อนท่านปัณฑรสฤาษี ในกาลภายหน้านั้น ภิกษุเป็นอันมาก จะเป็นคนมักโกรธ มักผูกโกรธไว้ ลบหลู่ คุณท่าน หัวดื้อ โอ้อวด ริษยา มีวาทะแตกต่างกัน จะเป็นผู้มีมานะ (ถือตัว) ในธรรม ที่ยังไม่รู้ทั่วถึง คิดว่าตื้น ในธรรมที่ลึกซึ้ง เป็นคนเบาปัญญา ไม่เคารพธรรม ไม่มีความเคารพกันและกัน

    ในกาลข้างหน้า โทษภัยเป็นอันมากจะเกิดขึ้นในหมู่สัตว์โลก ก็เพราะภิกษุทั้งหลาย ผู้ไร้ปัญญา จะกระทำ ธรรมะ ที่พระศาสดา ทรงแสดงแล้วนี้ ให้เศร้าหมอง

    ทั้งพวกภิกษุที่มีคุณอันเลว แต่โวหารจัดแกล้วกล้า มีกำลังมาก ปากกล้า ไม่ได้ศึกษาธรรมวินัย ก็จะมีขึ้น ในสังฆมณฑล ส่วนภิกษุผู้มีคุณความดี มีโวหารสมควรแก่เนื้อความ มีความละอาย ต่อบาป ไม่ต้องการ อะไรๆ ก็จะมีกำลังน้อย

    ธาตุอันตรธานปริวัตต์
    คำว่า อัตรธาน คือ ความเสื่อมสูญเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา มี ๕ ประการ คือ
    ๑.ปริยัติอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งพระปริยัติ
    ๒.ปฏิบัติอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งการปฏิบัติ
    ๓.ปฏิเวธอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งการสำเร็จมรรคผลนิพพาน
    ๔.ลิงคอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งเพศสมณะ
    ๕.ธาตุอันตรธาน การเสื่อมสูญแห่งพระบรมธาตุ


    เตรียมตัวเข้าสู่ยุคมหันตภัยในกึ่งพุทธกาลกันได้แล้ว


    ก็เพราะไอ้คึกฤทธิ์ มันไป ทำลาย พระปริตร อภยปริตร และมหาสุบินชาดก ไปเอาหลักฐานงูๆปลาๆของผู้ไม่รู้มาประกอบ โดยหาว่าเป็นคำแต่งใหม่ เป็นเดรัจฉานวิชา เป็นมิจฉาทิฏฐิ เราถึงได้ปรากฎออกมาต่อต้านมันโดยเป็นการส่วนตัว เรื่องพระปริตรนี้ที่มีมาในทุกๆห้วงกึ่งพุทธสมัยในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆพุทธสมัยในอดีตนั้นด้วย ทรงแสดงไว้เป็นนัยยะที่สำคัญยิ่ง นั่นแหละสัญญาน ความฉิบหายจักบังเกิดแก่สัตว์โลกเป็นอันมาก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2016
  4. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    พระสุตตันตปิฎก




    ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค

    ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น



    ปัญญาญาณ ๗๓


    ๑. ปัญญาในการทรงจำธรรมที่ได้ฟังมาแล้ว เป็นสุตมย-
    ญาณ,
    ๒. ปัญญาในการฟังธรรมแล้วสังวรไว้ เป็นสีลมยญาณ,
    ๓. ปัญญาในการสำรวมแล้วตั้งไว้ดี เป็นภาวนามยญาณ,
    ๔. ปัญญาในการกำหนดปัจจัย เป็นธรรมฐิติญาณ,
    ๕. ปัญญาในการย่อธรรมทั้งหลาย ทั้งอดีต, อนาคต
    และปัจจุบันแล้วกำหนดไว้ เป็นสัมมสนญาณ,


    ๖. ปัญญาในการพิจารณาเห็นความแปรปรวนแห่งธรรม
    ส่วนปัจจุบัน เป็นอุทยัพพยญาณ,
    ๗. ปัญญาในการพิจารณาอารมณ์แล้วพิจารณาเห็นความ
    แตกไป เป็นวิปัสสนาญาณ,
    ๘. ปัญญาในการปรากฏโดยความเป็นภัย เป็นอาทีนว-
    ญาณ,
    ๙. ปัญญาในความปรารถนาจะพ้นไปทั้งพิจารณา และ
    วางเฉยอยู่ เป็นสังขารุเปกขาญาณ,
    ๑๐. ปัญญาในการออกและหลีกไปจากสังขารนิมิตภาย
    นอก เป็นโคตรภูญาณ,
    ๑๑. ปัญญาในการออกและหลีกไปจากกิเลส ขันธ์ และ
    สังขารนิมิตภายนอกทั้งสอง เป็นมรรคญาณ,
    ๑๒. ปัญญาในการระงับปโยคะ เป็นผลญาณ,
    ๑๓. ปัญญาในการพิจารณาเห็นอุปกิเลสนั้น ๆ อันอริย-
    มรรคนั้น ๆ ตัดเสียแล้ว เป็นวิมุตติญาณ,
    ๑๔. ปัญญาในการพิจารณาเห็นธรรมที่เข้ามาประชุมใน
    ขณะนั้น เป็นปัจจเวกขณญาณ,
    ๑๕. ปัญญาในการกำหนดธรรมภายใน เป็นวัตถุนานัตต-
    ญาณ,



    ๑๖. ปัญญาในการกำหนดธรรมภายนอก เป็นโคจรนา-
    นัตตญาณ,
    ๑๗. ปัญญาในการกำหนดจริยา เป็นจริยานานัตตญาณ,
    ๑๘. ปัญญาในการกำหนดธรรม ๔ เป็นภูมินานัตตญาณ,
    ๑๙. ปัญญาในการกำหนดธรรม ๙ เป็นธรรมนานัตตญาณ,
    ๒๐. ปัญญาที่รู้ยิ่ง เป็นญาตัฏฐญาณ,
    ๒๑. ปัญญาเครื่องกำหนดรู้ เป็นตีรณัฏฐญาณ,
    ๒๒. ปัญญาในการละ เป็นปริจจาคัฏฐญาณ,
    ๒๓. ปัญญาเครื่องเจริญ เป็นเอกรสัฏฐญาณ,
    ๒๔. ปัญญาเครื่องทำให้แจ้ง เป็นผัสสนัฏฐญาณ,
    ๒๕. ปัญญาในความต่างแห่งอรรถ เป็นอรรถปฏิสัมภิทา-
    ญาณ,
    ๒๖. ปัญญาในความต่างแห่งธรรม เป็นธรรมปฏิสัมภิทา-
    ญาณ,
    ๒๗. ปัญญาในความต่างแห่งนิรุตติ เป็นนิรุตติปฏิสัม-
    ภิทาญาณ,
    ๒๘. ปัญญาในความต่างแห่งปฏิภาณ เป็นปฏิภาณปฏิ-
    สัมภิทาญาณ,

    ๒๙. ปัญญาในความต่างแห่งวิหารธรรม เป็นวิหารรัฏฐ-
    ญาณ,


    ๓๐. ปัญญาในความต่างแห่งสมาบัติ เป็นสมาปัตตัฏฐ-
    ญาณ,
    ๓๑. ปัญญาในความต่างแห่งวิหารสมาบัติ เป็นวิหารสมา-
    ปัตตัฏฐญาณ,
    ๓๒. ปัญญาในการตัดอาสวะขาดเพราะความบริสุทธิ์แห่ง
    สมาธิอันเป็นเหตุให้ไม่ฟุ้งซ่าน เป็นอานันตริกสมาธิ-
    ญาณ,
    ๓๓. ทัสนาธีปไตย ทัสนะมีความเป็นอธิบดี วิหาราธิคม
    คุณเครื่องบรรลุคือวิหารธรรมอันสงบ และปัญญาใน
    ความที่จิตเป็นธรรมชาติน้อมไปในสมาบัติอันประ-
    ณีต เป็นอรณวิหารญาณ,
    ๓๔. ปัญญาในความเป็นผู้มีความชำนาญด้วยความเป็นผู้
    ประกอบด้วยพละ ๒ ด้วยความระงับสังขาร ๓ ด้วย
    ญาณจริยา ๑๖ และด้วยสมาธิจริยา ๙ เป็นนิโรธ
    สมาปัตติญาณ,
    ๓๕. ปัญญาในความสิ้นไปแห่งความเป็นไปแห่งกิเลส
    และขันธ์ของบุคคลผู้รู้สึกตัว เป็นปรินิพพานญาณ,
    ๓๖. ปัญญาในความไม่ปรากฏแห่งธรรมทั้งปวง ในการ
    ตัดขาดโดยชอบและในนิโรธ เป็นสมสีสัฏฐญาณ,



    ๓๗. ปัญญาในความสิ้นไปแห่งกิเลสอันหนาสภาพต่าง ๆ
    และเดช เป็นสัลเลขัฏฐญาณ,
    ๓๘. ปัญญาในความประคองไว้ซึ่งจิตอันไม่หดหู่และจิตที่
    ส่งไป เป็นวิริยารัมภญาณ,
    ๓๙. ปัญญาในการประกาศธรรมต่าง ๆ เป็นอรรถสัน-
    ทัสสนญาณ,
    ๔๐. ปัญญาในการสงเคราะห์ธรรมทั้งปวงเป็นหมวดเดียว
    กันในการแทงตลอดธรรมต่างกันและธรรมเป็นอัน
    เดียวกัน เป็นทัสสนวิสสุทธิญาณ,

    ๔๑. ปัญญาในความที่ธรรมปรากฏโดยความเป็นของไม่
    เที่ยงเป็นต้น เป็นขันติญาณ,
    ๔๒. ปัญญาในความถูกต้องธรรม เป็นปริโยคาหนญาณ,
    ๔๓. ปัญญาในการรวมธรรม เป็นปเทสวิหารญาณ,

    ๔๔. ปัญญาในความมีกุศลธรรมเป็นอธิบดี เป็นสัญญา-
    วิวัฏฏญาณ,
    ๔๕. ปัญญาในธรรมเป็นเหตุละความเป็นต่าง ๆ เป็นเจโต-
    วิวัฏฏญาณ,
    ๔๖. ปัญญาในการอธิษฐาน เป็นจิตตวิวัฏฏญาณ,
    ๔๗. ปัญญาในธรรมอันว่างเปล่า เป็นญาณวิวัฏฏญาณ,
    ๔๘. ปัญญาในความสลัดออก เป็นวิโมกขวิวัฏฏญาณ,



    ๔๙. ปัญญาในความว่าธรรมจริง เป็นสัจจวิวัฏฏญาณ,
    ๕๐. ปัญญาในความสำเร็จด้วยการกำหนดกายและจิตเข้า
    ด้วยกัน และด้วยสามารถแห่งความตั้งไว้ซึ่งสุข
    สัญญาและลหุสัญญา เป็นอิทธิวิธญาณ,
    ๕๑. ปัญญาในการกำหนดเสียงเป็นนิมิตหลายอย่างหรือ
    อย่างเดียวด้วยสามารถการแผ่วิตกไป เป็นโสตธาตุ
    วิสุทธิญาณ,
    ๕๒. ปัญญาในการกำหนดจริยาคือวิญญาณหลายอย่างหรือ
    อย่างเดียว ด้วยความแผ่ไปแห่งจิต ๓ ประเภท
    อย่างเดียวสามารถแห่งความผ่องในแห่งอินทรีย์ทั้ง-
    หลาย เป็นเจโตปริยญาณ,
    ๕๓. ปัญญาในการกำหนดธรรมทั้งหลายอันเป็นไปตาม
    ปัจจัย ด้วยสามารถแห่งความแผ่ไปแห่งกรรมหลาย
    อย่างหรืออย่างเดียว เป็นบุพเพนิวาสานุสสติญาณ,
    ๕๔. ปัญญาในความเห็นรูปนิมิตหลายอย่างหรืออย่าง
    เดียว ด้วยสามารถแห่งแสงสว่าง เป็นทิพจักขุญาณ,
    ๕๕. ปัญญาในความเป็นผู้มีความชำนาญในอินทรีย์ ๓
    ประการ โดยอาการ ๖๔ เป็นอาสวักขยญาณ,
    ๕๖. ปัญญาในอรรถว่าเป็นสิ่งที่ควรกำหนดรู้ เป็นทุกข-
    ญาณ,




    ๕๗. ปัญญาในอรรถว่าเป็นสิ่งที่ควรละ เป็นสมุทยญาณ,
    ๕๘. ปัญญาในอรรถว่าเป็นสิ่งที่ควรกระทำให้แจ้ง เป็น
    นิโรธญาณ,
    ๕๙. ปัญญาในอรรถว่าเป็นสิ่งที่ควรเจริญ เป็นมรรคญาณ,

    ๖๐. ทุกขญาณ,
    ๖๑. ทุกขสมุทยญาณ,
    ๖๒. ทุกขนิโรธญาณ,
    ๖๓. ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาญาณ,
    ๖๔. อรรถปฏิสัมภิทาญาณ,
    ๖๕. ธรรมปฏิสัมภิทาญาณ,
    ๖๖. นิรุตติปฏิสัมภิทาญาณ,
    ๖๗. ปฏิภาณปฏิสัมภิทาญาณ,

    ๖๘. อินทริยปโรปริยัตตญาณ,
    ๖๙. อาสยานุสยญาณ,
    ๗๐. ยมกปาฏิหาริยญาณ,
    ๗๑. มหากรุณาสมาปัตติญาณ,
    ๗๒. สัพพัญญุตญาณ,
    ๗๓. อนาวรณญาณ.

    หน้าที่ 7

    ญาณเหล่านี้รวมเป็น ๗๓. ญาณ, ในญาณ ๗๓ นี้ ญาณ ๖๗
    เบื้องต้น ทั่วไปแก่พระสาวก, ญาณ ๖ เบื้องปลาย ไม่ทั่วไปแก่พระ-
    สาวก และเป็นญาณเฉพาะพระตถาคตเท่านั้น ฉะนี้แล.
    จบ มาติกา

    ไม่ใช่ฐานะเล่นๆของพระมหาเถระพระสาวกแก้วผู้บรรลุปฎิสัมภิทาญาน

    และองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบรรลุปฎิสัมภิทาญานขั้นสูงสุดชนิดไร้ขีดจำกัดโดยไม่มีประมาณ


    ส่วนพวกวัดนาไม่เอาคำสาวกอยู่แล้ว ก้อย่าหวังจะได้ญานวิสัยแม้แต่ ๑ ใน ๗๓ ญานนี้ไปเลย ต้องเกิดๆตายๆอีกหลายภพหลายชาติ จนกว่าจะมาขอขมากรรมทำคืนปกป้องรักษาพระสัทธรรมในการอุบัติข้างหน้า อย่าหวังสวรรค์อย่าหวังนิพพานเพราะได้ต้องมิตฉันตะ๑๐ ประการ อันห้ามมรรคผลไว้แล้ว


    และการกระทำของสำนักวัดนาป่าพงที่นำโดยคึกฤทธิ์ และเหล่าบริวารสาวกจะทำให้นานาอารยะประเทศต้องถึงคราววิบัติฉิบหายและเสื่อมสิ้นสลาย ศีลธรรมไม่กลับมาโลกกาวินาศแน่

    อย่าคิดว่าปรุงแต่ง

    ดูก่อนท่านปัณฑรสฤาษี ในกาลภายหน้านั้น ภิกษุเป็นอันมาก จะเป็นคนมักโกรธ มักผูกโกรธไว้ ลบหลู่ คุณท่าน หัวดื้อ โอ้อวด ริษยา มีวาทะแตกต่างกัน จะเป็นผู้มีมานะ (ถือตัว) ในธรรม ที่ยังไม่รู้ทั่วถึง คิดว่าตื้น ในธรรมที่ลึกซึ้ง เป็นคนเบาปัญญา ไม่เคารพธรรม ไม่มีความเคารพกันและกัน

    ในกาลข้างหน้า โทษภัยเป็นอันมากจะเกิดขึ้นในหมู่สัตว์โลก ก็เพราะภิกษุทั้งหลาย ผู้ไร้ปัญญา จะกระทำ ธรรมะ ที่พระศาสดา ทรงแสดงแล้วนี้ ให้เศร้าหมอง



    ปโลภสูตร
    ครั้งนั้นแล พราหมณ์มหาศาลคนหนึ่งได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
    ถึงที่ประทับ ฯลฯ ครั้นแล้วได้ทูลถามว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับ
    มาต่อบุรพพราหมณ์ผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์กล่าวไว้ว่า ได้ยินว่า แต่ก่อน
    โลกนี้ ย่อมหนาแน่นด้วยหมู่มนุษย์ เหมือนอเวจีมหานรก บ้านนิคมชนบท
    และราชธานี มีทุกระยะไก่บินตก ดังนี้ ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ
    เป็นปัจจัยเครื่องทำให้มนุษย์ทุกวันนี้หมดไป ปรากฏว่ามีน้อย แม้บ้านก็ไม่เป็น
    บ้าน แม้นิคมก็ไม่เป็นนิคม แม้นครก็ไม่เป็นนคร แม้ชนบทก็ไม่เป็นชนบท

    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรพราหมณ์ ทุกวันนี้ มนุษย์กำหนัดแล้วด้วยความ
    กำหนัดผิดธรรม ถูกความโลภไม่สม่ำเสมอครอบงำประกอบด้วยมิจฉาธรรม
    มนุษย์เหล่านั้นกำหนัดแล้วด้วยความกำหนัดผิดธรรม ถูกความโลภไม่สม่ำเสมอ
    ครอบงำประกอบด้วยมิจฉาธรรม ต่างก็ฉวยศาตราอันคมเข้าฆ่าฟันกันและกัน
    เพราะฉะนั้น มนุษย์จึงล้มตายเสียเป็นอันมาก ดูกรพราหมณ์ แม้ข้อนี้ก็เป็น
    เหตุเป็นปัจจัยเครื่องทำให้มนุษย์ทุกวันนี้หมดไป ปรากฏว่ามีน้อย แม้บ้านก็ไม่เป็น
    บ้าน แม้นิคมก็ไม่เป็นนิคม แม้นครก็ไม่เป็นนคร แม้ชนบทก็ไม่เป็นชนบท ฯ

    ดูกรพราหมณ์ อีกประการหนึ่ง ทุกวันนี้ มนุษย์กำหนัดแล้วด้วยความ
    กำหนัดผิดธรรม ถูกความโลภไม่สม่ำเสมอครอบงำ ประกอบด้วยมิจฉาธรรม
    เมื่อมนุษย์เหล่านั้นกำหนัดแล้วด้วยความกำหนัดผิดธรรม ถูกความโลภไม่สม่ำ
    เสมอครอบงำประกอบด้วยมิจฉาธรรม ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ฉะนั้น จึงเกิด
    ทุพภิกขภัย ข้าวกล้าเสีย เป็นเพลี้ย ไม่ให้ผล เพราะเหตุนั้นมนุษย์จึงล้มตายเสีย
    เป็นอันมาก ดูกรพราหมณ์ แม้ข้อนี้ก็เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องทำให้มนุษย์ทุก
    วันนี้หมดไป ปรากฏว่ามีน้อย แม้บ้านก็ไม่เป็นบ้าน แม้นิคมก็ไม่เป็นนิคม แม้
    นครก็ไม่เป็นนคร แม้ชนบทก็ไม่เป็นชนบท ฯ

    ดูกรพราหมณ์ อีกประการหนึ่ง ทุกวันนี้ มนุษย์กำหนัดแล้วด้วยความ
    กำหนัดผิดธรรม ถูกความโลภไม่สม่ำเสมอครอบงำ ประกอบด้วยมิจฉาธรรม
    เมื่อมนุษย์เหล่านั้นกำหนัดแล้วด้วยความกำหนัดผิดธรรม ถูกความโลภไม่สม่ำเสมอ
    ครอบงำประกอบด้วยมิจฉาธรรม พวกยักษ์ปล่อยอมนุษย์ที่ร้ายกาจลงไว้ เพราะ
    ฉะนั้น มนุษย์จึงล้มตายเสียเป็นอันมาก ดูกรพราหมณ์ แม้ข้อนี้ก็เป็นเหตุเป็นปัจจัย
    เครื่องทำให้มนุษย์ทุกวันนี้หมดไป ปรากฏว่ามีน้อย แม้บ้านก็ไม่เป็นบ้าน แม้นิคม
    ก็ไม่เป็นนิคม แม้นครก็ไม่เป็นนคร แม้ชนบทก็ไม่เป็นชนบท ฯ
    พราหมณ์มหาศาลนั้นกราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของ
    พระองค์แจ่มแจ้งนัก ฯลฯ ขอท่านพระโคดมโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่า เป็น
    อุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป ฯ



    จงช่วยกันรักษาปกป้องพระสัทธรรมเถิด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2016
  5. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    บอกแล้วจะมีคนมาทำความสะอาดเอง...
     
  6. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ความคิดเห็นที่148# กระทู้ "ทั้งชีวิตขอเรื่องเดียว"



    ๕ -๕-๒๕๕๘

    บันทึกความฝันเกี่ยวกับการศาสนา

    ในที่ประชุมระดับนานาชาติ มีผู้เข้าร่วมการประชุมศาสนาโลกจำนวนหลายหมื่นหลายแสนคน ในโรงประชุมขนาดใหญ่นั้น มีสตรีที่มีอักษรชื่อนำหน้าว่า" ฉัท" เป็นโฆษกผู้นำพระศาสนาเข้าสู่เวทีศาสนาโลก อย่างมีเสียงเดียวต่อเสียงข้างมาก โดยไม่มีอาการหวั่นไหว พรั่นพรึง แม้จะมีการ ทุบทำลายพระพุทธรูป จากบุคคลต่างศาสนาอย่างเมามันกันถ้วนทั่วทั้งฮอลล์ แต่ผลกับเป็นตรงกันข้าม ฝ่ายที่ถล่มทลายหายไปจากที่นั่ง กับคือเหล่าผู้ทำลายนั่นเสียเอง

    นารีขี่ม้าขาวหรือเปล่าหนอ?

    __________________
    ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย จ่ายักษ์ : 05-05-2015 เมื่อ 07:39 AM

    ก่อนจะเข้ากลุ่มเปิดธรรม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    [ame]https://youtu.be/T7CDv5UciFM[/ame]

    สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จฯมายังโรงพยาบาลศิริราช

    เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากโรงพยาบาลศิริราชว่า เมื่อเวลา 15.25 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จฯมายังโรงพยาบาลศิริราช

    ต่อมา เวลา 16.18 น.พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ได้เสด็จฯมายังโรงพยาบาลศิริราช

    เวลา 16.51 น. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จฯมายังโรงพยาบาลศิริราช

    เวลา 17.09 น.สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จฯมายังโรงพยาบาลศิริราช

    เวลา 18.24 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯมายังโรงพยาบาลศิริราช

    ขณะที่บรรยากาศที่โรงพยาบาลศิริราชได้มีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาปักหลักบริเวณรอบลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรฯ รวมถึงศาลาศิริราช 100 ปี และบริเวณทางเดินหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติที่ประทับ เพื่อติดตามพระอาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยต่างร่วมสวดมนต์ถวายพระพรเพื่อให้ทรงหายจากพระอาการประชวร




    [ame]https://youtu.be/NzSpr24nzNs[/ame]


    12 October 2016:
    Upon the Royal Command of His Majesty The King, special prayers are being conducted in all the sacred temples throughout the country, for the well-being of His Majesty King Bhumibol of Thailand.
    His Majesty King Bhumibol has been unwell and is currently undergoing medical treatment.
    The Royal Families as well as the peoples of Bhutan and Thailand share warm relations of mutual friendship and goodwill.
    Long live the King.

    วันที่ 12 ต.ค. เฟซบุ๊กของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน (His Majesty King Jigme Khesar Namgyel Wangchuck) เผยแพร่ข้อความระบุว่า สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก มีพระราชบัญชาให้มีการจัดการสวดมนต์ที่วัดต่างๆ ทั่วประเทศภูฏาน เพื่อถวายพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้มีพระพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง ทรงหายจากพระอาการประชวร

    เฟซบุ๊กดังกล่าวยังระบุว่า ทั้งพระราชวงศ์ภูฏานและไทย รวมถึงประชาชนของทั้งสองชาติ มีความสัมพันธ์อันอบอุ่นและมีไมตรีจิตต่อกัน

    ขณะที่เฟซบุ้กของราชินี เจตซุน เพมา แห่งภูฏาน (Jetsun Pema) ได้เผยแพร่ข้อความและพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่นกัน


    เมื่อเวลา12.00 น. วันที่ 13 ตุลาคม ที่ห้องโถง อาคารรัฐสภา นายสรศักดิ์ เพียงเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นำคณะข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สภาผู้แทนราษฎรจำนวนมากร่วมกันสวดมนต์บทสวดโพชฌังคปริตร เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้หายจากพระอาการประชวร และทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง


    คนไทยในประเทศและในต่างแดนตลอดจนเจ้าฟ้ามหากษัตริย์เจ้าต่างแดน เขาสวดมนต์ถวายในหลวงกันทั้งประเทศแต่สำนักวัดนาป่าพงนำโดยคึกฤทธิ์และเหล่าลิ่วล้อบริวารสาวกมาร ไม่มีให้สวดเพราะมีทิฏฐิวิบัติเห็นว่าบทสวดมนต์เป็นเดรัจฉานวิชา พวกสำนักวัดนาป่าพงเนี่ยไม่ใช่คนไทยหรอกท่าจะว่า อาศัยแผ่นดินไทยเกิดแต่ทรยศเป็นกบฏต่อแผ่นดินไทยประเทศชาติและสถาบันกษัตริย์

    ช่างเหยียดหยามน้ำใจคนไทยทั้งประเทศไทยเหลือเกิน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2016
  8. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    {O}ขอนอบน้อมถวายพระพรชัยแด่พระพ่อหลวง{O}


    [ame]https://youtu.be/H-5cvuvTZGo[/ame]

    อัญเชิญพระปริตร วันอาสาฬหบูชา ตรงกับ วันเพ็ญ เดือน ๘ ปี ๒๕๕๔ ทำนอง สรภัญญะ

    โดยอดีตพระนวกะดีเด่น ในโครงการอุปสมบทหมู่ ๗๐ รูป เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ราชการที่ ๙ ฝ่าย ภาคทหารภาคใต้


    [ame]https://youtu.be/5NNBqCPYkyA[/ame]

    [ame]https://youtu.be/isrXLYxjH14[/ame]

    ร่วมสวดมนต์ถวายแด่ในหลวงด้วยกันนะครับ



    {}สิบนิ้วพนมกรประนมไหว้ เบื้องบาทฯ
    ทวยราษฎร์ถวายอาลัยยิ่ง พระมิ่งขวัญ
    ใต้ร่มบรมโพธิสมภาร พระภูมิพลผู้อนันต์
    เทอดไท้องค์ราชันย์ สู่แดนสรวงสวรรค์มรรคคาลัย {}


    ๐ธรรมบุตร๐
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2016
  9. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    "อานนท์ ! เราเคยบอกเธอแล้วมิใช่หรือว่าบุคคลย่อมต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่พึงใจเป็นธรรมดาหลีกเลี่ยงไม่ได้ อานนท์เอย ! ชีวิตนี้มีความพลัดพรากเป็นที่สุด สิ่งทั้งหลายมีความแตกไป ดับไป สลายไป เป็นธรรมดา จะปรารถนามิให้เป็นอย่างที่มันควรจะเป็นนั้น เป็นฐานะที่ไม่พึงหวังได้ ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปเคลื่อนไปสู่จุดสลายตัวอยู่ทุกขณะ"

    [ame]https://youtu.be/Dn--rtoepJA[/ame]
     
  10. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    เรามีความแก่เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้
    เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้
    เรามีความตายเป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้
    เราจักพลัดพรากจากของที่รัก ของชอบใจทั้งหลาย
    เรามีกรรมเป็นของๆตน เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
    เรามีกรรมเป็นแดนเกิด เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธ์
    เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมอันใดไว้
    เป็นกรรมดีก็ตาม เป็นกรรมชั่วก็ตาม
    เราจักต้องเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น
    เราทั้งหลายพึงพิจารณาเนืองๆอย่างนี้แล


    [ame]https://youtu.be/XCF-02yXWo0[/ame]
     
  11. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    [ame]https://youtu.be/iXZOBSw1iQE[/ame]

    ช่วยกันทำความดี ให้พ่อได้สุขใจ ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่แล้วมา
    เราทุกคนก็เหมือนก้อนดินแค่ก้อนหนึ่ง
    เปราะบาง ไร้ค่า ไร้ความหมาย
    อ่อนแอเหมือนโคลน ไหลไปตามทางเรื่อยไป
    เมื่อน้ำแห้งไป ก็แตกระแหง

    มีพลัง เพียงแค่แรงเดียวที่ยึดเรา
    เหนี่ยวรั้ง เราไว้ ให้กล้าแข็ง
    รวมผู้คนมากมาย ให้ทรงพลังแข็งแรง
    รวมเม็ดดินทุกเม็ด ให้เป็นแผ่นดิน

    เราก็รู้ พ่อต้องเหนื่อยสักเพียงไหน
    ต้องลำบากใจกาย ไม่เคยสิ้น
    เพราะพ่อรู้ พ่อคือ... พลังแห่งแผ่นดิน
    ให้เราพออยู่พอกินกันต่อไป

    หากจะหา ของขวัญ ให้พ่อสักกล่อง
    เราทั้งผอง จะพร้อมกันได้ไหม
    บวกกันเป็นดินเดียว ให้พ่อได้สุขใจ
    ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่เป็นมา

    เราก็รู้ พ่อต้องเหนื่อยสักเพียงไหน
    ต้องลำบากใจกาย ไม่เคยสิ้น
    เพราะพ่อรู้ พ่อคือ... พลังแห่งแผ่นดิน
    ให้เราพออยู่พอกินกันต่อไป

    หากจะหา ของขวัญ ให้พ่อสักกล่อง
    เราทั้งผอง จะพร้อมกันได้ไหม
    บวกกันเป็นดินเดียว ให้พ่อได้สุขใจ
    ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่เป็นมา

    ช่วยกันทำความดี ให้พ่อได้สุขใจ
    ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่แล้วมา
     
  12. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ขอร้องเรียนต่อเหล่า พุทธบริษัท


    ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุข เรียบร้อยจึงมิใช้การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมความดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้

    พระบรมราโชวาทในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ จังหวัดชลบุรี 11 ธันวาคม 2512

    แคมเปญรณรงค์ปกป้องรักษาสถาบัน ชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์

    https://www.change.org/p/พุทธบริษัท-๔-ปกป้องรักษาสถาบัน-ชาติ-ศาสนา-และ-พระมหากษัตริย์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2016
  13. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    “ ถ้าครูไม่ห่วงประโยชน์ที่ควรจะห่วง หันไปห่วงอำนาจ ห่วงตำแหน่ง ห่วงสิทธิ์ และ ห่วงรายได้กันมากเข้า ๆ แล้ว จะเอาจิตเอาใจที่ไหน มาห่วงความรู้ ความดี ความเจริญของเด็ก ความห่วงในสิ่งเหล่านั้น ก็จะค่อย ๆ บั่นทอนทำลายความเป็นครูไปจนหมดสิ้น จะไม่มีอะไรเหลือไว้ พอที่ตัวเองจะภาคภูมิใจ หรือผูกใจใครไว้ได้ ความเป็นครูก็จะไม่มีค่าเหลืออยู่ให้เป็นที่เคารพบูชาอีกต่อไป ”

    พระราชดำรัสแก่ครูอาวุโส ในโอกาสเข้าเฝ้าฯ วันเสาร์ ที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๑

    ๒. “......ครูที่แท้จริงนั้นต้องเป็นผู้ทำแต่ความดี คือ ต้องหมั่นขยันและอุตสาหะพากเพียร ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเสียสละ ต้องหนักแน่นอดทน และอดกลั้น สำรวม ระวังความประพฤติปฏิบัติของตน ให้อยู่ในระเบียบ แบบแผนที่ดีงาม รวมทั้งต้องซื่อสัตย์ รักษาความจริงใจ วางใจเป็นกลาง ไม่ปล่อยไปตามอำนาจอคติ…...”

    พระราชดำรัส พระราชทานแก่ครูอาวุโส ๒๘ ตุลาคม ๒๕๒๓

    ๓. “.....ครูจะต้องตั้งใจในความดีอยู่ตลอดเวลา แม้จะเหน็ดเหนื่อย เท่าไรก็จะต้องอดทน เพื่อพิสูจน์ว่าครูนี้เป็นที่เคารพสักการะได้ แต่ถ้าครูไม่ตั้งตัวในศีลธรรม ถ้าครูไม่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ เด็กจะเคารพได้อย่างไร……”
    พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะครู โรงเรียนราษฎร์ทั่วราชอาณาจักร ณ ศาลาผกาภิรมย์ ๘ พฤษภาคม ๒๕๑๓

    ๔. “...ครูนั้นจะต้องให้ความรู้แก่เด็ก ๆ ด้วยความเมตตา ด้วยความหวังดี คือ ด้วยความเมตตาต่อผู้ที่เป็นลูกศิษย์ และด้วยความหวังดีต่อส่วนรวม เพราะถ้าส่วนรวมประกอบด้วยบุคคล ที่มีความรู้ดี ส่วนรวมก็ไปรอด....”

    พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะ อาจารย์และนักเรียนโรงเรียนวังไกลกังวล ณ พระราชวังไกลกังวล หัวหิน ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๑๓

    ๕. “…… ผู้ที่เป็น ครู จะต้องนึกถึงความรับผิดชอบ เพราะว่าถ้าเป็นครูแล้ว ลูกศิษย์จะต้องนับถือได้ ต้องวางตัวให้เหมาะสมกับที่เป็นครู ไม่ใช่วางตัวอย่างหนึ่งแล้วมาสอนอีกอย่างหนึ่ง ….”

    พระราชดำรัส พระราชทานเนื่องในวันการศึกษาสัมพันธ์ ณ วิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร ๑๕ มีนาคม ๒๕๑๒

    ๖. “... ผู้ที่เป็นครูอาจารย์นั้น ใช่ว่าจะมีแต่ความรู้ในทางวิชาการและในทางการสอนเท่านั้นก็หาไม่ จะต้องรู้จักอบรมเด็กทั้งในด้านศีลธรรม จรรยาและวัฒนธรรม รวมทั้งให้มีความสำนึกรับผิดชอบในหน้าที่ด้วย…. ”

    พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร วิทยาลัยวิชาการศึกษา ๑๕ ธันวาคม ๒๕๐๓

    ๗. “...มหาวิทยาลัย มุ่งสั่งสอนนักศึกษาให้เป็นคนเก่ง ซึ่งเป็นการดี แต่นอกจากจะสอนให้เก่งแล้ว จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะอบรมให้ดีพร้อมกันไปด้วย ประเทศเราจึงจะได้คนที่มีคุณภาพพร้อมคือ ทั้งเก่งและทั้งดีมาเป็นกำลัง ของบ้านเมือง…. ”

    พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะผู้บริหาร และสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ณ ศาลาดุสิดาลัย ๓ ตุลาคม ๒๕๓๓

    ๘. “…… การศึกษาเป็นเครื่องอันสำคัญในการพัฒนา ความรู้ ความคิด

    ความประพฤติ ทัศนคติ ค่านิยมและคุณธรรมของบุคคล เพื่อให้เป็นพลเมืองดีมีคุณภาพและประสิทธิภาพ เมื่อบ้านเมืองประกอบไปด้วยพลเมืองที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ การพัฒนาประเทศชาติก็ย่อมทำให้ได้โดยสะดวกราบรื่น ได้ผลที่แน่นอนและรวดเร็ว … ”

    พระราชดำรัส พระราชทานแก่ครูใหญ่ และนักเรียน ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๒๐

    ๙. “...งานด้านการศึกษาเป็นงานสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของชาติ เพราะความเจริญและความเสื่อมของชาตินั้นขึ้น อยู่กับการศึกษาของพลเมืองเป็นข้อใหญ่ จึงต้องจัดการศึกษาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น....”

    พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ณ วิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร ๑๒ ธันวาคม ๒๕๑๒
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 99999.jpg
      99999.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.9 KB
      เปิดดู:
      219
  14. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    "การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็น ก็ต้องปิด ว่าที่จริงแล้ว คนโดยมาก ไม่ค่อยชอบ"ปิดทองหลังพระ"กันนัก เพราะว่าไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้...."

    พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 25 กรกฎาคม 2506
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    วันพืชมงคล วันที่พระเจ้าแผ่นดินและพระบรมวงค์ศานุวงค์ทรงปฏิบัติพิธีเพื่อเป็นขวัญ เป็นกำลังใจให้แก่ชาวนาที่ปลูกข้าวให้เราและคึกฤทธิ์ได้กินเลี้ยงชีวิต แต่มาดูนะครับว่า คึกฤทธิ์พูดถึงงานพระราชพิธีหลวงต่างๆว่าอย่างไร?

    หมิ่นพระบรมโพธิสัตว์หน่อพุทธางกูรมากมายขนาดไหน? ขอให้ท่านทั้งหลายฯพิจารณา

    [ame]https://youtu.be/hABtR2QRyeY[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2016
  16. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    คนไทยเขาสวดมนต์ถวายในหลวงทั้งในทั้งนอกและต่างประเทศ แม้แต่เหล่ากษัตริย์และพสกนิกรต่างชาติต่างบ้านต่างเมืองยังสวดมนต์ถวายแด่ในหลวง แต่พวกบริวารของสำนักวัดนาป่าพงกลับเชื่อตามนักบวชคึกฤทธิ์ ปฎิเสธให้สวดเพราะบอกว่าบทสวดมนต์ โดยเฉพาะบทสวดโพชฌังคปริตร และอภยปริตร ถูกกล่าวหาว่าเป็นเดรัจฉานวิชา อีกหน่อยมีการสวดพระอภิธรรมหลวงก็จะมาด่าว่าเป็นเดรัจฉานวิชา เป็นคำแต่งใหม่ มาด่าว่าพระมานั่งหอน บอกว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิเหมือนเดิมอีก แม้แต่ราชพิธีแรกนาขวัญก็ไม่เว้น ถูกหมิ่นว่าตราบใดที่ยังปฎิบัติส่งเสริมหรือยังทรงกัลยาณวัตร ราชประเพณีนี้อยู่ไม่มีทางได้เป็นพระอริยะบุคคล หมิ่นองค์บรมโพธิสัตว์หน่อพุทธางกูรเป็นอย่างมาก

    พระสวดพระอภิธรรมก็ว่าพระหอน
    [ame]https://youtu.be/lKPi8Od5Bcc[/ame]
    ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ"นาย คึกฤทธิ์ สวัสดิผล หรือ นักบวช คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล "อย่างใกล้ชิดด้วยครับที่เพจเปิดธรรม ที่ถูก นักบวชคึกฤทธิ์ บิดเบือน!!!
    https://www.facebook.com/groups/antikukrit/

    มั่นใจคนที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องได้อ่าน ตอนนี้ สำนักวัดนาป่าพง ได้เดินทางเข้าสู่ การทำลายสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์อย่างเต็มตัวแล้ว ข่าวสารกำลังกระจายไปสู่พี่น้องเหล่าพุทธศาสนิกชนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามเพจต่างๆ เราเปิดเผยความจริง เราสู้เพื่อปกป้องรักษา พิทักษ์รักพระพุทธศาสนาและสถาบันของชาติบ้านเมือง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือส่วนได้ส่วนเสีย ไม่มีการว่าจ้าง หรือ รับมีรับจ่าย หรือรับสิทธิ์สินบนใดๆ ให้กระทำการเปิดโปงหรือใส่ความใดๆแก่ สำนักวัดนาป่าพง หรือ อลัชชีคึกฤทธิ์ และศิษย์สำนัก มีแต่ความจริง กล่าวจริง ไม่มีข้อมูลอันเป็นเท็จ โจทก์จริง ด้วยโลกะวัชชะของเหล่าพุทธบริษัท ที่มีดวงตาไม่มืดบอด ไม่เคยตำหนิพระไตรปิฏกว่าไม่ได้เรื่อง ไม่สมบูรณ์ หรือไม่ดีอย่างหนึ่งอย่างใด เพราะอาศัยสติปัญญา มีความคิดอ่านพิจารณามากเพียงพอแก่การศึกษา ไม่ได้ตำหนิพระไตรปิฏก ไม่ได้ตำหนิพระสังฆราชและพระราชาคณะ ที่ทรงชำระพระไตรปิฏก แม้ฉบับหลวงก็ดี ฉบับสยามรัฐก็ดี หรือฉบับอื่นๆก็ดี ว่าเป็นชนรุ่นหลังแต่งคำปลอม ยัดเรื่องนอกแนวเข้าสู่พระไตรปิฏก
    อย่างที่ คึกฤทธิ์ชาวคณะสำนักวัดนาป่าพงพูดและกระทำอยู่ในทุกๆวันนี้ โดยมีเจตนาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของบรรพกษัตริย์ จนถึงพระบรมวงค์ศานุวงค์ในราชกาลปัจจุบัน และอาณาประชาราฏร์ ที่พระองค์ทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาจัดสร้างจัดพิมพ์มาโดยตลอด จนถึงเมื่อปี ๒๕๕๕ ฉลอง ๒๖๐๐ปี แต่สำนักวัดนาป่าพงประกาศจะเอาหนังสือ พุทธวจนปิฏก ซึ่งเป็นสัทธรรมปฎิรูป โดยแอบอ้างว่ารู้พุทธวจนกว่าผู้ใด ที่ไม่ถูกต้องในระเบียบการชำระ มาแทนที่พระไตรปิฏกในประเทศไทยและในโลก เป็นการทำลายสถาบัน ชาติและบ้านเมืองให้เกิดความวุ่นวายสับสนแตกแยกในบวรพระพุทธศาสนา และได้หลอกลวงกลุ่มพุทธบริษัท ที่ยังอ่อนต่อการพิจารณาศึกษา ในการเจริญในพระสัทธรรม ด้วยจิตที่เปรียบประดุจลูกโคอ่อนแรกเกิด ลืมตาขึ้นมา ไม่ได้เห็นแม่วัว ได้ไปเห็นเสือก็คิดว่าเป็นพ่อแม่ของตน จึงต้องตกเป็นอาหารของเหล่าพยัคฆ์ราชสีห์ไปดังนี้แล
    ขอท่านผู้อ่าน ที่มาด้วยมิตรก็ดีไม่ใช่มิตรก็ดี โปรดพิจารณา ช่วยกันตักเตือนญาติมิตรสหาย และบุตรหลานของท่าน อย่าได้หลงเชื่อ สำนักที่สร้างสัทธรรมปฎิรูปนี้ เพื่อความพ้นภัยในวัฎสงสาร ขอให้ท่านทั้งหลายเจริญในพระสัทธรรมอันสมเด็จพระบรมหาศาสดาทรงตรัสไว้ดีแล้วนั้นเทอญฯ
    ด้วยรักและปรารถนาดี
    ว่าที่ พระธรรมบุตร
    ขออนุโมทนาบุญฯ


    [ame]https://youtu.be/mvQpRmJJrug[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2016
  17. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ไอ้พวกกบฎเสนียดจัญไรของแผ่นดินถิ่นเกิด เมื่อพวกเอ็งจงใจดูถูกดูหมิ่น ความศรัทธาของผู้อื่นและประชาชนคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศ ด้วยอำนาจแห่งสัจจะและสิ่งที่กูบำเพ็ญมา ขอพวกมึงทั้งสำนักวัดนาป่าพง จงพบแต่ความฉิบหาย พินาศ และวิบัติเถิด กูขอสาปแช่ง นับตั้งแต่ ต่อแต่นี้ไป กูขอให้พวกมึงพบแต่อุปัทวะอันตรายจนถึงแก่ชีวิต จงมีแต่อุปสรรคและความสูญเสีย เกิดโรคาพยาธิ เสื่อมจากลาภและโภคะสมบัติทั้งปวง เสื่อมจากมรรคผล สวรรค์และพระนิพพานจนกว่าพวกมึงจะออกมาแก้ไขและทะนุบำรุงทำคืนในอนาคตชาติกาล "ดั้งนั้นผู้ที่จะกล่าวถึงพระธรรม อันละเอียดอ่อนดังนี้ควรศึกษาให้ถ่องแท้จึงจะสามารถอธิบายธรรม ที่ไปที่มาตามหลักธรรมอันถูกต้องอันควรได้จึงจะเจริญ แต่หากเมื่อไม่ยอมที่จะพยายามศึกษาให้ดีแล้วยังมีจริตกิริยาทางกาย และวาจาที่ดูหมิ่นเหยียดหยาม เพื่อจักเอาชนะผู้อื่น ด้วยการแอบอ้างเอาสัทธรรมปฎิรูปปลอมๆที่ไม่รู้และไม่เข้าใจ มาลบหลู่พระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณด้วยแล้ว กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมสนองกรรม หอกยาวซัดมาจากที่ใด ผู้มียุทธ์สูงส่งกว่าย่อมคืนหอกปักอก "เมื่อเข้าใจว่าตนเองเก่งกล้าสามารถ ท้าทาย จาบจ้วง กล่าวตู่ ด่าทอ ให้ร้ายแก่พระสัทธรรม ด้วยความเจ้าเล่ห์เพทุบาย เพื่อเหยียดหยามผู้อื่น อย่างเย้ยหยัน ประดุจดั่งใส่ความ บิดาและมารดาของเรา( นี่ยิ่งกว่า เพราะด่าถึงพระพุทธเจ้า) โดยที่เป็นข้อมูลเท็จ มันผู้นั้นก็สมควรได้รับผลกรรมสุดจะพรรณนา" สาธุฯ พวกมึงไอ้อีตนใดรู้แล้วไม่ถอยห่าง ไม่แก้ไข ขอให้มันได้รับผลกรรมที่มันแสวงไว้ ตามกาล

    เกิดมาพึ่งเคยตั้งใจสาปแช่งใคร ก็ครานี้

    ??? ทำไมต้องใช้ กรรมดีที่บำเพ็ญมา ไปใช้ในทางที่ไม่ดีด้วย?

    ตอบ เพื่อผู้อื่น เพื่ออนุชนรุ่นหลังต่อไป ไม่ใช่เพื่อตนเอง

    http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/

    เปิดดูในฐานจารึกโบราณ " พิมพ์ว่า "สาปแช่ง" แล้วจะรู้ นั่นแหละ ขออำนาจจากจารึกอันศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นที่บรรพบุรุษได้สาปแช่งไว้นั้นด้วย จงสัมฤทธิ์ผลในกาลต่อแต่นี้ไปเทอญฯ

    รับไปเนาะๆ 43 จารึกสาปแช่ง บวกของ ว่าที่ พระธรรมบุตร ไปอีกหนึ่ง เป็น 44

    1. จารึกกู่วัดเสาหิน

    2. จารึกคำสาปแช่ง

    3. จารึกเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ณ วัดพุทธโฆสาจารย์ กรุงพนมเปญ (K. 1213)

    4. จารึกฐานพระพุทธรูปพิพิธภัณฑ์ขอนแก่น

    5. จารึกฐานพระพุทธรูปวัดหมื่นตุม

    6. จารึกที่พระตำหนักปั้นหย่า ๒

    7. จารึกที่พระตำหนักปั้นหย่า ๓

    8. จารึกที่พระตำหนักปั้นหย่า ๔

    9. จารึกที่อุโบสถวัดหน้าพระเมรุ ๒

    10. จารึกปราสาทตาเมือนธม ๕

    11. จารึกปราสาทหินพนมรุ้ง ๖

    12. จารึกปราสาทหินพนมวัน ๑

    13. จารึกปราสาทหินพนมวัน ๕

    14. จารึกปราสาทหินพระวิหาร ๒

    15. จารึกปู่ขุนจิดขุนจอด

    16. จารึกพลับพลาจตุรมุข

    17. จารึกเมืองเสมา

    18. จารึกวัดกลางพยาว

    19. จารึกวัดแก้วบัวบาน

    20. จารึกวัดคงกระพันชาตรี

    21. จารึกวัดเชียงราย

    22. จารึกวัดไชยเชษฐา

    23. จารึกวัดทงแลง (มหาเถรปราสาทเจ้า)

    24. จารึกวัดเทพจันทร์

    25. จารึกวัดธาตุอุปสมาราม (บ้านโก่ม)

    26. จารึกวัดผดุงสุข ๒ (ศิลาจารึกวัดถิ่นดุ่ง)

    27. จารึกวัดพระคันธกุฎี

    28. จารึกวัดพระธาตุพนม

    29. จารึกวัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ

    30. จารึกวัดยางหนุ่ม

    31. จารึกวัดเวฬุวันอาราม

    32. จารึกวัดศรีเกิด

    33. จารึกวัดศรีบุญเรือง (หนองคาย)

    34. จารึกวัดศรีมงคล

    35. จารึกวัดศรีเมือง

    36. จารึกวัดสมุหนิมิต

    37. จารึกวัดหนองหนาม

    38. จารึกวัดใหม่ศรีโพธิ์ ๒

    39. จารึกวิหารจันทรอาราม

    40. จารึกหัวแสนญาณกัลยากินเมืองพยาว

    41. จารึกหินขอน ๑

    42. จารึกอุบมุง

    43. จารึกคำสาปแช่ง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2016
  18. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ล้นเกล้าชาวไทย

    ล้นเกล้า เผ่าไทย ศูนย์รวมใจคนไทยทั้งชาติ

    ขอ อภิวาท เบื้องบาทองค์ ภูมิพล ยามใดไพร่ฟ้า

    ชาวประชายากจน ทรงห่วง กังวล

    ดั่งหยาดฝนชะโลมพื้นหล้า

    ถึงว่าป่าดง พฤกษ์ไพรพง ทรงสู้ดั้นด้น

    ถึงกายหมองหม่น แดดฝนไม่คิดนำพา

    ร่วมสุขร่วมทุกข์ ทุกข์หรือไม่สุขมีมา

    ทรงแผ่เมตตา ให้ชาวประชาชื่นใจ

    มิ่งขวัญดวงใจ ชาวไทยทั้งผอง

    ทอแสงเรืองรอง ผุดผ่องดังร่มโพธิ์ใหญ่

    พระบารมี เป็นที่ ลือขานนามไกล

    ข้าบาท ภูมิใจล้นเกล้าเผ่าไทยแห่งวงศ์จักรี

    เหนือยิ่ง สิ่งใด เหนือดวงใจชาวไทยรักยิ่ง

    เหมือนเป็นขวัญมิ่ง ยิ่งกว่าดวงชีวี

    แม้นใครย่ำยีใต้ฝ่าธุลี ขอพลีชีพแทน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 104661569.jpg
      104661569.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.2 KB
      เปิดดู:
      134
  19. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    อาฆาตวัตถุ ๙ อย่าง
    ๑. ผูกอาฆาตด้วยคิดว่า ผู้นี้ได้ประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่เราแล้ว
    ๒. ผูกอาฆาตด้วยคิดว่า ผู้นี้ประพฤติอยู่ซึ่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่เรา
    ๓. ผูกอาฆาตด้วยคิดว่า ผู้นี้จักประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่เรา
    ๔. ผูกอาฆาตด้วยคิดว่า ผู้นี้ได้ประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่บุคคล
    ผู้เป็นที่รักเป็นที่ชอบใจของเราแล้ว
    ๕. ผูกอาฆาตด้วยคิดว่า ผู้นี้ประพฤติอยู่ซึ่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่
    บุคคลผู้เป็นที่รักเป็นที่ชอบใจของเรา
    ๖. ผูกอาฆาตด้วยคิดว่า ผู้นี้จักประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่
    บุคคลผู้เป็นที่รักเป็นที่ขอบใจของเรา
    ๗. ผูกอาฆาตด้วยคิดว่า ผู้นี้ได้ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่บุคคล
    ผู้ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่ชอบใจของเราแล้ว
    ๘. ผูกอาฆาตด้วยคิดว่า ผู้นี้ประพฤติอยู่ซึ่งสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่
    บุคคลผู้ไม่เป็นที่ชอบใจของเรา
    ๙. ผูกอาฆาตด้วยคิดว่า ผู้นี้จักประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่บุคคล
    ผู้ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่ชอบใจของเรา ฯ


    อาฆาตปฏิวินัย ๙ อย่าง
    ๑. บรรเทาความอาฆาตเสียด้วยคิดว่า เขาได้ประพฤติสิ่งที่ไม่เป็น
    ประโยชน์แก่เราแล้ว เพราะเหตุนั้น การที่จะไม่ให้มีการประพฤติสิ่งที่ไม่เป็น
    ประโยชน์แก่เรา จะหาได้ในบุคคลนั้นแต่ที่ไหน
    ๒. บรรเทาความอาฆาตเสียด้วยคิดว่า เขาประพฤติอยู่ซึ่งสิ่งที่ไม่เป็น
    ประโยชน์แก่เรา เพราะเหตุนั้น การที่จะไม่ให้มีการประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์
    แก่เรา จะหาได้ในบุคคลนั้นแต่ที่ไหน
    ๓. บรรเทาความอาฆาตเสียด้วยคิดว่า เขาจักประพฤติสิ่งที่ไม่เป็น
    ประโยชน์แก่เรา เพราะเหตุนั้น การที่จะไม่ให้มีการประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์
    แก่เรา จะหาได้ในบุคคลนั้นแต่ที่ไหน
    ๔. บรรเทาความอาฆาตเสียด้วยคิดว่า เขาได้ประพฤติสิ่งที่ไม่เป็น
    ประโยชน์แก่บุคคลผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของเราแล้ว เพราะเหตุนั้น การที่จะไม่ให้
    มีการประพฤติเช่นนั้น จะหาได้ในบุคคลนั้นแต่ที่ไหน
    ๕. บรรเทาความอาฆาตเสียด้วยคิดว่า เขาประพฤติอยู่ซึ่งสิ่งที่ไม่เป็น
    ประโยชน์แก่บุคคลผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา เพราะเหตุนั้น การที่จะไม่
    มีการประพฤติเช่นนั้น จะหาได้ในบุคคลนั้นแต่ที่ไหน
    ๖. บรรเทาความอาฆาตเสียด้วยคิดว่า เขาจักประพฤติสิ่งที่ไม่เป็น
    ประโยชน์แก่บุคคลผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา เพราะเหตุนั้น การที่จะไม่ให้มีการ
    ประพฤติเช่นนั้น จะหาได้ในบุคคลนั้นแต่ที่ไหน
    ๗. บรรเทาความอาฆาตด้วยคิดว่า เขาได้ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์
    แก่บุคคลผู้ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่ชอบใจของเราแล้ว เพราะเหตุนั้น การที่จะไม่ให้
    มีการประพฤติเช่นนั้น จะหาได้ในบุคคลนั้นแต่ที่ไหน
    ๘. บรรเทาความอาฆาตเสียด้วยคิดว่า เขาประพฤติอยู่ซึ่งสิ่งที่เป็น
    ประโยชน์แก่บุคคลผู้ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่ชอบใจของเรา เพราะเหตุนั้น การที่จะ
    ไม่ให้มีการประพฤติเช่นนั้น จะหาได้ในบุคคลนั้นแต่ที่ไหน
    ๙. บรรเทาความอาฆาตเสียด้วยคิดว่า เขาจักประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์
    แก่บุคคลผู้ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่ชอบใจของเรา เพราะเหตุนั้น การที่จะไม่ให้มี
    การประพฤติเช่นนั้น จะหาได้ในบุคคลนั้นแต่ที่ไหน


    รอดูการขโมยธรรมเอาไปใช้ป้องกันตัว แต่ว่าผลที่ได้จะมาในทางตรงกันข้าม ข้อนี้พึงรู้ไว้โดยเฉพาะของผู้ต้องวิมุตติถึงจะเข้าใจโดยมาก
     
  20. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    [ame]https://youtu.be/3_FvwECtjdU[/ame]

    [ame]https://youtu.be/TMF5CuV3Q7o[/ame]


    [ame]https://youtu.be/ZX6uTu_6vxs[/ame]
     

แชร์หน้านี้

Loading...